พบลูกโลมาหัวบาตร ตายเกยหาดหัวหิน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ 191 สภ.หัวหิน จ.ประจวบฯ รับแจ้งจากนักท่องเที่ยว ว่า พบซากโลมาตายเกยตื้นบริ

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าลู

พบลูกโลมาหัวบาตร ตายเกยหาดหัวหิน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ 191 สภ.หัวหิน จ.ประจวบฯ รับแจ้งจากนักท่องเที่ยว ว่า พบซากโลมาตายเกยตื้นบริ
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าลู
ศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ หัวหิน ปีที่ 17 สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมแห่งสายน้ำ
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดงานประเพณีแข่
เทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุ
โดยแบ่งการแข่งขันเรือยาว 4 ประเภท วันที่ 9 พ.ย. แข่งขัน 55 ฝีพาย 40 ฝีพาย 30 ฝีพาย 7 ฝีพาย (ชุมชน) หัวใบ้ท้ายบอด (ชุมชน) และวันที่ 10 พ.ย. แข่งรอบชิงชนะเลิศ นอกจากนี้ ภายในงานมีการแสดงคอนเสิร์ต บูธกิจกรรม การออกร้านค้าชุมชนเทศบาลเมื
พบเสือดาว – เสือดำ ในผืนป่ากุยบุรี สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์สัตว์ป่า หลังกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera trap) บันทึกภาพเสือดาวและเสือดำในพื้นที่เดียวกัน โดยนายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า การพบเสือทั้งสองชนิดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในผืนป่า และเป็นผลมาจากการทุ่มเทในการคุ้มครองพื้นที่อุทยานฯ อย่างเข้มแข็ง ทั้งการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ การป้องกันการบุกรุกทำลายป่า และการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรียังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือดาวและเสือดำ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้ ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานอนุรักษ์และการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
อุทยานแห่งชาติกุยบุรีครอบคลุมพื้นที่กว่า 969 ตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งในกลุ่มป่าแก่งกระจานมรดกโลกทางธรรมชาติ ที่ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ ประจวบฯ เพชรบุรี และราชบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะการเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังพบสัตว์ป่าสงวนหายากหลายชนิด เช่น วัวแดง กระทิง เลียงผา และเสือโคร่ง นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรียังมีความสำคัญในด้านการเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย รวมถึงเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของภูมิภาค มีระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และทุ่งหญ้า ซึ่งเอื้อต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่านานาชนิด.
เปิดตัวโครงการ Cyber Booster ถึงเวลาฉีดวัคซีน#สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ 5 หน่วยงานร่วมผนึกกำลัง ป้องกันประชาชนจากภัยร้ายออนไลน์
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ,รายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ ในรายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
โครงการที่ผลิตและเผยแพร่สื่อเตือนภัยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสู้ภัยไซเบอร์ ซึ่งมีจุดริเริ่มมาจากสถานการณ์สังคมไทยปัจจุบันที่ต้องเผชิญปัญหาที่มาจากภัยไซเบอร์ การแสวงหาประโยชน์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ และ การลักลอบใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายนำมาข่มขู่ให้เกิดความกลัวและยอมทำตามที่มิจฉาชีพต้องการ
ซึ่งจากปัญหาและผลกระทบดังกล่าว โครงการ Cyber Booster จะเข้ามาสร้างการตระหนักรู้ในภัยไซเบอร์ในช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมภูมิคุ้มกันต่อมิจฉาชีพแก่ประชาชน รวมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ช่องทางการช่วยเหลือจากภาครัฐให้ประชาชนทราบผ่านชุดคลิปวิดีโอจำนวน 17 เรื่องที่จัดทำขึ้น
นำโดย พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (IDMB)ร.ต.อ.นนทพัทธ์ อินทรศวร ผู้กองวิน และ หมวดแพนด้า ร.ต.ท.หญิง กานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ ทีมกากีนั้งทีวี พ.ต.ต.พากฤต กฤตยพงษ์, ร.ต.อ.พิชพงศ์ โสมกุล, ร.ต.อ.หญิง พิชญากร สุขทวี ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT) พร้อมทั้ง คุณธิดารัตน์ อนันตรกิตติ ผู้ดำเนินรายการ สถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
ด้าน ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า ความจริงแล้วคนไทยมีความตระหนักในเรื่องการใช้สื่อมานาน รู้ว่าสื่อจะเป็นช่องทางที่สร้างประโยชน์และทำให้เกิดความเสียหาย ต้องยอมรับว่าวันนี้ทุกคนอยู่กับเครื่องมือสื่อสารมากกว่าสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตแต่แม้จะมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ให้ระวังมิจฉาชีพอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังพบว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ถูกหลอก ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนว่าไม่ใช่ความปกติ ฉะนั้นสังคมไทยถึงเวลาที่จะต้องมาร่วมกันคิดหาทาง และยกระดับการป้องกัน
กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีหน้าที่รณรงค์ส่งเสริมให้สื่อสร้างสิ่งดี ๆ เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ประชาชนผ่านการจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่จะต้องเพิ่มความเข้มงวดไปพร้อมกับ หน่วยงานประชาสัมพันธ์ที่จะต้องช่วยกันรณรงค์ต่อเนื่อง
“อย่าคิดว่าเรื่องอาชญากรรมออนไลน์เป็นเรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง วันนี้เรามาเริ่มจุดประกายเชิญชวนให้ทุกคนการสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์” ดร.ธนกร กล่าว
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (IDMB) ระบุว่า ที่ผ่านมาตำรวจพยายามทำหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อสู้กับมิจฉาชีพ แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพเองมีพัฒนาการต่อไปไม่หยุดยั้ง เปรียบเหมือนตำรวจที่อยู่ในสงครามสู้กับมิจฉาชีพ 5G
และยิ่งปัจจุบันความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการปราบปรามเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะคนร้ายพยายามใช้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือประเทศที่ 3 เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ เช่น กลุ่มคนร้ายประเทศ A ใช้ฐานที่ตั้งประเทศ B โดยมีลูกทีมเป็นคนประเทศ C
แต่ในวันนี้ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ Cyber Booster ทำให้เรามีความหวัง ทุกคนในที่นี้และที่กำลังจะร่วมมือกันในอนาคต กำลังสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันร่วมกัน
“คนไทยที่ถูกหลอกส่วนมากจะอายและไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัว ในฐานะตำรวจขอให้ผู้ที่เสียหายเดินเข้าหาเจ้าหน้าที่ออกมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ออกมาแจ้งความเพื่อเป็นตัวอย่างและภูมิคุ้มกันให้คนอื่น ๆ” พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว
ขณะที่ คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ กล่าวว่า เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนร้ายเองก็ร่วมเรียนรู้ไปกับข่าวสาร สิ่งสำคัญที่เราต้องทำในฐานะสื่อคือ ต้องเรียนรู้ก้าวไปข้างหน้าและพยายามกระจายข้อมูลวิธีการและรูปแบบของคนร้ายไปสู่ภาคประชาชน
ในสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ที่ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 50 สื่อชั้นนำ ทั้งสื่อใหม่และสื่อดั้งเดิม ทุกหน่วยพร้อมที่จะกระจายข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม
“ยุคนี้เราปราบปรามอย่างเดียวไม่ได้ การสร้างภูมิคุ้มกันเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกัน” คุณนันทสิทธิ์ กล่าว
ด้านคุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด กล่าวว่า บทบาทของภาคเอกชนในการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ยังสามารถขยายและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีก แม้ว่าขณะนี้หลายภาคส่วนจะพยายามสร้างความตระหนักรู้แล้ว แต่เนื้อหาที่เป็นข่าวภัยไซเบอร์ยังคงต้องถูกนำเสนอในหลากหลายช่องทางและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้รับสารมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คนใช้งานประจำ
“Tellscore มองว่าการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ให้ข้อมูลในช่องทางที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างใกล้ชิด สามารถสร้างอิทธิพลให้คนเข้าใจและเห็นความสำคัญของภัยไซเบอร์ได้มากขึ้น” คุณสุวิตา กล่าว.
ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ประชุมต้อนรับคณะผู้อัญเชิญผ้าพระกฐินสมเด็จพระสังฆราช ที่วัดเขาไกรลาศ หัวหิน
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานประชุมเตรียมพร้อมในพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประจำปี พ.ศ.2567 แด่พระสงฆ์วัดเขาไกรลาศ มีนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วย ปลัดจังหวัด สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอหัวหิน เจ้าหน้าที่วัดเขาไกรลาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ
นายสมคิด จันทมฤก เปิดเผยว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระเมตตาโปรดประทานผ้าพระกฐินให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาสผู้สนองงาน อัญเชิญมาทอดถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษา ถ้วนไตรมาส ณ วัดเขาไกรลาศ หมู่บ้านเขาตะเกียบ อ.หัวหิน ในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ อาคารพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป (ด้านล่าง) วัดเขาไกรลาศ และร่วมถวายการต้อนรับเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสงฆ์ จึงได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมในการรับกฐินประทานฯ โดยภาพรวม เช่น กำหนดการพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานฯ การประดับตกแต่งสถานที่ ผังการจัดบริเวณงานในภาพรวมพิธีถวายผ้าพระกฐินประทาน จุดจอดรถและการจราจร เพื่อให้การต้อนรับคณะผู้อัญเชิญผ้าพระกฐินสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย.
ตม.ประจวบฯ รวบต่างด้าว เปิดร้านเสริมสวยแย่งงานคนไทย
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.ฯ รรท.ผกก.ตม.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.ท.อดุลย์ คงไข่ศรี รอง ผกก.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฏฐวรรธ แก้วทิพย์เนตร สว.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.ประจวบคีรีขันธ์, ฝ่ายสืบสวน สภ.บางสะพาน และเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงในกลุ่มคนต่างด้าวที่สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่
เมื่อตรวจมาถึงคลินิกเส้นผม แพนบิวตี้ เลขที่ 262/7-8 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีนายคำไพ ไชยาสาน อายุ 36 ปี สัญชาติลาว หนังสือเดินทางเลขที่ PA0214435 พบว่าได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาในราชอาจักรไทยอยู่อาศัยโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกินจำนวน 1,594 วัน), เป็นคนต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต, กระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
ทั้งนี้ตามข้อสั่งการของ ผบช.สตม.และผู้บังคับบัญชา เจ้าพนักงานชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับการกระทำความผิดของคนต่างด้าว โดยเฉพาะคนต่างด้าวที่มาประกอบอาชีพในลักษณะแย่งอาชีพคนไทย จนกระทั่งสืบทราบว่ามีบุคคลสัญชาติลาว แอบมาประกอบอาชีพร้านเสริมสวยในตลาดบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชื่อว่าร้านคลินิกเส้นผม แพนบิวตี้ โดยแสดงใบผ่านการอบรมหลักสูตรเสริมสวยต่างๆ แอบอ้างเป็นคนไทยใช้ชื่อว่า พนมพร วงสีดา ติดไว้ภายในร้าน และตั้งโต๊ะจำหน่ายส้มตำที่หน้าร้าน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนทราบว่าเจ้าของร้านดังกล่าว มีชื่อจริงว่านายคำไพ ไชยาสาน สัญชาติลาว ถือหนังเดินทางเลขที่ PA0214435 เคยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยด้วยวีซ่าทำงาน ใบอนุญาตเลขที่ 7700630000842 และได้ครบสัญญาจ้างไปแล้ว และเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรแล้ว ต่อมาได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ทางช่องทางจุดตรวจสะพานมิตรภาพ 1 จังหวัดหนองคาย และขออยู่ในราชอาณาจักรไทยด้วยเหตุผลวีซ่าการทำงาน (แรงงาน 3 สัญชาติ) อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2565 แต่ปรากฏว่านายจ้างได้เลิกจ้างงานตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2563 จึงทำให้การอนุญาตสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2563
ต่อมา วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดต่อซื้ออาหารตามสั่งและสอบถามอัตราค่าบริการเสริมสวยจากผู้ที่อยู่ในร้าน จนเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวคือนายคำไพ ไชยาสาน ซึ่งแต่งกายเป็นหญิง ตรงตามที่ได้ทำการสืบสวนก่อนหน้า จากนั้นจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ซักถามชื่อนามสกุลจริง ปรากฏว่านายคำไพ ไชยาสาน ให้การวกวน ไม่ยอมตอบคำถาม จนภายหลังได้รับสารภาพว่าตนเป็นบุคคลสัญชาติลาว อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดจริง ได้ทิ้งหนังสือเดินทางไปแล้ว และประกอบอาชีพเปิดร้านเสริมสวย ซึ่งเป็นงานต้องห้ามตามกฎหมายจริง เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วพร้อมปิดบังว่าเป็นคนไทยมาโดยตลอด และที่ร้านขายส้มตำด้วยเพื่อหารายได้เพิ่ม.
พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน
เทศบาลหัวหิน เข้าร่วมโครงการ Smart and Strong พัฒนาบริการผู้สูงอายุในชุมชน
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองหัวหิน เข้าร่วมโครงการจัดประชุมและสัมมนาวิชาการนานาชาติเครือข่ายนักบริหารจัดการสังคมสูงวัยขององค์กรปกครอง หัวข้อ “เครือข่ายพลังท้องถิ่นแนวหน้าเคลื่อนสังคมสูงวัย ไปต่ออย่างไรให้เกิดบริการมิติใหม่ที่ยั่งยืน” ภายใต้ส่วนท้องถิ่นเครือข่ายการบูรมาการการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุในชุมชน (Smart and Strong Project) มี น.ส.เรวีญา ขจิตเนติธรรม ปลัดเทศบาล รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีตำบลทับมา / ประธานสภาแห่งเทศบาลเมืองยูกาวาระ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยผู้บริหาร ที่ปรึกษา สมาชิกสภาเทศบาล อบต. ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา สวัสดิการสังคมและสิ่งแวดล้อมในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 100 คน เข้าร่วมประชุม ระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤศจิกายน 2567 ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง
ตามที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทยจำนวน 26 แห่ง ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายโครงการบูรณาการการพัฒนาการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุในชุมชนผ่านการสร้างเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2565 – 2568) โครงการดังกล่าวเป็นโครงการความร่วมมือและได้รับทุนสนับสนุนจากองค์การความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) โดย JICA ได้มอบอำนาจให้องค์กร Nogezaka Glocal และเทศบาลเมืองยูกาวะระ เป็นผู้รับผิดชอบหลักในนามประเทศญี่ปุ่น และมีเทศบาลเมืองบึงยี่โถ จ.ปทุมธานี เป็นหน่วยประสานงานหลักในประเทศไทย ภายใต้ชื่อโครงการบูรณาการการพัฒนาการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุในชุมชุมชนผ่านการสร้างเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รูปแบบ ทักษะและประสบการณ์ในการดำเนินงานด้านการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุแบบบูรณาการในชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุในชุมชน และเพื่อพัฒนา ต่อยอด และดำเนินงานและกิจกรรมด้านการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุแบบบูรณาการในชุมชน
ซึ่งโครงการดังกล่าว เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว ปรากฏว่ามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายพื้นที่ มีการพัฒนาต่อยอดกิจกรรมบูรณาการสำหรับผู้สูงอายุในชุมชมชนเป็นจำนวนมาก มีโครงการและกิจกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นในพื้นที่ ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการยังมีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพของทีมงานในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการได้มีมติร่วมกันว่า ควรมีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเผยแพร่บทเรียนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งที่เป็นเครือข่ายในโครงการ 5 เครือข่ายภายนอกโครงการในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียนที่สนใจ ผ่านการจัดประชุมวิชาการชุมชนได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างองค์กรที่มีเป้าประสงค์ในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน เกิดพันธมิตรและเครือข่ายที่แข็งแกร่งในการทำงาน นอกจากนี้ ในการจัดการประชุมสัมนาวิชาการครั้งนี้ยังจัดขึ้นเพื่อให้เกิดการขยายผลพื้นที่เครือข่ายการทำงานในประเทศไทย ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก ประกอบด้วย เทศบาลตำบลทับมา จ.ระยอง ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน ร่วมกับศูนย์ฝึกอบรมแห่งคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เทศบาลเมืองบึงยี่โถ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) องค์กร Nogezaka Glocal เทศบาลเมืองยูกาวะระ ประเทศญี่ปุ่น และเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ภายใต้โครงการ Smart and Strong โดยมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งให้เกิดการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีองค์ความรู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านผู้สูงอายุ มีมุมมองที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่างๆ ของผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยการอบรมครั้งนี้บุคลากรจะสามารถนำไปต่อยอดดำเนินงานและจัดกิจกรรมด้านการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุแบบบบูรมาการในชุมชนได้จริงต่อไป.
ข่าวสังคม
อิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด พร้อมด้วย พันธ์เทพ จิตต์การุณย์ ประชุมคณะกรรมการสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลบ้านกรูด คณะผู้บริหาร หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ เจ้าหน้าที่งานสวัสดิการสังคม และคณะกรรมการสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลบ้านกรูด ร่วมประชุมคณะกรรมการสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลบ้านกรูด ครั้งที่ 3/2567 เพื่อรายงานผลการดำเนินการโครงการบ้านพอเพียง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567
นอกจากนี้ คณะกรรมการสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลบ้านกรูด ยังได้เสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ตามที่ได้ดำเนินการสำรวจและจัดทำข้อมูลบ้านพอเพียงแล้ว.
ณัฐธภพ พันสาย…..รายงาน
เตรียมชมขบวนซูเปอร์คาร์ เยือนหัวหิน ที่บลูพอร์ต 29 – 30 พ.ย.นี้
ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน, เดอะคอลเลคชั่น หัวหิน, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท และกลุ่มบริษัทพราว ร่วมกับบริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท คาร์ทรัส จำกัด และกลุ่ม Street King จัดโชว์ซุปเปอร์คาร์ ภายใต้งานชื่อ “ STREET KINGS เยือนหัวหิน ถิ่นมนต์ขลัง” ที่จะนำขบวนรถหรูซูเปอร์คาร์มากกว่า 50 คัน มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ระหว่างวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ที่ลานเดอะสแควร์ บลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ
ทั้งนี้งาน “STREET KINGS เยือนหัวหิน ถิ่นมนต์ขลัง” ได้รับความร่วมมือจากกลุ่ม Street kings ที่จจะนำรถซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูงระดับโลก มาร่วมจัดแสดงให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานได้ร่วมยลโฉมสุดยอดยนตรกรรมระดับโลกมากกว่า 50 คัน หลากหลายดีไซน์อันน่าตื่นตา ถือเป็นงานที่ได้รวมรถซูเปอร์คาร์สุดหรูไว้มากที่สุดในหัวหิน ไม่ว่าจะเป็น Lamborghini Aventador, Lamborghini Huracan STO, Ferrari 296, Ferrari SF90, Ferrari F8 และสุดยอดซูเปอร์คาร์ในตระกูล McLaren อย่าง McLaren 720s และMcLaren 570s รวมถึงยังมีการแสดงดนตรีสดจากวงน้องๆ นักเรียนของโรงเรียนในพื้นที่หัวหิน ที่จะมาร่วมสร้างสีสัน ความสนุกภายในงาน พร้อมการจัดแสดงแสง สี เสียง ประกอบการแสดงโชว์รถซูเปอร์คาร์อีกด้วย และนอกจากนี้ การเดินทางมาในครั้งนี้ กลุ่ม Street King ยังได้สานต่อแบ่งปันความสุขเพื่อสังคม ร่วมสนับสนุนมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนในพื้นที่อำเภอหัวหิน จำนวน 5 โรงเรียน และร่วมสนับสนุนให้กับศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นแหล่งพักพิงและช่วยเหลือสุนัขจรจัด
น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด กล่าวว่า “การจัดงาน STREET KINGS เยือนหัวหิน ถิ่นมนต์ขลัง ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวเมืองหัวหินและนักท่องเที่ยวที่รอคอยการมาเยือนของขบวนซูเปอร์คาร์ แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเมืองหัวหินในการเป็นศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวและยานยนต์ ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจในด้านยานยนต์ให้มาเยือน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ เพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมทั้งช่วยสร้างรายได้แก่ชุมชน และที่สำคัญยังเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของหัวหินและบลูพอร์ต ในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ความสนใจเฉพาะด้านและสามารถรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
นอกจากนี้ กลุ่มคาราวานซูเปอร์คาร์ที่มาร่วมงานทุกคัน ยังมั่นใจเลือกเติม Bangchak Hi Premium 97 น้ำมันพรีเมียมแก๊สโซฮอล์ที่มีค่าออกเทนสูงกว่า 97 ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้รถซูเปอร์คาร์ และรถสมรรถนะสูง ที่จะช่วยเสริมศักยภาพของการเดินทางให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Bangchak Hi Premium 97 มีสารเพิ่มคุณภาพสูตรพิเศษจากสหรัฐอเมริกา ทำความสะอาดหัวฉีดได้ถึง 100 % และให้อัตราเร่งเพิ่มขึ้น 4.1% จากการทดสอบโดยห้องทดสอบปฏิบัติการประเทศสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับรถซูเปอร์คาร์ รถพรีเมียม และรถเครื่องยนต์เบนซินทุกประเภทที่รองรับแก๊สโซฮอล์ รวมถึงผู้ที่ต้องการดูแลและปกป้องเครื่องยนต์เป็นพิเศษ
ห้ามพลาด!! เตรียมกล้องให้พร้อม แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่กับ งาน “STREET KINGS เยือนหัวหิน ถิ่นมนต์ขลัง” สัมผัสประสบการณ์ที่หรูหราและความสนุกสนาน รวมถึงการแสดงโชว์แสง สี เสียง ที่น่าประทับใจกับขบวนรถซูเปอร์คาร์ จากกลุ่ม Street Kings ได้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 11.00 น. ร่วมชมกันแบบจุใจ 2 วันเต็มๆ ที่ลาน เดอะสแควร์ บลูพอร์ต หัวหิน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 032 – 905111, เฟซบุ๊ก : BluportHuaHinOfficial และ Line official @bluport.
สมาคมรถโบราณฯ จับมือ ดุสิตธานีหัวหิน จัดหัวหินวินเทจ คาร์พาเหรด ครั้งที่ 22 กระตุ้นท่องเที่ยว
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “หัวหินวินเทจ คาร์พาเหรด ครั้งที่ 22 – Timeless Friendship มิตรภาพไร้กาลเวลา” ระหว่างวันที่ 20 – 22 ธันวาคม 2567 ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มีนายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย นายพันธุ์ธัช หิรัญจิรวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี นางดวงใจ คุ้มสะอาด ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี นายนิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นางไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายพิพัฒน์ พัฒนานุสรณ์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “งานหัวหิน วินเทจ คาร์พาเหรด จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 โดยปีนี้สมาคมร่วมกับ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน เป็นปีที่ 3 และได้รับการสนับสนุนอย่างดีเช่นเคยจากพันธมิตรเดิม ทั้ง หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี เทศบาลเมืองชะอำ เทศบาลเมืองหัวหิน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยสมาคมฯ หวังสร้างมิตรภาพตลอดการเดินทาง กระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยขบวนรถโบราณ และรถคลาสสิค บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – หัวหิน ตามแนวคิด “มิตรภาพไร้กาลเวลา – Timeless Friendship” เพื่อให้เจ้าของรถได้รำลึกถึงความทรงจำที่คุ้นเคย แม้จะพบกันเพียงครั้ง จะยังจดจำมิรู้ลืม
นายพิพัฒน์ พัฒนานุสรณ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน กล่าวว่า “โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ขอบคุณสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ที่ไว้ใจให้โรงแรมฯ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดงานเป็นปีที่ 3 โดยเรายินดีสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขบวนพาเหรดรถโบราณถือเป็นอีกหนึ่งงานไฮไลท์ที่ชาวเมืองเพชรบุรีและหัวหิน รวมถึงนักท่องเที่ยวและแฟนคลับตั้งตารอคอย เพื่อชมความงามอันทรงคุณค่าที่นับวันจะหาดูได้ยาก โรงแรมของเรามีพื้นที่กว้างขวาง และมีศูนย์การประชุมซึ่งสามารถรองรับคาราวานรถโบราณและการจัดงานต่างๆ ได้ทุกรูปแบบ”
สำหรับพิธีปล่อยขบวนรถโบราณ “หัวหินวินเทจ คาร์พาเหรด ครั้งที่ 22” จะเริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK ถนนประชาอุทิศ สู่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 โดยประชาชนทั่วไปสามารถชมรถคลาสสิคและรถโบราณอันทรงคุณค่าได้อย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ งานกาลาดินเนอร์ ในคืนวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม ซึ่งจะมีเวทีลีลาศ กับวงดนตรี Sensation ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/VintageCarClub.