จนมุมแล้ว !“จ่าแจ๊ค”แก๊งตำรวจอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจจีน หนีกบดานที่ปราณบุรี

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 15 เมษายน 2568 พ.ต.ท.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกับ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ พร้อมกำลังตำรวจชุดเสื้อเกราะโล่กันกระสุนเต็มอัตรา นำหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.57/ 2567 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ให้จับกุมตัว จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ หรือ“จ่าแจ๊ค”อายุ 34 ปี สังกัดงานจราจร สน.พญาไท ในข้อหา“ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”หลังสืบทราบว่า จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ หนีคดีมากบดานซ่อนตัวอยู่ภายในโครงการหมู่บ้านรักหัวหิน – ปราณ ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี เมื่อไปถึงพบประตูด้านหน้าล๊อก ตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ จึงล้อมบ้านไว้ก่อนให้ช่างกุญแจไขเข้าไป พบ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ หลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้องโถง จึงเข้าจับกุมตัวโดยไม่คิดต่อสู้ และยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง สน.ดินแดง ดำเนินคดี

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ดินแดง ว่าถูกชายหลายราย อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกอุ้มทั้งหมดไปจากโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยประชาสงเคราะห์ 2 พร้อมข่มขู่บังคับให้โอนเงินดิจิทัล มูลค่า 4 ล้านบาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี แต่ผู้เสียหายเห็นว่าแพงมาก ไม่มีเงินจ่าย อีกฝ่ายจึงเสนอจำนวนเงินเหลือ 3 ล้านบาท และเรื่องจะได้จบ ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกจับกุม จึงติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โอนเงินมาเข้าบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัล ตามที่กลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวต้องการ เป็นเงินจำนวน 65,000 USDT (United States Dollar Tether) หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,500,000 บาท เมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ปล่อยตัวทั้งหมดกลับมา จึงเข้าแจ้งความ

ต่อมาวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.(ในขณะนั้น) สั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พร้อมด้วยชุดสืบสวนประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดภาพในโรงแรมที่พักและบริเวณโดยรอบ ซึ่งเป็นภาพแก๊งคนร้ายระหว่างทำทีมาเปิดห้องพัก ก่อนขึ้นไปเคาะห้องพักชั้น 14 ที่ผู้เสียหายพักอยู่ โดยกลุ่มผู้ต้องหา 3 คน แอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงบัตรตำรวจให้ผู้เสียหายดู โดยบอกว่าผู้เสียหายทั้ง 5 คน ทำความผิดเกี่ยวกับเครื่องรูดการ์ด ฝ่ายผู้เสียหายตกใจ และถูกชาย 3 คนบังคับผู้เสียหายชาวจีน 5 คน พร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ในห้องอีก 1 คน ลงมาด้านล่าง จากกล้องวงจรปิดพบว่า มีรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด 4 คัน ในการนำตัวผู้เสียหายทั้งหมดออกจากโรงแรมขับไปตามถนนวิภาวดีรังสิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อมูล กระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย คือ นายอรรถวุฒิ สุมนรัตนกูล หรือบอส หรือดาบวุฒิ อดีตตำรวจฝ่ายงานสืบสวน สน.คันนายาว, นายธีรชัย เฉลิมวันเพ็ญ และนายนภสินธุ์ นุ่มมาก ในข้อหา“ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ต่อมาชุดสืบสวนนครบาล 1 สามารถจับกุมตัวดาบวุฒิได้ภายในบ้านพักย่านคู้บอน 33 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร จากการสอบสวนให้การว่าร่วมก่อเหตุจริง แต่มีคนสั่งตนเองมาให้ก่อเหตุอีกทอดหนึ่ง

ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ตัวผู้เสียหายได้เข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวนและชี้จุดตั้งแต่โรงแรม จนถึงสนามยิงปืน บช.ศ. ขณะที่เพื่อนชาวจีนอีก 4 คน เดินทางกลับไปก่อนแล้ว ชุดสืบสวนได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างครบถ้วน จึงทำการออกหมายจับ 3 ราย ที่พิสูจน์ตัวตนได้ ก่อนจับกุมดาบวุฒิ อดีตตำรวจ สน.คันนายาว ที่ลาออกไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 มีประวัติถูกจับกุมข้อหาพยายามลักทรัพย์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล อดีต ด.ต.รายนี้เป็นหัวหน้าแก๊งทั้งหมด โดยในกลุ่มผู้ต้องหามีทั้งหมด 11 คน เป็นข้าราชการตำรวจที่ยังอยู่ในราชการสังกัด บช.น. 2 ราย คือ ส.ต.อ.ภูวเดช เด็กหลี ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า 191 ที่จับกุมได้แล้ว และ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท หรือจ่าแจ๊ค ที่ยังหลบหนี

วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 ชุดสืบสวนจับกุม น.ส.จารุเนรต ตั้งแช่ อายุ 34 ปี หญิงชาวลาว ที่เป็นนางนกต่อ โดยทำทีเป็นถูกจับตัวเพื่อให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วขึ้นรถคันที่ ส.ต.อ.ภูวเดช เป็นผู้ขับ เมื่อได้เงินจากผู้เสียหายแล้ว‘จ่าแจ๊ค’สั่งให้แยกออกไปรอที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยวิภาวดี 60 ร่วมกับนายนภสินธุ์ และ ส.ต.อ.ภูวเดช หลังร่วมกันก่อเหตุสำเร็จ น.ส.จารุเนตรได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 350,000 บาท จากนั้นได้โอนต่อให้นายนภสินธุ์ไป 40,000 บาท จากการสอบปากคำให้การรับสารภาพว่าเป็นลูกน้องของ‘จ่าแจ็ค’ซึ่งหลังจากได้รับการติดต่อจากกลุ่มผู้เสียหายชาวจีน จะเตรียมเครื่องรูดบัตร เพื่อไปพบกลุ่มผู้เสียหาย ก่อนได้แจ้งให้‘จ่าแจ็ค’ทราบและวางแผนในการก่อเหตุ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีแก๊งตำรวจอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีน ว่าเบื้องต้นจากที่ได้รับรายงานชุดสืบสวนนครบาล พบมีผู้เกี่ยวข้องทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 10 คน โดยได้ออกหมายจับแล้ว 7 คน จับกุมแล้ว 5 คน ซึ่งแก๊งนี้มีตำรวจเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น และ 1 ในนั้นยังอยู่ระหว่างหลบหนี คือ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ หรือ“จ่าแจ๊ค”สังกัดงานจราจร สน.พญาไท โดยยังไม่มีการประสานเข้ามอบตัวแต่อย่างใด และได้สั่งการให้ตามล่าจนสามารถจับตัวได้ในที่สุด.

ข่าวแนะนำ