ปิคอัพหลับในชนเสาเหล็กข้างทาง ดับคาพวงมาลัย 1 สาหัส 2
เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ร.ต.ท.เมธาสิฐ ณ พัทลุง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากศูนย์กู้ชีพฉุกเฉิน 1669 ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ ชนเสาป้ายเหล็กข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายติดคาอยู่ภายในรถ เหตุเกิดบริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาลงใต้ หลักกิโลเมตรที่ 285 + 400 หมู่ 7 บ้านบ่อนอก ต.บ่อนอก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วย ด.ต.จักรพงษ์ อินทนพ ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองประจวบฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตู้ยามบ่อนอก รุดไปตรวจสอบ พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน นำอุปกรณ์เครื่องตัดถ่าง ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกู้ภัย อบต.บ่อนอก หน่วยกู้ชีพ 1669 โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่หมวดกรมทางหลวงประจวบฯ และลุงนึกประจวบรถยก เข้าให้ความช่วยเหลือในจุดที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุ มืดสนิท ไม่มีแสงไฟส่องสว่างทาง มีหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลบางสะพานขับรถผ่านมาให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่ามีรอยรถเบรก ระยะทางประมาณ 20 เมตร ก่อนจะชนเข้ากับเสาเหล็กป้ายบอกจุดกลับรถขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างทาง เป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน บพ 5488 ประจวบฯ ชนอัดติดอยู่กับเสาเหล็ก มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดคาอยู่ภายในรถ จำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้อุปกรณ์เครื่องตัดถ่าง ตัดซากรถนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกุยบุรี 1 ราย ทราบชื่อคือนางพะเยีย บุญเกิด อายุ 52 ปี และส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย ชื่อ น.ส.จิราวรรณ บุญเกิด อายุ 15 ปี ส่วนผู้ขับขี่ชื่อนายจรัล บุญเกิด อายุ 57 ปี ถูกอัดคาอยู่กับพวงมาลัย เสียชีวิตคาที่ จากขาขวาขาด เสียเลือดมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลประจวบฯ
จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า ผู้ขับขี่อาจวูบหลับใน เป็นเหตุให้รถเสียหลัก หรือมีอะไรตัดหน้ารถ จึงเกิดการเบรกอย่างกะทันหัน ทำให้รถไถลเข้าไปชนกับเสาเหล็กข้างทาง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่สอบถามญาติ เล่าว่าผู้เสียชีวิตได้พาลูกและภรรยาไปจ่ายตลาดเช้าที่ตลาดอำเภอกุยบุรีเป็นประจำ โดยจะออกจากบ้านช่วงเวลาประมาณตี 3 ของทุกวัน เพื่อนำสิ่งของที่ซื้อ มาขายที่ร้านขายของชำของตนในหมู่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง และประสานให้บริษัทประกันมาดำเนินการรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตตามลำดับต่อไป เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายแต่อย่างใด.
ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