Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวประจวบฯ ร่วมสืบสานประเพณีตักบาตรเทโว ในเทศกาลออกพรรษา

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการประจวบฯ พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมงานประเพณีตักบาตรเทโว เขาช่องกระจก เนื่องในเทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2566 ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 23 เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามที่สืบทอดมาแต่โบราณให้คงอยู่ตลอดไป โดยมีประชาชนนับพันคนพร้อมใจแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยมาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์กันอย่างเนืองแน่นตลอดสองฝั่งถนนสละชีพ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ท่ามกลางฝนโปรยปราย ขณะที่เทศบาลเมืองประจวบฯ ได้จัดขบวนบุษบก ขบวนเรือพระ ขบวนแห่พุทธศิลป์จาก 15 ชุมชน เคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่างๆ ภายในเขตเทศบาลให้ประชาชนได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจร่วมชมบรรยากาศงานประเพณีตักบาตรเทโวเขาช่องกระจกอย่างคึกคัก พร้อมกันนี้ เทศบาลเมืองประจวบฯ ร่วมกับวัดธรรมิการามวรวิหารและชมรมส่งเสริมสินค้าไทย กำหนดจัดงานประเพณีตักบาตรเทโว เขาช่องกระจก ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน บริเวณหน้าวัดธรรมิการามวรวิหารและหน้าศาลากลางจังหวัด

ส่วนที่อำเภอหัวหิน นายพิษณุ กล้าขาย อดีต ส.อบจ.ประจวบฯ และประชาชนจำนวนมาก ร่วมงานทำบุญประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ ที่บริเวณหินลาด วัดเขาไกรลาศ หมู่บ้านเขาตะเกียบ โดยมีเหล่านางฟ้ารำเป็นขบวนนำพระสงฆ์จำนวน 39 รูป เพื่อมารับบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งประเพณีดังกล่าวชาวชุมชนเขาตะเกียบได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อรักษาประเพณีอันดีงามนี้ไว้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ เตรียมเปิดศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้า

วันที่ 29 ตุลาคม 2566 นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เชิญคณะกรรมการเข้าประชุม ณ ที่ทำการศูนย์พัฒนาการเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการโซนใต้ ในการที่จะเปิดศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และทำความเข้าใจ พร้อมแสดงความคิดเห็นการเสนอโครงการขอรับทุนสนับสนุน ปีงบประมาณ 2567 มีกรรมการที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่นายนันทปรีชา คำทอง, น.ส.นันทรัตน์ เกื้อหนุน ผู้อำนวยการ รร.ธนาคารออมสิน, นายทิพย์รื่นเกษม, นายวิฑูรย์ บัวโรย, นายวีระชัย อินทรพงษ์ และ น.ส เด่นนภา สกลธนาวัฒน์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

นายวัชรินทร์ กล่าวว่าการเปิดศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต้องมีการเปิดบัญชี และได้เสนอรายชื่อกรรมการศูนย์พัฒนาการเมือง ภาคพลเมือง 3 ท่าน เพื่อเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขา บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประเภทออมทรัพย์ การพิจารณาเสนอโครงการขอรับทุนสนับสนุนปีงบประมาณ 2567 เสนอโครงการขอรับทุนสนับสนุนทั้ง 3 ประเภท ได้แก่โครงการอบรมเยาวชน ตามยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นพลเมือง อบรมให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตย ทั้งทางตรงและทางอ้อม แบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็น และทำการประเมินก่อนและหลังการอบรม มีการอบรมให้ความรู้ทั้ง 3 ยุทธศาสตร์ โดยจัดการประชุม อบรม ดูงาน สานเสวนา การสรุปบทเรียน พร้อมจัดทำชุดสื่อความรู้ทั้งสามโครงการโรงเรียนพลเมือง โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการโรงเรียนพลเมือง เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อสร้างความรู้ การมีส่วนร่วมในการแก้ไข จัดการปัญหาและความต้องการของชุมชน ตามหลักค่านิยมหลักการรูปแบบและกระบวนการตามวิถีประชาธิปไตย และเมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้ว จะร่วมกันนำเสนอนขยายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นายวัชรินทร์กล่าว.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รวบพ่อโหดฆ่าอุดจมูกลูกวัย 6 ขวบ ประชดเมียหนี ทิ้งศพป่าอ้อยอำพรางคดี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2566 พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พ.ต.ท.จักรพัฒน์ จันทร์เที่ยง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เจนวิทย์ ตรีสุคนธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.นฤพนธ์ พฤตินนท์ สว.สอบสวน พร้อมชุดสืบสวน ควบคุมตัวนายนัฐพล หรือโจ สังข์ประเสริฐ อายุ 23 ปี ชาว อ.หัวหิน อาชีพรับจ้างตัดไม้ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ ภายหลังก่อเหตุฆ่า ด.ช.ณัฐฐนนท์ หรือน้องเจแปน ศรเฉลิม อายุ 6 ขวบ บุตรชายตัวเองเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งบริเวณริมถนนภายในซอยหลังวัดหนองคร้า หมู่ 5 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมาก รุมสาปแช่งในความโหดร้ายของคนเป็นพ่อ

พ.ต.อ.หงส์พรหม กล่าวว่า จากการสอบสวนนายนัฐพลให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่า ด.ช.ณัฐฐนนท์ จริง โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา นายนัฐพลได้วางแผน โดยเข้าแจ้งความเท็จกับตำรวจ สภ.หัวหิน ว่า ด.ช.ณัฐฐนนท์ ได้หายตัวไปขณะจอดรถกระบะนิสสัน หมายเลขทะเบียน บพ 9694 ประจวบฯ ลงไปซื้อข้าวหมูแดงร้านแห่งหนึ่งริมถนนสายหัวหิน – หนองพลับ ทั้งๆ ที่ ด.ช.ณัฐฐนนท์นั่งอยู่ในรถไม่ได้หายตัวไปไหน ก่อนเจ้าหน้าที่และสื่อโซเซียลช่วยกันตามหาแต่ไม่พบตัว จนกระทั่งเวลา 00.10 น.วันเดียวกัน ได้รับแจ้งจากนายนัฐพล ว่าพบศพลูกชายตนนอนเสียชีวิตอยู่ในป่าอ้อยริมถนนภายในซอยหลังวัดหนองคร้า ในสภาพใบหน้าซีด มีรอยเล็บที่หน้าผาก จึงพร้อมด้วยแพทย์ รพ.หัวหิน พิสูจน์หลักฐานจังหวัด เข้าตรวจสอบเบื้องต้นสาเหตุการเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ก่อนนำศพส่งยัง รพ.หัวหิน ให้แพทย์ตรวจอีกครั้ง

หลังเกิดเหตุตำรวจได้นำตัวนายนัฐพลไปสอบปากคำนานหลายชั่วโมง เนื่องจากมีพิรุธ ก่อนยอมปริปากสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าลูกชายตนเอง สาเหตุจากทะเลาะกับนางดวงกมล ภรรยาที่อยู่กินมานานหลายปีจนมีลูกชายด้วยกัน ก่อนนางดวงกมลทิ้งตนและลูกไปประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา จึงเกิดความเครียดที่ทิ้งลูกให้เป็นภาระ วันเกิดเหตุช่วงค่ำได้พา ด.ช.ณัฐฐนนท์ออกจากบ้านนั่งรถไปตนจนถึงที่เปลี่ยวห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร โดยให้ ด.ช.ณัฐฐนนท์ นอนหนุนตัก ก่อนตนใช้มือกดปิดปาก ปิดจมูกจนลูกชายแน่นิ่งเสียชีวิต แล้วนำศพไปทิ้งอำพรางคดีบริเวณดังกล่าว จากนั้นขับย้อนกลับ ตีหน้าตื่นไปตามเพื่อนบ้านให้ช่วยหาลูกชายจนถึงจุดที่พบศพ ภายหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

 

