
ธนาคารขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้ ส่งเสริมให้ประชาชนปลูกต้นไม้ตามแนวทางพระราชดำริ
วันที่ 20 มีนาคม 2568 สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดโครงการยกระดับธนาคารต้นไม้เพื่อสนับสนุนสู่ Carbon Neutrality ปีบัญชี 2567 โดยกำหนดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่องความร่วมมือการจัดโครงการ Carbon Credit โครงการ T-VER ประเภทแผนงาน แผนงานย่อยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับอำเภอบางสะพาน
นายจักรพันธ์ ม่วงแก้ว รักษาการผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ธนาคารขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนปลูกต้นไม้ตามแนวทางพระราชดำริ“ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ”และพระราชดำริ ในการสานต่อพระราชปณิธานดังกล่าวของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นหลักในการดำเนินงาน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้ตนเองและชุมชน ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจาก“ปลูกต้นไม้ในใจคน”สร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน จนปัจจุบันมีธนาคารต้นไม้เข้าร่วมโครงการ 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียนในโครงการ 12,530,477 ต้น มีสมาชิก 124,071 คน รวมมูลค่าต้นไม้ 43,682 ล้านบาท และในโอกาสที่รัฐบาลได้ประกาศต่อที่ประชุม World Leaders Summit ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ว่าไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ.2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ได้ในปี ค.ศ.2065 ซึ่งธนาคารได้จัดทำแผนแม่บทเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 3 : ขับเคลื่อนภารกิจงานสีเขียวตลอดห่วงโซ่คุณค่า และตามกลยุทธ์ที่ 4 : ส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น ในปีบัญชี 2567 ธนาคารจึงจัดทำ“โครงการยกระดับธนาคารต้นไม้ เพื่อสนับสนุนสู่ Carbon Neutrality”โดยมีวัตถุประสงค์สนับสนุนการดำเนินงานขององค์กร เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งเสริมการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและลดก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนองค์ความรู้และการพัฒนาโครงการ BAAC Carbon Credit ภายใต้มาตรฐาน T-VER ซึ่งการพัฒนาตามโครงการ ธนาคารส่งเสริมให้สมาชิกของธนาคารต้นไม้รวมกลุ่มกันขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) โดย ธ.ก.ส.เป็นผู้พัฒนาโครงการมีการตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตจากผู้ประเมินภายนอก (Validation and verification Body : VVB) และผ่านการรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) จนสามารถนำไปซื้อขายในตลาดซื้อขายคาร์บอนเดรดิตได้ โดยปี 2567 มีเป้าหมายธนาคารต้นไม้เข้าร่วมพัฒนาโครงการ T-VER จำนวน 76 แห่ง ขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER จำนวน 9 แผนงาน มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียน T-VER จำนวน 4,500 ตันคาร์บอน ซึ่งชุมชนธนาคารต้นไม้ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องมีพื้นที่ขั้นต่ำ 10 ไร่ (สามารถรวมแปลงได้หลายแปลง) โดยแต่ละแปลงมีพื้นที่สูงสุดไม่เกิน 30 ไร่ ในการพัฒนาโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อลดต้นทุนค่าตรวจประเมินโครงการ ให้รวมพื้นที่หลายแปลง หรือหลายกลุ่มธนาคารต้นไม้เข้าเป็นโครงการเดียวกัน ให้มีพื้นที่มากที่สุด โดยเฉลี่ยประมาณ 500 ไร่ หรือต้นไม้ประมาณ 50,000 ต้น แต่เมื่อรวมทุกแปลงแล้ว ต้องไม่เกิน 1,000 ไร่
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก ได้รับเป้าหมายขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER จำนวน 1 แผนงาน โดยขับเคลื่อนชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี ปริมาณต้นไม้จำนวน 30,000 ต้น และโครงการย่อย 1 โครงการ ขับเคลื่อนชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านทางสาย ชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านม้าร้อง ชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านละหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนต้นไม้ 25,000 ต้น ซึ่งจากการเก็บข้อมูลต้นไม้ชุมชนธนาคารต้นไม้ดังกล่าว ยังมีปริมาณต้นไม้ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับอำเภอบางสะพาน โดยการนำชุมชนธนาคารต้นไม้ในเขตอำเภอบางสะพาน เข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) และเป็น Model ต้นแบบให้กับอำเภออื่นๆ ต่อไป.
พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน