
ผู้ว่าฯ ประจวบฯ สั่งหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาการใช้งานสะพานลอยเกือกม้าข้ามรถไฟทางคู่ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และลดปัญหาการจราจร
วันที่ 8 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (กรอ.ปข.) ที่ห้องประชุมสิงขร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ มีนายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมประชุม โดยมีการรายงานผลการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสะพานลอยเกือกม้าข้ามรถไฟทางคู่ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ที่มีปัญหาการใช้งาน โดยจากการที่จังหวัดได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน 2 ชุด จากหน่วยงานภาครัฐ และผู้แทน กรอ.จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบระหว่างวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2568 รวม 32 จุด ตามแนวรถไฟทางคู่ ครอบคลุมสะพานลอยจุดกลับรถและจุดกลับรถขนาดเล็ก โดยตรวจสอบสภาพการก่อสร้างสะพาน บริเวณคอสะพาน พื้นสะพาน และรอยต่อสะพาน ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมจุดที่มีปัญหาให้เหมาะสมต่อการใช้งาน โดยมีประธานคณะทำงาน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และโครงสร้างพื้นฐานโดยตรง ได้แก่ ชุดที่ 1 ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบท จ.ประจวบฯ และชุดที่ 2 โยธาธิการและผังเมือง จ.ประจวบฯ
ผลการตรวจสอบพบว่า มีสะพานลอยเกือกม้าที่ต้องดำเนินการแก้ไขเร่งด่วน ได้แก่ สะพานลอยเกือกม้า ถ.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบฯ ซึ่งคณะทำงานได้เสนอให้ปรับระดับสะพาน ปรับผิวจราจรให้เรียบ สร้างวงเวียนด้านทิศตะวันตก และขยายช่องทางเลี้ยวซ้ายลงจากสะพานด้านทิศตะวันตกให้กว้างขึ้น เพื่อลดปัญหาการจราจรและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ขณะที่ภาคเอกชนเสนอให้ระหว่างที่ดำเนินการปรับปรุงสะพาน ขอให้เปิดแบริเออร์ใช้งานเส้นทางเดิมข้ามทางรถไฟไปก่อน และเสนอให้เสริมราวกั้นสะพานให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันการพลัดตกจากสะพาน ส่วนสะพานอีกจุดในพื้นที่ อ.เมืองประจวบฯ ที่ต้องแก้ไขคือบริเวณด้านหลังสถานีรถไฟหว้ากอ ที่พบว่าผิวจราจรสะพานมีรอยแตก ต้องปรับพื้นให้ราบเรียบ
นอกจากนี้ ยังมีสะพานเกือกม้าที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขในพื้นที่ อ.ทับสะแก 2 จุด ได้แก่ กม.343+189 ต.นาหูกวาง กม.344+980 ต.นาหูกวาง และพื้นที่ อ.บางสะพาน 3 จุด ได้แก่ กม.374 ต.กำเนิดนพคุณ กม.355 ต.ธงชัย และ กม.368+920 ต.ธงชัย
ที่ประชุม กรอ.จังหวัด ในครั้งนี้ ยังมีการหารือแนวทางการพัฒนาจังหวัด ทั้งเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพตามแนวทาง Wellness Economy การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร การพัฒนาการศึกษาตามแนวทาง 10 ห้องเรียน ส่งเสริมการศึกษา การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ YPC (Young Public and Private Collaboration) ขณะที่ภาคเอกชน มีข้อเสนอในเรื่องต่างๆ เช่น ให้มีการปรับปรุงร่างผังเมืองในบางพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบท เช่น พื้นที่เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การผลักดันให้มีศูนย์วิจัยพันธุ์พืชในจังหวัดประจวบฯ นอกจากนี้ น.ส.กนกกร เอี่ยมเพชร์ คลังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง มีความพร้อมในการขับเคลื่อนโครงการคนละครึ่ง ภายในเดือนตุลาคม 2568 โดยใช้งบกลางเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่จำนวน 25,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่ลงทะเบียนในระบบอยู่แล้วทั่วประเทศพร้อมที่จะรองรับการใช้จ่ายตามโครงการ.