เทศบาลหัวหิน จับมือ พมจ.ประจวบฯ รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและคนในครอบครัว ให้เด็กนักเรียน

วันที่ 12 ธันวาคม 2568 สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบฯ จัดโครงการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด “ยุติความรุนแรงทางดิจิทัล เพื่อสตรีและเด็กผู้หญิง” ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนางสมพิศ ศรีคำแหง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบฯ เป็นประธาน น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน กล่าวต้อนรับ มี น.ส.วิลาวัลย์ จีบเจือ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ คณะครู และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 โรงเรียนเทศบาลบ้านบ่อฝ้าย เข้าร่วมโครงการ โดยมีวิทยากรจากสถานีตำรวจภูธรหัวหิน เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครหัวหิน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบฯ และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบฯ มาบรรยายให้ความรู้ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว และแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในทุกรูปแบบ

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “ยุติความรุนแรงทางดิจิทัล เพื่อสตรีและเด็กผู้หญิง” เป็นแนวคิดสำคัญขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนในสังคมตระหนักรู้ถึงสาเหตุ ปัจจัย และแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความรุนแรงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นกับเด็ก สตรีและบุคคลในครอบครัว นับเป็นความรุนแรงรูปแบบใหม่ที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ และเป็นความท้าทายในการควบคุมเพื่อการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระทรวง พม. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นกับเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว เพราะปัจจุบันคนทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทางดิจิทัลได้อย่างอิสระ โดยการเสพข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางสังคม ลักษณะนิสัยส่วนบุคคล การศึกษา รวมถึงวุฒิภาวะของบุคคลด้วย ดังนั้น ความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีดิจิทัล อาจทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่ไม่ให้เกียรติและไม่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกรูปแบบ ไม่เพียงแต่สร้างความกดดันหรือความเครียดแก่ผู้ถูกกระทำเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อการสร้างรายได้และการเพิ่มขึ้นของหนี้สินของครอบครัว รวมถึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสังคมอย่างมีนัยสำคัญ.