ไอ้เขื่อนปืนโหดดักยิงผัวใหม่พร้อมเพื่อนดับ 2 ศพ คารถจักรยานยนต์ ทนหิวในป่าไม่ไหวมอบตัวแล้ว
วันที่ 7 มกราคม 2568 จากกรณีนายไพศาล คณา หรือเขื่อน อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ดักยิงนายปิติกร จันทรวิจิตร อายุ 40 ปี สามีปัจจุบันของนางธัลศิตา สายเส็ง อายุ 30 ปี และนายธงชัย สุขสมัย อายุ 38 ปี เพื่อนของนายปิติกรเสียชีวิต ขณะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน รวม 2 ศพ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ของวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา บริเวณถนนสายชนบท หมู่บ้านย่านซื่อ – โปร่งแดง หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้าปิดล้อมตรวจค้นหาตัวผู้ก่อเหตุ ตามบ้านญาติ ป่าสวนยางพารา และป่าแนวเทือกเขาตะนาวศรี เขตติดต่อชายแดนไทย – เมียนมา ซึ่งคาดว่าเป็นสถานที่สำหรับหลบซ่อนตัว โดยใช้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ทหาร ตชด.เข้าปิดล้อมตรวจค้นควานหาตัว พร้อมใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก. สภ.อ่าวน้อยได้ขอความร่วมมือฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ขณะประชุมประจำเดือน ให้ช่วยสำรวจตรวจตา พร้อมตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนสามารถนำไปสู่การจับกุมตัวได้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 5 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นายเขื่อน หรือนายไพศาล คณา ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรอ่าวน้อย โดยประสานผ่านญาติ เนื่องจากถูกกดดันไม่ไหว ลงมาหาเสบียงอาหารไม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่ในป่าชายแดนด้วยความยากลำบาก ซึ่ง ร.ต.อ.หญิง สุทิน ปรัชญา รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ่าวน้อย เจ้าของคดีได้สอบสวนเพิ่มเติม รวบรวมพยานหลักฐาน นำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดประจวบไปแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.อ่าวน้อย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังจากทุกหน่วย และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทั้งโดรนบินสำรวจ สุนัขดมกลิ่น ตำรวจ ทหาร ตชด. เข้าปิดล้อมตรวจตรวจค้นและกดดันในพื้นที่ทุกช่องทาง เนื่องจากผู้ก่อเหตุหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณในป่าเขตติดต่อชายแดนไทย – เมียนมา อย่างต่อเนื่องนานถึง 15 – 16 วัน และช่วงกลางดึกของวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา นายเขื่อนผู้ก่อเหตุได้แอบลงจากภูเขา มาพบญาติเพื่อขอประสานเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไว้สอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และส่งฝากขังที่ศาลไปแล้ว ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ต้องหาประสงค์ไม่ยินยอมที่จะทำแผน เนื่องจากหวั่นเกรงญาติผู้เสียชีวิตรุมประชาทัณฑ์ และเมื่อญาติผู้เสียชีวิตทราบว่าผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวแล้ว จึงเดินทางมาที่สถานีตำรวจจำนวนหลายคน เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาว่าเป็นคนก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงจริง และได้ทิ้งอาวุธปืนไว้ในป่าไปแล้ว และจำไม่ได้ว่าทิ้งไว้จุดไหน ซึ่งตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน ถึงแม้ไม่มีหลักฐานเป็นอาวุธปืน ก็มั่นใจว่าเอาผิดได้ ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การว่ามาจากปัญหาเรื่องส่วนตัวกับผู้ตายที่เป็นสามีใหม่และหึงหวง ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาการทำธุรกิจเถื่อนชายแดน ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ก็เป็นเพื่อนสนิทของผู้ก่อเหตุ แต่เนื่องจากกลางคืนมืดมองไม่รู้ว่าเป็นใคร ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคงไม่ยิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต ก่อนส่งฝากขังที่ศาล รอการพิจารณาต่อไป.
บุญมา ลิบลับ…..รายงาน