
กสทช.เขต 45 คุมเข้มการใช้วิทยุสื่อสาร เผยเหมือนดาบสองคม หวั่นกระทบภัยความมั่นคงของประเทศ
วันที่ 24 กันยายน 2568 นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการฝึกซ้อมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม โดยใช้คลื่นความถี่ในการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชาชน กรณีเกิดภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินขึ้นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ห้องสิงขร โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีนายวสันต์ เริงสมุทร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเขต 45 (สำนักงาน กสทช.เขต 45) กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์โครงการ มีหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานกู้ชีพ – กู้ภัยสาธารณกุศล และนักวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น เข้าร่วมจำนวน 41 หน่วยงาน
ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการติดต่อสื่อสาร ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ในการเตรียมความพร้อมแก้ไขข้อขัดข้องการใช้โทรศัพท์ประจำที่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงระบบโทรคมนาคมอื่นๆ ให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ เป็นการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยให้กับประชาชน รับแจ้งเหตุ รายงานสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีวิทยากรจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ตเวิร์ก จำกัด สำนักงาน กสทช.ภาค 4 บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้คลื่นความถี่ เพื่อสนับสนุนภารกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติ รูปแบบการใช้งานคลื่นความถี่ การแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast พร้อมการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ
นายวสันต์ เริงสมุทร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเขต 45 (สำนักงาน กสทช.เขต 45) เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันนี้เป็นการฝึกอบรมการใช้คลื่นความถี่เวลาเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินให้กับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัย นักวิทยุสมัครเล่น และประชาชนทุกเครือข่ายในพื้นที่ เป็นการฝึกซักซ้อมการใช้ความถี่กลาง ในการอำนวยการเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ ซึ่งสำนักงาน กสทช.เล็งเห็นถึงความสำคัญเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติฉุกเฉิน มักจะมีการติดต่อสื่อสารกันที่ไม่สะดวกเท่าที่ควร จึงต้องมีการฝึกซักซ้อมให้เป็นไปในทิศทางแนวเดียวกัน โดยมีหน่วยงานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นหน่วยงานหลักเป็นแม่ข่ายในการประสานงาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีการใช้อย่างแพร่หลาย แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังมีข้อด้อย เช่น หากเกิดไฟดับติดต่อกันเป็นเวลานาน สถานีฐานไม่สามารถให้บริการได้ ทำให้ไม่สามารถติดต่อประสานงานได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารส่งข้อมูลข่าวสารแทน เนื่องจากวิทยุสื่อสารชาร์จแบต 1 ครั้งอยู่ได้ 4 – 5 วัน ดังนั้นวิทยุสื่อสารจึงสามารถเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุได้สะดวกกว่าโทรศัพท์มือถือ
โดยวิทยุสื่อสารที่มีขายในตามท้องตลาดมีหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เครื่องที่ถูกต้อง หากเป็นข่ายของข้าราชการ จะเป็นวิทยุที่มีเปลือกนอกสีดำ เป็นย่านความถี่ที่ประชาชนไม่สามารถใช้ได้ ต้องให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ใช้ ส่วนย่านความถี่ที่ประชาชนสามารถใช้ได้เป็นวิทยุคมนาคมที่มีเปลือกนอกสีแดง ย่าน CB 245 MHz ดังนั้นเวลาประชาชนจะซื้อไปใช้งาน ต้องซื้อเครื่องที่ถูกกฎหมาย แล้วมาขอใบอนุญาตใช้จากสำนักงาน กสทช.โดยมีค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตใช้ 500 บาท และ vat 7% อีก 35 บาท รวมเป็น 535 บาท ใบอนุญาต 1 ใบ สามารถใช้ได้ 1 เครื่อง จึงจะสามารถใช้ที่ไหนก็ได้ หากประชาชนซื้อเครื่องที่ผิดกฎหมายมาใช้ ท่านก็เสี่ยงอาจจะถูกตำรวจจับดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.2498 มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งวิทยุสื่อสารเปรียบเสมือนดาบสองคม ใช้ในด้านดีก็ได้ หากนำไปใช้ในด้านไม่ดี ก็จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ดังนั้น จึงฝากไปถึงพี่น้องประชาชนพบเห็นบุคคลที่ใช้วิทยุสื่อสารในด้านที่ไม่ถูกต้อง ขอให้แจ้งมาที่สำนักงาน กสทช. หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้านได้เลยทันที นายวสันต์ กล่าว.
เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน