โจรฟันน้ำนมตัดกล้องวงจรปิด ขโมยเงินในร้านทุกอย่าง 20

วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านจำหน่ายสินค้าทุกชิ้นราคา 20 บาท หน้าห้างโลตัส สาขาเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังจากเจ้าของร้านนำภาพจากกล้องวงจรปิดโพสต์ลงเฟซบุ๊ก กลุ่มประจวบคีรีขันธ์เมือง 3 อ่าว เพื่อเตือนภัย กรณีมีแก๊งเด็ก อายุ 7 ขวบ และ 11 ขวบ รวม 3 คน เข้าก่อเหตุตัดไฟกล้องวงจรปิดและขโมยยกลิ้นชักเก็บเงิน รวมถึงสินค้าภายในร้านไปจำนวนหนึ่ง มูลค่าความเสียหายกว่า 8,000 บาท เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.17 น. ของวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุ ได้ให้พนักงานของร้านเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ถูกปฏิเสธการรับแจ้ง เนื่องจากลูกจ้างไม่ใช่เจ้าของร้านที่เป็นผู้เสียหายโดยตรง และถูกทางตำรวจถามกลับว่า“จะเอาอะไรจากเด็ก ถ้าจะแจ้งความ ต้องไปหาหลักฐานและตัวเด็กมาว่าบ้านอยู่ที่ไหน ตำรวจถึงจะเรียกตัวมาไกล่เกลี่ยให้ได้”

จากการสอบถาม น.ส.ณัฐกานต์ แก้วนุ่ม อายุ 27 ปี เจ้าของร้านทุกอย่าง 20 บาท หน้าห้างโลตัสเมืองประจวบฯ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนอยู่ต่างจังหวัด แต่มีลูกจ้างเฝ้าร้านและขายของแทน ช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ซึ่งปิดร้านแล้ว มีเด็กชาย 3 คน อายุไม่น่าจะเกิน 12 ขวบ มุดผ้าใบที่ปิดบังด้านหน้าร้านไว้ แล้วเข้ามาขโมยของสินค้าต่างๆ เช่น ไขควง กรรไกร ของเล่นเด็ก และสินค้าอื่นๆ พร้อมกับงัดลิ้นชักเก็บเงิน เมื่องัดไม่ได้จึงตัดสายไฟและยกทั้งลิ้นชักเก็บเงินไปด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 10 – 20 นาที ซึ่งภาพกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด และเมื่อเด็กเห็นกล้องวงจรปิด จึงได้ชักปลั๊กปิดสวิตช์ของกล้องทั้งหมดทุกตัว ตนจึงไม่สามารถดูกล้องวงจรปิดได้ จึงรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติตนจะคอยตรวจสอบความปลอดภัยของร้านแต่ละสาขาอยู่ตลอดเวลา

หลังจากเกิดเหตุ ได้ให้พนักงานของร้านไปแจ้งความกับตำรวจโรงพักในพื้นที่ แต่กลับถูกปฏิเสธไม่สามารถแจ้งความได้ โดยทางตำรวจให้เหตุผลว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง เป็นลูกจ้างจะต้องมีใบมอบอำนาจจากเจ้าของร้าน จึงสามารถแจ้งความได้ พนักงานจึงได้ต่อสายตรงให้ตำรวจคุยกับตน ตำรวจได้ถามตนว่าคุณต้องการอะไรจากเด็ก ถ้าจะแจ้งความต้องไปหาตัวเด็กมาเองว่าเด็กชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ตำรวจถึงจะดำเนินการนำตัวมาไกล่เกลี่ยให้ได้ แต่กับเด็กไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากเด็กมี พ.ร.บ.คุ้มครอง ตนจึงถามตำรวจไปว่าถ้าเอาผิดกับเด็กไม่ได้ ก็เอาผิดกับผู้ปกครองได้หรือไม่ ซึ่งทางตำรวจก็ตอบว่าถ้าจะเอาผิดกับผู้ปกครอง จะต้องรอให้เรื่องถึงศาลก่อน จึงสามารถทำได้ ตนข้องใจว่าถ้าตนไปแจ้งความกับตำรวจแล้วต้องให้ไปหาตัวเด็ก ไปหาหลักฐานเองทุกอย่าง ไม่รู้ว่าจะมีตำรวจไว้ทำไม หลังจากตนนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กประจวบ 3 อ่าว ก็มีคนส่งคลิปวีดีโอและหลักฐานต่างๆ รวมถึงที่อยู่ของเด็ก พฤติกรรมต่างๆ ในการก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ มาให้ตนจำนวนมาก โดยเด็กทั้งสามคนนี้มีพฤติกรรมการก่อเหตุมาอย่างช่ำชอง เหมือนไม่เกรงกลัวอะไรและคงคิดว่าไม่มีใครทำอะไรได้ จึงย่ามใจและก่อเหตุมาเรื่อยๆ หลายสถานที่ ซึ่งหลังจากก่อเหตุจากร้านตนแล้ว ก็ไปขโมยทุเรียนของแม่ค้าบริเวณตลาดนัดริมทางรถไฟ จนมีชาวบ้านที่เฝ้าอยู่บริเวณนั้นพบเห็น ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปตรวจสอบ ก่อนพาเด็กไปส่งบ้าน เนื่องจากผู้ที่แจ้งตำรวจไม่ใช่เจ้าของและเจ้าทุกข์โดยตรง จึงไม่สามารถแจ้งความเอาผิดเด็กได้ นอกจากนี้ยังมีคนบอกว่าเด็กสามคนนี้ ยังไปก่อเหตุในพื้นที่บ้านคลองวาฬ และไปขโมยเงินบริจาคที่วัดอ่าวน้อยอีกด้วย ตนอยากได้ค่าเสียหายคืน แต่ถ้าหากไม่ได้เงินคืน อย่างน้อยเด็กก็ต้องได้รับบทลงโทษเพื่อให้หลาบจำ มิฉะนั้นอาจจะไปก่อเหตุเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ.

บุญมา ลิบลับ…..รายงาน