เฉลิมชัย เปิดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ ขับเคลื่อนการจัดการป่าชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานเปิดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่โรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ทแอนด์สปา อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมงาน มีนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับหน่วยงานสนับสนุนการจัดกิจกรรมวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2568 และมอบโล่ให้กับเครือข่ายป่าชุมชน พร้อมทั้งพบปะพูดคุยกับกลุ่มเครือข่ายป่าชุมชนที่เข้าร่วมงาน

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 24 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันป่าชุมชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนได้ร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืนในรูปแบบของป่าชุมชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเล็งเห็นถึงความสำคัญของป่าชุมชน ที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้พี่น้องประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองและอยู่ร่วมกับป่าได้ โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนและทุกภาคส่วนที่สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือของภาคประชาชน ในการบริหารจัดการป่าชุมชนร่วมกับภาครัฐ สร้างการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ก่อให้เกิดความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์ทรัพยากรในป่าชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

“การดำเนินงานของเครือข่ายป่าชุมชน ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปกป้อง บำรุงรักษา ดูแลป่าชุมชนให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนจนประสบผลสำเร็จ ทำให้ป่าชุมชนเป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพร รวมไปถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนจะเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงเป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี พ.ศ.2593 (ค.ศ.2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2608 (ค.ศ.2065) และยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้เกิดประโยชน์เป็นมรดกส่งต่อให้แก่ลูกหลานในอนาคตต่อไป”

ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า การจัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 – 31 พฤษภาคม โดยจัดกิจกรรมสำคัญประกอบด้วยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้กับเครือข่ายป่าชุมชน หน่วยงาน องค์กร ตลอดจนประชาชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชุมชน ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การปลูกต้นไม้ การบำรุงรักษาป่าชุมชน การทำฝายชะลอน้ำ การลาดตระเวน การทำแนวกันไฟ เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ โดยกิจกรรมหลักจัดขึ้น ที่โรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ทแอนด์สปา มีการบรรยายหัวข้อแผนการจัดการป่าชุมชน, ภาคีสนับสนุนงานป่าชุมชน, โอกาสการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านป่าชุมชน พร้อมทั้งเปิดเวทีอภิปราย“ความร่วมมือเสริมหนุนงานป่าชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ : สระบุรีแซนด์บ็อกซ์”โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ภาคเอกชนและเครือข่ายป่าชุมชน

นอกจากนี้ มีการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างสมดุลให้ป่าเป็นเสมือนฐานทรัพยากรด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่าตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นิทรรศการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างเหมาะสม นิทรรศการป่าชุมชนต้นแบบจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากผลผลิต หรือบริการจากป่าชุมชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่มีความเชื่อมโยงกับป่าชุมชนที่ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาป่าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ และสร้างแรงจูงใจในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการป่าชุมชน หรือขยายการจัดตั้งป่าชุมชนเพิ่มมากขึ้น.

ข่าวแนะนำ