ทำสวนเกษตรพอเพียงเลี้ยงชีพ ถูกหัวขโมยลักผลผลิต และเครื่องมือทำมาหากินจนเกลี้ยงหลายครั้ง
วันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สวนแปลงเกษตรพอเพียง ไร่แม่จิ๋ว หมู่ 1 บ้านหนองกก ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพบกับนางจิ๋ว โล่เหล็ก อายุ 65 ปี เจ้าของสวน เพื่อสอบถามความเดือดร้อนและความเสียหายของพืชผลทางการเกษตร และวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำการเกษตร หลังถูกหัวขโมยเข้ามาลักขโมยผลผลิตภายในสวน และวัสดุอุปกรณ์การเกษตรสำหรับประกอบอาชีพทำสวนสูญหายไปจำนวนมาก และถูกขโมยหลายครั้งแล้วจนท้อใจ และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นางจิ๋ว โล่เหล็ก เจ้าของสวน และ น.ส.มะลิ ปานนก อายุ 53 ปี น้องสาว ซึ่งเป็นผู้ดูแลสวน พร้อมด้วยนายภคินท์ บำรุงวัตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เกาะหลัก พร้อมกับญาติและลูกหลาน ได้พาผู้สื่อข่าวเดินสำรวจความเสียหายภายในสวนที่เกิดขึ้นตามจุดที่ถูกขโมยทรัพย์สิน พบมีสายยางขนาดนิ้วครึ่ง หายไปกว่า 10 เมตร สายไฟ 220 โวลท์ สำหรับมอเตอร์ปั๊มน้ำหายไป เบรกเกอร์สวิตช์ไฟ และผลมะพร้าวที่ถูกปอกเปลือกกองทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้ากว่า 30 ลูก บริเวณโคนต้น รวมไปถึง กล้วย มะม่วง และพืชผลการเกษตรอื่นๆ ถูกลักขโมยอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังหาตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้ ขนาดมีการเขียนป้ายเตือนติดไว้ ก็ยังถูกขโมย จนต้องให้ลูกๆ มาช่วยถอดปั๊มน้ำออกจากสวน เอาไปเก็บที่บ้าน ป้องกันการถูกขโมยซ้ำ
นางจิ๋ว โล่เหล็ก กล่าวด้วยความอัดอั้นใจ ว่าตนพักอาศัยอยู่คนเดียว ลูกๆ หลานๆ ไปทำงานอยู่ต่างพื้นที่ ตนจึงปลูกพืช ทำสวนเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ข่า ตะไคร้ มะม่วง มะพร้าว กล้วย และอื่นๆ เพื่อนำไปขายเองตามตลาดนัดในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงชีพ จะได้ไม่ต้องไปพึ่งพาหรือรบกวนลูกหลาน แต่ที่ผ่านมาถูกหัวขโมยเข้ามาลักขโมยผลผลิตและทรัพย์สินอื่นๆ สูญหายจำนวนหลายครั้ง เช่น แคร่ไม้ กล้วย มะพร้าวและอื่นๆ โดยจะมักแอบเข้ามาขโมยทรัพย์สินหลังจากที่ตนออกจากสวน กลับเข้าบ้านแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเป็นคนในละแวกหมู่บ้าน เพราะจะรู้ดีว่าตนเข้าออกสวน และกลับบ้านเวลาใด แต่ไม่เคยไปแจ้งความ ครั้งนี้ได้แจ้งความเป็นครั้งแรก หวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับหัวขโมยได้
ด้านนายภคินท์ บำรุงวัตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เกาะหลัก เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจากลูกบ้าน ว่าถูกขโมยทรัพย์สินภายในสวน ตนจึงเดินทางมาตรวจสอบดูความเสียหาย พร้อมกับโทรแจ้ง 191 ให้ส่งตำรวจมาตรวจดู หลังจากนั้นจึงประสานขอความอนุเคราะห์จากผู้ประกอบการล้งรับซื้อมะพร้าว ขอให้งดรับซื้อมะพร้าวปอกเปลือกจากผู้ขายขาจร ขอให้รับซื้อมะพร้าวจากเจ้าของสวนตัวจริงเท่านั้น เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมา มีแม่ค้าพ่อค้าที่นำมะพร้าวและผลผลิตการเกษตรเอาไปขายให้กับล้ง หรือที่ร้านรับซื้อ โดยที่บุคคลคนนั้นไม่ได้ทำสวน หรือมีไร่แปลงเกษตรเป็นของตนเองแต่อย่างใด แต่กลับมีผลผลิตเอาไปขาย ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกขโมยเอาไปขาย และได้รับความร่วมมือจากล้งที่รับซื้อเป็นอย่างดี โดยรับปากว่าจะงดรับซื้อผลผลิตจากผู้ขายขาจร จะรับซื้อจากเจ้าของสวนตัวจริงเท่านั้น ซึ่งน่าจะช่วยแก้ปัญหาการถูกขโมยผลผลิตทางการเกษตรไปขายได้ในระดับหนึ่ง.
ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