Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ปั้นเมล็ดพันธุ์พืช 7.2 ล้านเมล็ด โปรยทางอากาศ เฉลิมพระเกียรติ

ประจวบฯ ปั้นเมล็ดพันธุ์พืช 7.2 ล้านเมล็ด โปรยทางอากาศ เฉลิมพระเกียรติ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2567 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน พลตรี พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก ข้าราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้าราชการ จิตอาสาพระราชทาน 904 จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนนับพันคนเข้าร่วมพิธี พร้อมมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพิธีเปิดโครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศฯ โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีพร้อมกันทั่วประเทศ 8 แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี บุรีรัมย์ ระยอง สงขลา และประจวบฯ กว่า 12,000 คน ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร

ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดกิจกรรมปั้นเมล็ดพันธุ์พืช 8 แห่ง 7.2 ล้านเมล็ด โครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศฯ ภายใต้แนวคิด “เขื่อนของพ่อ น้ำของพ่อ ป่าของแม่ สืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อพสกนิกรของพระราชา” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเรื่องการสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งทุกฝ่ายตระหนักในคุณค่าของป่าต้นน้ำ และน้อมนำแนวพระระราชดำริไปเป็นแนวทางในการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อรักษาระบบนิเวศ ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความหนาแน่นของพื้นที่ป่าไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ เพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างโอกาสการปฏิบัติการฝนหลวงให้เป็นผลสำเร็จมากขึ้นด้วย

โดยได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธ์พืช 13 ชนิด จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้แก่ กระพี้จั่น แดง มะขามป้อม มะค่าโมง ตะแบกนา สมอพิเภก พะยูง โมกมัน ทิ้งถ่อน อะราง สัก ประดู่ป่า และมะค่าแต้ น้ำหนักรวม 1,651 กิโลกรัม จำนวน 7,240,800 เมล็ด และจัดกิจกรรมปั้นหุ้มดินเมล็ดพันธุ์พืชทั้ง 8 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ จิตอาสา และประชาชนทั่วไป ปั้นหุ้มดินเมล็ดพันธ์พืช และส่งต่อให้กับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละภูมิภาค เพื่อนำไปโปรยทางอากาศในพื้นที่อุทยานทั่วประเทศ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา จ.เชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.เพชรบูรณ์, อุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี, อุทยานแห่งชาติภูเก้า – ภูพานคำ จ.หนองบัวลำภู, อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ, อุทยานแห่งชาติตาพระยา จ.สระแก้ว และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน กรกฎาคม – กันยายน 2567 ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการหลอมรวมความสามัคคีของประชาชนทุกภาคส่วนที่ได้มาร่วมกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่ผืนป่าให้กับประเทศไทยของเรา ให้ทรัพยากรป่าไม้มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บลูพอร์ต หัวหิน ขอเชิญสายมูร่วมรับความปังมั่งคั่งตลอดไป ในพิธีบวงสรวงพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ

บลูพอร์ต หัวหิน ขอเชิญสายมูร่วมรับความปังมั่งคั่งตลอดไป ในพิธีบวงสรวงพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ

วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ กำหนดจัดพิธีบวงสรวงพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ เสริมสิริมงคล เพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทอง ที่บริเวณลานเดอะสแควร์ หน้าศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน ในปีนี้ถือฤกษ์งามยามดี ฤกษ์เศรษฐี ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ สำหรับประวัติความเป็นมาของพระคลังในพระคลังมหาสมบัตินั้น ได้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) เพื่อเป็นตัวแทนของเทพเจ้าผู้รักษาคลังสมบัติของแผ่นดิน ปกปักรักษาพระราชทรัพย์มีค่าของแผ่นดินให้ดำรงคงอยู่ ตลอดจนเป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพระคลังมหาสมบัติปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในคุณธรรมและความถูกต้อง โดยเทวรูปพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ มีลักษณะเป็นประติมากรรมลอยตัว หล่อด้วยสำริดปิดทอง ขนาดความสูงประมาณ 12 นิ้ว ในลักษณะท่ายืน ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช พระเศียรสวมศิราภรณ์ลักษณะคล้ายมงกุฎ พระพักตร์กลมรี พระโอษฐ์อมยิ้ม แต่งพระองค์ด้วยเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ ประกอบด้วยกรองศอ สร้อยสังวาลทับทรวง ต้นพาหาทั้งสองข้างประดับด้วยพาหุรัด สวมพาหุรัด คาดสายรัดพระองค์และปั้นเหน่ง ทรงผ้านุ่งยาวลายยกดอก ประดับด้วยชายไหวชายแครง พระบาทสวมฉลองพระบาทเชิงงอน ประทับยืนบนแท่นฐานบัวลูกแก้ว รองรับด้วยพานรองทองเหลืองปากผายขอบกลีบบัว โดยพระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หมายถึงการพิทักษ์ ปกป้องรักษาในลักษณะเดียวกับพระสยามเทวาธิราช พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ หรือทรัพย์สมบัติ

โดยมีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ คือเทพผู้ประทานความสำเร็จทางด้านเงินทอง ใครที่ได้มาบูชาและขอพร จะประสบโชคลาภ ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรค่าแก่การเคารพบูชาเพื่อให้ความเป็นสิริมงคลเกิดขึ้นแก่ผู้สักการะ ถ้าผู้ใดได้มากราบไหว้ขอพร จะพบความสำเร็จทางด้านเงินทอง มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ ทรัพย์สมบัติอยู่ครบ อีกทั้งทรัพย์สินพอกพูน ร่ำรวย มั่งคั่งตลอดไป ผู้คนนิยมมาขอพรในเรื่องโชคลาภ ความสำเร็จทางด้านเงินทอง และความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน

ปัจจุบันพระคลังมหาสมบัติองค์จำลอง ประดิษฐานอยู่ที่หน้าศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน เป็นองค์เทวรูปเนื้อโลหะผสม ลงรักปิดทอง ขนาดความสูงประมาณ 90 เซนติเมตร จัดสร้างโดยกรมธนารักษ์ โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ทำพิธีอัญเชิญพระคลังมหาสมบัติองค์จำลองนี้ ในโอกาสนี้ นับเป็นวันดี ฤกษ์ดี ฤกษ์เศรษฐี จึงอยากจะขอเชิญชวนทุกท่านมาเสริมความปัง เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตและครอบครัวพร้อมรับความโชคดีไปพร้อมๆ กัน กับพิธีบวงสรวงพระคลังในพระคลังมหาสมบัติได้ในวันอังคารที่ 30 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. ณ ลานเดอะสแควร์ หน้าศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.032 – 905111 หรือเฟซบุ๊ก : BluportHuaHinOfficial, Line official : @bluport.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“พล.อ.สุรยุทธ์” เปิดโครงการเยาวชนจิตอาสาเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติในหลวง

“พล.อ.สุรยุทธ์” เปิดโครงการเยาวชนจิตอาสาเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติในหลวง

วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนจิตอาสา เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม Next Gen New World เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ โดยมีนายสุวัช สิงหพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ, พลตรีอาวุธ พุทธอำนวย ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์, นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ผู้แทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช, นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบฯ, นายพงศธร พร้อมขุนทด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตัวแทนห้างโลตัส คณะครู นักเรียน และเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน เข้าร่วมกิจกรรม

โครงการค่ายเยาวชนจิตอาสา เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม Next Gen New World เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในพื้นที่ และการปลูกป่า ปลูกต้นไม้เพื่อลดภาวะโลกร้อน จึงได้ฝึกอบรมเยาวชนจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ใกล้เคียง เกี่ยวกับป่าชายเลนทั้งหมด 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านพุน้อย, โรงเรียนบ้านบางปู, โรงเรียนบ้านเขาแดง, โรงเรียนวัดดอนยายหนู และโรงเรียนสามร้อยยอดวิทยาคม รวมทั้งสิ้น 216 บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติย่อย (หาดสามพระยา) อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด โดยกิจกรรมมีทั้งหมด 5 ฐาน ได้แก่ฐานที่ 1. เรื่องการเกิดและคุณค่าของป่าชายเลน ฐานที่ 2. เรื่องระบบนิเวศป่าชายเลน ฐานที่ 3. เรื่องพืชและสัตว์ในป่าชายเลน ฐานที่ 4. เรื่องศิลปะในป่าชายเลน ฐานที่ 5. เรื่องการปลูกพันธุ์ไม้ป่าชายเลน ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนักเรียนได้รับข้อมูลความรู้จากวิทยากรคุณครูโรงเรียนสามร้อยยอดวิทยาคม กลุ่มเด็กรักษ์ทุ่ง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

ในการนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้มอบรางวัลให้นักเรียนที่ชนะการประกวดบทเรียงความเรื่อง “ความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน” พร้อมมอบเครื่องกีฬาให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ มอบเสื้อคลุมปฏิบัติงานสาธารณสุขให้ อสม.ในพื้นที่ และมอบถุงยังชีพแก่ผู้มีรายได้น้อย ร่วมปลูกต้นไม้ที่ระลึก “ต้นเกด” ต้นไม้ประจำจังหวัดประจวบฯ จากนั้นประธานและคณะเดินทางไปปลูกป่าชายเลน “โครงการ ๙ ล้านกล้าฯ” บริเวณด้านหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด และร่วมกันปล่อยสัตว์น้ำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหารครัวตามแนวพระราชดำริ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหารครัวตามแนวพระราชดำริ กรมสมเด็จพระเทพฯ

วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วยนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสังคม แดงโชติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบฯ นางณัชาลัคณา สุขภาคกุล รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดประจวบฯ นางพิมณพัฒน์ โห้ใย ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ พร้อมสมาชิก หัวหน้าส่วนราชการอำเภอสามร้อยยอด นายดนัย ปาน้อยนนท์ นายกเทศมนตรีตำบลไร่ใหม่ นายไพโรจน์ มีประมูล นายก อบต.ไร่ใหม่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทั่วไป ร่วมในพิธีเปิดและร่วมกันปลูกผักสวนครัว มีนายวราวุธ จิระประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด กล่าวต้อนรับที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ทางเข้าหมู่บ้านวังไทร หมู่ 7 ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายดำรง มากระจัน กล่าวว่ากิจกรรมต่อยอดและขยายผลการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่การปฏิบัติการปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร จังหวัดประจวบฯ ได้รณรงค์ให้ประชาชนปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ ทั้งในครัวเรือน บริเวณพื้นที่สาธารณะในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยให้แก่คนในชุมชน รวมถึงสามารถสร้างรายได้ ทั้งในระดับครัวเรือนและกลุ่มอาชีพ ซึ่งการปลูกผักเพื่อสร้างความมั่นคงนั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เป็นการลดรายจ่ายด้านอาหาร ทำให้มีสุขภาพดีจากการบริโภคผักสดที่ปลอดภัย อีกทั้งยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนจากการแบ่งปันกันและสร้างความรัก ความสามัคคี ความร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยได้ปลูกพืช 4 ชนิด คือ ต้นมะกอก ต้นมะตูมแขก ต้นสะตอและต้นแค

หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เปิดกิจกรรมแล้วได้มอบพันธุ์พืชผักต่างๆ ให้แก่นายสิน ไม้เทศ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านวังไทร เพื่อนำไปปลูกตาริมข้างทางสาธารณะภายในหมู่บ้าน เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร และร่วมปลูกต้นมะกอกจนครบทั้งสามจุด.

ฐิติชญา แสงสว่าง….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจน้ำบางสะพานสอนเด็กพิเศษหูหนวกเป็นใบ้ว่ายน้ำ ป้องกันจมน้ำเสียชีวิต

ตำรวจน้ำบางสะพานสอนเด็กพิเศษหูหนวกเป็นใบ้ว่ายน้ำ ป้องกันจมน้ำเสียชีวิต

วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 กองบังคับการตำรวจน้ำ โดยสถานีตำรวจน้ำบางสะพาน ร่วมกับโรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ จัดกิจกรรมฝึกสอนทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้น เพื่อเอาชีวิตรอดให้กับเด็กพิเศษที่บกพร่องทางการพูด การได้ยินและทางสติปัญญา ที่สระว่ายน้ำโรงเรียนบางสะพาน ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้การสื่อสารผ่านภาษามือให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ 99 คน เป็นนักเรียนหญิง 44 คน นักเรียนชาย 55 คน ตามโครงการตำรวจน้ำสอนน้องว่ายน้ำสำหรับน้องผู้มีความบกพร่องทางการพูดและการได้ยิน ผสานการสร้างจิตสำนึกรักษ์ชายหาด (1 สถานี 1 โครงการ 1 แหล่งท่องเที่ยว) เพื่อให้น้องๆ มีความรู้ มีทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นในการช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นได้อย่างถูกต้องตามหลักวิธี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เด็กจมน้ำเสียชีวิต

โดยมีการฝึกทักษะการลอยตัวในน้ำ กิจกรรมธาราบำบัดสำหรับเด็กพิเศษ เพื่อให้เด็กมีความผ่อนคลาย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (โดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่รอบตัว) แบบประยุกต์สำหรับน้องๆ ที่มีความบกพร่องทางการพูดและการได้ยินและเด็กพิเศษ การขอความช่วยเหลือ กรณีพบเห็นผู้ประสบภัยทางน้ำจากผู้ที่อยู่รอบๆ ตัว และสอนหลักความปลอดภัยในการใช้สระน้ำ หรือการเล่นน้ำให้ปลอดภัย เป็นต้น

พ.ต.ท.อภิภพ กิจพฤกษ์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 6 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำบางสะพาน เปิดเผยว่า โครงการนี้ตำรวจน้ำบางสะพาน ร่วมกับโรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ อ.บางสะพาน จัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มียอดสถิติเด็กจมน้ำเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และเป็นการฝึกทักษะการว่ายน้ำให้กับเด็กๆ ได้มีประสบการณ์ มีความชำนาญ รู้ทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นและการช่วยเหลือตัวเองในการเอาชีวิตรอด และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างถูกวิธี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ 24 นาย ร่วมเป็นครูพี่เลี้ยงในการช่วยฝึกสอน ซึ่งก่อนการฝึกสอน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดต้องเรียนรู้การใช้ภาษามือเบื้องต้น เพื่อนำมาใช้สื่อสารสอนน้องๆ ว่ายน้ำ ทั้งนี้เด็กพิเศษเหล่านี้ขาดโอกาสในการเข้าถึงการฝึกเรียนว่ายน้ำในระบบปกติ เนื่องจากไม่มีใครเปิดสอน ซึ่งตำรวจน้ำบางสะพานเป็นแห่งแรกที่จัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้โอกาสกับกลุ่มเด็กๆ เหล่านี้บ้าง หลังจากที่จัดโครงการสอนเด็กทั่วไปมาแล้ว 5 ครั้ง.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติฯ ที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติฯ ที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน

วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ ประจำปี 2567 ที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายสัตวแพทย์ทรงพล บุญธรรม ปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน นายธีระพันธ์ จัดพล ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองหัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนจำนวนมาก นำสุนัขและแมวมารับบริการผ่าตัดทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รักษาพยาบาลเบื้องต้นให้กับสัตว์เลี้ยงทั่วไป

สำหรับโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้าเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ จัดขึ้นเพื่อให้สุนัขและแมวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงอันตรายของโรคพิษสุนัขบ้า ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงให้จรจัด สามารถลดปัญหาการเพิ่มจำนวนของสุนัข แมว ตามที่สาธารณะ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า และป้องกันไม่ให้มีคนเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า

