ชาวบ้านทับสะแกถือป้ายค้านทุนใหญ่ ใช้พื้นที่ป่าสนเหมืองแร่ร้าง ทำฟาร์มโคเนื้อส่งออก
วันที่ 12 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ริมถนนพชรเกษม – เหมืองแร่ บริเวณป่าสนเหมืองแร่ ต.นาหูกวาง มีชาวบ้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมตัวกันที่เพื่อถือป้ายประท้วงโครงการฟาร์มโคเนื้อขนาดใหญ่ เพื่อรอการส่งออกผ่านท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ไปยังประเทศจีน ซึ่งใช้พื้นที่ป่าสนเหมืองแร่ทำโครงการ คาดว่าจะมีนายทุนใช้พื้นที่เลี้ยงโคเนื้อจำนวนมาก ทำให้วิตกว่าจะมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม กระทบกับการท่องเที่ยว เนื่องจากป่าสนเหมืองแร่ควรได้รับการพัฒนาเป็นป่าเพื่อการอนุรักษ์ มากกว่าการตัดทำลายต้นสนเก่าแก่เพื่อทำฟาร์มเลี้ยงโค
นอกจากนั้นการเข้ามาของโครงการขนาดใหญ่ จะทำให้คนในชุมชนมีความขัดแย้งเหมือนกับหลายโครงการในอดีต ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า ก่อนที่จะนำโครงการใดเข้ามาในพื้นที่ ขอให้ผู้นำชุมชน ผู้มีอำนาจ ควรคำนึงถึงผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์จากกลุ่มนายทุน
นายอานนท์ โลดทนงค์ รองประธานสภาเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด ตัวแทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด นายก อบต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก ร่วมกันสำรวจพื้นที่ 300 ไร่ ในป่าสนเหมืองแร่ร้างของกรมป่าไม้ที่ตำบลนาหูกวาง เพื่อใช้ประโยชน์สร้างฟาร์มโคเนื้อมาตรฐานก่อนทำการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศผ่านท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน เพื่อแก้ปัญหาโคเนื้อล้นตลาดและราคาตกต่ำในขณะนี้
นายอานนท์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิด การเดินทางไปดูพื้นที่ ต้องการไปดูความเหมาะสม ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องใช้พื้นที่ป่าสนทำโครงการตามที่สภาเกษตรแห่งชาติกับสภาเกษตรจังหวัดมีแนวทางในการช่วยเหลือผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศที่ประสบปัญหา ตั้งแต่มีการระบาดของโควิดทำให้ราคาตกต่ำ ยืนยันว่าการทำโครงการนี้ สภาเกษตรจังหวัดไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ กับนายทุน แต่การทำโครงการจะต้องประเมินผลกระทบหลายด้าน มีการทำประชาคมหมู่บ้าน มีการทำประชาพิจารณ์กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ซึ่งในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 สภาเกษตรฯ ได้เชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมประชุมหารือแนวทางการทำโครงการที่ห้องประชุมสำนักงาน อบต.นาหูกวาง.
ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน