“ถ้ำพระยานคร” น้ำพระราชหฤทัยพิสูจน์พระราชปณิธานสีเขียวของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ท่ามกลางเทือกเขาสามร้อยยอดอันเขียวชอุ่ม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของพระราชปณิธานสีเขียว นั่นคือ “ถ้ำพระยานคร” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสมบัติทางธรรมชาติที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ ที่ประทับพระราชลัญจกรแห่งความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีต่อพสกนิกรและผืนแผ่นดินไทย ภายในถ้ำพระยานคร มีพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระที่นั่งไม้สักทองที่ออกแบบอย่างประณีต สะท้อนถึงพระปรีชาสามารถในการผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยเข้ากับธรรมชาติอันงดงามของถ้ำ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระที่นั่งแห่งนี้เป็นโบราณสถานสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2495 และด้วยความสำคัญอันยิ่งใหญ่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จึงใช้รูปพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นตราประจำจังหวัด

สองครั้งแห่งพระราชดำเนิน บทพิสูจน์พระราชหฤทัย – ครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2501 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินประพาสถ้ำพระยานครเป็นการส่วนพระองค์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) และสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในโอกาสนั้น ทรงพระราชทานเครื่องนุ่งห่มแก่ชาวบ้านที่มารับเสด็จ แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของพสกนิกร

ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 เส้นทางแห่งพระราชปณิธานที่เดินด้วยพระบาท การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้มีความหมายพิเศษอย่างยิ่ง เพราะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเลือกที่จะเดินเท้าขึ้นเขาไปยังถ้ำพระยานครด้วยพระองค์เอง เพื่อต้องการสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด การเสด็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเยือนสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าการอนุรักษ์ธรรมชาติ ต้องเริ่มจากการเข้าใจและใส่ใจอย่างจริงจัง การเดินเท้าขึ้นเขา 2 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนั้น เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเราว่า ธรรมชาติไม่ได้อยู่ห่างไกล แต่ต้องใช้ความตั้งใจและความพยายามในการเข้าถึง ความงามที่แท้จริงไม่ได้มาง่าย ต้องผ่านความเหนื่อยยาก แต่สิ่งที่ได้รับคือความประทับใจที่คงอยู่ตลอดไป การทำงานเพื่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่การนั่งสั่งการจากที่สูง แต่คือการลงมือทำด้วยตนเอง แม้จะยากลำบาก ถ้ำพระยานครและเขาสามร้อยยอดเป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสัญลักษณ์ของพระราชปณิธานสีเขียวที่พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงสืบสานมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 นั่นคือการอนุรักษ์ธรรมชาติ การดูแลผืนป่า และการใส่พระทัยในชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร

บริเวณเขาสามร้อยยอดที่ถ้ำพระยานครตั้งอยู่ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศป่าไม้ที่สมบูรณ์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด การอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้จึงสอดคล้องกับพระราชปณิธานในการรักษาสมดุลของธรรมชาติเพื่อลูกหลานของไทยในอนาคต วันนี้ หากทุกท่านมีโอกาสเยือนถ้ำพระยานคร และได้เดินตามรอยพระบาทบนเส้นทาง 2 กิโลเมตรที่ทรงเคยเสด็จ ท่านจะไม่ได้แค่ชื่นชมความงามของธรรมชาติระหว่างทาง หินงอก หินย้อย หรือความศักดิ์สิทธิ์ของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เท่านั้น แต่ควรน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชปณิธานสีเขียว ที่ทรงปลูกฝังไว้ในดินแดนแห่งนี้ เส้นทางที่ชันและเหนื่อยยากนั้น กลายเป็นบทเรียนว่า “ทุกสิ่งที่มีค่าต้องแลกมาด้วยความตั้งใจและความพยายาม”

“ถ้ำพระยานคร” ไม่ใช่แค่ถ้ำ แต่เป็นห้องเรียนแห่งธรรมชาติที่สอนเราถึงความหมายของพระราชปณิธานสีเขียว การดูแลธรรมชาติด้วยหัวใจ เดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น และยึดมั่นด้วยความรักที่มีต่อแผ่นดิน สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า คือการมีอยู่ของระบบนิเวศเฉพาะถิ่นภายในถ้ำ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของเขาสามร้อยยอด นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นบางชนิด ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นในโลกนี้ เช่น จิ้งจกนิ้วยาวสามร้อยยอด (Sam Roi Yot Bent-toed Gecko) สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กที่ปรับตัวให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมถ้ำได้อย่างสมบูรณ์ และ ตุ๊กกายสามร้อยยอด (Sam Roi Yot Skink) สัตว์เลื้อยคลานอีกชนิดหนึ่งที่สะท้อนกระบวนการวิวัฒนาการที่โดดเดี่ยวทางภูมิศาสตร์ การค้นพบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่เน้นย้ำว่าพื้นที่แห่งนี้มีคุณค่าอนุรักษ์ระดับสากล หากพื้นที่ถูกทำลาย สัตว์เหล่านี้ก็จะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล ซึ่งสอดคล้องกับพระราชปณิธานของพระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ทรงเป็น “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ”

จึงขอเชิญชวนท่านร่วมเดินตามรอยพระบาท ขึ้นไปยังถ้ำพระยานคร ด้วยความเคารพและตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสีเขียวของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และรักษามรดกอันล้ำค่านี้ไว้เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต.