Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผบช.ภ.7 พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ครอบครัวตำรวจภูธรภาค 7

ผบช.ภ.7 พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ครอบครัวตำรวจภูธรภาค 7

วันนี้ที่ 11 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุมเสสะเวช จ.นครปฐม พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เป็นประธานประชุมเสวนา โครงการ One Province One Product (OPOP) ปรึกษาแก้ไขปัญหาเงินทุน OPOP โดยนำ SMEs มาขับเคลื่อนต่อยอดธุรกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้ครอบครัวข้าราชการตํารวจภูธรภาค 7 มีคุณจิดาภา ปุระธนานนท์ รักษาการประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 และคณะชมรมแม่บ้านตำรวจตำรวจภูธร ภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด ในการเสวนาได้มีนายถาวร เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีไทยแสน็คฟู้ดส์ จำกัด ดร.วรงค์ สุกโชติรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญนโยบาย สภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายวัชรินทร์ ธัญญพงศ์พานิช กรรมการ บริษัท อีสต์-เวสท์ โลจิสติกส์ จำกัด นายชาตรี เวทสรณสุธี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) นางกฤตยา รามโกมุท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สราญฟินเทค จำกัด นักศึกษา TEPCoT 15 คุณณัฏฐ์ปภาณ จันทร์ละมูล นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย – นครปฐม เข้าร่วมเสวนา “ปรึกษาแก้ไขปัญหาเงินทุน OPOP โดยนำ SMEs มาขับเคลื่อนต่อยอดธุรกิจข้าราชการตำรวจและครอบครัวตำรวจภูธรภาค 7”

พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต กล่าวว่า ด้วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีนโยบายสร้างภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะสร้าง “Police’s Home” เพื่อทำให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่มีความสุข ยึดมั่นในวิสัยทัศน์และพันธกิจของสมาคมแม่บ้านตำรวจ คือจะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจและครอบครัว พร้อมขับเคลื่อนส่งเสริมความเป็นอยู่ของครอบครัวตำรวจภูธรภาค 7 อย่างสร้างสรรค์ ชมรมแม่บ้านตำรวจจึงมีการส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษ ตามรอยหลักปรัชญาเศรษกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันอบอุ่นพื้นฐานง่ายๆ ให้กับครอบครัวพี่น้องตำรวจ ชมรมแม่บ้านตำรวจตำรวจภูธรภาค 7 ยังเน้นในเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจไปพร้อมๆ กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนด้วย

คุณจิดาภา ปุระธนานนท์ รักษาการประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ผู้บัญชาการได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแม่บ้านตำรวจ จึงพยายามส่งเสริมในทุกมิติ เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรตำรวจ ตนได้ทำการต่อยอดให้สมาชิกแม่บ้านตำรวจภูธร ภาค 7 เข้าร่วมโครงการเสวนา“ปรึกษาแก้ไขปัญหาเงินทุน OPOP โดยนำ SMEs มาขับเคลื่อนต่อยอดธุรกิจข้าราชการตำรวจและครอบครัวตำรวจภูธรภาค 7” ในวันนี้ เพื่อนำข้อมูลความรู้ที่ได้ไปทำการต่อยอดเพื่อพัฒนากลุ่มแม่บ้านทั้ง 8 จังหวัด ของพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ต่อไป.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

นายอำเภอบางสะพาน เปิดงานปิดทองหลวงปู่จินต์ วัดห้วยทรายขาว

นายอำเภอบางสะพาน เปิดงานปิดทองหลวงปู่จินต์ วัดห้วยทรายขาว

วันที่ 10 มกราคม 2567 นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน เป็นประธานเปิดงานประจำปีวัดห้วยทรายขาว ปิดทองหลวงปู่จินต์ วัดห้วยทรายขาว อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพิธีฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ ตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอของพระมหาสมจริง สุวรรณชูโต เจ้าอาวาสวัดห้วยทรายขาว มีนายวิเชียร เกตุงาม กำนันตำบลกำเนิดนพคุณ เป็นประธานจัดงานประจำปีวัดห้วยทรายขาว มีพระครูเมตตา ปุญโญภาส เจ้าคณะอำเภอบางสะพาน และเจ้าอาวาสวัดในเขตอำเภอบางสะพาน ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ สวดชยันโตให้กับพระมหาสมจริง สุวรรณชูโต อายุ 52 ปี 32 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยทรายขาว ฉลองตราตั้งที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอบางสะพาน

นอกจากนี้ ยังมีนางสุรางค์ แซ่ตั้ง นายกเทศมนตรีตำบลกำเนิดนพคุณ นายธนา บัวช่วง นายก อบต.พงษ์ประศาสน์ และข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการวัด ร่วมกันเปิดงานประจำปีวัดห้วยทรายขาว ซึ่งจัดงานตั้งแต่วันที่ 10 ถึงวันที่ 18 มกราคม 2567 ภายในงานมีมหรสพ ดนตรีดัง ตลอดจนสินค้าหลากหลาย ของกินของใช้เต็มลานวัด ทั้ง 9 วัน 9 คืน พร้อมปิดทองหลวงปู่ทวด หลวงปู่อินทร์ หลวงปู่ท้วม หลวงปู่จินต์ เจ้าอาวาสวัดห้วยทรายขาว ทั้งนี้มีนางรำทั่วอำเภอบางสะพาน มารำถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนพิธีตัดริบบิ้นเปิดงานอย่างเป็นทางการ.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สัตวแพทย์เร่งรักษาช้างป่ากุยบุรีบาดเจ็บที่โคนหาง และที่อวัยวะเพศ ใช้โดรนบินเฝ้าอาการอย่างใกล้ชิด

สัตวแพทย์เร่งรักษาช้างป่ากุยบุรีบาดเจ็บที่โคนหาง และที่อวัยวะเพศ ใช้โดรนบินเฝ้าอาการอย่างใกล้ชิด

วันที่ 10 มกราคม 2567 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่าขณะออกตรวจตราในเขตอุทยานฯ หมู่ 9 บ้านย่านซื่อ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ พบช้างป่าเพศผู้ 1 ตัว อายุประมาณ 20 ปี น้ำหนักประมาณ 3,000 กิโลกรัม มีบาดแผลบวมและอักเสบอย่างรุนแรงบริเวณโคนหาง ที่อวัยวะเพศมีหนองไหล ส่งกลิ่นเหม็นทั่ว ดวงตาด้านซ้ายมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ก่อนติดตามอาการโดยให้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ใส่กล้วยน้ำว้าและขนุน โยนให้ช้างกิน พร้อมเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นได้ประสานทีมสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และสัตวแพทย์กลุ่มงานสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้ารักษาอาการช้างอย่างใกล้ชิด โดยยิงยาซึม ก่อนเข้าเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อเช็คสุขภาพ ให้น้ำเกลือและยาปฏิชีวนะเข้าทางเส้นเลือดที่ใบหู รวมถึงให้กรดอะมิโนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ช้างป่าตัวดังกล่าว หลังจากนั้นฉีดยาปฏิชีวนะ ยาลดปวด และวิตามินพร้อมทำการล้างบาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโพวิโดรไอโอดีนและน้ำเกลือล้างแผล หลังจากที่รอให้ยาปฏิชีวนะเข้าเส้นเลือดจนหมดแล้ว จึงให้ยาแก้ซึมนาน 2 นาที ช้างสามารถกลับตัวและขยับตัวได้ได้ตามปกติ ก่อนเดินเข้าป่าไป โดยสัตวแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะและยาลดอักเสบแบบกินอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน และดูบาดแผลร่วมกันก่อนประเมินอาการช้างป่าอีกครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ใช้โดรนบินเพื่อติดตามอาการช้างป่าอย่างใกล้ชิดต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แม่เลี้ยงเดี่ยวไปขอข้าววัดเพื่อเอาให้ลูก แต่ถูกกระบะชนดับระหว่างทาง

แม่เลี้ยงเดี่ยวไปขอข้าววัดเพื่อเอาให้ลูก แต่ถูกกระบะชนดับระหว่างทาง

ช่วงบ่ายวันที่ 10 มกราคม 2567 พ.ต.ต.พนม หงษ์ทอง สารวัตรสอบสวน สภ.คลองวาฬ รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตบนถนนทางหลวงชนบท ปข.1041 เลียบทางรถไฟไปคลองวาฬ หลังได้รับแจ้งจึงพร้อมด้วย ร.ต.อ.อิทธิพล คำหอม รองสารวัตรสอบสวน นำเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.คลองวาฬ พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน ร่วมตรวจสอบ

