ต้นมะม่วงกว่า 50 ปี ล้มเฉี่ยวบ้านอายุ 100 ปี พัง และทำเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน
วันที่ 12 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีต้นมะม่วงขนาดใหญ่ หักโค่นทับสายไฟทำให้เสาไฟฟ้าล้มกีดขวางถนนจำนวน 3 จุด และทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ บริเวณถนนมหาราช 1 หลังสถานีรถไฟเมืองประจวบคีรีขันธ์ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้ง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รุดตรวจสอบร่วมกับเทศกิจ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองประจวบฯ เข้าให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่ามีต้นมะม่วงขนาดใหญ่ อายุกว่า 50 ปี ที่อยู่บริเวณริมถนนสายมหาราช 1 ในที่ดินของการรถไฟ หักโค่นบริเวณกลางต้น กีดขวางถนน โดยกิ่งมะม่วงขนาดใหญ่ได้ไปเกี่ยวสายไฟ ทำให้เสาไฟฟ้าที่อยู่ริมถนน หักโค่นเสียหายอีก 3 ต้น มีบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายบางส่วน 1 หลัง กระเบื้องแตก หลังคาทะลุ กำแพงรั้วพังเสียหาย นอกจากนี้ยังมีป้ายบอกสถานีรถไฟเมืองประจวบคีรีขันธ์พังเสียหายอีก 1 แผ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตัดกระแสไฟ และรื้อถอนสายไฟเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน ขณะที่เทศบาลเมืองประจวบฯ นำเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเทศบาล และหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้ามาตัดกิ่งต้นมะม่วงออก เพื่อเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
นางยุพิน อายุ 58 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าขณะเกิดเหตุนั่งกินกาแฟและผลไม้อยู่กับเพื่อนใกล้จุดเกิดเหตุ ในขณะนั้นกระแสลมไม่แรง แต่ได้ยินเสียงลั่นดังเปรี๊ยะๆ จากนั้นมีกิ่งต้นมะม่วงขนาดใหญ่ หักโค่นลงมาเกี่ยวสายไฟและทำให้เสาไฟล้มจำนวนหลายต้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนตนตกใจ ซึ่งก่อนหน้านี้บริเวณนี้จะมีรถซาเล้ง และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดรอคิวอยู่เต็มไปหมด และมีรถวิ่งสัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพราะขณะเกิดเหตุไม่มีรถสักคัน ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดมาจากต้นมะม่วงมีกิ่งใบมากจนรับน้ำหนักไม่ไหว อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตัดแต่งกิ่งต้นไม้ให้เตี้ยลง เพื่อความปลอดภัย ป้องกันเหตุอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับชาวบ้าน แต่อย่าตัดออกทั้งต้น เนื่องจากต้นไม้บริเวณนี้เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ มีจำนวนหลายต้น และอายุมากกว่า 50 ปีแล้ว และที่ดินบริเวณนี้รวมไปถึงบ้านหลังที่พังเสียหาย ในอดีตเคยเป็นบ้านพักโรงแรมของการรถไฟ และในปัจจุบันอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของโรงเรียน ซึ่งได้เซ้งเช่าช่วงมาจากการรถไฟนานแล้ว
นายปรีดี อายุ 52 ปี พ่อค้าขายข้าวราดแกงและเป็นผู้เช่าช่วงบ้านหลังที่พังเสียหาย เล่านาทีระทึกว่าขณะเกิดเหตุ สมาชิกในร้าน รวมไปถึงครอบครัวอยู่ภายในบ้าน บางส่วนนั่งอยู่ใต้เพิงหลังคาที่ถูกต้นมะม่วงล้มทับ ตอนแรกนึกว่าเสียงรถชนกัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จึงออกมาดูก็พบว่าเป็นต้นมะม่วงที่อยู่หลังบ้านฝั่งริมถนน หักโค่นลงมาทับหลังคาบ้านของตนจนพังเสียหาย หลังคาบางส่วนทะลุ กำแพงพังแตกร้าว แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้เคยร้องขอไปทางเทศบาลให้มาช่วยตัดกิ่งต้นไม้ แต่ก็เงียบเฉย มีมาตัดแต่งกิ่งบ้างเพียงเล็กๆ น้อยๆ ริมถนน บริเวณนี้มีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ซึ่งมีอายุหลายสิบปี เกรงว่าจะพังล้มลงมาทับอาคารบ้านเรือน และโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายอีก.
เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน