กฟผ. ขอความร่วมมือ งดเผาไร่อ้อยและวัชพืชใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เกษตรกรบางกลุ่มยังคงนิยมใช้วิธีเผาผลผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว หรือหลังเก็บเกี่ยว เพื่อลดเวลาและต้นทุนด้านแรงงาน ซึ่งก่อเกิดปัญหามลพิษด้านอากาศ ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ทัศนวิสัยในการเดินทางและการคมนาคมไม่ชัดเจน กฟผ. จึงขอความร่วมมืองดการจุดไฟเผาไร่อ้อย วัชพืชและตอซังข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงระบบไฟฟ้าของประเทศ เพราะควันและเขม่าจากการเผาอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรสู่พื้นดิน เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งอาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวม และระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ กฟผ. ดูแลและรับผิดชอบ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้าของประเทศ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานที่เชื่อมโยงกระแสไฟฟ้าจากระบบผลิตไปยังระบบจำหน่าย ซึ่งรับผิดชอบโดยการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) โดยมีการปรับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสม ก่อนส่งถึงผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนและทุกครัวเรือนต่อไป ดังนั้นสายส่งไฟฟ้าแรงสูงต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่ง กฟผ. มีการดูแลบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเป็นประจำเพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง
“กฟผ. ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง งดเผาไร่อ้อยและวัชพืชทุกชนิด และขอให้ร่วมกันดูแลสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ หากพบเหตุผิดปกติหรือไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. โปรดแจ้งศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. โทร. 1416” นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย.
ณัฐธภพ พันสาย…..รายงาน