เมื่อไปถึงบริเวณสามแยก หมู่ 8 บ้านนาทอง ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางตัดรถไฟที่ไม่มีป้ายและสัญญาณไฟเตือน เนื่องจากสะพานข้ามทางตัดรถไฟเพิ่งสร้างเสร็จ และเปิดใช้งานมาได้ไม่นาน จากการตรวจสอบ เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเรนโบว์ สีน้ำเงิน ทะเบียน กบล 666 ประจวบฯ ถูกรถกระบะเฉี่ยวชน แล้วไถลไปตามถนน กว่า 30 เมตรบริเวณหน้ารถบังโคลนแตก ตะกร้าหน้าหลุด มีถุงกับข้าวและอาหารต่างๆ กระจัดกระจายเกลื่อนถนน ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นผู้ขับขี่ นอนคว่ำหน้า สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงเก่าๆ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ทราบชื่อต่อมา คือนางมะลิ ภูผา อายุ 36 ปี อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทร หมู่ 4 บ้านหนองบัว ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน กจ 4556 ประจวบฯ สภาพกันชนด้านหน้ารถแตก หลังจากเกิดเหตุผู้ขับขี่ได้ขับรถไปแจ้งเหตุที่โรงพักคลองวาฬ และรอเจรจาค่าเสียหายกับคู่กรณี

น.ส.เอ๋ อายุ 40 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า น้องสาวของตน มีลูก 2 คน และเลิกกับสามีไปแล้ว ก่อนเกิดเหตุน้องสาวได้ตระเวนไปตามวัดต่างๆ เพื่อเก็บเงินโปรยทานตามงานบุญ และขออาหารจากวัด เพื่อกลับมากินกับลูกที่บ้าน ขณะเกิดเหตุไม่แน่ใจว่าเดินทางมาจากวัดธรรมิการาม เพื่อจะไปวัดคลองวาฬ หรือกลับจากวัดคลองวาฬ แล้วจะนำอาหารไปกินกับลูกที่บ้าน ก่อนจะเสียชีวิตได้นำหลานมาฝากไว้กับตน แล้วมาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตดังกล่าว

ด้านผู้ขับขี่รถยนต์กระบะคู่กรณี ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยว่าตนเป็นข้าราชการอยู่ที่อำเภอบางสะพาน และเดินทางมาประชุมที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งคิดว่าอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ทำให้รีบเดินทางจากศาลากลาง เพื่อจะมาประชุมที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เมื่อมาถึงทางสามแยก ได้ขับรถแซงรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้า ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตขับออกมาจากข้างทางในระยะกระชั้นชิด ทำให้ตนมองไม่เห็นและเบรกไม่ทัน จึงพุ่งชนเข้าอย่างจัง ซึ่งตนเสียใจและยินดีพร้อมที่จะชดใช้เยียวยา ดูแลผู้เสียหาย.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

เทนนิสศึกใหญ่ “ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024” เนื้อหอม ตัวท็อปโลกมาเพียบ – ชู”ซอฟต์พาวเวอร์”กระตุ้นศก.

เทนนิสศึกใหญ่ “ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024” เนื้อหอม ตัวท็อปโลกมาเพียบ – ชู”ซอฟต์พาวเวอร์”กระตุ้นศก.

กลุ่มบริษัท พราว และ อารีน่า หัวหิน ระเบิดศึกเทนนิสหญิงรายการใหญ่ Thailand Open 2024 presented by E@ ชิงเงินรางวัลรวมเกือบ 10 ล้านบาท ณ อารีน่า หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ รอบเมนดรอว์ วันที่ 29 ม.ค. – 4 ก.พ.นี้ พร้อมนำ “ซอฟต์พาวเวอร์” กระตุ้นเศรษฐกิจ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ เผยนักหวดตัวท็อปของโลกมาเพียบ นำโดย “จู หลิน” สาวจีน ดีกรีแชมป์ปีที่แล้ว ร่วมด้วย “แม็กด้า ลีเน็ตต์” สาวโปแลนด์ มือ 22 ของโลก พ่วงด้วยแชมป์ปี 2020 และ “พอลล่า บาโดซ่า” สาวสเปน อดีตมือ 2 ของโลก ชี้ไทยแลนด์ โอเพ่น ช่วยชาติทั้งด้านกีฬา ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีสู่สายตาชาวโลก ขณะที่แฟนเทนนิสเฮได้ชมถ่ายทอดสดทาง ทรูสปอร์ต 2 และ ททบ.5

ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันเทนนิสหญิง รายการใหญ่ ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ Thailand Open 2024 presented by E@ (ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ) ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ สุขุมวิท เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2567 โดยมี นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย, นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว, นายวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย กรรมการบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน), นายธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และการพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), พลตรี สุพัฒน์ สัมมา ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) และนายภราดร ศรีชาพันธุ์ ผู้อำนวยการการจัดการแข่งขัน ร่วมด้วย

ฯพณฯ สุวัจน์ เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่แฟนกีฬาเทนนิสจะได้ชมการแข่งขันรายการใหญ่อย่างไทยแลนด์ โอเพ่น อีกครั้ง สำหรับปีนี้ผู้จัดการแข่งขันคือ กลุ่มบริษัท พราว และ อารีน่า หัวหิน ใช้ชื่อรายการว่า “ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ” ชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 267,082 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาท แข่งขันที่อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยรอบคัดเลือก แข่งขันระหว่างวันที่ 27-28 ม.ค. 2567 และรอบเมนดรอว์ ระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-4 ก.พ. 2567

การแข่งขันเทนนิสหญิงรายการใหญ่ ดับเบิลยูทีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ทัวร์นาเมนต์ “Thailand Open 2024 presented by E@” จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), ไอเอชจี โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท, บริษัท ช การช่าง จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน), บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน), บี. กริม, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด โดยเครื่องดื่มอัดลมทางเลือกเพื่อสุขภาพ 100 พลัส, บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน, บริษัท แคล-คอมพ์ ออโตเมชั่น แอนด์ อินดัสเทรียล 4.0 เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด, ซูเปอร์สปอร์ต ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ร้านค้ากีฬาอันดับหนึ่งของประเทศไทย ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Wilson, โรงแรมไอสนุก และ ไอบิสหัวหิน

นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ กล่าวต่อว่า ปีนี้ ไทยแลนด์ โอเพ่น ยังคงเป็นรายการเนื้อหอม เพราะมีนักเทนนิสชื่อดังของโลก ระดับท็อป 25-100 ของโลก สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน นำโดย “จู หลิน” นักเทนนิสชาวจีน วัย 29 ปี มือ 33 ของโลก จะเดินทางมาป้องกันแชมป์ ในฐานะแชมป์หญิงเดี่ยวศึกไทยแลนด์ โอเพ่น 2023 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ รวมทั้ง “แม็กด้า ลีเน็ตต์” นักเทนนิสจากโปแลนด์ วัย 31 ปี มือ 22 ของโลก แชมป์หญิงเดี่ยวศึกไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 ที่เคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2023 และที่น่าสนใจอีกคนคือ “พอลล่า บาโดซ่า” สาวสวยจากสเปน วัย 26 ปี อดีตมือ 2 ของโลก ก็จะมาร่วมล่าแชมป์ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีนักเทนนิสฝีมือดีอีกหลายคน อาทิ หวัง ซินหยู (จีน /35 โลก) ทาเทียน่า มาเรีย (เยอรมนี /43 โลก) มายาร์ เชรีฟ (อียิปต์ /59 โลก) ยูเลีย ปูตินเซวา (คาซัคสถาน /63 โลก) หวัง ซิหยู (จีน /71 โลก) อันนา คาโรลินา ชมิดโลวา (สโลวาเกีย /73 โลก) วิคทอเรีย โทโมวา (บัลแกเรีย-75 โลก) ไดแอน แพร์รี (ฝรั่งเศส-76 โลก) หยวน หยู (จีน/ 77 โลก) คามิลา โอโซริโอ (โคลอมเบีย /81 โลก) วิกตอรีย่า โกลูบิช (สวิตเซอร์แลนด์ /85 โลก) ลินดา ฟรูเวอร์โทวา (เช็ก /88 โลก) ไป๋ จั๋วเสวียน (จีน /90 โลก) เป็นต้น

“การจัดเทนนิส ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย อีเอ ถือเป็นการจัดรายการระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ซึ่งทุกครั้งได้รับความสนใจจากนักเทนนิสมืออันดับต้น ๆ ของโลก และแฟนเทนนิสจำนวนมากที่เข้ามาชมรอบสำคัญ เป็นการตอกย้ำว่า ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นรายการที่น่าสนใจ ขณะเดียวกันยังตอกย้ำว่า เมืองหัวหิน เป็นเมืองที่มีศักยภาพในการรองรับกีฬาระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ทางผู้จัดได้ทุ่มงบในการจัดการแข่งขันกว่า 50 ล้านบาท ในส่วนของเงินรางวัลรวมเกือบ 10 ล้านบาทเลยทีเดียว“

ที่ผ่านมา ทางผู้จัดได้มีกิจกรรมพิเศษสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้ต่างชาติได้รู้จัก อาทิ วัฒนธรรมไทย อาหารไทย ศิลปการป้องกันตัวแบบไทยหรือมวยไทย เป็นต้น ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ปีนี้มีแผนจะทำอีก และต้องการผลักดันให้เมืองหัวหิน เป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเมืองแห่งสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นการสร้างเสน่ห์ให้ไทยแลนด์ โอเพ่น นักเทนนิสและผู้ติดตามมากินมาใช้ มาสัมผัสซอฟต์พาวเวอร์ของไทย จะช่วยเรื่องเศรษฐกิจ ช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ของเมืองหัวหินสู่สายตาชาวโลก โดยจะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันไปทั่วโลกผ่านทางทรูสปอร์ต 2 และในประเทศไทย รับชมได้ทาง ททบ. 5″ ฯพณฯ สุวัจน์ กล่าว

นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย กล่าวว่า กกท. ให้ความสำคัญกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และการกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ชุมชนผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งครั้งนี้ได้สนับสนุนการแข่งขันเทนนิสหญิง ไทยแลนด์ โอเพ่น ที่จะจัดขึ้น ณ เมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนักเทนนิสระดับโลกและผู้ติดตามเดินทางมาร่วมการแข่งขันจำนวนมาก จึงมั่นใจว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองหัวหินได้เป็นอย่างดี ควบคู่ไปกับการพัฒนากีฬาเทนนิส ทั้งในแง่ของการสนับสนุน ส่งเสริม และเปิดโอกาสให้นักกีฬาไทยได้เข้าแข่งขัน ขณะเดียวกันแฟนกีฬา รวมทั้งเด็กและเยาวชนไทยก็มีโอกาสได้ชมการแข่งขันได้ใกล้ชิดกับนักเทนนิสระดับโลก ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้เด็กและเยาวชนหันมาสนใจกีฬามากขึ้น

“เทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น ถือเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงกีฬากับการท่องเที่ยว ส่งเสริมเรื่องสปอร์ต ทัวริซึ่ม หรือการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ได้รับทราบว่าที่ผ่านมา เทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองหัวหิน รวมทั้งเรื่องอุตสาหกรรมกีฬา สร้างรายได้เข้าประเทศ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวเชิงกีฬาในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายปรีชา กล่าว

น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว ในนามผู้บริหาร อารีน่า หัวหิน กล่าวว่า ทาง อารีน่า หัวหิน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง หรือ ดับเบิลยูทีเอ ได้ไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น และตอนนี้ อารีน่า หัวหิน มีความพร้อมทุกด้านแล้ว โดยเฉพาะสนามแข่งขันที่มีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานเทนนิสรายการแกรนด์สแลม “ออสเตรเลียน โอเพ่น” โดยเซ็นเตอร์คอร์ตสามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 2,000 คน นอกจากนี้ภายใน อารีน่า หัวหิน ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่นักกีฬาต้องการ อาทิ ศูนย์ออกกำลังกายที่ทันสมัยพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังคงสัญลักษณ์ของการแข่งขันคือพื้นสนามสีชมพู ที่ต้องการสื่อและสะท้อนถึงความเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ อารีน่า หัวหิน จึงมั่นใจว่าจะจัดเทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น ได้ตามมาตรฐานสากลเหมือนเดิม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักกีฬาและผู้เข้าร่วมการแข่งขัน

“ที่ผ่านมา อารีน่า หัวหิน ได้ผลักดันให้เมืองหัวหินเป็น Sports Destination หรือจุดหมายปลายทางกีฬาแห่งหนึ่งของโลก ด้วยการจัดการแข่งขันกีฬาชนิดต่าง ๆ รวมทั้งเทนนิสอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักกีฬาจากประเทศต่าง ๆ รู้จักเมืองหัวหิน และอยากจะเดินทางมาแข่งขัน เป็นการตอกย้ำความเป็น Sport Destination ของเมืองหัวหิน ที่ไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม แต่ยังเป็นเมืองแห่งกีฬาอีกด้วย” น.ส.พราวพุธ กล่าว

ขณะที่ นายภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมืออันดับ 9 ของโลก กล่าวในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฯ ว่า การแข่งขันรายการนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักกีฬาเทนนิสไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันด้วย โดยทางผู้จัดการแข่งขันได้มอบไวลด์การ์ดหรือสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมการแข่งขันให้แก่ 4 นักเทนนิสไทย ได้แก่ “รวงข้าว” ลัลนา ธาราฤดี วัย 19 ปี มืออันดับ 258 ของโลก ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือก รายการแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2024 เป็นปีแรก ได้รับไวลด์การ์ดรอบเมนดรอว์ ส่วน “แต้ว” ทรรศพร นาคหล่อ วัย 22 ปี มืออันดับ 415 ของโลก ที่คว้า 3 แชมป์หญิงเดี่ยวศึกไอทีเอฟเมื่อปีที่แล้ว, เวียร่า ดีเพิ่ม นักหวดสาวลูกครึ่งไทย-รัสเซีย วัย 19 ปี มืออันดับ 2,041 ไอทีเอฟ แร้งกิ้ง และ ลีเดียร์ พอดโกริชานี่ นักเทนนิสลูกครึ่งไทย-รัสเซีย ดาวรุ่งวัย 16 ปี มืออันดับ 80 เยาวชนโลก ได้ไวลด์การ์ดรอบคัดเลือก ก็คาดหวังว่าทั้ง 4 คน จะมีโอกาสทำผลงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากนักเทนนิสระดับโลกให้ได้มากที่สุด

อนึ่ง แฟนเทนนิสที่สนใจเข้าชมการแข่งขัน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ Line: @truearenahuahin / Website: https://arenahuahin.com หรือโทรศัพท์ 032-909-633

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ขนส่งประจวบฯ เก็บค่าปรับใบสั่งแทนตำรวจกว่า 7 แสนบาท เมื่อครบกำหนดต่อภาษี

ขนส่งประจวบฯ เก็บค่าปรับใบสั่งแทนตำรวจกว่า 7 แสนบาท เมื่อครบกำหนดต่อภาษี

วันที่ 10 มกราคม 2567 น.ส.ทวีพร เพิ่มทวี ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบฯ เปิดเผยว่า กรณีมีผู้ใช้รถโพสต์เกี่ยวกับสำนักงานขนส่ง ว่ามีการเปรียบเทียบปรับตามใบสั่งของตำรวจ เป็นเงิน 3,000 บาท ในขณะที่ไปต่อภาษีรถประจำปี เรื่องนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมการขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มีการเชื่อมระบบข้อมูลเข้าด้วยกันตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2566 โดยสำนักงานขนส่งจะเปรียบเทียบปรับใบสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามจำนวนเงิน และตามจำนวนใบสั่งที่ขึ้นในระบบ ก่อนที่จะดำเนินการต่อภาษีรถประจำปีให้กับเจ้าของรถ ถ้าผู้ใช้รถยังไม่สะดวกที่จะชำระค่าปรับกับสำนักงานขนส่ง ทางสำนักงานขนส่งจะออกใบต่อภาษีชั่วคราวไปให้ มีระยะเวลา 30 วัน และเมื่อผู้ใช้รถไปชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงานขนส่งจะส่งใบต่อภาษีรถตัวจริงไปให้เจ้าของรถที่บ้านในภายหลัง

ในส่วนของสำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่มีการเชื่อมระบบเข้าด้วยกัน มีการชำระค่าปรับใบสั่งจราจรแล้ว 1,346 คัน เงินค่าปรับรวม 735,000 บาท สำหรับประชาชนที่อาจถูกแอบอ้างนำป้ายทะเบียนรถไปสวม และตกเป็นจำเลย ถูกออกใบสั่งปรับส่งมาให้ที่บ้านโดยไม่ได้กระทำผิดตามที่เคยปรากฏเป็นข่าว หากเจ้าของรถหรือผู้เสียหายคนใดที่มั่นใจว่าตนไม่ได้กระทำผิด ให้นำหลักฐานไปยืนยันกับสถานีตำรวจ เพื่อให้ปลดล็อคใบสั่งก่อนได้ หรือประชาชนที่สงสัยว่ารถของตนมีการค้างชำระค่าใบสั่งจราจรหรือไม่ ก่อนมาต่อภาษี สามารถเข้าไปเช็คใบสั่งค้างชำระได้ที่ https://ptm.police.go.th.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ทำบุญครบรอบ 18 ปี สำนักงานสถานพินิจประจวบคีรีขันธ์

ทำบุญครบรอบ 18 ปี สำนักงานสถานพินิจประจวบคีรีขันธ์

วันที่ 9 มกราคม 2567 นายประยุทธ์ แก้วภักดี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานพิธีทำบุญครบรอบวันเปิดสำนักงานครบปีที่ 18 ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีพระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ ฝ่ายธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์ 9 รูปสวดเจริญพระพุทธมนต์ และมี น.ส.จุไรวรรณ บุญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ จังหวัดประจวบฯ, นายสมศักดิ์ วาจารัตน์ ประธานคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจฯ นางอารมณ์ วาจารัตน์ ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว, นายสมบูรณ์ เขียนวาด, นางลิษา อึ้งเห่ง รองประธานกรรมการสงเคราะห์ฯ, นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา, นายสุวัฒน์ อุยานนทรักษ์ กรรมการและที่ปรึกษาคณะกรรมการสงเคราะห์ฯ, นางจรี วัชรวงษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ, นางจิรสุภี เพชรคีรีสกุล, นางพัชรพร ฉันทาวรานุรักษ์, นางกันติยา ยังสุนิตย์, นางสุรางค์ แซ่ตั้ง, นายธนะกิจ แทนคุณ, นางกัญฐ์ยอร วัฒนพรวงศ์, นางธัญพร ตูวิเชียร คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนฯ จังหวัดประจวบฯ ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงาน ตลอดจนข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ ร่วมในพิธี

สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นตรงกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีภารกิจหลักคือ 1.พิทักษ์คุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน ผู้เยาว์และครอบครัวที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยส่งเสริมการใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือกและมาตรการอื่นๆ 2.ดำเนินการด้านคดี ด้านการป้องกัน บำบัด แก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาและสงเคราะห์และติดตามประเมินผล 3.ประสานความร่วมมือและสร้างเครือข่ายกับชุมชน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมและป้องกันการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน 4. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนากฎหมาย รูปแบบและวิธีการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน

ทั้งนี้สถานพินิจเด็กและเยาวชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2549 จนมาวันที่ 9 มกราคม 2567 รวมเป็นเวลา 18 ปี โดยเช่าพื้นที่อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น จำนวน 2 คูหา เลขที่ 53/13 – 15 ริมถนนเพชรเกษม ติดกับสี่แยกเกาะหลัก ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และยังไม่มีสถานแรกรับเด็กและเยาวชน ทั้งนี้กรณีหากไม่ได้ประกันตัว จะถูกควบคุมตัวไว้ในสถานแรกรับเด็กและเยาวชน ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 2 จ.ราชบุรี โดยสถานพินิจฯ มีอำนาจหน้าที่ควบคุมเด็กและเยาวชน ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดไว้ในระหว่างการสอบสวน หรือการพิจารณาคดี หรือตามคำพิพากษา หรือคำสั่งศาล ทั้งนี้เมื่อเด็กหรือเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำผิด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม พนักงานสอบสวนต้องรีบดำเนินการสอบปากคำโดยด่วน และนำเด็กหรือเยาวชนผู้นั้นส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ได้ประกันตัว จะถูกควบคุมตัวไว้ในสถานแรกรับเด็กและเยาวชน เพื่อพินิจพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน หลังจากนั้นจะได้รับการตรวจสุขภาพ นักจิตวิทยาตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาและพนักงานคุมประพฤติทำการสอบปากคำเพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของเด็กและเยาวชนผู้นั้น ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว จึงจะสามารถนำมาจัดจำแนกประเภทเด็กและเยาวชน และทำรายงานเสนอต่อศาล เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยในชั้นพิจารณาคดีต่อไป

สำหรับเด็กหรือเยาวชนที่เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จะได้รับการดูแลภายใต้สิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สุขอนามัย เสรีภาพในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลในครอบครัวและสิทธิอันชอบธรรมที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี จะเห็นได้ว่าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนนั้น เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ซึ่งพวกเขาจะได้รับการดูแลและการปฏิบัติอย่างดีตามสิทธิทุกประการ.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดฯ เขต 2 หารือนายอำเภอ เพื่อตั้งสาขาสำนักงานการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สาขาบางสะพาน

สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดฯ เขต 2 หารือนายอำเภอ เพื่อตั้งสาขาสำนักงานการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สาขาบางสะพาน

วันที่ 9 มกราคม 2567 นายนิมิตรา วงจินดา นายอำเภอบางสะพานน้อย ให้นายนันทปรีชา คำทอง สมาชิกสภาเกษตรกร เขต 2 จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายวัชรชัย องค์เรียน หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าพบหารือเรื่องความร่วมมือในการสำรวจข้อมูลรายชื่อของพี่น้องชาวสวนยางพารา เพื่อให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พิจารณาเห็นชอบจัดตั้งสำนักงานสาขาขึ้นที่อำเภอบางสะพาน เนื่องจากสำนักงาน กยท.จังหวัด ห่างไกลจากพื้นที่ ที่เกษตรกรอยู่อาศัยเป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร จึงขอความอนุเคราะห์ร่วมมือจากนายอำเภอ ช่วยกระจายข่าวการรับรู้และข้อมูลสำรวจ ตอบกลับผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ส.อบต.เกษตรอำเภอ อกม.ในพื้นที่ ร่วมกันผลักดันให้แล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา

หลังจากนั้น คณะสภาเกษตรจังหวัดฯ ได้เข้าพบนายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน ในประเด็นเดียวกัน ซึ่งได้รับความร่วมมือ ข้อเสนอแนะ จากนายอำเภอทั้งสองท่านเป็นอย่างดี.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ Kick off จัดตลาดนัดแก้หนี้ 14 มกราคมนี้ ให้กับชาวบ้าน

ประจวบฯ Kick off จัดตลาดนัดแก้หนี้ 14 มกราคมนี้ ให้กับชาวบ้าน

วันที่ 9 มกราคม 2567 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดตามผลการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ และหน่วยรับลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึง 8 มกราคม 2567 พบว่ามีลูกหนี้ลงทะเบียนขอให้ภาครัฐช่วยเหลือ 1,063 ราย รวมมูลหนี้ 58,029,444 บาท เป็นการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ThaiD 905 ราย และลงทะเบียนที่ศูนย์แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบระดับจังหวัดและอำเภอ 158 ราย ซึ่งหลังจากได้รับเรื่องแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการไกล่เกลี่ยตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาททางแพ่ง ประสบผลสำเร็จแล้ว 19 ราย มูลหนี้ 1,204,580 บาท

นอกจากนี้จะมีการจัดตลาดนัดแก้หนี้ เป็นประจำทุกเดือน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยครั้งแรกกำหนดจัดพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. – 17.00 น. ที่ห้องประชุมเกาะหลักชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ธนาคารของรัฐ ให้บริการคำปรึกษาช่วยเหลือ ดำเนินการไกล่เกลี่ย พร้อมประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการไกล่เกลี่ยและการประนีประนอมข้อพิพาทที่ประสบความสำเร็จแล้ว สร้างการรับรู้และสร้างความอบอุ่นใจแก่ประชาชน ทั้งนี้ประชาชนยังสามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร.1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจประจวบฯ ติวเข้มการใช้ปืน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ตำรวจประจวบฯ ติวเข้มการใช้ปืน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์

วันที่ 9 มกราคม 2567 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมยิงปืนเพื่อเพิ่มทักษะทางยุทธวิธี ของตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่สนามยิงปืนหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ
โดยมี พล.ต.ต.จำลอง งามเนตร ผบก.ภ.จ.ประจวบฯ รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าร่วมกิจกรรม โดยวัตถุประสงค์ของการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบัน ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม สืบสวนและจราจร มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนประจำกาย ตามภารกิจและความจำเป็นของหน่วย แต่ข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีโอกาสในการฝึกซ้อมยิงปืนให้เกิดทักษะ ความชำนาญในการใช้อาวุธปืนประเภทต่างๆ ซึ่งผลจากขาดโอกาสในการฝึกซ้อม การฝึกตนเอง และขาดประสบการณ์ในการยิงปืน การใช้อาวุธ อาจเป็นสาเหตุแห่งความไม่ปลอดภัยแก่ตนเองและผู้อื่น ทำให้การป้องกันชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชนขาดประสิทธิภาพ และบางรายอาจมีการต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมยิงปืนเพื่อเพิ่มทักษะทางยุทธวิธีของตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ ขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 11 มกราคม 2567 โดยมีผู้เข้ารับการฝึกอบรม 960 นาย เพื่อเพิ่มทักษะในการใช้อาวุธปืนทางยุทธวิธี ให้กับข้าราชการตำรวจทุกสายงาน และมีความปลอดภัยสูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่.