ทั้งนี้ ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และได้พระราชทานเงินจากการจำหน่ายเสื้อคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จำนวน 4,000,000 บาท เป็นงบประมาณการก่อสร้างศูนย์รักษ์สุนัขในเบื้องต้น ตั้งอยู่บริเวณวัดเขาอิติสุขโต ถนนหัวหิน – หนองพลับ มีเนื้อที่ 22 ไร่เศษ ซึ่งวัดเขาอิติสุขโตเป็นผู้มอบพื้นที่ให้ มีจุดประสงค์เพื่อจัดการกับปัญหาเกี่ยวกับสุนัขจรจัดในหัวหิน โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวอย่างบริเวณชายหาดและแหล่งชุมชน ปัจจุบันอยู่ในการการดูแลของกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งได้ตั้งงบประมาณเป็นเงินสนับสนุนเป็นค่าอาหาร เวชภัณฑ์ ค่าจ้างบุคลากร ฯลฯ ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินจะดำเนินการในรูปแบบของการให้ความช่วยเหลือและควบคุมปริมาณของสุนัขจรจัดในเขตพื้นที่อำเภอหัวหินและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นสุนัขที่ศูนย์ฯ ได้รับการร้องขอจากคนในพื้นที่ให้ไปรับมาดูแลจากสถานที่ต่างๆ โดยการดูแลนั้นจะทำแบบครบวงจร คือ เมื่อรับสุนัขเข้ามาในโครงการ ขั้นตอนแรกจะมีการตรวจเช็คสุขภาพ รักษาโรคต่างๆ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ทำหมัน จากนั้นจึงนำสุนัขไปปรับพฤติกรรม และดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ขึ้นด้วยการให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เมื่อสุนัขมีความพร้อมแล้วจึงนำไปอยู่รวมกับสุนัขตัวอื่นๆ ในศูนย์ต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศกาลอาหารหัวหินปีนี้พบเมนูดังจากโรงแรม 5 ดาว และอาหารพื้นถิ่น

เทศกาลอาหารหัวหินปีนี้พบเมนูดังจากโรงแรม 5 ดาว และอาหารพื้นถิ่น

วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหินรีสอร์ท จ.ประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นายบุญยืน พูลลาภ ประธานชมรมเชฟชะอำ – หัวหิน นายคนิศน์ โชคสุชาติ ผู้แทนบริษัทบุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลอาหารหัวหิน 2024 (Hua Hin Food Fest 2024) ระหว่างวันที่ 2 – 4 สิงหาคมนี้ ที่สวนหลวงราชินี 19 ไร่ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก

นายนพพร วุฒิกุล กล่าวว่า เทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ ททท.สำนักงานประจวบฯ สภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน ชมรมเชฟชะอำ – หัวหิน และหลายหน่วยงานในพื้นที่ สนับสนุนจัดเทศกาลอาหารหัวหินขึ้นเป็นประจำต่อเนื่องมาเกือบทุกปี เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Low Season สร้างรายได้ และให้ความสุขแก่ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และที่พิเศษในปีนี้ครบรอบ 113 ปี สถานีรถไฟหัวหินด้วย จึงจัดกิจกรรมมากมาย ภายในงานมีการออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจากโรงแรม 5 ดาว การแข่งขันแกะสลักผักและผลไม้ การแข่งขันประกอบอาหาร การประกวดตกแต่งบูธสวยงาม การแข่งขันลีลาประกอบอาหาร กิจกรรม work shop บาร์เทนเดอร์ทุกวัน โซนอาหารซีฟู้ดและอาหารพื้นถิ่นเมืองหัวหิน พร้อมจัดจุดเช็คอินถ่ายภาพเก็บภาพความประทับใจให้นักท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบฯ ได้นำร้านค้ากว่า 30 ร้าน มาร่วมออกบูธ “Street Food – Street Art” พร้อมกิจกรรมบันเทิงบนเวทีต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะวันเปิดงาน ชวนชิมอาหารจานเด็ด “ข้าวผัดรถไฟหัวหิน 113 ปี” กระทะยักษ์ ตำนานข้าวผัดโรงแรมรถไฟหัวหินอันโด่งดังในอดีต โดยเชฟรับเชิญจากโรงแรมต่างๆ มาประกอบอาหารจำนวน 113 จาน แจกจ่ายให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในงานได้ลองลิ้มรส คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงานในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 8,000 คน มีเงินหมุนเวียนจากงานนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวหัวหิน และเข้าชมงานดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ มอบโฉนดที่ดินทำกิน ส.ป.ก.เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ตั้งเป้า 300 ราย ภายในเดือน ก.ค.นี้

รองผู้ว่าฯ มอบโฉนดที่ดินทำกิน ส.ป.ก.เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ตั้งเป้า 300 ราย ภายในเดือน ก.ค.นี้

วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในการมอบโฉนดที่ดินทำกิน ส.ป.ก.4-01 (ครุฑเขียว) ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 7 อำเภอ จำนวน 72 ราย เนื้อที่ 870 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา ที่ศูนย์ฝึกสมานมิตร อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ตามโครงการมอบโฉนดเพื่อการเกษตรจำนวน 72,000 ฉบับ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มีนายอำนาจ เขม่นกิจ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายประยูร พะมะ สหกรณ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางวิภารัตน์ สัมนักษร ผู้อำนวยการ ธกส.จังหวัดประจวบฯ และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันมอบโฉนด ส.ป.ก.ให้กับเกษตรกร โดยในการมอบ ได้ทำพร้อมกับส่วนกลาง ผ่านระบบถ่ายทอดสดผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยมีเป้าหมายจำนวน 72,000 ฉบับทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเป้าหมายมอบให้เกษตรกรจนครบจำนวน 300 ฉบับ ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวง ร.9) ได้พระราชทานที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้ ส.ป.ก.นำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดิน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนผู้ยากไร้ ปัจจุบัน ส.ป.ก.มีที่ดินพระราชทานในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 5 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดฉะเชิงเทรา นครปฐม นครนายก ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา และเมื่อวันที่ 22 และ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี เพื่อพระราชทานเอกสารสิทธิสัญญาเช่าที่ดิน ตามโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน และพระราชทานพระราชดำรัส ความว่า

“ผู้ที่ได้รับมอบที่ดินสำหรับทำกิน พร้อมทั้งเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินนั้นอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว ควรจะถือว่าแต่ละคนมีภาระอย่างยิ่งที่จะดูแลรักษาและพัฒนาที่ดินของตนให้เกิดประโยชน์อย่างดีที่สุด ด้วยความตั้งใจจริง อดทน ขยันหมั่นเพียรและซื่อสัตย์สุจริต ทั้งต้องอยู่ร่วมกันด้วยความเมตตาปรองดองกัน และยึดมั่นในสามัคคีธรรมให้มั่นคง โดยถือเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นจุดหมายสำคัญอันสูงสุดตามพระบรมราโชวาท เพื่อสามารถสร้างความสำเร็จให้แก่ตนเอง และเพื่อสามารถรักษาแผ่นดินของเราไว้ให้มั่นคงตลอดไป”

นายอำนาจ เขม่นกิจ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ทาง ส.ป.ก.ได้จัดทำโครงการมอบโฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 72,000 ฉบับ ทั่วประเทศ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวฯ ซึ่งในส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเป้าหมายมอบให้เกษตรกร 7 อำเภอ จำนวน 300 ราย เพื่อให้เกษตรกรสามารถได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพได้มากยิ่งขึ้น จากเดิม 60% แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นโฉนด ส.ป.ก.ครุฑเขียว แล้ว จะทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนกับธนาคาร ธ.ก.ส.ได้เพิ่มขึ้นเป็น 80% นอกจากนี้ยังใช้เป็นหลักฐานในการค้ำประกันตัวผู้ต้องหาที่มีคดีเกี่ยวข้องกับที่ดินได้อีกด้วย และในอนาคตอาจสามารถใช้เข้าถึงแหล่งเงินทุนกับสถาบันการเงินอื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการทำ MOU ร่วมกัน เช่น ธนาคารออมสินและอื่นๆ เพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงอยากฝากถึงประชาชนที่ถือครองใบที่ดิน ส.ป.ก.4-01 มาอย่างต่อเนื่องแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี สามารถนำมายื่นขอออกใบโฉนดเพื่อการเกษตรได้ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัด หรือรอสำนักงานออกหน่วยเคลื่อนที่ หรือจังหวัดเคลื่อนที่ ซึ่งสำนักงานจะดำเนินการตั้งจุดรับคำขอด้วยเช่นกัน.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บลูพอร์ต ชวนหล่อเทียน “เข้าพรรษา มาหาบุญ” สืบสานประเพณีอันดีงามของไทย

บลูพอร์ต ชวนหล่อเทียน “เข้าพรรษา มาหาบุญ” สืบสานประเพณีอันดีงามของไทย

วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบฯ ขอเชิญร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีหล่อเทียนพรรษา ในกิจกรรม “เข้าพรรษา มาหาบุญ” ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษาตามปีนักษัตร และถวายหลอดไฟให้แก่วัดในพื้นที่อำเภอหัวหิน เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อเสริมสร้างกุศล เพิ่มบุญบารมี เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต และยังเป็นการร่วมกันส่งเสริมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป

น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด กล่าวว่า “วันเข้าพรรษาปี 2567 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคมนี้ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยพระสงฆ์นิกายเถรวาทจะจำพรรษาที่วัดใดวัดหนึ่ง ไม่ไปค้างแรมที่อื่น เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน จึงจัดกิจกรรม “เข้าพรรษา มาหาบุญ” เพื่อสืบสานประเพณีงานทำบุญมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ถือเป็นประเพณีที่มีความสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่โบราณกาล และเป็นการเผยแพร่ประเพณีไทยที่ดีงามให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้าร่วมกิจกรรรมทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตร่วมกัน ในระหว่างวันที่ 17 – 23 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 – 21.00 น. โดยจัดแท่นหล่อเทียนบริเวณประตูทางเข้ากูรเม่ต์มาร์เก็ต ชั้น G และหลังจากหล่อเทียนครบ 7 วัน จะมีการนำเทียนไปถวายยังวัดต่างๆ ทั้ง 9 วัด ในอำเภอหัวหิน ได้แก่ วัดเขาลั่นทม, วัดเขาใหญ่อรุณบุญราษฏร์, วัดหนองแก, วัดเขาไกรลาศ, วัดพุทธไชโย, วัดเขาตะเกียบ, วัดถ้ำเขาเต่า, วัดสะพานขี้เหล็ก และวัดเขาสนามชัย ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 เพื่อใช้จุดเป็นพุทธบูชาในระหว่างเข้าพรรษา

ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มาร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา พร้อมร่วมถวายหลอดไฟ ระหว่างวันที่ 17 – 23 กรกฎาคมนี้ ที่บริเวณประตูทางเข้ากูรเม่ต์มาร์เก็ต ชั้น G บลูพอร์ตหัวหิน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลูพอร์ตหัวหิน โทร.032 – 905111, เฟซบุ๊ก : Bluport Hua Hin Official หรือ Line: @Bluport.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจท่องเที่ยวหัวหิน ลงพื้นที่หาดชะอำ พบนักท่องเที่ยวคึกคักแน่นหาดช่วงหยุดสุดสัปดาห์

ตำรวจท่องเที่ยวหัวหิน ลงพื้นที่หาดชะอำ พบนักท่องเที่ยวคึกคักแน่นหาดช่วงหยุดสุดสัปดาห์

จากกรณีในโลกโซเชียลมีการเผยแพร่คลิปบรรยากาศทะเลชะอำในวันอาทิตย์ที่เงียบเหงา ไม่มีคน ไม่มีนักท่องเที่ยว แม้เตียงผ้าใบก็ไม่มีคนนั่ง ทะเลเงียบสงบไม่มีคนเล่น จากสภาพรถที่เวลามาเที่ยวชะอำแทบจะหาที่จอดไม่ได้ ก็กลายเป็นโล่ง ว่าง เงียบอย่างชัดเจนแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเอาเจ้าของคลิปถึงกับอุทานออกมาด้วยความใจหายว่า “ที่นี่ชะอำนะครับ เกิดอะไรขึ้น” ภายหลังคลิปถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาวิเคราะห์สาเหตุมากมาย อาทิ มีการสร้างบันไดซีเมนต์ยาวติดทะเลจนชายหาดแทบไม่เหลือ จริงอยู่ที่บันไดสามารถกันคลื่นได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เอาความสวยงามของชายหาดชะอำไปด้วย น้ำทะเลไม่สวย ไม่มีจุดถ่ายรูป มีแต่ปูน, ของที่ชะอำราคาอาหารแพงมาก และอาหารไม่สด คนหนีไปที่ ที่มีหาดสวยๆ ที่ไม่ไกล ขายของถูกกว่า เช่น หาดเจ้า หาดหัวตาล หาดเจ้าสำราญ หรือบางคนไปอ่าวมะนาวเลย, ที่ชะอำเจ้าที่แรง หาที่จอดรถยากมาก ถ้าจะจอดรถต้องนั่งเตียงผ้าใบ เที่ยงปุ๊บจะนั่งต่อเสียเงินอีกรอบ บางคนแค่อยากจอดรถไม่นานเพื่อกินข้าว มีคนเข้ามาชาร์จทันทีว่าจะเอาเตียงผ้าใบไหม ถ้าไม่เอาเตียงผ้าใบ ให้ไปจอดรถที่อื่นนั่นเอง สร้างความเสียหายแก่การท่องเที่ยวเมืองชะอำเป็นอย่างมาก

วันที่ 14 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ท่องเที่ยว สั่งการให้ พ.ต.ท.อาณัฐชัย ก้อนทอง สวญ.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.3 (ตำรวจท่องเที่ยวหัวหิน) ร่วมกับนายศรีเพชร อินพันทัง รองปลัดเทศบาลเมืองชะอำ นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี สภ.ชะอำ เทศกิจ และกลุ่มผู้ประกอบการริมหาดชะอำ ออกตรวจสอบบรรยากาศบริเวณชายหาดชะอำใต้ ชุมชนหนองแจง พบว่าคึกคักมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ต่างพาครอบครัวมาพักผ่อน ทานอาหารทะเล ขี่ม้าชายหาด ลงเล่นน้ำทะเลกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศแจ่มใส ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกวันหยุดสุดสัปดาห์

นายศรีเพชร อินพันทัง กล่าวว่า การท่องเที่ยวของหาดชะอำ วันปกติจะมีนักท่องเที่ยวและคณะศึกษามาดูงานเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนลงเล่นน้ำเป็นจำนวนมากตลอดแนวชายหาด ผู้ประกอบการหาดชะอำมีรายได้ปกติ โรงแรมและที่พักในพื้นที่มีนักท่องเที่ยวจับจองเข้าพักเป็นประจำ ส่วนที่มีคนนำคลิปมาลงในโซเซียลนั้น เป็นช่วงเย็น ผู้ประกอบการเตรียมเก็บเตียงผ้าใบแล้ว จึงทำให้ภาพการท่องเที่ยวริมหาดชะอำในช่วงนั้นเงียบเหงา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวที่ลงคลิปอาจเข้าใจผิดไปเอง

พ.ต.ท.อาณัฐชัย ก้อนทอง กล่าวว่า วันนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีที่เป็นข่าวว่าชะอำเงียบเหงานั้น ได้ร่วมกับหลายฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ ทางผู้ประกอบการยืนยันว่าชะอำไม่เงียบเหงาอย่างที่เห็น ยังพบนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนในพื้นที่อยู่ต่อเนื่อง และฝากชมผู้ประกอบการร้านค้ามีการบริการที่ดี ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ และยังเชื้อเชิญให้มาเที่ยวซะส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวที่มาต่างมีความพอใจด้านการท่องเที่ยวที่สะดวกสบาย ความปลอดภัย มั่นใจได้ว่าชะอำไม่เงียบเหงาแน่ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาลองสัมผัสด้วยตัวเองที่หาดชะอำ จ.เพชรบุรี.