
องคมนตรี ติดตามภารกิจฝนหลวงฯ แก้ฝุ่น PM2.5 ที่ เพชรบุรี ผลปฏิบัติการลดฝุ่นได้กว่าร้อยละ 80
วันที่ 12 ธันวาคม 2568 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง เดินทางไปยังอาคารศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนบน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อประชุมติดตามความก้าวหน้าภารกิจการดำเนินงานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2569 โดยเฉพาะภารกิจเร่งด่วน ในการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมี ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร นายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมและให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ การดำเนินงานในปีงบประมาณ 2569 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดทำแผนการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างเดือนธันวาคม 2568 – เดือนมีนาคม 2569 โดยเริ่มจัดตั้งหน่วยดัดแปรสภาพอากาศตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ, หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ระยอง และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครสวรรค์
การปฏิบัติการครั้งนี้ใช้วิธีการ 3 เทคนิคหลัก ได้แก่ 1. เทคนิคการลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศ ผกผันด้วยการโปรยน้ำแข็งแห้งเพื่อระบายฝุ่นละออง 2. เทคนิคการก่อเมฆเพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละออง และ 3. เทคนิคการเลี้ยงเมฆเพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละออง ซึ่งผลการปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 9 ธันวาคม 2568 ได้ขึ้นบินปฏิบัติการไปแล้ว 6 วัน รวม 35 เที่ยวบิน ส่งผลให้ค่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองลดต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าเฉลี่ยลดลง และสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้ถึงร้อยละ 80 ทำให้คุณภาพอากาศในพื้นที่เป้าหมายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากภารกิจด้านฝุ่นละออง กรมฝนหลวงฯ ยังได้วางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคใต้สำหรับปี 2569 โดยเตรียมจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน ที่ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบฯ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงสุราษฎร์ธานี ที่สนามบินกองบิน 7 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบ 20 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบฯ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา
ภายหลังการประชุม องคมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโรงผลิตสารฝนหลวง (น้ำแข็งแห้ง) ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และเป็น 1 ใน 8 โรงผลิตฯ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างและทรงรับไว้เป็นโครงการตามพระราชดำริ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยโรงงานแห่งนี้มีศักยภาพในการผลิตน้ำแข็งแห้งเพื่อใช้ระบายฝุ่นละอองใต้ชั้นอุณหภูมิผกผัน สู่ชั้นบรรยากาศด้านบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการปฏิบัติการ สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษาและต่อยอด แนวพระราชดำริฝนหลวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขและพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร
ในโอกาสนี้ องคมนตรียังได้ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระบิดาแห่งฝนหลวง ซึ่งจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และจัดแสดงนิทรรศการถาวรเฉลิมพระเกียรติ เผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านฝนหลวง ที่สร้างคุณูปการแก่ประเทศชาติ โดยปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 95.