“รีเบ็คก้า สแรมโคว่า” คว้าแชมป์แอลไลด์ ไทยแลนด์โอเพ่น 2024 สุวัจน์เตรียมขยับเทนนิสสู่ “ดับเบิลยูทีเอ 500”
วันที่ 22 กันยายน 2567 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาจัดการแข่งขัน เป็นประธานปิดการแข่งขันเทนนิสอาชีพหญิงรายการใหญ่ที่สุดของอาเซียน ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ“แอลไลด์ ไทยแลนด์โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ดบาย แคล – คอมพ์”ชิงเงินรางวัลรวม 267,082 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาท ที่เซ็นเตอร์คอร์ท อารีน่าหัวหิน จ.ประจวบฯ ไฮไลท์ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ“รีเบ็คก้า สแรมโคว่า”นักเทนนิสจากจากสโลวาเกีย มืออันดับ 102 ของโลก พบกับ“เลอร่า ซีเก้มุนด์”นักเทนนิสจากเยอรมนี วัย 36 ปี มืออันดับ 99 ของโลก และผลการแข่งขัน ปรากฏว่า รีเบ็คก้า ที่เล่นได้ดี โดยเฉพาะเกมท้ายคอร์ตและลูกหยอดหน้าเน็ต เป็นฝ่ายเอาชนะได้ 2 – 0 เซต ด้วยสกอร์ 6 – 4 ทั้งสองเซต ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง คว้าแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยว พร้อมรับเงินรางวัล 35,250 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,160,782 บาท และคะแนนสะสมอันดับโลก 250 คะแนน ส่วนรองแชมป์หญิงเดี่ยว ได้รับเงินรางวัล 20,830 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 685,931 บาท พร้อมคะแนน 163 คะแนน
หลังจบการแข่งขัน ได้มีพิธีมอบรางวัล โดย ฯพณฯ สุวัจน์ เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้แก่ รีเบ็คก้า สแรมโคว่า ผู้ชนะเลิศ ด้าน นายพีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แอลไลด์ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้มอบดอกไม้ให้ ขณะที่ นายธนะศักดิ์ จรรยาพูน กรรมการบริษัท Cal-Comp Electronics (Thailand) Public Company Limited มอบถ้วยรางวัลให้แก่ เลอร่า ซีเก้มุนด์ รองชนะเลิศ และนายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้มอบดอกไม้ให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนเทนนิสเข้าชมเกมการแข่งขันคู่ชิงชนะเลิศเป็นจำนวนมาก รวมถึง บาร์โบร่า เครย์ชิโคว่า นักเทนนิสสาวเช็กวัย 28 ปี ปัจจุบันเป็นมืออันดับ 11 ของโลก เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม วิมเบิลดัน 2024 และเฟร้นช์ โอเพ่น 2021 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาฝึกซ้อมที่อารีน่า หัวหิน ก็ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันรอบชิงฯ ครั้งนี้ด้วย โดยในโอกาสนี้ ฯพณฯ สุวัจน์ ได้มอบดอกไม้ และตุ๊กตา “น้องวานะ” จากสวนน้ำวานา นาวา ให้แก่ บาร์โบร่า เครย์ชิโคว่า เป็นการต้อนรับอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้ ทั้งคู่ยังได้ถ่ายภาพร่วมกันที่รูปปั้น “สปอร์ตแมน” สัญลักษณ์ของ อารีน่า หัวหิน ด้วย
ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก พล.ท.สิริพงศ์ พชรกนกกุล รองผู้อำนวยการใหญ่ สายงานบริหาร สถานีโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5), Mr.Pattrick Both Regional General Manager Luxury & Lifestyle IHG Hotels and Resorts, นายนพเดช กรรณสูตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บี กริมม์, นายชินทร์ เหล่าฤกษ์อุทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมไอสนุก หัวหิน
นายณฤพล พงษ์พานิช Senior Marketing Manager บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด โดยเครื่องดื่มอัดลมทางเลือกเพื่อสุขภาพ 100พลัส, ดร.ชลันดา ชอบจิตร ผู้อำนวยการกองบริหารงานและประเมินผลกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายภราดร ศรีชาพันธุ์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฯ และ นายนฐา ชมเสวี Cluster General Manager สวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล /อารีน่า หัวหิน/ อันดามันดา ภูเก็ต
ฯพณฯ สุวัจน์ เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศ และรองชนะเลิศ เป็นเกมการแข่งขันที่สนุกมาก ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขัน สำหรับปีนี้เป็นปีพิเศษที่ได้จัด ไทยแลนด์ โอเพ่น ในระดับ ดับเบิลยูทีเอ 250 ถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ มีความสนใจที่จะขยับไปจัดในระดับที่ใหญ่กว่าคือ ดับเบิลยูทีเอ 500 แต่การจะขยับขึ้นไป ต้องให้ทาง สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง หรือ ดับเบิลยูทีเอ มาตรวจและให้คะแนน ทั้งมาตรฐานการจัด หรือสนามที่ใช้จัดการแข่งขัน
“ถ้าเราได้จัด ดับเบิลยูทีเอ 500 จะทำให้เกมการแข่งขันยิ่งใหญ่กว่านี้มาก เนื่องจากระดับ 250 นักเทนนิสที่มีอันดับโลกสูงกว่า 30 ขึ้นไป ไม่สามารถเข้าแข่งขันได้ แต่ถ้าระดับ 500 ตั้งแต่มือ 1 ของโลก ก็เข้าแข่งขันได้ ดังนั้น จึงคิดว่าจะพยายามจัดให้ได้ อีกเรื่องที่สำคัญคืองบประมาณในการจัด ซึ่งระดับ 250 ใช้ประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 66 ล้านบาท ส่วนระดับ 500 ต้องมีถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 170 ล้านบาท”ประธานที่ปรึกษาจัดการแข่งขันฯ กล่าวต่อว่า หากได้จัดระดับ 500 จะส่งให้ประเทศไทย เป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ที่สามารถจัดการแข่งขันได้ หลังจากนั้นก็จะเลือกว่าจะไปจัดที่จังหวัดไหน เพราะผู้ชมก็จะเยอะตามไปด้วย มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก จะเป็นอีกช่องทางในการประชาสัมพันธ์ประเทศที่ได้ผลมาก ๆ การจัดระดับ 500 จะมีมาตรฐานที่กำหนดอยู่ หลักๆ จะดูเรื่องเมือง มีฐานประชากรเท่าไหร่ โครงสร้างพื้นฐานของเมือง ความพร้อมของเมืองเป็นอย่างไร รวมถึงความพร้อมของสนาม ซึ่งสนามต้องสามารถจุผู้ชมได้อย่างน้อย 5,000-10,000 คน
“ตอนนี้ ดับเบิลยูทีเอ เชื่อมือเราแล้วว่า ในเรื่องการจัดการแข่งขัน คนไทยสามารถทำได้ แต่การลงทุนในเรื่องสนาม และการลงทุนในเรื่องของการจัด ซึ่งจะต้องใช้งบเยอะ เราจะสามารถทำได้หรือไม่” ฯพณฯ สุวัจน์ กล่าวปิดท้าย.