ทส.รวมพลัง เพชรบุรี – ประจวบฯ แก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ลดฝุ่นละออง PM 2.5

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ สำนักงานเทศบาลตำบลหนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรม“24 ก.พ.วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่าและฝุ่นละออง PM 2.5”สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี โดยมีนายนพพร ประทุมเหง่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามและเจ้าหน้าที่ นายเกรียงไกร ทวีศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ กองกำลังทหารจากชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองกำลังสุรสีห์ ที่ 110 หน่วยจงอางศึก ฐานปฏิบัติการบ้านป่าละอู หมวดลาดตระเวนที่ 3 ชุดรักษาความปลอดภัยช้าง หน่วยเฉพาะกิจทัพพญาเสือ เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.อส.) นายเกรียงไกร ทวีกาญจน์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองพลับ ผู้นำชุมชนและพี่น้องประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน

โดยกิจกรรมประกอบด้วยการมอบเสบียงอาหารให้แก่ชุดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน มอบเครื่องเป่าลม จำนวน 15 เครื่อง ให้กับเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.อส.) รวมไปถึงยังได้มอบเงินสนับสนุนให้กับเครือข่ายราษฎรพิทักษ์ป่า จำนวน 65 เครือข่าย รวมเป็นเงิน 4,250,000 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า เครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า เครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่า รวมไปถึงเครือข่ายการส่งเสริมอาชีพให้กับราษฎร

นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการ ทสจ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ขณะนี้ประเทศไทยของเรา กำลังประสบกับปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น และมีค่าเกินมาตรฐานในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งสาเหตุของการเกิดปัญหาดังกล่าวนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายประการ ทั้งควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันที่ถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้างต่างๆ การเผาเศษวัสดุเพื่อทำการเกษตร รวมไปถึงปัญหาจากการเกิดไฟป่า ทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มอบนโยบายเชิงรุกเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหา

รวมไปถึงได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการติดตามสถานการณ์ไฟป่า ทั้งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) และระบบติดตามจุดความร้อน (Hotspot) ผ่านดาวเทียม พร้อมทั้งบูรณาการส่งเสริมความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานเป็นนโยบายเชิงรุก ด้วยการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน ในการไม่จุด ไม่เผา ไม่ก่อให้เกิดควันพิษ ทั้งในพื้นที่เกษตรและพื้นที่ป่า และในโอกาสนี้ ขอฝากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมมือกัน ไม่จุดไฟ ไม่เผาป่า ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นควันพิษ ทำให้จังหวัดของเรามีอากาศที่บริสุทธิ์สดใส ไร้ฝุ่น PM 2.5 ตลอดไป.

ข่าวแนะนำ