
โลมาตายเกยหาดประจวบฯ ข้างสะพานสราญวิถี
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายนพดล คูหาทอง ชาวบ้านที่มาวิ่งออกกำลังกายบริเวณสะพานสราญวิถี ว่าพบซากโลมาถูกคลื่นซัดมาเกยชายหาดอ่าวประจวบฯ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดประจวบฯ ทราบ และออกตรวจสอบ
เมื่อไปถึงริมทะเลด้านข้างสะพานสราญวิถีฝั่งทิศใต้ พบซากโลมา 1 ตัว เป็นโลมาหัวบาตรหลังเรียบ สภาพผิวหนังที่ลำตัวและหางเริ่มหลุดล่อน มีกลิ่นเน่าเหม็นฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ ขนาดความยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ไม่ทราบเพศและอายุ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าสภาพภายนอกไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บซากโลมาใส่ถุงดำ เคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.ประจวบฯ เพื่อรอเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร นำไปทำการตรวจอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้ง
ด้าน น.ส.กรองแก้ว พูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.ประจวบฯ กล่าวว่า ซากโลมาหัวบาตรหลังเรียบตัวนี้ เป็นสัตว์ทะเลหายากจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 เหมือนกับปลาวาฬและโลมาชนิดอื่นๆ ซึ่งสาเหตุการตายเบื้องต้น คาดว่าอาจเกิดจากมรสุมคลื่นลมทะเลกำลังแรง หรืออาจถูกเครื่องมือทำการประมงก็เป็นได้ ที่ผ่านมาได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงรับทราบมาโดยตลอด ซึ่งชาวประมงเมื่อพบเห็นสัตว์ทะเลหายาก ก็จะไม่ขับเรือเข้าไปใกล้ เพื่อป้องกันสัตว์ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกกับตัวเรือหรือถูกใบพัดเรือ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวหรือชาวประมงที่พบสัตว์ทะเลหายากได้รับบาดเจ็บสามารถช่วยเหลือนำขึ้นมาไว้บนเรือ แล้วโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานในพื้นที่ทันที จะไม่มีความผิด หรือโทรเบอร์สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 เป็นสายด่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยกันดูแลรักษา อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ แต่ถ้าหากมีการนำซากหรือนำสัตว์ทะเลหายากมาไว้บนเรือ แล้วไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ หากตรวจพบก็จะมีความผิดตามกฎหมาย.
เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน