Categories
ข่าว ทั้งหมด

เจ้าหน้าที่อุทยานจับผู้ต้องหาบุกรุกป่าประจวบฯ ปลูกทุเรียนกว่า 3 ไร่

เจ้าหน้าที่อุทยานจับผู้ต้องหาบุกรุกป่าประจวบฯ ปลูกทุเรียนกว่า 3 ไร่

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายกิตติศักดิ์ สมศรี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบฯ ว่าเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรมฯ ได้จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย บุกรุกพื้นที่ป่า ขณะนำกำลังออกลาดตระเวนตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ภายในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงบริเวณป่าคลองแห้ง ท้องที่บ้านบางเจริญ หมู่ 3 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ พิกัดที่ 47 P 0525748 E 1217564 N ได้ยินเสียงบุคคลกำลังบุกรุกแผ้วถางป่า เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อม พบชายสองคน กำลังใช้มีดพร้าตัดโค่นต้นไม้ในพื้นที่ จึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวได้ 1 คน พร้อมถือมีดพร้าในมือ ส่วนอีกคนวิ่งหนี จึงให้ชายที่ถูกควบคุมตัวโทรเรียกชายที่วิ่งหลบหนีให้มามอบตัว ทราบชื่อภายหลังว่านายจรัญ อายุ 60 ปี และนายไพฑูรย์ อายุ 69 ปี ทั้งคู่เป็นชาวชุมพร จากการตรวจสอบ พบมีพื้นที่ป่าถูกบุกรุก จำนวน 3 – 3 – 20 ไร่ โดยมีการถางป่าเป็นช่องและนำเมล็ดทุเรียนปลูกแทรกไว้ในพื้นที่ป่า

จากการสอบสวน ทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่าแผ้วถางป่าเพื่อปลูกต้นทุเรียน จึงแจ้งข้อหา 1.มีความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงาน 2.ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 4. ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม โดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ฐาน ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือเสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาต 6.ฐาน ปลูกต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งคู่ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพานน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจประจวบฯ อบรมสมาชิกอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรม เพิ่มศักยภาพดูแลพี่น้องประชาชน

ตำรวจประจวบฯ อบรมสมาชิกอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรม เพิ่มศักยภาพดูแลพี่น้องประชาชน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมสมาชิกอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรม ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ร่วมกับ กต.ตร.สภ.เมืองประจวบฯ โดยนายวสันต์ ร่อนทองชัย ประธาน กต.ตร. จัดขึ้นและได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานจากคุณณรงค์ฤทธิ์ แสงทอง เจ้าของร้านไอทีเซฟตี้เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีเจ้าหน้าที่ อส.ตร. เจ้าหน้าที่ อป.พร. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองผู้นำชุมชน ผู้ใใหญ่บ้าน และตัวแทนประชาชนจากหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่เขตรับผิดชอบของ สภ.เมืองประจวบฯ เข้าร่วมสมัครเป็นสมาชิกอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรมรวมกว่า 50 คน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายในการป้องกันอาชญากรรม ตามแผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง ผลผลิตการบังคับใช้กฎหมาย อำนวยความยุติธรรมและบริการประชาชน โดยจัดทำโครงการอบรมแจ้งข่าวอาชญากรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบลขึ้นทุกสถานีตำรวจ แห่งละ 1 รุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ระดับตำบล สร้างองค์ความรู้ให้ประชาชน เด็กและเยาวชน องค์กรภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมและช่วยเหลือสนับสนุนเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังป้องกันอาชญากรรม และเพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้ประชาชน เด็กและเยาวชน ได้รู้เท่าทัน สามารถป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ และตอบสนองการดำเนินงานของรัฐบาลในการป้องกันอาชญากรรมโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่มีเพิ่มมากขึ้น และหลากหลายรูปแบบ ประกอบกับสภาพสังคมมีความเจริญขึ้นและมีประชากรแฝงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีน้อยลง เนื่องจากงบประมาณและกำลังพล รวมไปถึงบางส่วนเกษียณอายุราชการ ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนได้ไม่ทั่วถึง จึงต้องหาความร่วมมือจากประชาชนเข้ามาเป็นอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรม เมื่อพบเหตุอาชญากรรม สามารถโทรศัพท์แจ้งได้ที่สายด่วน 191 ซึ่งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อาสาแจ้งข่าวอาชญากรรม จะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการอบรมให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตในการปฏิบัติงาน การให้ความรู้ทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และงานจราจร รวมไปถึงความรู้เกี่ยวกับงานด้านจิตอาสาและความเป็นมาของชาติไทย จึงอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ ที่ยังมีมากขึ้น โปรดอย่าหลงเชื่อไปกดลิ้งต่างๆ และอย่าไปหวังค่าตอบแทนมากๆ จากโลกออนไลน์ อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพได้ ทั้งนี้สายด่วน 191 มีความพร้อมให้บริการประชาชน 24 ชั่วโมง สะดวกและง่ายที่สุด.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวไร่เก่าร่วมหล่อเทียนเข้าพรรษา เพื่อนำไปถวายวัดในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา

ชาวไร่เก่าร่วมหล่อเทียนเข้าพรรษา เพื่อนำไปถวายวัดในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 นายกำพล เต็งประเสริฐ นายกเทศมนตรีตำบลไร่เก่า เป็นประธานเปิดกิจกรรมหล่อเทียนจำนำพรรษา เพื่อสืบสานวัฒนธรรมเทศกาลเข้าพรรษา ที่บริเวณปั๊ม ปตท.สามร้อยยอด เพื่อนำไปถวายที่วัด 3 แห่ง ในเขตพื้นที่ มีรองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล นายสิทธิชัย ลาภก่อเกียรติ กำนันตำบลไร่เก่า ข้าราชการ พนักงานและประชาชนทั่วไป ร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง

การจัดโครงการสืบสานวัฒนธรรมเข้าพรรษา เป็นประเพณีปฏิบัติของชาวพุทธที่ได้กระทำมาแต่ครั้งพุทธกาล เหตุที่ทำให้ เกิดประเพณีนี้ เนื่องจากมีภิกษุเดินไปเหยียบย่ำต้นข้าวกล้า ในนาของชาวบ้าน ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้อนุญาตให้ภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน คือในช่วงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวของชาวบ้านพอดี ในช่วงเข้าพรรษานี้ประชาชนจะนำเทียนไปถวายพระภิกษุ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ตนเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณประดุจขี้ผึ้งที่ใช้ทำเทียนที่ได้จากรังผึ้ง

เทศบาลตำบลไร่เก่า ตระหนักถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำความเจริญงอกงามให้แก่ประชาชนและวิถีชีวิตของชาวบ้าน โดยบำรุงรักษาประเพณี วัฒนธรรม สร้างจิตสำนึกให้กับเด็ก เยาวชนและประชาชนในท้องถิ่น ให้มีความรักและหวงแหนศิลปะ วัฒนธรรม จารีต ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนของตนเอง จึงได้จัดกิจกรรมหล่อเทียนพรรษา เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 3 วัด คือ วัดศาลาลัย วัดตาลเจ็ดยอดและวัดสามร้อยยอด โดยจะเปิดให้ประชาชนได้ร่วมหล่อเทียน และทำบุญไปจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นจะจัดขบวนเพื่อแห่เทียนและนำผ้าอาบน้ำฝน พร้อมเครื่องไทยธรรม ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ณ วัดศาลาลัย วัดตาลเจ็ดยอด วัดสามร้อยยอด ต่อไป.

ภาพ/ข่าว : ฐิติชญา แสงสว่าง

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สโมสรไลออนส์สากล ภาค 310 D ปฐมนิเทศนักเรียนทุนไปศึกษาต่อประเทศไต้หวัน

สโมสรไลออนส์สากล ภาค 310 D ปฐมนิเทศนักเรียนทุนไปศึกษาต่อประเทศไต้หวัน

วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 นายสุรีย์ นิ่มวชิระสุนทร ผู้ว่าการไลออนส์สากลภาค 310 ดี ผ่านพ้น นายมงคล ธนปิยานนท์ อดีตประธานสภาผู้ว่าการไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย นางสุจิตรา ลาภธีรวุฒิ นายกก่อตั้งสโมสรไลออนส์ตลิ่งชันดี – ไทย และเจ้าของโครงการนักเรียนไทย – ไต้หวัน นายธนกฤต พราหมณีนิล เลขาธิการสโมสรไลออนส์เมืองประจวบฯ ผู้อำนวยการ พร้อมคณะผู้บริหารโรงเรียนซื่อจี้ ประเทศไต้หวัน ร่วมในการปฐมนิเทศนักเรียนโครงการศึกษาต่อ ณ ประเทศไต้หวัน ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จ.เพชรบุรี มีนางสิริณิกุญช์ เพ็ชร์สุกใส ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 สโมสรไลออนส์ต่างๆ คณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนที่จะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศไต้หวันร่วมในพิธี ซึ่งก่อนหน้านี้ สโมสรไลออนส์เมืองประจวบฯ และสมาชิก ได้ไปแนะนำโครงการดังกล่าวในปีการศึกษาหน้าให้กับนักเรียนโรงเรียนหัวหิน และโรงเรียนหัวหินวิทยาลัยด้วย

สโมสรไลออนส์ตลิ่งชันกรุงเทพฯ ภาค 310 D จัดโครงการดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างไทย – ไต้หวัน โดยให้ทุนสนับสนุนนักเรียนไทยที่มีฐานะยากจน เดินทางไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเรียนภาษาจีน และมีโอกาสได้ทำงานที่ประเทศไต้หวัน อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและไต้หวันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยในครั้งนี้ มีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับปริญญาตรีจากสถาบันศึกษาในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ และเพชรบุรี ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศไต้หวัน รวม 21 คน ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นพิธีปฐมนิเทศแล้ว สโมสรไลออนส์ได้มอบกระเป๋าเดินทางให้ผู้รับทุนทั้งหมดเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศไต้หวัน ในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บีเวล เมดิคอล หัวหิน ให้ความรู้สมาชิกพร้อมรับมือวัยหมดประจำเดือน

บีเวล เมดิคอล หัวหิน ให้ความรู้สมาชิกพร้อมรับมือวัยหมดประจำเดือน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 บีเวล เมดิคอลเซ็นเตอร์ หัวหิน ร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวช กรุงเทพฯ จัดสัมมนาให้ความรู้เรื่อง “ความลึกลับของวัยหมดประจำเดือน” (The Mystery of Menopause) ที่เบลวิด้า เอสเตทหัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมีวิทยากร 3 ท่าน ได้แก่ รศ.ศาสตราจารย์ นพ.มานพ ธรรมคันโท ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านเพศสภาพ ศูนย์ไลฟ์บาลานซ์ โรงพยาบาลสมิติเวช บรรยายเรื่องสาเหตุ อาการ และการรักษาวัยหมดประจำเดือน รวมทั้งการเปลี่ยนฮอร์โมน, พญ.เปมิกา พิชญธนากร แพทย์ประจำครอบครัวบีเวล บรรยายถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจวัยหมดประจำเดือน, นายสตีฟ แรดลีย์ นักจิตบำบัด ที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตที่บีเวล กล่าวถึงแง่มุมมองทางจิตวิทยาของวัยหมดประจำเดือน ให้กับสมาชิก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ประมาณ 60 คน ได้รับฟัง

พญ.เปมิกา พิชญธนากร กล่าวว่า โรคที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน จะมีโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เวลาคนไข้มาหาหมอ แพทย์ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าสาเหตุ จริงๆ แล้วเกิดจากภาวะหมดประจำเดือนของผู้หญิง ก็จะมีการจ่ายยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) จะรักษาไม่หายขาด แต่ถ้าแพทย์มีความตระหนักถึงภาวะหมดประจำเดือนของผู้หญิง การให้ฮอร์โมนเพียงแค่ Low – Dose จะช่วยให้ผู้หญิงเหล่านี้มีภาวะสุขภาพที่ดีขึ้น ปัจจุบันนี้ผู้หญิงยังมีความกลัวในเรื่องของการใช้ฮอร์โมน ยังมีความเข้าใจที่ผิดๆ ในเรื่องของการใช้ฮอร์โมน ว่าอาจก่อให้เกิดมะเร็ง ความคิดเหล่านี้ต้องเปลี่ยนไป เพราะผู้หญิงทุกคนที่มีรังไข่ จะต้องเข้าสู่ภาวะนี้ อย่างน้อยคือช่วงหนึ่งของชีวิต ถ้าเราไม่เตรียมตัว เตรียมพร้อมหรือให้ความรู้กับผู้หญิงช่วงวัยหมดประจำเดือน ในอนาคตข้างหน้าจะเกิดผลกระทบต่อภาวะสุขภาพโดยรวม อย่างเช่น ภาวะกระดูกพรุน เวลาผู้หญิงอายุมากเกิดสะดุดหกล้ม ถ้าสะโพกหักคือชีวิตอาจจะจบลงตรงนั้น ถ้าเราให้ความรู้กับผู้หญิงตอนนี้ในการเตรียมตัวที่จะเข้าสู่วัยทองภาวะหมดประจำเดือน ผู้หญิงเราก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

อุทยานกุยบุรี นำ ‘SMART Mobile’ พัฒนาระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพให้เจ้าหน้าที่ใช้ป้องกันรักษาป่า

อุทยานกุยบุรี นำ ‘SMART Mobile’ พัฒนาระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพให้เจ้าหน้าที่ใช้ป้องกันรักษาป่า

วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้นำนวัตกรรมระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol System) ใช้ระบบฐานข้อมูล ชื่อว่า ‘SMART’ (Spatial Monitoring And Reporting Tool) มาใช้ในการเก็บข้อมูล ซึ่งเป็นรูปแบบการคุ้มครองพื้นที่ป่าที่มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้มีข้อมูลและเทคโนโลยีดูแลรักษาทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ในการปกป้องดูแลและรักษาทรัพยากรสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่มีค่าและใกล้สูญพันธุ์

ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีการนำเทคโนโลยีที่ใช้ในงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพ มีชื่อว่า ”SMART Mobile“ เป็นเทคโนโลยีที่รวบรวมการเก็บข้อมูลของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ป่า จากเดิมที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจะต้องใช้เครื่องหาพิกัดสัญญาณดาวเทียม GPS, แบบฟอร์มลาดตระเวน (Data sheet) และกล้องถ่ายภาพ ซึ่ง SMART Mobile เป็นการรวบรวมเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพ รวมมาเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ลดการทำงานของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน ซึ่งเดิมเมื่อลาดตระเวนเสร็จสิ้น จะต้องมาทำรายงานตามแบบฟอร์มลาดตระเวน ทำให้ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แตกต่างจากการใช้ SMART Mobile

“เมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเสร็จสิ้นภารกิจ สามารถส่งข้อมูลการลาดตระเวนให้กับศูนย์ควบคุมระบบลาดตระเวนของอุทยานฯ ได้ทันที ไม่มาว่าจะเป็นที่ไหน ทำให้ลดเวลาและภาระที่เจ้าหน้าที่อยู่ตามหน่วยพิทักษ์ต่างๆ และงบประมาณในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ และข้อดีของ SMART Mobile ยังมีฟังค์ชั่นมากมายที่ช่วยในงานลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ ที่สามารถดูที่ไหนก็ได้ สามารถถ่ายภาพวิดีโอได้ อีกทั้งยังช่วยทดแทนการใช้แผนที่และแบบฟอร์มบันทึกข้อมูลที่เป็นกระดาษ ลดการใช้กระดาษซึ่งตอบโจทย์อุทยานสีเขียวอีกทางด้วย พร้อมกันนี้อุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้อบรมการใช้นวัตกรรมนี้ ให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เพื่อพัฒนาระบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศชาติให้อยู่คู่กับคนไทยตลอดไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ ที่บางสะพาน

เปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ ที่บางสะพาน

วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่หอประชุมโรงเรียนบางสะพานวิทยา อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ มี นพ.กิตติ กรรภิรมย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการ พร้อมด้วยนายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบฯ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ นพ.วรา เศลวัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และประชาชนร่วมพิธี โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประกอบพิธีถวายราชสักการะและกล่าวถวายราชสดุดีเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้มอบถุงยังชีพจากสำนักงานเหล่ากาชาดประจวบฯ ให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ จำนวน 51 ชุด และตรวจเยี่ยมจุดให้บริการคลินิกเฉพาะทางที่มาออกหน่วยให้บริการหลากหลายสาขา 15 คลินิก ได้แก่ 1. คลินิกคัดกรองสายตาในเด็ก คลินิกคัดกรองโรคหัวใจ 2. คลินิกตรวจมวลกระดูก 3. คลินิกคัดกรองมะเร็งเต้านม 4. คลินิกตรวจสารเคมีการเกษตรในเลือด 5. คลินิกคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 6. คลินิกเวชศาสตร์ครอบครัว 7. คลินิกการใช้ยาสมเหตุสมผล 8. คลินิกกระดูกและข้อ 9. คลินิกคัดกรองมะเร็งช่องปาก 10. คลินิกคัดกรองมะเร็งตับ 11. คลินิกผู้สูงอายุ 12. คลินิกคัดกรองภาวะซีดในเด็ก 13. คลินิกสุขภาพจิต 14. คลินิกกายบำบัดและการแพทย์ทางเลือก 15. คลินิกรักษ์ปอด

สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานในเขตสุขภาพที่ 5 มีประชาชนกลุ่มเสี่ยง และประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เข้ารับบริการจำนวนกว่า 2,500 คน เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์เฉพาะทางให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปพบแพทย์ในเมือง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.ประจวบฯ เปิดศูนย์โรคหัวใจครบวงจร 24 ชั่วโมง

รพ.ประจวบฯ เปิดศูนย์โรคหัวใจครบวงจร 24 ชั่วโมง

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นพ.กิตติ กรรภิรมย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 เป็นประธานเปิดศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ มี นพ.สุรัตน์ ส่งวิรุฬห์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ กล่าวรายงาน มี นพ.วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบฯ นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ประธาน CFO เขตสุขภาพที่ 5 นพ.จิตตรัตน์ เตชวุฒิพร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน ดร.นพ.กิติกร วิชัยเรืองธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยัล ฮาร์ท การแพทย์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในเขตสุขภาพที่ 5 ผู้อำนวยการและผู้แทนโรงพยาบาลในแต่ละอำเภอของจังหวัดประจวบฯ เข้าร่วม มีคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ รพ.ประจวบฯ ให้การต้อนรับ ณ ลานกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ชั้น 1 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

จากนั้น ประธานพร้อมผู้เข้าร่วมพิธีทั้งหมด ร่วมตัดริบบิ้นเปิดศูนย์โรคหัวใจ ที่บริเวณ ชั้น 1 อาคารผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน และรับชมวิดิทัศน์ “ศักยภาพการบริการของศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์” ก่อนเดินเยี่ยมชมการให้บริการของศูนย์โรคหัวใจ

นพ.กิตติ กรรภิรมย์ ผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพที่ 5 กล่าวว่า จากการรายงานจะเห็นได้ว่าโรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคที่มีความรุนแรง และสามารถทำให้เสียชีวิตได้ หากมีการจัดบริการดูแลทางด้านโรคหัวใจที่ดี มีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้ลดอัตราการเสียชีวิตได้ นับเป็นสิ่งที่ดีที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้พัฒนาระบบบริการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ ครบวงจร 24 ชั่วโมง โดยร่วมกับบริษัทภาคเอกชน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลโรคหัวใจ ซึ่งเป็นการร่วมมือใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยจัดตั้งศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ให้บริการดูแลผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจได้อย่างครอบคลุม มีเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อมบุคลากรเฉพาะทาง

นพ.กิตติ กล่าวต่อ ว่าที่สำคัญ ลดการส่งต่อเพื่อไปรักษากับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพด้านการดูแลโรคหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที รวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียง ได้เข้าถึงบริการอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ส่งผลให้ลดอัตราการเสียชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างและพัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทรอยัลฮาร์ทการแพทย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความร่วมมือในการจัดศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบฯ ทำให้พี่น้องประชาชน ได้เข้าถึงบริการการดูแลรักษา การตรวจคัดกรองและค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ด้าน นพ.สุรัตน์ ส่งวิรุฬห์ ผู้อำนวยการ รพ.ประจวบฯ กล่าวว่า โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ระดับ A plus ขนาด 278 เตียง มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลัก และสาขารอง ให้การดูแลผู้ป่วยครอบคลุมทุกแผนก ให้การดูแลผู้ป่วยทั้งในเขตอำเภอเมือง และอำเภอข้างเคียง มีผู้รับบริการผู้ป่วยนอก เฉลี่ย 1,457 รายต่อวัน และผู้ป่วยใน 261 รายต่อวัน ซึ่งโรคหัวใจ เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และที่สำคัญโรคนี้สามารถรักษาและป้องกันได้ โดยพบว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจลดลงอย่างชัดเจน หลังจากมีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง การตรวจคัดกรอง และค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

นพ.สุรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เดิมโรงพยาบาลประจวบฯ ยังไม่มีการให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจแบบครบวงจร 24 ชั่วโมง หากพบผู้ป่วยที่มีความผิดปกติ ที่ต้องได้รับการฉีดสี และขยายเส้นเลือดหัวใจตีบฉุกเฉิน ต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหัวหินและโรงพยาบาลราชบุรี ซึ่งมีระยะทางไกล ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ และบริษัท รอยัลฮาร์ทการแพทย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือจัดตั้งศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบศีรีขันธ์ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านหัวใจ ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และอำเภอใกล้เคียง โดยเป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกลเช่นเดิม มีสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้ป่วยและญาติมีความพึงพอใจต่อการรับบริการมากยิ่งขึ้น และเป็นการพัฒนายกระดับการให้บริการของโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้ดำเนินการรักษามาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา รักษามาแล้วประมาณ 50 กว่าราย คนไข้มีทั้งในพื้นที่ อ.เมือง และอำเภอใกล้เคียง ทั้ง อ.ทับสะแก อ.บางสะพาน และ อ.บางสะพานน้อย ของจังหวัดประจวบฯ และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงที่ยังไม่มีศูนย์โรคหัวใจ เช่น จ.ชุมพร โดยขณะนี้ยังให้บริการในคนไข้ใช้สิทธิเบิกได้จ่ายตรง ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ คนไข้สิทธิประกันสังคม ส่วนสิทธิบัตรทอง บัตรสุขภาพถ้วนหน้านั้นยังต้องรอ ซึ่งก็อีกไม่นาน อยู่ในขบวนการดำเนินการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.

ดร.นพ.กิติกร วิชัยเรืองธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทรอยัลฮาร์ทฯ กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเพื่อให้บริการผู้ป่วยโรคหัวใจในพื้นที่ต่างๆของประเทศไทย และพื้นที่ขาดแคลน สามารถเข้าถึงการรักษาโรคหัวใจ มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย เนื่องจากปัจจุบัน โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ขาดแคลนบุคลากรและเครื่องมือเฉพาะทาง ทำให้โรคหัวใจและหลอดเลือดยังคงเป็นสาเหตุของอัตราการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประเทศ ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทจึงได้พัฒนาและริเริ่มธุรกิจด้านการลงทุน และบริหารงานศูนย์โรคหัวใจร่วมกับโรงพยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้โรงพยาบาลในพื้นที่ขาดแคลนสามารถจัดตั้งศูนย์หัวใจได้ ทั้งนี้จากประสบการณ์การบริหารงานศูนย์หัวใจ นับ 10 ปีของทีมงาน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจ และได้รับการยอมรับในการจัดตั้งและบริหารศูนย์หัวใจร่วมกับ องค์กรสุขภาพต่างๆ มากมายในประเทศ อาทิ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลหัวหิน โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นต้น

สำหรับการจัดตั้งศูนย์หัวใจและหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เปิดบริการเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ปัจจุบันเป็นศูนย์หัวใจครบวงจรด้านการสวนรักษาหัวใจ การจี้ไฟฟ้าหัวใจ และการผ่าตัดหัวใจ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องมือที่ทันสมัย ประกอบด้วยห้องสวนหัวใจ หอผู้ป่วยหนักหัวใจ หอผู้ป่วยเฉพาะโรคหัวใจ ที่ทันสมัยพร้อมให้การบริการแก่ประชาชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และใกล้เคียง ทางแผนกผู้ป่วยนอกศูนย์หัวใจและสมอง Royal heart ให้บริการผู้ป่วยทุกสิทธิ์การรักษา โดยให้บริการการตรวจสุขภาพหัวใจทั้งหมด 3 ชนิด ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย นั่นคือ 1.การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกายด้วยการเดินสายพาน (Exercise Stress Test : EST) 2.การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram : ECHO) 3.การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เวลาให้บริการ จ. – ศ. 08.00 – 16.00 น. ส. – อา 07.00 – 15.00 น.

ในส่วนห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด (Cardiac Catheterization Lab) หรือเรียกว่า Cath Lab เป็นห้องพิเศษที่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการประมวลภาพหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดตามส่วนอื่นๆของร่างกาย โดยภาพจะปรากฏขึ้นที่จอและบันทึกเป็นเทปโทรทัศน์ระบบดิจิตอล สามารถปรับหมุนได้รอบทิศทางตรวจดูซ้ำได้อย่างละเอียด ทำให้แพทย์ได้ภาพจากทุกมุมตามต้องการได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน
ในส่วนห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ (Royal heart) ให้บริการ ประกอบด้วย 1.การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiogram) 2.การใส่บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angioplasty) 3.การขยายหลอดเลือดและการใส่ขดลวดรักษาการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจ (PCI & Stent) 4.การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Permanent Pacemaker Implantation) 5.การจี้ไฟฟ้าหัวใจ (Electro Physiologic Study and Radiofrequency Ablation)
นอกจากนี้ มีห้อง CCU (Coronary Care Unit, Cardiac Care Unit หรือ Critical Care Unit) เป็นห้องที่ใช้เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะ โดยผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ภายในห้อง CCU จะมีความรุนแรงของอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือดในระยะวิกฤต จากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว ได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง

สำหรับศูนย์โรคหัวใจ 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ สามารถติดต่อได้ที่โทร 032 – 523000 ถึง 4 แผนกผู้ป่วยนอกหัวใจ ต่อ 4122 ฃ, แผนกห้องตรวจสวนหัวใจ ต่อ 4123, แผนกหอผู้ป่วยใน (CCU ) ต่อ 4112, อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน ชั้น 1 ศูนย์ประสานงานโรคหัวใจ 24 ชั่วโมง โทร.066 – 0051414.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

งานประกวด Miss Queer Eye Drag Queen Contest

งานประกวด Miss Queer Eye Drag Queen Contest

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นประธานเปิดการประกวด Miss Queer Eye Drag Queen Contest ที่โรงแรมอัมรา รีสอร์ท หัวหิน ซอยหัวหิน 94 จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางประนอม ชูภู่ ประธานชมรมหัวหินวูเม่นคลับ น.ส.ศนิศา ปลั่งศรีสกุล ศรีอาจ ผู้บริหารอัมรารีสอร์ท หัวหิน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน

สำหรับการประกวด Miss Queer Eye Drag Queen Contest จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองหัวหินและสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมประกวดสามารถเข้าร่วมการประกวดได้ทุกคน โดยไม่กำหนดอายุ และไม่กำหนดเพศ เพียงสวมใส่ชุดคาร์นิวัล หรือ Drag queen เข้าประกวด จำนวนกว่า 20 คน ชิงเงินรางวัล ชนะเลิศอันดับหนึ่ง 5,000 บาท รองชนะเลิศ 3,000 บาท รองชนะเลิศลำดับที่ 2 2,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล สายสะพาย มงกุฎ และรางวัลพิเศษอีกมากมาย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เจ้าหน้าที่อุทยานเสด็จในกรม รวบลุงบุกรุกป่าโดนหนัก 6 ข้อหา

เจ้าหน้าที่อุทยานเสด็จในกรม รวบลุงบุกรุกป่าโดนหนัก 6 ข้อหา

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่าได้รับรายงานจากนายกิตติศักดิ์ สมศรี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบฯ ว่าขณะนำกำลังออกลาดตระเวนเพื่อปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ภายในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณป่าท่าใหญ่ ท้องที่บ้านบางเจริญ หมู่ 3 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ พิกัดที่ 47 P 0526968 E 1223357 N ได้พบพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง มีการปลูกต้นทุเรียนและกาแฟเต็มพื้นที่ คิดเป็นพื้นที่บุกรุกจำนวน 0 – 2 – 92 ไร่ และพบชาย 1 คน อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง จึงเข้าควบคุมตัวทราบชื่อภายหลังว่านายเติม (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ชาวอำเภอบางสะพานน้อย และรับว่าเป็นเจ้าของแปลงที่ปลูกต้นทุเรียนและกาแฟดังกล่าว จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน จึงแจ้งรวม 6 ข้อหา ดังนี้ 1.มีความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงาน 2.ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 4. ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม โดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ฐาน ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือเสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาต 6.ฐาน ปลูกต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนังานสอบสวน สภ.บางสะพานน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.