
วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ภายใต้โครงการส่งเสริมการยกระดับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมย่อย ป่าครอบครัว สืบสานปณิธานพ่อ สานต่อเศรษฐกิจพอเพียง ที่ศูนย์เรียนรู้ป่าครอบครัวด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กับป่าชายเลน หมู่ 2 ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดโดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ มีนายไพศาล ช่อผกา นายอำเภอกุยบุรี นายสมชาย นาคซื่อตรง ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีจุดประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ศูนย์เรียนรู้ป่าครอบครัว ในการใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมได้ร่วมกันปลูกต้นจิกทะเล บริเวณริมชายหาดแหลมหัวโขด หรือแหลมตุ๊กกา เพิ่มพื้นที่สีเขียว พร้อมการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าชุมชน และบริการจากเครือข่ายป่าชุมชน เครือข่ายป่าครอบครัว เครือข่าย ทสม.
นายองครักษ์ ทองนิรมล กล่าวว่าจังหวัดประจวบฯ มีพื้นที่กว่า 4 ล้านไร่ ในอดีตมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ คิดเป็นพื้นที่ป่าร้อยละ 42.62 ของพื้นที่จังหวัด แต่ในปี 2564 พบว่าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ลดลงเหลือร้อยละ 38.76 ของพื้นที่จังหวัด ดังนั้นจังหวัดจึงต้องขับเคลื่อนนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ถึงร้อยละ 40 ด้วยแนวทางเพิ่มพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ ร้อยละ 1.24 ของพื้นที่จังหวัด หรือคิดเป็นเนื้อที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ จำนวน 48,101.73 ไร่ โดยคำนวณอัตราการปลูกต้นไม้ 100 ต้นต่อไร่ จะต้องมีการปลูกต้นไม้เพิ่ม จำนวน 4,810,173 ต้น ทั้งนี้ จากการเก็บสถิติการปลูกต้นไม้ โครงการรวมใจไทยปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน (forest.go.th) ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2566 พบว่าจังหวัดประจวบฯ เป็นจังหวัดที่มีการปลูกต้นไม้มากที่สุดลำดับที่ 41 ของประเทศ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนปลูกจำนวน 3,456 คน จำนวน 979,893 ต้น ซึ่งประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนบันทึกการปลูกต้นไม้ ในโครงการรวมใจไทย ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ผ่านทางเว็บไซต์ plant.forest.go.th เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลูกต้นไม้ จำนวน 4,810,173 ต้น ตามนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่จังหวัด โดยสามารถขอรับกล้าไม้ได้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์.