
พบช้างป่ากุยบุรีถูกยิงเป็นแผลติดเชื้อรุนแรง ซมซานตายอนาถในแอ่งน้ำ
วันที่ 22 เมษายน 2568 นายนพพร ประทุมเหง่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่าเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. มีชาวบ้านมาแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่าขณะออกไปหาอึ่งตามลำห้วย เห็นช้างป่าตกหล่มอยู่ในแอ่งน้ำ ไม่สามารถขึ้นมาได้ บริเวณไทรเอน ท้องที่หมู่ 7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ พิกัดที่ 47 P 0572146 E 1343033 N สอบถามเบื้องต้นทราบว่าช้างป่ายังมีชีวิตอยู่ ในลักษณะนอนตะแคง ระดับน้ำครึ่งตัวช้าง ช้างพยายามตะเกียกตะกาย ชูงวง แต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จึงเร่งดำเนินการค้นหาด้วยอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) แต่ไม่พบ เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย มีฝนตกหนัก จึงได้ยกเลิกภารกิจและทำการค้นหาในวันถัดไป
วันต่อมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีใช้โดรนบินสำรวจ จนพบช้างป่าตัวดังกล่าวบริเวณไทรเอน ท้องที่หมู่ 7 บ้านรวมไทย นอนตะแคงในแอ่งน้ำ หู ขาและงวง ยังมีการขยับ จึงประสานสัตวแพทย์ประจำสำนัก สบอ.3 เพชรบุรี เข้าประเมินอาการเพื่อทำการรักษา แต่ไม่ทันได้ดำเนินการ ช้างป่าตัวดังกล่าวได้เสียชีวิตลง จึงได้นำตัวช้างป่าขึ้นมาจากแอ่งน้ำเพื่อรอให้สัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ประสานพนักงานสอบสวน สภ.ยางชุม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันถัดไป เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำ และพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากสัตว์ป่า
วันต่อมา นายสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ ประจำ สบอ.3 สาขาเพชรบุรี พร้อมทีมสัตวแพทย์และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย นายชัยชาญ มูลมาก ปลัดอำเภอกุยบุรี สภ.ยางชุม มทบ.15 เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี เข้าร่วมชันสูตรซากช้าง พบว่าเป็นช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 50 – 60 ปี ค่อนข้างผอม น้ำหนักประมาณ 3,000 – 3,500 กิโลกรัม ดวงตาข้างขวาขาวขุ่น อวัยวะทุกส่วนครบถ้วนสมบูรณ์ ลักษณะนอนตายตะแคงด้านซ้าย พบร่องรอยบาดแผลเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ซม. บริเวณขาหลังด้านขวา เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องสแกนโลหะสแกนทั่วทั้งตัว พบโลหะในซากช้าง จึงได้ทำการผ่าเปิดแผลลึกลงไปในชั้นกล้ามเนื้อประมาณ 10 ซม. พบหัวกระสุนลักษณะเกลียวยาว 1 ชิ้น เป็นสนิมพุกร่อน คาดว่าอยู่ภายในตัวช้างป่านานกว่า 1 ปี และเม็ดโลหะทรงกลม 1 ชิ้น ตรวจพบก้อนหนองขนาดใหญ่ใกล้กระดูกข้อต่อหัวเข่า เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 ซม. ภายในเต็มไปด้วยหนองเหลว ลักษณะเนื้อเยื้อและผิวหนังมีสีซีดเหลือง ปลายงวงซีดเหลือง ลิ้นและเนื้อเยื้อภายในช่องปากซีดเหลือง จึงเชื่อได้ว่าช้างตัวนี้มีภาวะติดเชื้อรุนแรงจากบาดแผลและก้อนหนองภายในกล้ามเนื้อ ร่วมกับมีอายุค่อนข้างมาก ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง จึงทำให้เกิดภาวะติดเชื้อและตายลงในที่สุด
ภายหลังดำเนินการผ่าพิสูจน์ซากช้างป่าและทราบสาเหตุของการเสียชีวิตแล้วได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นนิมนต์พระมาสวดบังสุกุล อุทิศส่วนกุศลให้ช้าง และเห็นชอบทำลายซากช้างป่าโดยใช้รถแบคโฮขุดฝังกลบและฆ่าเชื้อตามขั้นตอนเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักที่ สภ.ยางชุม เพื่อดำเนินการทางคดีต่อไป.