
รวบคนบุกรุกป่าในเขตอุทยานเสด็จในกรมฯ วันเดียว 2 ราย
วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายกิตติศักดิ์ สมศรี นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบฯ ว่าเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. จับกุมผู้ต้องหาบุกรุกพื้นที่ป่า คดีที่ 1 เวลา 11.30 น. ได้ 1 ราย คือนายสำรวย อายุ 48 ปี ชาวบางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ บริเวณป่าคลองคราม ท้องที่บ้านทองอินทร์ หมู่ 4 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย พิกัดที่ 47 P 0521790 E/1217997 N พื้นที่บุกรุก จำนวน 18 – 1 – 64 ไร่ พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ 1. อาวุธปืนลูกซองยาว ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก 2. เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 2 นัด 3. วิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ SPENDER สีแดง 1 เครื่อง 4. วิทยุสื่อสารเครื่องโมบายสีแดง ยี่ห้อ ICOM จำนวน 1 เครื่อง จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
คดีที่ 2 เวลา 13.25 น. จับกุมผู้ต้องหาบุกรุกพื้นที่ป่าอีก 1 ราย ชื่อนายพันธ์ อายุ 66 ปี ชาวสุราษฎร์ธานี บริเวณป่าคลองคราม ท้องที่บ้านทองอินทร์ หมู่ที่ 4 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย พิกัดที่ 47 P 0522020 E 1218271 N พื้นที่บุกรุก จำนวน 4 – 0 – 88 ไร่ รับสารภาพว่าบุกรุกป่า โดยว่าจ้างคนเข้ามาแผ้วถาง เพื่อปลูกต้นทุเรียนและต้นเงาะ พร้อมต่อท่อน้ำมายังแปลงบุกรุกดังกล่าวเพื่อรดต้นทุเรียนและเงาะ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพานน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) นายก อบต.ช้างแรก อ.บางสะพาน เคยออกมาเปิดเผยว่าตนสุดทนกับพฤติกรรมของลูกบ้าน ที่มีพฤติกรรมตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ จนต้องโพสต์เตือนสติลูกบ้านว่า “เรียนพี่น้องชาวช้างแรก ใครมีที่ดินติดแนวเขตรักษาพันธุ์ฯ หรือใกล้แนวเขต ช่วงนี้ให้งดเข้าพื้นที่ก่อนนะครับ เนื่องจากมีการกวดขันและจับกุมทุกวันเลย ตอนนี้หมดคนประกันแล้วครับ” โดยสถิติการจับกุมดำเนินคดีของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) นับตั้งแต่นายกิตติศักดิ์ สมศรี มาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฯ มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว จำนวน 175 คดี ผู้ต้องหา 150 ราย.