ศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า จากสายใยพระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่ราษฎร

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงติดตามเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรในทุกแห่งหนทั่วประเทศ และดำเนินพระราชกรณียกิจโครงการต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์และบำรุงสุขแก่พสกนิกรของพระองค์ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า เป็นอีกหนึ่งโครงการในพระราชดำริของโครงการศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

จากเอกสาร “สืบสายใยพระเมตตา” ในการแสดงแบบเสื้อจากผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยหน้าพระที่นั่ง ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2537 ได้กล่าวถึงพระราชดำริครั้งแรกในการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมสืบเนื่องมาเป็นศิลปาชีพ ดังนี้

ประวัติความเป็นมาของศิลปาชีพ เริ่มต้นจากความสนพระราชหฤทัยอย่างจริงจังของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในอันที่จะส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมของราษฎร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนหมู่บ้านต่างๆ ขณะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักในต่างจังหวัด พระราชดำริครั้งแรกในการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรม มีขึ้นเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2508 ระหว่างประทับที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงชักชวนให้หญิงชาวบ้านหัดทอผ้าฝ้ายขาย โดยโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาครูทอผ้าจากจังหวัดราชบุรี มาช่วยสอนให้ ปรากฏว่ากิจการทอผ้าขาวม้าและผ้าซิ่นพื้นเมืองดำเนินไปด้วยดีพอสมควร ถือได้ว่าเป็นพระราชกรณียกิจแรกทางด้านการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมแก่ราษฎร ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงริเริ่มขึ้น และมีพระราชดำริให้ส่งเสริมอาชีพทอผ้าฝ้ายด้วยกี่กระตุก เนื่องจากในช่วงมรสุม ชาวประมงในหมู่บ้านจะว่างงานประกอบอาชีพไม่ได้ ในระยะแรกใช้บริเวณใต้ถุนศาลาวัดเขาเต่า ในการฝึกทอผ้า ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2509 มีราษฎรน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินประมาณ 3 ไร่เศษ จึงได้มีการสร้างศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าบ้านเขาเต่าที่ใช้ประโยชน์อยู่ในปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าบ้านเขาเต่า 4 ครั้ง โดยครั้งแรกได้พระราชทานรางวัลเหรียญทองคำให้แก่นักเรียนทอผ้าที่มีความขยัน จำนวน 13 ราย

นางณัฐากาญจน์ เอี่ยมสำอางค์ อายุ 76 ปี ประธานกลุ่มศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้เข้ามาในโรงทอผ้าเขาเต่า รู้สึกประหม่านิดหน่อย ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จมาและท่านได้ถามเราว่า “เป็นไงบ้างคะ สบายดีไหม ?” ชาวบ้านทั้ง 13 คน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลยสักคำ ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว เพราะพวกเราประหม่าและไม่กล้าพูด ไม่รู้จะใช้คำศัพท์แบบไหน พระองค์ท่านได้มาสอนพวกเราทุกอย่าง เกี่ยวกับการทอผ้า ชนิดของผ้า จะมีการยกดอก ยกดอกก็มีหลายลาย มีผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ มีตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเราได้มีโอกาสถวายพระองค์ท่าน 2 ครั้ง ที่เมืองทองธานี

ความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ท่านหาที่สุดมิได้ รักพระองค์มาก รักโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับ รักแบบชื่นชมและบูชา ทั้งสองพระองค์ ท่านเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ เป็นทั้งผู้ให้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านให้มา ทำให้ทุกคนชาวเขาเต่าได้มีอาชีพมีรายได้มาจนถึงทุกวันนี้ รู้สึกปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น จึงสั่งลูกสั่งหลานให้ทำอาชีพนี้ต่อไป ถึงแม่จะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ขอให้ทำต่อไป

นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน กล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าเขาเต่า ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 – พ.ศ. 2536 รวม 29 ปี และได้หยุดการดำเนินงานทอผ้าในปี พ.ศ. 2536 – 2545 รวม 9 ปี ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น ค่าจ้าง แรงงาน สมาชิกที่ทอผ้า และขาดการสนับสนุนต่างๆ จากหน่วยงานราชการ ทั้งภาครัฐและเอกชนด้านตลาดและอื่นๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัด (นายประสงค์ พิทูรกิจจา) นายอำเภอหัวหิน (นายนิพันธ์ ชลวิทย์) และเทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับคณะกลุ่มแม่บ้านเขาเต่าที่มีความประสงค์จะอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้าให้คงอยู่ จึงได้ร่วมกันพัฒนาปรับปรุง ซ่อมแซม ตัวอาคารสถานที่ที่ชำรุดหักพัง และเปลี่ยนหลังคาเดิมเป็นสังกะสี มาเป็นหลังคามุงกระเบื้องและทำห้องน้ำ โดยได้รับความร่วมมือจากราษฎรในพื้นที่ คณะนักศึกษาที่มาพักแรม คณะทหารจากหาดทรายใหญ่ซึ่งขณะนี้ได้รับงบประมาณจากเทศบาลเมืองหัวหินในการบูรณะต่อเติมอาคารสถานที่ในการทอผ้า อาคารแสดงสินค้า และอื่นๆ ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มทอผ้า จำนวน 25 คน ได้รับความอนุเคราะห์จากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 8 นำอาจารย์มาสอนการทอผ้ายก ดอกแบบต่างๆ อีกมากมายและทางกลุ่มได้ขึ้นทะเบียนหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ผ่านการคัดสรรในระดับจังหวัด 4 ดาว ในปี 2546 จึงได้พัฒนาฟื้นฟูการทอผ้ามาจนถึงปัจจุบันนี้.