Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.บางสะพานน้อย จัดโครงการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ลดสูญเสียจากเด็กจมน้ำ

รพ.บางสะพานน้อย จัดโครงการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ลดสูญเสียจากเด็กจมน้ำ

วันที่ 9 กันยายน 2566 นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย เป็นประธานเปิดโครงการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่อำเภอบางสะพาน และอำเภอบางสะพานน้อย ที่ นพ.สมพงษ์ พัฒนกิจไพโรจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางสะพานน้อย, นายสิทธิชัย ใจสงบ จากบริษัท PARAMEDIC และทีม Teach for life ทีมวิทยากรครูฝึกสอนร่วม 30 คน จัดขึ้นที่อาคารอรุณรักษ์ โรงพยาบาลบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีข้นธ์

นพ.สมพงษ์ พัฒนกิจไพโรจน์ เปิดเผยว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่สีแดงที่มีเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับอีก 10 กว่าจังหวัดในประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคอีสาน และที่สำคัญ ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ไม่มีพื้นที่สีแดงเลย แต่ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคใต้ จะมีเด็กจมน้ำถูกส่งมาที่โรงพยาบาล แล้วเสียชีวิตเกือบ 100 % ดังนั้นเราควรจะป้องกันที่ต้นเหตุ คือเด็กต้องมีทักษะเบื้องต้นในการเอาตัวรอด จึงเป็นที่มาของโครงการในวันนี้ นอกจากนี้ในพื้นที่โรงพยาบาลบางสะพานน้อย มีสระว่ายน้ำเหมาะสมในการฝึกด้วย นอกจากโครงการนี้แล้ว ในอนาคตจะมีการทำแอโรบิคในสระว่ายน้ำสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาข้อเข่าเสื่อมของกลุ่มผู้สูงอายุด้วย

นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะช่วยลดปัญหาเด็กจมน้ำเสียชีวิตในพื้นที่ และจะมีการขยายเครือข่ายเฝ้าระวังปัญหาไปยังท้องถิ่นต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งปกติจะมีภารกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยเฉพาะทางบก จะต้องเพิ่มทักษะในการช่วยเหลือ หากประสบเหตุพบคนกำลังจะจมน้ำในพื้นที่ เพื่อลดความสูญเสียต่อไป.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.ประจวบฯ เปิดศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

รพ.ประจวบฯ เปิดศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

วันที่ 8 กันยายน 2566 นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ อ.เมือง จ.ประจวบฯ มี นพ.อภิวัฒน์ บัณฑิตย์ชาติ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ เป็นผู้กล่าวรายงาน มีอัยการจังหวัด ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัด นายก อบจ.ประจวบฯ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในจังหวัดประจวบฯ ทุกแห่ง สาธารณสุขอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้อำนวยการ รพ.สต.ในเขตอำเภอเมืองประจวบฯ คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมในพิธี

เครื่องตรวจ MRI (Magnetic Resonance Imaging) เป็นเครื่องมือในการตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย โดยใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นความถี่วิทยุ สร้างภาพที่มีความละเอียดสูง เป็นการตรวจที่ให้ความแม่นยำและถูกต้องสูง มีประโยชน์มากสำหรับแพทย์ในการวินิจฉัยโรค เพื่อนำมาใช้การรักษาและติดตามผลการรักษา ส่วนผู้ป่วยก็ไม่ได้รับผลกระทบจากรังสีจากการเอกซเรย์ เช่น MRI สมอง MRI กระดูก เป็นต้น เดิมโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ยังไม่มีเครื่องตรวจด้วย MRI หากแพทย์พิจารณาสั่งตรวจ ต้องส่งผู้ป่วยไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลต่างๆ เช่น รพ.หัวหิน, รพ.กรุงเทพหัวหิน และศูนย์ประชาชื่นราชบุรี ทำให้ไม่สะดวกทั้งผู้ป่วยและญาติ ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์จึงได้จัดตั้งศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ขึ้น เพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการ รองรับแพทย์เฉพาะทางทุกสาขาของโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เกิดประโยชน์สูงสุดเกิดแก่ผู้รับบริการ ทั้งในเขตอำเภอเมืองและผู้รับบริการที่อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลชุมชนใกล้เคียงต่างๆ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ได้รับการรักษาที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไกลเช่นเดิม ลดระยะเวลาในการรอคอย ทำให้ผู้ป่วยมีความพึงพอใจต่อการรับบริการมากยิ่งขึ้น

ด้าน นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กล่าวว่า โรงพยาบาลประจวบฯ ตั้งศูนย์วินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษา รองรับแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลที่มีเป็นจำนวนมาก สามารถให้บริการแก่พี่น้องประชาชนในเขตอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์และอำเภอข้างเคียง ให้ได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคอย ซึ่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์กำลังก้าวต่อไป ตามนโยบายคุณภาพ มุ่งมั่นให้บริการที่ดี บนมาตรฐานแห่งวิชาชีพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน พัฒนาระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ทันสมัย เพื่อประชาชนสุขภาพดี.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

คุมประพฤติประจวบฯ ติวเข้มอาสาสมัคร ฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน

คุมประพฤติประจวบฯ ติวเข้มอาสาสมัคร ฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน

วันที่ 7 กันยายน 2566 นายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการอาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ โดยมี น.ส.วิลาสินี ชื่นโม หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และอำนวยการ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัด กล่าวรายงาน และมี นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัด นายบุญมา มหาพงษ์ ประธาน อ.ส.ค.อำเภอเมือง นายสมเกียรติ บุญเรือง ประธาน อ.ส.ค.อำเภอกุยบุรี คณะอาสาสมัครคุมประพฤติในพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย กุยบุรี เมืองฯ ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย และเจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติ เข้าร่วมที่ห้องโยธิน โรงแรมหาดทอง อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน และการให้คำปรึกษารายบุคคล ให้กับอาสาสมัครคุมประพฤติแต่ละพื้นที่ อีกทั้งเพื่อให้อาสาสมัครคุมประพฤติเข้าใจบทบาทในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 นอกจากนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้อาสาสมัครคุมประพฤติได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน และร่วมกำหนดทิศทาง นโยบายในการดูแลแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน โดยนายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติฯ เป็นวิทยากรกล่าวบรรยายพิเศษ หัวข้อ “กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามประมวลกฎหมายยาเสพติด” และเรื่อง “การดูแลผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดและตาม พ.ร.บ. มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง ปี 2565” และยังได้วิทยากรจากกลุ่มงานจิตเวช รพ.ประจวบฯ นายชาญธาดา ชูแก้ว นักจิตวิทยาคลินิก และ น.ส.นนทภรณ์ รักศีลธรรม นักจิตวิทยาปฏิบัติการ มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิต จิตเวชและผู้ใช้สารเสพติด

นายวสันต์ เภรีวิค กล่าวว่า กรมคุมประพฤติให้ความสำคัญกับการดูแลและพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครคุมประพฤติ (อ.ส.ค.) ซึ่ง อ.ส.ค. ทุกท่าน คือผู้ที่จะมาร่วมปฏิบัติงานในการบังคับใช้กฎหมาย และการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดผู้ถูกคุมความประพฤติในชุมชนของท่าน และด้วยในช่วงเปลี่ยนผ่านของกฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 ที่กรมคุมประพฤติจะต้องดูแลผู้ติดยาเสพติด ผู้กระทำผิดที่มีลักษณะการกระทำผิดที่รุนแรง อุกฉกรรจ์เพิ่มมากขึ้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากอาสาสมัครคุมประพฤติ ในการช่วยสนับสนุนในการแสวงหาข้อมูลข้อเท็จจริง การติดตาม ควบคุม สอดส่อง และการเฝ้าระวัง ตลอดจนการจัดกิจกรรมในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดเหล่านี้ไม่ให้กระทำผิดซ้ำ หวนกลับไปใช้ยาเสพติด และสามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมได้

การจัดโครงการในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่นอกจากความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ในการบูรณาการ ด้านการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน ระหว่างภาคีเครือข่ายอาสาสมัครคุมประพฤติกับหน่วยงานของรัฐแล้วนั้น ยังเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ บทบาท และทักษะในการปฏิบัติงานให้กับอาสาสมัครคุมประพฤติ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชน และสังคมอีกประการหนึ่งด้วย

ด้าน น.ส.วิลาสินี ชื่นโม หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์ฯ กล่าวว่า ตามที่มีกฎหมายฉบับใหม่ จำนวน 2 ฉบับ ได้ประกาศใช้ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 และพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซํ้าในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 ถือเป็นภารกิจสำคัญอีกประการหนึ่งของกรมคุมประพฤติ ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการแก้ไขฟื้นฟู ติดตาม ดูแล ช่วยเหลือ และสงเคราะห์ผู้กระทำผิด ทั้งในระบบคุมประพฤติและผู้กระทำผิดภายหลังปล่อย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นที่จะต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เปิดแล้วเซเว่น อีเลฟเว่น สปป.ลาว สาขาแรกอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์

เปิดแล้วเซเว่น อีเลฟเว่น สปป.ลาว สาขาแรกอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์

ท่านบุญเถิง ดวงสะหวัน รองรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และการค้า แห่ง สปป.ลาว นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ให้เกียรติเป็นประธานตัดริบบิ้นในพิธีเปิดให้บริการร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาแรกในสปป. ลาว อย่างเป็นทางการ ร่วมกับนายชัยโรจน์ ทิวัตถ์มั่นเจริญ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และ Managing Director International Business บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา

โดย เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาแรกนี้ ตั้งอยู่ที่ถนนสุพานุวง บ้านหนองปาใน เมืองสีโคดตะบอง ในนครหลวงเวียงจันทน์ บริหารโดย บริษัท ซีพี ออลล์ ลาว จำกัด ในกลุ่มซีพี ออลล์  ซึ่งจะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง นำเสนอสินค้ากว่า 5,000 SKUs เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม มุ่งเน้นคุณภาพมาตรฐาน ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารพร้อมทาน รวมถึงสินค้าเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น อาทิ สินค้ายอดนิยมตลอดกาลในอย่าง Slurpee หรือเครื่องดื่มชงสด All Café นอกจากนี้ ยังมีสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของ สปป.ลาว ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคภายในประเทศ และผู้ที่มาเยือน สปป. ลาว ซึ่งเพิ่มขึ้นตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงทำให้การคมนาคมขนส่งสะดวกสบายรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2567 นี้ รัฐบาล สปป. ลาวกำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยวลาว ซึ่งจะตรงกับวาระที่สปป.ลาว จะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ก็จะทำให้บรรยากาศภายในประเทศคึกคักมากยิ่งขึ้นด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สาธารณสุขประจวบฯ ตรวจคุณภาพรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินพร้อมช่วยเหลือประชาชน

สาธารณสุขประจวบฯ ตรวจคุณภาพรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินพร้อมช่วยเหลือประชาชน

วันที่ 7 กันยายน 2566 ตัวแทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางมาที่มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจประเมินมาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์ สำนักงานที่ให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินและระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน รถฉุกเฉิน อุปกรณ์การปฐมพยาบาลและเครื่องมือต่างๆ ประจำปี 2566

ตามที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) โดยคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ได้ประกาศเรื่องเกณฑ์และวิธีปฏิบัติการฉุกเฉินตามมาตรฐาน และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2554 ซึ่งกำหนดให้รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่เข้าร่วมปฏิบัติการในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ต้องผ่านการจดทะเบียน ตรวจสภาพ และต่อใบอนุญาตประจำปีของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงต้องผ่านการตรวจรับรองจากหน่วยงานตรวจรับรองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินระดับจังหวัด ในส่วนของพื้นที่อำเภอปราณบุรี สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้กำหนดให้สำนักสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นหน่วยงานในการตรวจรับรองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี เป็นหน่วยงานในการบริหารจัดการระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินของสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ให้คณะกรรมการตรวจรับรองคุณภาพหน่วยบริการในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อดำเนินการตรวจประเมินมาตรฐาน และความพร้อมของอุปกรณ์ให้แก่รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่เข้าร่วมปฏิบัติการในระบบ ทั้ง 2 ระดับ คือ รถบริการการแพทย์ระดับปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ประเภทรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สำหรับชุดปฏิบัติการระดับต้น (BLS) และประเภทรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สำหรับชุดปฏิบัติการเบื้องต้น (FR) เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางการตรวจประเมินที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกำหนด

สำหรับการดูแลทุกข์สุขของชาวประชาชน การตรวจรับรองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มุ่งเน้นเรื่องการดูแลสุขอนามัยและผู้เจ็บป่วย ซึ่งศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยกะทันหัน ผู้ประสบอุบัติเหตุ หรือสาธารณภัยต่างๆ ซึ่งรถบริการฯ ที่จะช่วยเหลือประชาชน ต้องมีมาตรฐาน มีอุปกรณ์ในการช่วยเหลือครบถ้วน โดยจะมีการตรวจประเมินมาตรฐานรถบริการฯ ทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่ารถทุกคันได้มาตรฐานและมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือประชาชน.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ยุทธพลเดินหน้าทำ MOU มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า แก้ปัญหาลิงล้นเมือง

ยุทธพลเดินหน้าทำ MOU มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า แก้ปัญหาลิงล้นเมือง

วันที่ 6 กันยายน 2566 นายยุทธพล อังกินันทน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายชาตรี วชิระเผด็จศึก ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี นายประเวศ ศรีสุนทรไท ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการในสังกัด ทส.จังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามและเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ร่วมกับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (Wildlife Friends Foundation) ของ ดร.เอ็ดวิน วิค ที่ ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามการดำเนินการด้านการจัดสร้างที่พักพิงของสัตว์ป่า โดยเฉพาะการสร้างที่พักพิงของลิงแสมที่มีพฤติกรรมรุนแรง เพื่อนำผลการติดตามและศึกษา นำมาพัฒนาต่อยอดและปรับปรุงการดำเนินการด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

นายยุทธพล กล่าวว่าได้เชิญรักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ลงพื้นที่ร่วมกับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า มาดูการสร้างที่พักพิงของสัตว์ เพื่อจะได้นำแนวทางไปแก้ไขปัญหาลิงแสมที่ก่อความเดือดร้อนในพื้นที่ชุมชนของจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดอื่นๆ ซึ่งตนได้เคยมอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ศึกษาหาแนวทางไปแก้ปัญหาในทุกๆ พื้นที่ของประเทศไทย วันนี้เป็นการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี ทส. ได้เชิญมาดูกรงพักพิงตัวอย่าง เดิมทีเราเล็งว่าจะไปหาเกาะ ซึ่งเกาะเหลื่อมที่จังหวัดประจวบฯ ได้ขอความร่วมมือไปทางทหาร และได้รับการตอบกลับมาแล้วว่าเป็นพื้นที่หวงห้ามและใช้สำหรับความมั่นคง ดังนั้นปัญหาเรื่องลิงยังคงเดินหน้าต่อไป จึงต้องหาพื้นที่ของเรา ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มีเนื้อที่อยู่ประมาณ 300 กว่าไร่ เราจะทดลองทำกรง แล้วจับลิงที่มีปัญหาบางส่วนเข้ามาก่อน ไม่ว่าจะเป็น 300 – 400 หรือ 500 ตัว แต่ทั้งนี้เราจะมาปล่อยไว้ในที่ไม่มีอะไรเลยไม่ได้ ต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมในการดูแลสัตว์ป่าให้ถูกต้อง ถึงต้องมาดูแบบกรงที่มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าของคุณเอ็ดวินฯ ซึ่งคุณเอ็ดวินได้พาไปดูแบบกรง ซึ่งถ้าจะติดแค่ไฟฟ้าอย่างเดียว ดูเป็นการทรมานสัตว์ ทางมูลนิธิฯ ได้ออกแบบโดยการมีสังกะสียื่นออกมา มีช่องว่างประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ลิงเหวี่ยงตัวขึ้นไปได้ ซึ่งใช้แล้วได้ผล ทำมาประมาณ 10 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกแบบกรงอย่างนี้ และวันนี้มีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ มาพร้อมทีมวิศวกรของกรมอุทยานฯ ด้วย เพื่อมาดูแบบและถอดแบบ เท่าที่คุยกัน ปรากฏว่ามูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าโดยคุณเอ็ดวินฯ ได้ทำ MOU ร่วมกัน เมื่อแบบเสร็จและกรมอุทยานฯ อนุมัติแบบเสร็จเรียบร้อย ทางมูลนิธิฯ จะมาทำให้ฟรี เพื่อเป็นการทดลอง ผมเชื่อว่าเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ จะสามารถบรรเทาปัญหาเรื่องลิงที่มีอยู่ล้นเมืองได้

“ในอนาคตคิดว่าจะได้มอบหมายให้ ทสจ.เพชรบุรี ประสานกับจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ดังนั้นจะให้ สบอ.3 สาขาเพชรบุรี จัดทำโครงการเพื่อของบประมาณจากจังหวัด มาช่วยร่วมกับกรมอุทยานฯ ให้เป็นคู่ขนาน จะเป็นการแก้ไขปัญหาลิงแสมได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้จังหวัดอื่นใช้เป็นตัวอย่าง ผมเชื่อว่าเราเดินมาถูกทาง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีกรง เพื่อย้ายลิงที่เกเร แต่ก็ยังต้องทำหมันเพื่อควบคุมประชากรลิง วันนี้เป็นการทำงานต่อเนื่อง เพื่อสานงานที่ค้างไว้และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับปากแล้วว่าจะเข้ามาดำเนินการให้แล้วเสร็จต่อไป”

นายยุทธพลกล่าวต่อไปว่า ต่อจากนี้กรมอุทยานฯ จะเซ็น MOU กับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ซึ่งคุณเอ็ดวินฯ จะมาทำกรงแรกให้ฟรี เนื้อที่ขึ้นอยู่กับแบบของกรมอุทยานฯ พอกรมอุทยานฯ อนุมัติแบบ คุณเอ็ดวินฯ จะเข้าดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน ซึ่งถือว่าเร็วมาก ต้องดูพื้นที่ว่ามีให้ใช้ทั้งหมดกี่ไร่ ถึงจะมีการทำกรงเพิ่ม ในระหว่างทำ MOU กับคุณเอ็ดวินฯ ทาง สบอ.3 สาขาเพชรบุรี จะทำเรื่องส่งไปทาง ทสจ.เพชรบุรี นำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด สนับสนุนงบประมาณจังหวัดมาทำกรง เพื่อแก้ปัญหาลิงในจังหวัดเพชรบุรี ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาได้ จังหวัดอื่นๆ ที่มีปัญหาลิงแสมสามารถนำไปเป็นแนวทางแก้ไขได้ ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่เกาะ และสามารถขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ หรือที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นำมาใช้แก้ไขปัญหาได้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.ประจวบฯ ยอมจ่าย !! ย้ายเสาไฟที่โผล่กลางถนน 12 ก.ย.นี้

รพ.ประจวบฯ ยอมจ่าย !! ย้ายเสาไฟที่โผล่กลางถนน 12 ก.ย.นี้

วันที่ 6 กันยายน 2566 นายสุรวุฒิ น้อยนิมิตร ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนายสำรอง เหงี่ยมจุล รองผู้จัดการด้านเทคนิค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดประจวบฯ จ่าเอกเสกสรร จันทร ประธานเครือข่ายภาคประชาชน อดีต คพข.10 รุ่น 3 เดินทางไปตรวจความคืบหน้าการติดตั้งอุปกรณ์ และเตรียมสถานที่เพื่อรอเคลื่อนย้ายหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง ของบ้านพักเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ที่เสาไฟดังกล่าวตั้งอยู่กลางถนน ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนสัญจรผ่านไปมา โดยจะตัดไฟและเคลื่อนย้ายในวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้

นายสุรวุฒิ น้อยนิมิตร เปิดเผยว่า เสาไฟดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ หลังจากการไฟฟ้าฯ ทราบเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน และได้รับการประสานจากโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้ชำระค่าเคลื่อนย้ายเสาไฟเป็นเงิน 310,857.83 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งมาดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ และดำเนินการเคลื่อนย้าย และปักเสาในส่วนที่ไม่ต้องตัดกระแสไฟ หลังจากนั้นจะแจ้งระงับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 7 วัน ก่อนจะดับไฟและเคลื่อนย้ายเสาไฟดังกล่าว ในวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้ โดยจะใช้เวลาตั้งแต่ 08.00 น.ถึง 16.00 น. หากดำเนินการเสร็จก่อนกำหนดก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ในส่วนของผู้ป่วยที่ติดเตียง ต้องใช้เครื่องดำรงชีพ ขอให้แจ้งการไฟฟ้าฯ ทราบล่วงหน้าก่อนที่จะมีการตัดกระแสไฟในวันที่ 12 กันยายนนี้ โดยจะเร่งดำเนินการเคลื่อนย้ายเสาไฟที่โผล่กีดขวางถนนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านไปมา.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลหัวหิน คว้ารางวัลชนะเลิศด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ยอดเยี่ยมระดับประเทศ

เทศบาลหัวหิน คว้ารางวัลชนะเลิศด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ยอดเยี่ยมระดับประเทศ

วันที่ 5 กันยายน 2566 ที่ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรุงเทพฯ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ เข้ารับรางวัลชนะเลิศเทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ ประจำปี 2565 จัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อเชิดชูเกียรติแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และโชว์นวัตกรรมการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับศักยภาพการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ.2065 โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล

นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวว่าจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การปรับกระบวนทัศน์ในการพัฒนาเมืองให้เป็นไปตามหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา จะช่วยให้ประเทศสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง ประชาชนมีวิถีชีวิตที่พอเพียง และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการพัฒนาเมืองไปสู่ความน่าอยู่อย่างยั่งยืนนั้น เป็นการพัฒนาแบบองค์รวมที่มีความสมดุลในทุกมิติ อาศัยความร่วมมือของภาคีทุกภาคส่วน และชุมชนกับท้องถิ่นต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน นับเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง พร้อมรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเท่าทัน ทั้งนี้ เทศบาลทุกแห่งที่ผ่านการประเมินเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับประเทศ ถือได้ว่าเป็นเมืองแนวหน้าของประเทศที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเมืองของตนเอง คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความสมดุลของสิ่งแวดล้อมมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ร่วมกับประชาคมโลก เพื่อส่งต่อทรัพยากธรรมชาติที่มีคุณค่าไปสู่คนรุ่นถัดไป และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานถ้วยรางวัลให้แก่เทศบาลที่ชนะเลิศยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ประจำปี 2565 ทั้ง 6 รางวัล เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ วังสระปทุม ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ชนะ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเทศบาลอื่นอีกด้วย

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ ดำเนินโครงการเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองแบบองค์รวมอย่างบูรณาการและสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้เกิดความยั่งยืนตามบริบทของพื้นที่ โดยการพัฒนาเกณฑ์ชี้วัดเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนเป็น 4 องค์ประกอบ ได้แก่ เมืองอยู่ดี คนมีสุข สิ่งแวดล้อมยั่งยืนเมืองแห่งการเรียนรู้และการบริหารจัดการที่ดี เพื่อเป็นกรอบแนวทางและเครื่องมือให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการและการพัฒนาเมืองให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล สำหรับพิธีมอบรางวัลเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับประเทศ ประจำปี 2565 ในครั้งนี้มีเทศบาลที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ 6 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศ 33 รางวัล แบ่งเป็นเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน 23 รางวัล และ เทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืน 10 รางวัล พร้อมแสดงนิทรรศการผลงานโดดเด่นและนวัตกรรมการพัฒนาสู่เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน และเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เพื่อเป็นการย่องเชิดชูเกียรติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัล รวมไปถึงถ่ายทอดประสบการณ์ องค์ความรู้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนและขยายผลไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศต่อไป

“ทั้งนี้ รางวัลชนะเลิศ 6 รางวัล แบ่งเป็น “รางวัลชนะเลิศเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน ยอดเยี่ยมระดับประเทศ” 3 รางวัล ประกอบด้วย เทศบาลนคร ได้แก่ เทศบาลนครพิษณุโลก อ.เมือง จ.พิษณุโลก, เทศบาลเมือง ได้แก่ เทศบาลเมืองทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และเทศบาลตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลอิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และ “รางวัลชนะเลิศเทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ” 3 รางวัล ประกอบด้วย เทศบาลนคร ได้แก่ เทศบาลนครขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น, เทศบาลเมือง ได้แก่ เทศบาลเมืองหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง.

ขณะที่เทศบาลตำบลบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับรวม 2 รางวัล ได้แก่รางวัลเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ระดับดีเยี่ยม (ภาคกลาง) ประจำปี 2565 และรางวัลเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืนระดับประเทศ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 2 (ระดับเทศบาลตำบล) ประจำปี 2565 มีนายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด เข้ารับรางวัลในครั้งนี้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนฯ ฝึกอบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง ดูแลคนพิการในพื้นที่ประจวบฯ

มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนฯ ฝึกอบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง ดูแลคนพิการในพื้นที่ประจวบฯ

วันที่ 6 กันยายน 2566 ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมพ่อแม่ ผู้ปกครอง และอาสาสมัครในการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางสติปัญญาในชุมชน ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จัดโดยมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีนางนฤมล ปาลวัฒน์ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ นางเบญจมาภรณ์ คุณะรังษี กรรมการฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิฯ คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ นางสุพัตรา ไพฑูรย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ประจวบฯ นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมพิธี และมีอาสาสมัครในการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางสติปัญญาในชุมชน พ่อแม่ ผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา เข้าร่วมรับการฝึกอบรมจำนวน 40 คน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณการจัดฝึกอบรมจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

การฝึกอบรมในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 กันยายนนี้ เพื่อให้คำแนะนำพ่อแม่ ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูผู้พิการทางสติปัญญาอย่างถูกวิธี ทำให้ผู้พิการทางสติปัญญาได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพเบื้องต้น รวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และสร้างเครือข่ายในการดูแลผู้พิการทางสติปัญญาในชุมชน โดยมีการบรรยายเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้พิการทางสติปัญญาที่ควรจะได้รับตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550, ภาวะปัญญาอ่อน สาเหตุและการป้องกัน, การส่งเสริมพัฒนาเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา, การฝึกประเมินพัฒนาการและส่งเสริมพัฒนากรเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน, การฟื้นฟูสมรรถภาพและปรับพฤติกรรมเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา, บทบาทของพ่อแม่ผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เจริญเติบโตตามวัย การฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาและฝึกทักษะทางกายและกิจกรรมบำบัด, บทบาทของอาสาสมัครในการช่วยเหลือคนพิการทางสติปัญญาในชุมชน การอภิปรายกลุ่มปัญหาของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้พิการทางสติปัญญา และการสร้างกลุ่มเครือข่ายในการดูแลผู้พิการทางสติปัญญา ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับมอบประกาศนียบัตรจากสำนักงานมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์

ทั้งนี้ ผู้พิการทางสติปัญญา หมายถึง ภาวะที่เด็กมีความบกพร่องด้านสติปัญญา หรือการเรียนรู้ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดในการปรับตัวเพื่อดำเนินชีวิตประจำวัน ปัญหาเรื่องผู้พิการทางสติปัญญาเป็นปัญหาหนึ่งของสังคมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เพราะปัจจุบันมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นผลทำให้เกิดภาวะความบกพร่องทางสติปัญญา และเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เพราะผู้พิการทางสติปัญญาจะถูกชักจูงให้กระทำความผิดได้ง่าย เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาถูกล่อลวงทางเพศ ปัญหายาเสพติด โดยมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พิจารณาเห็นว่าพื้นที่ อ.เมืองประจวบฯ และอำเภอใกล้เคียง มีจำนวนผู้พิการทางสติปัญญาในอัตราค่อนข้างสูง จึงได้จัดโครงการอบรมพ่อแม่ ผู้ปกครอง และอาสาสมัครในการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางสติปัญญาในชุมชน เพื่อสร้างทักษะ ความรู้ความเข้าใจในการดูแลผู้พิการทางสติปัญญาอย่างถูกต้องช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการทางสติปัญญาในชุมชน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เกษตรกรปลูกแคนตาลูปได้เงินไว สร้างรายได้งาม

เกษตรกรปลูกแคนตาลูปได้เงินไว สร้างรายได้งาม

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเกษตรเป็นหลัก ทั้งปลูกมะพร้าว ข้าว มะม่วง ขนุน อ้อย และเป็นแหล่งที่ปลูกสับปะรดมากที่สุดในประเทศ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดต้องประสบปัญหากับภัยแล้ง ราคาปุ๋ย ยา แรงงาน น้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ราคาขายก็ไม่ดี ขึ้นอยู่กับราคาโรงงานเป็นผู้กำหนด นอกจากนี้ สับปะรดยังเป็นพืชที่ใช้เวลาปลูกนาน ให้ผลผลิตช้า ทำให้เกษตรกรที่ปลูกสับปะรดบางคนในพื้นที่อำเภอสามร้อยยอด อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยและการดูแลง่าย อีกทั้งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว จำหน่ายทั้งแบบปลีกและส่ง อย่างเช่น การปลูกแคนตาลูป สามารถสร้างรายได้อย่างงาม

แคนตาลูปเป็นไม้ผลที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและกว้างมากขึ้น ทำให้เกษตรกรหลายรายสนใจมาปลูกกันมากขึ้น เพราะราคาขายดี ตลาดซื้อขายแคนตาลูปมีความชัดเจนมากกว่าเมล่อน เพราะผลผลิตมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด แต่ยังมีข้อจำกัด คือการปลูกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเกษตรกรเดิมที่มีความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ ส่วนรายใหม่ที่ยังขาดความรู้ ทั้งด้านผลิตและการตลาด ยังไม่กล้าที่จะเข้ามา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกษตรกรทั่วทุกภูมิภาคให้ความสนใจปรับพื้นที่จากทำนา ทำไร่ แล้วเปลี่ยนมาปลูกแคนตาลูปกันมากขึ้น ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ เพราะเป็นพืชระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนเร็ว แล้วมีรายได้ดีกว่า

นางนภัสสร คงกระพันธ์ อายุ 61 ปี เจ้าของสวนบ้านห้วยขวาง ต.ศิลาลอย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ หนึ่งในเกษตรกรที่ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่จากเดิมที่เคยใช้เป็นพื้นที่ปลูกสับปะรดมาหลายสิบปี หันมาปลูกแคนตาลูป เปิดเผยว่า เมื่อก่อนปลูกสับปะรด ต้องใช้เวลานานกว่าจะให้ผลผลิต ราคาก็ขึ้นๆ ลงๆ พอดีมีเพื่อนแนะนำให้มาทดลองปลูกแคนตาลูป ตอนแรกทดลองปลูกไว้ไม่มากนัก ปรากฏว่าให้ผลเร็ว ราคาดี จึงหันมาปลูกแคนตาลูปเป็นจริงเป็นจัง ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ขณะนี้มีพื้นที่ปลูกแคนตาลูปประมาณ 7 ไร่ เมล็ดพันธุ์แคนตาลูปพันธุ์ที่นำมาปลูก มี 3 พันธุ์ ได้แก่ สวิทดี 25, สวิทดี 162 และ กนกกาญจน์ ใช้เวลาในการปลูก 65 – 70 วัน ตั้งแต่ลงต้นกล้าจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต ระหว่างนั้นก็ดูแลโดยการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ปีหนึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 10 ตัน ส่วนเรื่องศัตรูพืช ก็มีเชื้อรา แมลงมีเป็นบางครั้ง สำหรับการปลูกแคนตาลูป จำเป็นต้องคอยเปลี่ยนที่ปลูก เนื่องจากเป็นโรคติดต่อเพราะถ้าปลูกซ้ำ โรคก็อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เกิดการสะสมโรค แคนตาลูปต้นหนึ่งจะให้ผลทุกแขนง แต่ต้องเด็ดออกให้เหลือ 1 ลูก เลือกเฉพาะผลที่สมบูรณ์ไว้

ช่วงนี้ผลแคนตาลูปออกเต็มสวน สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเที่ยวในสวน ชื่นชมกับผลแคนตาลูปที่ออกลูก บ้างก็มาถ่ายรูปเซลฟี่กันเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก บ้างก็โพสต์ลงในโซเชียล ก่อนซื้อกลับไปรับประทาน นอกจากนี้ได้นำผลผลิตไปขายที่ตลาดโกกรีน หน้าที่ ธกส. สาขาปราณบุรี ตามตลาดนัด หรือทางออนไลน์ ราคาแคนตาลูปจากสวน ขายส่งกิโลกรัมละ 35 บาท มีที่ซื้อไปเพื่อจำหน่ายกิโลกรัมละ 50 บาท

นางนิภา บุรีภักดี นักท่องเที่ยว กล่าวว่า ชวนเพื่อนๆ มาเที่ยว หลังจากทราบว่ามีสวนแคนตาลูปที่ออกผลผลิต เป็นสวนที่ใหญ่มาก ออกลูกสีเหลืองเต็มไร่ ส่วนตัวชอบทานแคนตาลูปอยู่แล้ว รสชาติของที่นี่ หวานอร่อย กรอบ มีประโยชน์ ราคาก็ไม่แพง เจ้าของสวนเป็นกันเอง ที่สำคัญเจ้าสวนบอกว่าใช้สารเคมีน้อยมาก.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน