
หลายหน่วยงานระดมดับเพลิงไหม้หญ้านับร้อยไร่ คาดเจ้าของที่แอบจุด
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เกิดเหตุเพลิงไหม้หญ้าแห้งในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน หมู่ 16 บ้านบึง ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ด้านหลังโรงเรียนบ้านบึง เปลวไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้าง มีควันไฟพวยพุ่งจำนวนมาก ทิศทางลมมุ่งเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง หลังเกิดเหตุหลายหน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลเมืองประจวบ เทศบาลตำบล กม.5 อบต.อ่าวน้อย อบต.บ่อนอก อบต.คลองวาฬ อบต.ห้วยทราย อบต.เกาะหลัก ระดมเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยมีนายณรงค์ โตมร ผู้ใหญ่บ้านคอยอำนวยความสะดวกและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบฯ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรจังหวัด และเกษตรอำเภอ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเฝ้าระวังผ่าน app hot spot ตรวจจับความร้อนจากระบบดาวเทียม หากเกิดเพลิงลุกไหม้หรือมีการจุดไฟเผาในพื้นที่ต่างๆของจังหวัดประจวบฯ จะได้เข้าระงับเหตุลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ทันท่วงที
นายณรงค์ โตมร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 บ้านบึง เปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ซึ่งเป็นลูกบ้านในหมู่บ้าน เป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงวัวมีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ที่ผ่านมาเจ้าของที่ดังกล่าวชอบแอบจุดไฟ และได้เข้าไปตักเตือนแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่พบว่าใครเป็นคนจุด จึงเตรียมไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ดังกล่าว
นายโกสินทร์ สุนทรโสภา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หากเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านสำนักงานเกษตรจังหวัดและเกษตรอำเภอท้องที่นั้นๆ ต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาสาเหตุ ตามนโยบายประกาศของกระทรวงเกษตรฯ ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 หากเกษตรกรรายใดจุดไฟเผา หรือจ้างวานเผาพื้นที่การเกษตรของตนเอง ระหว่างวันที่ 17 มกราคม ถึง 31 พฤษภาคม 2568 จะมีความผิดและถูกดำเนินการตามมาตรการ โดยการถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนส่งเสริมเกษตรกรของกระทรวงเกษตร และทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตร เป็นเวลา 2 ปี และถูกปรับตาม พ.ร.บ.ของสถานที่นั้นๆ เช่น พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่อื่นๆ โดยจะมีโทษปรับเริ่มต้นตั้งแต่ 15,000 บาท เป็นต้นไป สำหรับในส่วนของการแก้ปัญหาในการกำจัดวัชพืชให้ใช้วิธีการฝังกลบแทน หรือนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก.
เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน