Categories
ข่าว ทั้งหมด

อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดมหกรรมจ้างงาน ให้กับผู้สูงอายุที่หัวหินมีรายได้

อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดมหกรรมจ้างงาน ให้กับผู้สูงอายุที่หัวหินมีรายได้

วันที่ 6 กันยายน 2567 น.ส.แรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นประธานเปิดโครงการ “มหกรรมการจ้างงาน ส่งเสริมการมีรายได้ และมีงานทำของผู้สูงอายุ” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 กันยายน 2567 ที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน จ.ประจวบฯ มี น.ส.กนกวรรณ เหลืองมงคลเลิศ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจท่องการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นายอมรเทพ อ่วมมีเพียร ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน และแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับ

น.ส.แรมรุ้ง วรวัธ กล่าวว่า กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานระดับกรม มีภารกิจส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ การจัดสวัสดิการและการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ รวมทั้งการพัฒนารูปแบบงานด้านสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อสภาพการณ์ทางสังคม กระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ซึ่งโครงการวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำภูมิปัญญาผู้สูงอายุ มาถ่ายทอดส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เสริมพลังผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สร้างความตระหนักให้สังคมเห็นความสำคัญของการจ้างงานผู้สูงอายุ เพื่อเพิ่มรายได้ และลดภาวะการพึ่งพิง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและประสานความร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงาน ส่งเสริมการมีรายได้และมีงานทำของผู้สูงอายุโดยมีกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสิ้น 200 คน ประกอบด้วย 1) เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่ง 2) ข้าราชการเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่กรมกิจการผู้สูงอายุ และวิทยากรบรรยาย ภาครัฐและภาคเอกชน 3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย 1) บูธรับสมัครงานภาครัฐ ภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทมจำกัด โครงการ Cafe Amazon for Chance บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด 2) บูธจำหน่ายสินค้าและบริการผู้สูงอายุ อาทิ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 4 ภาค กองทุนผู้สูงอายุ น้ำพริกปลาหมึกกลุ่มแม่บ้านเขาเต่า อาหารทะเลแปรรูป ตุ๊กตาไหมพรม ตุ๊กตาเปลือกหอย กระเป๋าสาน เสื้อผ้ามัดย้อม 3) การสาธิตภูมิปัญญาผู้สูงอายุจากนักเรียนโรงเรียนวิลัยวัยหวาน เทศบาลเมืองหัวหิน ได้แก่ พวงกุญแจรูปหอย การร้อยสร้อยข้อมือเปลือกหอย 4) การแสดงดนตรีและความสามารถพิเศษของผู้สูงอายุ 5) การตรวจสุขภาพผู้สูงอายุหาความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจ บูธชิมฟรีสับปะรดกระป๋อง สินค้าส่งออกต่างประเทศของดีเมืองประจวบคีรีขันธ์ บริษัท ผลไม้กระป๋องประจวบฯ จำกัด.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“เคย” มาแล้ว ชาวบ้านแห่ลากอวนคึกคักหน้าหาดหัวหิน รายได้เสริมนับพันบาท

“เคย” มาแล้ว ชาวบ้านแห่ลากอวนคึกคักหน้าหาดหัวหิน รายได้เสริมนับพันบาท

วันที่ 6 กันยายน 2567 ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่บริเวณชายหาดหน้าสวนหลวงราชินี 19 ไร่ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ มี “เคย” ซึ่งเป็นชื่อกุ้งตัวเล็กๆ พันธุ์หนึ่งที่เป็นวัตถุดิบหลักในการทำกะปิ ขึ้นมารวมกันอยู่เต็มทะเลหน้าชายหาด มีกลุ่มชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างนำอุปกรณ์มาล้อมจับเคยกันอย่างคึกคัก ซึ่งการล้อมจับเคย มีทั้งการล้อมแถวชายฝั่งและห่างไกลออกไปในทะเล เพื่อนำไปประกอบอาหารหรือทำกะปิไว้กินเอง ซึ่งแต่ละกลุ่มได้เคยกันเป็นจำนวนมาก รวมกันแล้วเกือบ 1,000 กก. ท่ามกลางบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวผักผ่อนบริเวณชายทะเล ต่างพากันมามุงดูและถ่ายภาพเก็บไว้ดูด้วยความสนใจ

นายบุญมา พุ่มพฤกษ์ อายุ 64 ปี ข้าราชการวัยเกษียณ กล่าวว่า ช่วงเช้าตนออกมาจับปลาโดยการหว่านแห พบว่ามีตัวอะไรเล็กๆ มาเกาะใส่ขา ก็เลยรู้ว่ามี “เคย” เข้าจำนวนมาก ซึ่งปกติมักจะมีช่วงหลังมรสุม แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมเคยมาเร็ว เลยนำอุปกรณ์ที่เรียกว่า “ละวะ” เป็นอุปกรณ์ใช้ลากเคยโดยเฉพาะ เวลาจับจะใช้วิธีการลากโดยเอาเชือกผูกแล้วลาก “เคย” วันนี้ได้เคยหลายสิบกิโลกรัม นอกจากขายแล้วก็จะเอาไปทำกะปิ ถ้าทำอาหารก็นำไปทอดกับไข่ ทำทอดมันก็ได้ ปีนี้สามารถจับ “เคย” ได้มากกว่าปีก่อน เพราะว่า “เคย” ไม่ได้เข้ามาประมาณ 2 – 3 ปีแล้ว ปีนี้ถือว่าได้เยอะมาก มันก็จะเข้าแบบนี้ประมาณ 1- 2 วัน แล้วก็จะไปตามกระแสน้ำ

ด้านนายต้น (ขอสงวนนามสกุล) อาชีพรับเหมาก่อสร้าง กล่าวว่า ตนเดินทางมาจาก ต.ห้วยทรายใต้ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หลังทราบข่าวว่ามีเคยขึ้นจำนวนมากหน้าชายหาดสวนหลวงราชินี 19 ไร่ ก็เลยขับรถวิ่งมาซื้อ เพื่อเอาไปทำกะปิ วันนี้ซื้อเคยทั้งหมดไป 6 กิโลกรัมๆ ละ 40 บาท ถ้าไปทำกะปิก็จะได้กะปิประมาณ 6 กิโลกรัม น้ำหนักก็ประมาณนี้ไม่ต่างเยอะ ปกติตนยังไม่เคยลองทำเมนูอื่น วันนี้ตั้งใจว่าจะนำเคยไปทอดดู เห็นเขาว่าอร่อยทอดกินได้.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

นักท่องเที่ยวแน่น งานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยประจวบฯ กับผลงานศิลปินดังมากมาย

นักท่องเที่ยวแน่น งานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยประจวบฯ กับผลงานศิลปินดังมากมาย

วันที่ 6 กันยายน 2567 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยประจวบคีรีขันธ์ ที่บ้านศิลปินหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัด นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดหัวหิน นางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นายโชคชัย วงศ์จักรภัชร์ กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ตหัวหิน อ.ทวี เกษางาม ผู้อำนวยการบ้านศิลปินหัวหิน ให้การต้อนรับ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากร่วมชมผลงานจากเหล่าศิลปินดังที่นำมาจัดแสดง

นายองครักษ์ ทองนิรมล กล่าวว่าจังหวัดประจวบฯ มีเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ โดยกำหนดประเด็นการพัฒนาด้านเสริมสร้างความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว บนพื้นฐานเอกลักษณ์ของจังหวัดสู่นานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม ในด้านการนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power และจังหวัดประจวบฯ มีความโดดเด่นเนื่องด้วยมีศิลปินแห่งชาติในจังหวัด 2 ท่าน ได้แก่ อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2557 และนางภัทราวดี มีชูธน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2557 อีกทั้งยังมีศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อ.ทวี เกษางาม อดีตประธานสีน้ำโลกและผู้อำนวยการบ้านศิลปินหัวหิน ซึ่งเคยมีผลงานในการจัดเทศกาลศิลปะระดับโลก เช่น งานแสดงสีน้ำโลกนานาชาติ ที่หัวหินบลูพอร์ต ปี 2559 งานเทศกาลศิลปะแห่งเมืองหัวหิน ปี 2564 งานศิลปะใต้ร่มไม้ ปี 2566 เป็นต้น

สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมในงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยประจวบคีรีขันธ์ ได้ระหว่างวันที่ 6 – 8 กันยายนนี้ ที่หมู่บ้านศิลปินหัวหิน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 17.00 น. ภายในงานพบกับกิจกรรมมากมาย การจัดนิทรรศการศิลปะจากศิลปินแห่งชาติ ศิลปินอาวุโส ศิลปินกราฟฟิตี้ ศิลปินอาร์ททอย ศิลปินแท๊ททู กว่า 120 ท่าน การจัดเสวนา เวิร์คช็อป การแสดงบนเวที การแสดงดนตรี ตลาดนัดภูมิปัญญา การประกวดวาดภาพ ซึ่งการจัดงานเทศกาลดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน และมาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน ในการจัดแสดงผลงานศิลปะ การประชาสัมพันธ์ และอำนวยความสะดวกบริการรถรับส่งในช่วงจัดเทศกาลดังกล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แรงงานเถื่อนแค้นเพื่อนร่วมชาติ ฆ่าปาดคอชิงรถมอเตอร์ไซค์ขี่หลบหนีออกนอกประเทศ

แรงงานเถื่อนแค้นเพื่อนร่วมชาติ ฆ่าปาดคอชิงรถมอเตอร์ไซค์ขี่หลบหนีออกนอกประเทศ

เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 6 กันยายน 2567 พ.ต.ท.วิชาญ กลิ่นสุข สว.สอบสวน สภ.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่คุ้มเนินแก้ว หมู่ 5 บ้านหนองเสือ ต.อ่าวน้อย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นพร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยณรงค์ ดีศิริ รอง ผกก.สืบสวนจังหวัด พ.ต.ท.สำราญ ขาวแก้ว รอง ผกก.สืบสวน สภ.อ่าวน้อย พ.ต.ท.ชุมพล บางจันทึก รอง ผกก.ป.สภ.อ่าวน้อย แพทย์ รพ.ประจวบฯ พิสูจน์หลักฐานจังหวัด และมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน รุดไปยังที่เกิดเหตุอยู่ในสวนยางพารา ที่บริเวณโรงรีดยาง พบศพนายอารวย อายุ 39 ปี ชาวเมียนมา ไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสามส่วนสีแดง นอนหงายจมกองเลือดอยู่ข้างกองยางพาราที่รีดแผ่นแล้ว ตรวจตามร่างกายพบที่คอถูกปาดด้วยของมีคม คาดว่าเป็นมีดกรีดยางเป็นแผลฉกรรจ์ บริเวณหลังศีรษะ ที่คอพบบาดแผลอีกหลายแห่ง บนหน้าท้องผู้ตายมีค้อนทับกระดาษเปื้อนเลือด มีข้อความเป็นภาษาเมียนมา ให้ล่ามแปล ได้ความว่า“ถ้าเขาผิด หากจะจับเขาให้โทรหา เขาเป็นคนเอารถเครื่องไป”จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่ง รพ.ประจวบฯ ให้แพทย์ชันสูตรอีกครั้ง

จากการสอบสวน น.ส.กระแต แฟนสาวนายอารวย ให้การว่าช่วงค่ำตนโทรหาผู้ตาย เพื่อให้มารับตนที่บ้านแม่ แต่แฟนหนุ่มบอกว่าอากาศไม่ดี ให้นอนอยู่บ้านแม่ไปก่อน พรุ่งนี้จะมารับ จากนั้นติดต่อไม่ได้เลย ด้วยความเป็นห่วงจึงให้น้องชายตามไปดู ก็พบว่านายอารวยถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว ส่วนนายมิวเอที่เพิ่งรู้จักกับแฟนตนได้ประมาณ 1 เดือน และไม่มีบัตรอนุญาตทำงานใดๆ หายตัวไปหลังเกิดเหตุพร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 100 สภาพเก่าของแฟนตน คาดว่าคนร้ายเป็นฝีมือนายมิวเออย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้นายมิวเอชอบมารบเร้าให้แฟนตนไปส่งที่บ้านต้นเกตุ แต่แฟนก็บอกว่ายังไม่ว่าง จึงยังไปไม่ได้ สร้างความไม่พอใจให้กับนายมิวเอเป็นอย่างมาก ส่วนสาเหตุคาดว่านายอารวยคงมีปากเสียงกับนายมิวเอ ก่อนโกรธแค้นใช้มีดปาดคอนายอารวยจนเสียชีวิต จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 – 4 กิโลเมตร ออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งจะได้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจน้ำบางสะพาน เตรียมแผนป้องกันเด็กจมน้ำเสียชีวิตช่วงปิดเทอม

ตำรวจน้ำบางสะพาน เตรียมแผนป้องกันเด็กจมน้ำเสียชีวิตช่วงปิดเทอม

วันที่ 5 กันยายน 2567 พ.ต.ท.อภิภพ กิจพฤกษ์ สว.ส.รน.6 กก.4 บก.รน.เปิดเผยว่า พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. รรท.ผบก.รน., พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.รน., พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รอง ผบก.รน., พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน., พ.ต.อ.พยงค์ เอี่ยมสกุล ผกก.4 บก.รน. ,พ.ต.ท.นัฐพงศ์ ตาแก้ว รอง ผกก.4 บก.รน. ได้สั่งการให้ตำรวจน้ำบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับโรงเรียนบ้านท่าขาม ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรม“ตำรวจน้ำ Delivery(เดลิเวอรี่) นำส่งความรู้การป้องกันเด็กจมน้ำ นำส่งความรู้การช่วยเหลือคนตกน้ำ“ให้เด็กนักเรียน เพื่อให้ความรู้การป้องกันเด็กจมน้ำ และฝึกทักษะการช่วยเหลือคนตกน้ำให้กับเด็กๆ ก่อนที่จะถึงช่วงปิดเทอมในเดือนตุลาคม 2567 เพื่อเป็นการป้องกันเด็กจมน้ำเสียชีวิตในช่วงปิดภาคเรียน

ทั้งนี้จากสถิติ การจมน้ำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ซึ่งในแต่ละปีเด็กไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำปีละมากกว่า 900 คน หรือเฉลี่ยวันละ 2.5 คน และช่วงที่พบว่าเด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุด เป็นช่วงหน้าร้อนและช่วงปิดเทอม และในโอกาสนี้ตำรวจน้ำบางสะพานได้ดำเนินกิจกรรม ตำรวจน้ำ Delivery นำส่งความรู้ป้องกันเด็กจมน้ำ และการช่วยเหลือคนตกน้ำไปยังโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อส่งมอบความรู้ให้กับน้องๆ ต่อไป.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เรือหลวงกระบุรี จัดกิจกรรม CSR กับท่าเรือประจวบฯ ให้นักเรียนขึ้นเยี่ยมชมการฝึกซ้อมและยุทโธปกรณ์

เรือหลวงกระบุรี จัดกิจกรรม CSR กับท่าเรือประจวบฯ ให้นักเรียนขึ้นเยี่ยมชมการฝึกซ้อมและยุทโธปกรณ์

วันที่ 5 กันยายน 2567 พลเรือโทสุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 สั่งการให้เรือหลวงกระบุรี เข้าร่วมในการฝึกซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (ISPS Code) ภายใต้รหัสการฝึก Naval Security Prachuap Port Exercise 2024 หรือ NAPPEX’24 โดยมีนาวาเอกไกรพิชญ์ กรวีร์ปภาวิทย์ เป็นผู้บังคับการเรือ ปฏิบัติราชการหมวดเรือเฉพาะกิจ กองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1 เข้าร่วมฝึกปฏิบัติการร่วมทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับนายชนยุธ นิลพานิช ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการท่าเรือ น.ส.ปภาดา ธนบวรบัณฑิตย์ ผุ้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและจัดซื้อ พร้อมผู้บริหาร พนักงาน บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เปิดให้นักเรียน และประชาชนในอำเภอบางสะพานและพื้นที่ใกล้เคียง ขึ้นเยี่ยมชมเรือหลวงกระบุรี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์กองทัพเรือ ท่าเรือบางสะพาน สร้างความรู้ความเข้าใจในหน้าที่ของทหารเรือ และสร้างแรงบันดาลใจ เชิญชวนให้น้องๆ นักเรียนในการเข้ามาเป็นกำลังกองทัพเรือในอนาคต

โดยมีกิจกรรมเสริมอีกหลายอย่าง อาทิ การดับเพลิงภายในเรือและท่าเรือ การช่วยชีวิตและปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ ทั้งทางบกและทางน้ำ การแสดงความสามารถสุนัขตำรวจ จากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า การแสดงยุทโธปกรณ์ และการปฏิบัติการในการเดินเรือในเรือหลวงกระบุรี ระหว่างเวลา 10.00 น. ถึง 16.30 น. มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 1,000 คน สำหรับเรือหลวงกระบุรี เป็นเรือลำที่สามในเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงเจ้าพระยา สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการของกองทัพเรือไทย โดยใช้แบบของเรือฟริเกต แบบ 053 เฮชที.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

1 ปีมีครั้งเดียว“เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ”ครั้งที่ 23

1 ปีมีครั้งเดียว“เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ”ครั้งที่ 23

วันที่ 5 กันยายน 2567 นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ นายนิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก ร่วมในการแถลงข่าวการจัดงาน“เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ”ครั้งที่ 23 ประจำปี 2567 ที่ชายหาดหน้าร้าน I Love Sweet หน้าโรงแรมลองบีช ชะอำ จ.เพชรบุรี มีนายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจท่องเที่ยวหัวหิน ชมรมเชฟชะอำ/หัวหิน และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมรับฟัง

นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันต์ กล่าวว่าชายหาดชะอำ เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศที่มีศักยภาพทาง ทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย โดยเฉพาะหาดทรายชายทะเล พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทางด้านท่องเที่ยวไว้คอยบริการอย่างครบครัน เป็นที่รู้จักและนิยมแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ประกอบกับพื้นที่ชายฝั่งทะเลตั้งแต่อำเภอบ้านแหลม เรื่อยมาจนถึงอำเภอชะอำ มีการเพาะเลี้ยงหอยมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาหมึกที่ชุกชุม โดยเฉพาะชายฝั่งชะอำ ช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมของทุกปี จะมีปลาหมึกมากและมีชาวประมงออกเรือไปจับปลาหมึกกลางทะเลเป็นจำนวนมาก หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จึงร่วมกันจัดงานเทศกาลกินหอย ตกหมึก ขึ้นเป็นประจำทุกปี สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และประชาสัมพันธ์ จ.เพชรบุรี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร หรือ Phetchaburi City of Gastronomy ของยูเนสโก

นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ กล่าวว่า เทศบาลเมืองชะอำ ร่วมกับ ททท.สำนักงานเพชรบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี และบริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด กำหนดจัดงาน“เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ”ครั้งที่ 23 ขึ้น ระหว่างวันที่ 14 – 21 กันยายนนี้ รวม 8 วัน 8 คืน ที่บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี กิจกรรมภายในงาน นอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายอาหารทะเลสดเลิศรสที่ปรุงด้วยเมนูหมึกและหอยเป็นหลักและอาหารอื่นๆ อีกหลากหลายจากโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังในอำเภอชะอำและจังหวัดเพชรบุรี กว่า 50 ร้านค้าคุณภาพในราคายุติธรรมและเหมาะสม อีกทั้งยังจัดให้มีการแสดงดนตรีจากวงดนตรีที่ได้รับความนิยมบนเวทีทุกคืน การออกร้านจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นบนถนนคนเดิน รอบบริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ และยังได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่หาได้เฉพาะในงานเทศกาลนี้ 1 ปีมีครั้งเดียว กับบริการนำนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์การลงเรือตกหมึกกลางทะเลที่น่าตื่นเต้นประทับใจทุกวัน ในราคาถูกเป็นพิเศษ เพียงท่านละ 100 บาท พร้อมอุปกรณ์ตกหมึก“โยธกา”ที่หาชมได้เฉพาะกิจกรรมนี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเที่ยวชมงานตามวันดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเทศบาลเมืองชะอำ โทรศัพท์ 032 – 472550, 032 – 471665 ททท.สำนักงานเพชรบุรี โทร.032 – 471005 – 6 และที่ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดโครงการเสริมสร้างทักษะด้านความปลอดภัยช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนให้เด็ก

ประจวบฯ จัดโครงการเสริมสร้างทักษะด้านความปลอดภัยช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนให้เด็ก

วันที่ 5 กันยายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กและเยาวชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่โรงยิมเนเซียม 2 สนามกีฬากลางจังหวัดประจวบฯภายใต้การจัดงาน“คมนาคมปลอดภัย ใต้ร่มพระบารมี”มีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พล.ต.ต.จำลอง งามเนตร ผบก.ภ.จ.ประจวบฯ น.ส.ทวีพร เพิ่มทวี ขนส่งจังหวัดประจวบฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการโรงเรียนสอนขับรถ และเยาวชนจากสถานศึกษาต่างๆ ร่วมกิจกรรม จัดโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบฯ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัยในกลุ่มเยาวชน ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงอุดมศึกษา ซึ่งเป็นแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืน โดยมีการแสดงนิทรรศการด้านความปลอดภัยทางถนน ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก และของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนให้แก่เด็กและเยาวชน“DLT Kids on the Road”–“เด็กประจวบโตไป ขับขี่ปลอดภัย มีวินัย ใส่ใจกฎจราจร”ประกอบด้วย 8 ฐานการเรียนรู้ ได้แก่ 1) ฐานการขี่จักรยานอย่างปลอดภัยในสนามจำลอง 2) ฐานเตรียมความพร้อมก่อนถึงเกณฑ์ขับขี่รถจักรยานยนต์ 3) ฐานการเรียนรู้การสวมหมวกนิรภัย 4) ฐานการเรียนรู้การคาดเข็มขัดนิรภัย และความเสี่ยงจากการใช้ความเร็ว 5) ฐานการเรียนรู้จุดอับสายตา 6) ฐานการเรียนรู้เครื่องหมายจราจร 7) ฐานการข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย และ 8) ฐานการเรียนรู้เกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะและรถรับส่งนักเรียน

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเข้าร่วมจำนวน 400 คน จากโรงเรียนอนุบาลประจวบคีรีขันธ์ โรงเรียนอนุบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ โรงเรียนเทศบาลวัดธรรมิการาม โรงเรียนเทศบาลบ้านค่าย และโรงเรียนประจวบวิทยาลัย เป็นการขับเคลื่อนกิจกรรมซึ่งเริ่มต้นที่กรมการขนส่งทางบก และขยายผลดำเนินการในลักษณะเดียวกันในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้แก่เยาวชน และน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ที่มีความพร้อมในการสร้างประโยชน์ สร้างสรรค์ความสุขความเจริญทั้งของตนเองและส่วนรวมได้ในอนาคต.

ข่าวแนะนำ
Categories
ข่าว ทั้งหมด

ทัพเรือภาค 1 ร่วมกับท่าเรือประจวบฯ ฝึกปฎิบัติการรักษาความปลอดภัย

ทัพเรือภาค 1 ร่วมกับท่าเรือประจวบฯ ฝึกปฎิบัติการรักษาความปลอดภัย

วันที่ 4 กันยายน 2567 นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1, พ.ต.อ.ชัยรินทร์แก้วสุวรรณ ผกก. สภ.บางสะพาน นายวิทักษ์ ทองรุ่งเปลว ปลัดอำเภอบางสะพาน และนายจิร โชตินุชิต กรรมการผู้จัดการ บจก.ท่าเรือประจวบ นายวีระ ร่วมพุ่ม รองนายก อบต.แม่รำพึง ร่วมเปิดการฝึกปฎิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยท่าเรือและเรือตาม ISPS Code ที่ห้องประชุม บจก.ท่าเรือประจวบฯ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใตัรหัส Naval Security Prachuap Port Exercise 2024 “NAPPEX2024” ในการฝึกซ้อมมีการจำลองเหตุรับมือสถานการณ์ก่อความไม่สงบในท่าเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภาวะฉุกเฉิน และภัยก่อการร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ท่าเรือ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฝึกซ้อม และสังเกตการณ์

นายจิร โชตินุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด เปิดเผยว่า ท่าเรือประจวบฯ เป็นท่าเรือน้ำลึกเอกชนที่มีจุดยุทธศาสตร์ และขีดความสามารถในการให้บริการ ด้วยทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม ให้บริการกับลูกค้าอื่นๆ จึงมีความคิดที่จะเพิ่มสายธุรกิจให้กับบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ต่อจังหวัด และต่อชุมชน ในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางน้ำ ประกอบกับพันธกิจที่จะมุ่งสู่ “ประตูสู่เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” และพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน เป็นแนวทางการขับเคลื่อนเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ควบคุไปกับการดูแลรักษาระบนิเวศอย่างยั่งยืน

นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า การฝึกครั้งนี้มีหน่วยเข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย ทัพเรือภาคที่ 1 เรือหลวงกระบุรี ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ชาติทางทะเล (ศรชล) ชุดปฏิบัติการพิเศษจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ตำรวจน้ำ เจ้าท่าตำรวจตระเวนชายแดน 14 EOD และหน่วยงานต่างๆในพื้นที่บางสะพาน ทั้งนี้ระหว่างมีการฝึก เรือหลวงกระบุรีได้ร่วมกับท่าเรือประจวบ จำกัด เปิดเรือให้นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมเรือหลวงกระบุรี ระหว่างเวลา 10.00 – 16.00 น. อีกด้วย.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ซ้อมใหญ่รับมืออุบัติเหตุบนถนน

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ซ้อมใหญ่รับมืออุบัติเหตุบนถนน

วันที่ 4 กันยายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานฝึกซ้อมบัญชาการเหตุการณ์ฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ (กรณีเกิดอุบัติเหตุใหญ่ทางถนน) จ.ประจวบฯ ประจำปี 2567 ที่บริเวณลานหน้าสโมสรกองบิน 5 อ่าวมะนาว อ.เมืองประจวบฯ มีบุคลากรและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการฝึก พร้อมด้วยรถดับเพลิง รถมูลนิธิฯ อาสากู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล และอุปกรณ์กู้ชีพของหน่วยงานต่างๆ โดยวันนี้เป็นการฝึกปฏิบัติจริงตามสถานการณ์จำลอง หลังจากได้มีการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะและการฝึกซ้อมสาธิต เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา

โดยมีการสมมุติสถานการณ์ เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงบรรทุกน้ำมันของบริษัทเอกชน บรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 48,000 ลิตร จากอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีจุดหมายไปยังจังหวัดสงขลา เสียหลักชนกับรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ – หาดใหญ่ บน ถนนเพชรเกษม ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 312+020 บริเวณหน้าห้างโฮมโปร สาขาประจวบฯ มีรถยนต์เก๋งไฟฟ้าและรถเก๋งติดแก๊สที่วิ่งตามมาเบรกไม่ทัน ชนซ้ำกับรถโดยสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมากในที่เกิดเหตุ มีน้ำมันรั่วไหลออกจากถังบรรจุลงบนพื้นถนน และมีกลุ่มควันจากรถยนต์เก๋งไฟฟ้า หลังรับแจ้งเหตุได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรถพยาบาล รถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำเข้าพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานต่างๆ มีทักษะในการรับมืออุบัติเหตุ รวมทั้งเป็นการทบทวนและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน จังหวัดประจวบฯ โดยเน้นกลไกการจัดการในภาวะฉุกเฉิน การจัดการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน พร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งมีถนนเพชรเกษม เป็นเส้นทางสายหลักในการเดินทางขึ้นล่อง 14 จังหวัดภาคใต้

นายสมคิด จันทมฤก กล่าวว่าการฝึกซ้อมเหตุการณ์จำลองอุบัติเหตุในครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี เจ้าหน้าที่มีความพร้อมรับมือสถานการณ์ และหลังจากที่ได้ฝึกซ้อมแล้ว ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันสรุปผลประเมินการฝึกซ้อม ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ เพื่อการปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาการฝึกให้ใช้ได้กับสถานการณ์จริงต่อไป.