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลบ้านกรูด จัดโครงการสื่อสนุกสนานและธนาคารขยะเพื่อโลกสีเขียวแก้ปัญหาขยะ

วันที่ 28 ตุลาคม 2566 นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด, นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ, นายโชติวิทย์ ธรรมสุจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน, ดร.พิชชา ใจสมพงศ์ ผู้แทนคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ดร.กันยมาส ชูจีน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ประจวบฯ เขต 1, นางจุฑาทิพย์ อิทธิศุภเศรษฐ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนยาง ประธานศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษากลุ่มโรงเรียนธงชัย ร่วมกันแถลงข่าวโครงการสื่อสนุกสนาน สร้างสรรค์ เพื่อการเรียนการสอน และธนาคารขยะเพื่อโลกสีเขียว (Puppet Roadshow 4 Regions) ที่ชายหาดบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ มี น.ส.มิญญ์ชนก ปรางละออ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธงชัยธรรมจักร นางยุพา แดงฉ่ำ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดถ้ำคีรีวงศ์ นายวิบูลย์ พันธุ์ประจวบ รักษาการ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองระแวง บริษัท ซัดเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) และแขกผู้มีเกียรติร่วมรับฟัง

โครงการสื่อสนุกสนาน สร้างสรรค์ เพื่อการเรียนการสอน และธนาคารขยะเพื่อโลกสีเขียว (Puppet Roadshow 4 Regions) จัดโดยมูลนิธิคุณ (KHUN Foundation) ร่วมกับ เทศบาลตำบลบ้านกรูด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด โรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน สมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน คณะสังคมศาสตร์ มศว. และศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา กลุ่มโรงเรียนธงชัย เพื่อปลูกจิตสำนึกในการแยกขยะอย่างถูกต้อง และสานต่อความรู้ความเข้าใจในปัญหาขยะ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะสะสมอย่างถูกวิธีให้กับนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในตำบลบ้านกรูด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาต่อยอดโครงการพัฒนาเมือง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้มีการจัดการขยะที่เหมาะสมหรือปราศจากขยะ 100% ในอนาคต

โดยกิจกรรมในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. โครงการส่งเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกด้านการลดและแยกขยะ ระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดธงชัยธรรมจักร เพื่อเผยแพร่ความรู้ ควลามเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการปัญหาขยะในครัวเรือนให้แก่เยาวชนไทย โดยมีตัวแทนนักเรียนจากศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษากลุ่มโรงเรียนธงชัย ประกอบด้วยโรงเรียนวัดธงชัยธรรมจักร, โรงเรียนวัดดอนยาง, โรงเรียนวัดถ้ำคีรีวงศ์, โรงเรียนบ้านหนองมงคล และโรงเรียนบ้านหนองระแวง เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นให้การแก้ปัญหาขยะล้นเมืองและรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน โดยน้องๆ ในระดับประถมศึกษาคือกลุ่มเป้าหมายและเป็นกำลังสำคัญที่พร้อมเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการแยกขยะได้เป็นอย่างดีที่สุด โดยคณะผู้จัดงานเลือกใช้ละครหุ่นเชิด Puppet Show เป็นผู้ให้ความรู้ผ่านตุ๊กตาสุดน่ารักและเนื้อหาที่เข้าใจง่ายเหมาะสมกับช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ แยกแยะ จดจำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแยกขยะ ที่หาดบ้านกรูด กิจกรรมเสวนาเพื่อร่วมกันคัดแยกขยะอย่างยั่งยืน พร้อมชมคอนเสิร์ต “วงนูโว”“พี่โป้ โยคีเพลย์บอย” และ “วง SOCHILL” ที่หาดบ้านกรูดด้วย ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้า อาหาร และเครื่องดื่ม และขอความร่วมมือผู้จำหน่ายใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.bankrutcity.go.th PageFB : เทศบาลตำบลบ้านกรูด หรืองานประชาสัมพันธ์ เทศบาลตำบลบ้านกรูด.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สหวิริยา หนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ชุมชนบางสะพาน

วันที่ 27 ตุลาคม 2566 กลุ่มเหล็กสหวิริยาได้จัดฝึกอบรมการผลิตภาชนะจากวัสดุธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น เช่น ใบตอง ผักตบชวา ใบสัก ทางมะพร้าว และขุยมะพร้าว โดยมีคณะวิทยากรจากวิสาหกิจชุมชนโลกยิ้ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี มาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้แทนเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบางสะพานและผู้ที่สนใจจำนวน 50 คน ประกอบไปด้วย

●กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลไม้เกษตรยั่งยืน ต.พงศ์ประศาสน์
• กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านต้นทองหลาง ต.พงศ์ประศาสน์
• กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชน โดยชุมชนบ้านทางสาย
• กลุ่มมัดย้อมบ้านทางสาย ต.ธงชัย
• กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนาผักขวง ต.กำเนิดนพคุณ
• กลุ่มแม่บ้าน ต.ชัยเกษม
• ตัวแทนเครือข่ายธนาคารชุมชนและสภาผู้นำชุมชน ต.ธงชัย
• กลุ่มชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัติวิถีบ้านม้าร้อง ต.พงศ์ประศาสน์
• กลุ่มศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอำเภอบางสะพาน ต.ร่อนทอง
• กลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP บ้านหนองจันทร์ ต.ชัยเกษม

การจัดฝึกอบรมการผลิตภาชนะจากวัสดุธรรมชาติครั้งนี้ จัดขึ้นที่ศาลาประชาคมบ้านระหาร หมู่ 4 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นการพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจให้กับวิสาหกิจชุมชนบางสะพาน ด้วยการฝึกอบรมให้ความรู้ การลงมือฝึกปฏิบัติทำภาชนะจากวัสดุธรรมชาติ โดยการอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนเป็นรูปทรงต่างๆ ตามแบบพิมพ์ เพื่อทดแทนการใช้โฟมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโฟมมีสาร CFC (Chlorofluorocarbon) เป็นสารก่อภาวะเรือนกระจกทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศ ย่อยสลายได้ยากและทำให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อมและยังเกิดโทษต่อร่างกาย ในกรณีที่มีสารตกค้างเข้าสู่ร่างกาย

กลุ่มเหล็กสหวิริยาเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนบางสะพาน สู่ความยั่งยืนควบคู่กับการดำเนินธุรกิจขององค์กร จึงร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการที่มุ่งพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบางสะพานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การนำพืชหรือวัสดุทางธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ในการประดิษฐ์ภาชนะ เป็นการลดขยะพลาสติก ลดโฟมแล้ว ยังช่วยกำจัดวัชพืชต่างถิ่นที่มากีดขวางลำน้ำด้วย แก้ปัญหาขยะ ลดต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แหล่งท่องเที่ยว และยังเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนอีกด้วย.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านทุ่งน้อย สืบสานอัตลักษณ์ประมงยั่งยืน

วันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ น.ส.แสงจันทร์ แก้วปทุมรัสมี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดฯ ว่าที่ร้อยตรีกรกฏ โอภาส รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ น.ส.ดรณภา สุกกรี กรรมการบริหารกิจการเพื่อสังคม บริษัท แมสต์ ฮิวแมน จำกัด น.ส.นฐพร บุญยะกร ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมประมงบ้านทุ่งน้อย และนายบัญชา เสือเหลือง นายก อบต.เขาแดง อ.กุยบุรี ร่วมแถลงข่าวโครงการ Amazing Abundant Sea: Amazing Thailand ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านทุ่งน้อยสืบสานอัตลักษณ์การประมงยั่งยืน ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมที่ชายหาดบ้านทุ่งน้อย อ.กุยบุรี ระหว่างวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายนนี้ เป็นโครงการที่กิจการเพื่อสังคม แมสต์ ฮิวแมน (MAST Human) ได้จัดทำขึ้นโดยการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการบูรณาการความร่วมมือของจังหวัดประจวบฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมการปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบังคับการปรามปรามการค้ามนุษย์ กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุมชนประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย เยาวชนจากโรงเรียนในพื้นที่และเยาวชนจากสิงห์อาสา รวมถึงองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 26 องค์กร ภายใต้แนวคิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและการบริโภคอาหารทะเลอย่างรับผิดชอบ คือ “กินด้วย อนุรักษ์ด้วย ต้องช่วยกัน” ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมทำกิจกรรมอนุรักษ์ในโครงการนี้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน

โครงการ Amazing Abundant Sea ณ บ้านทุ่งน้อย ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ กิจกรรมทำความสะอาดชายหาด ในวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2566 เวลา 08.00 – 12.00 น. / กิจกรรมสร้างบ้านปลา (ซั้งกอ) ในทะเล 10 จุด โดยจะวางซั้งกอในทะเล 2 วัน คือ ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน และช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน กิจกรรมเรียนรู้ธนาคารปูม้าและร่วมกันปล่อยลูกปูจากธนาคารปูม้าลงสู่ท้องทะเล การปล่อยลูกหอยแครง หอยตลับลงสู่แปลงเพาะพันธุ์หอยของชุมชน วันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน กิจกรรมอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้และการป้องปรามปัญหาการค้ามนุษย์ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษและกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ มีการจัดเทศกาลอาหารทะเล จำหน่ายสินค้าพื้นถิ่น และดนตรีริมชายหาด ในเย็นวันที่ 3 และ 4 พฤศจิกายน โดยเย็นวันเสาร์ที่ 4 พ.ย. 66 พบกับศิลปิน “ปั่น” ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว รวมถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวทัวร์จับปลาอินทรีย์และปลาหมึกของกลุ่มชาวประมงรุ่นใหม่บ้านทุ่งน้อย (กิจกรรมนี้ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าและมีค่าใช้จ่าย)

โครงการ Amazing Abundant Sea: Amazing Thailand ถือเป็นโครงการต้นแบบที่มีการใช้การท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ต้นเหตุอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ก่อให้เกิดความตระหนักรู้ สร้างความมั่นคงต่อเศรษฐกิจฐานราก และเป็นการสร้างชุมชนเข้มแข็งทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการปกป้องแหล่งท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวกใน 3 มิติ คือ 1.มิติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล สร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ท้องทะเลไทย เป็นการจุดประกายให้ชุมชนประมงและประชาชนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากร เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหารเป็นการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2.มิติการท่องเที่ยว บ้านทุ่งน้อย อ.กุยบุรี เป็นหมู่บ้านชาวประมงพื้นบ้านที่มีชายหาดที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ คือ ถ้ำลอด ถ้ำโคลน และอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จุดชมวิวเขาแดง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลจากการทำการประมงอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้เกิดความมั่งคั่งยั่งยืนต่อเศรษฐกิจฐานราก อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม 3.มิติทางสังคม โดยการใช้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวสร้างคุณค่า เป็นแรงผลักดันในการป้องปรามปัญหาการค้ามนุษย์และอาชญากรรมที่กระทำต่อทรัพยากรธรรมชาติ การสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากร และการสร้างชุมชนเข้มแข็งโดยมีการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมถึงการส่วนร่วมของชุมชนและเยาวชน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ เปิดเวที สอจร.สัญจรภาคกลาง แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประจวบฯ

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดเวที สอจร. สัญจรภาคกลางที่จังหวัดประจวบฯ มีนายชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ หัวหน้าภาค แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจร (สอจร.)ภาคกลาง กล่าวรายงาน มี นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก / ประธาน สอจร. กล่าวถึงสถานการณ์อุบัติเหตุจราจรและความท้าทายในการขับเคลื่อนเมืองแห่งความปลอดภัยทางถนน ผ่านระบบ Zoom meeting โดยมี นพ.ศิริวัฒน์ ทิพธราดล, นพ.วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ที่ปรึกษา สอจร. นายวิทยา จันทน์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ดร.ดนัย เรืองสอน รองประธาน สอจร. /วิศวกรใหญ่ ด้านอำนวยความปลอดภัย กรมทางหลวง นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนัก 10 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) น.อ.พยุงศักดิ์ สยมพร รอง ผบ.กองบิน 5 หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหาร สอ.จร. พี่เลี้ยง สอจร.ทุกภูมิภาค เข้าร่วมที่ห้องเกาะหลัก ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าฯ กล่าวต้อนรับพร้อมบรรยายพิเศษ หัวข้อ “ประจวบคีรีขันธ์เมืองแห่งการขับเคลื่อนงานความปลอดภัยทางถนนเชิงระบบ” พร้อมร่วมในเวทีเสวนา หัวข้อ“การขับเคลื่อนกลไกศูนย์ความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ของจังหวัดประจวบฯในทุกระดับสู่เมืองปลอดภัยทางถนน โดยมีนายเดชา เรืองอ่อน หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัด น.ส.ทวีพร เพิ่มทวี ขนส่งจังหวัด นางนิธิมา เงินสุวรรณ รองนายก อบต.ห้วยทราย ร่วมในเวทีเสวนา จากนั้นทีมพี่เลี้ยง สอจร. ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ประกอบด้วยนายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบฯ นางศรีไพร ทัพพะรังสี อดีตพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.ประจวบฯ นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ผู้ใหญ่บ้านห้วยเกรียบ อ.บางสะพาน ร่วมเล่าบทบาทของพี่เลี้ยง สอจร. ในการหนุนเสริม – ตัวเร่งในการทำงานของจุดจัดการระดับพื้นที่

ด้านนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยมีนโยบายและกำหนดมาตรการต่างๆ หลายมาตรการ ทั้งนี้ยังพบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นถนนสายหลัก คือถนนเพชรเกษม ซึ่งมีระยะทางตลอดจังหวัด กว่า 200 กิโลเมตร และถนนสายรอง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน การจัดกิจกรรมนี้เป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันในการสร้างความปลอดภัยทางถนนเพื่อลดอุบัติเหตุในพื้นที่ อีกทั้งจังหวัดประจวบฯ ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆหลายด้าน การป้องกันและลดอุบัติเหตุในพื้นที่จึงมีความสำคัญอย่างมาก จำต้องอาศัยความสามัคคีของทุกภาคส่วนในการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพื่อค้นหาความรู้ใหม่ๆ ถึงเวลาแล้วที่ทุกหน่วยงานภายในจังหวัด จะก้าวเข้ามาร่วมมือร่วมใจกัน ทำให้เกิดพลังสูงสุดของการทำงาน ในฐานะหุ้นส่วนความสำเร็จของกันและกัน โดยร่วมกันทำงานแบบเครือข่าย มีการเรียนรู้บทเรียนความสำเร็จของกันและกัน โดยอาศัยจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วยงาน มาเชื่อมประสานและเสริมหนุนกันและกัน เพื่อป้องกันและลดปัญหาอุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ร่วมกัน

นายชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ หัวหน้าภาค สอจร.ภาคกลาง กล่าวว่า การจัดสัญจรมานี้ เพื่อเยี่ยมการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ภาคกลาง และเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและสร้างการเรียนรู้ในเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อีกทั้งเพื่อเป็นการเยี่ยมและให้กำลังใจการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และเผยแพร่รูปธรรมในการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนี้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและหน่วยงานองค์กรในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กิจกรรม”การสัญจรเพื่อเยี่ยมการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนนภาคกลาง” เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัดเป็นการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาคีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ที่ก่อให้เกิดรูปธรรมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้รูปธรรมในการขับเคลื่อนการป้องกันอุบัติเหตุจราจร และกระตุ้นให้กำลังใจการทำงานเชิงป้องกันอุบัติเหตุจราจร ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้มีกำหนด 2 วัน ประกอบด้วยการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การศึกษาดูงานพื้นที่รูปธรรมของอำเภอเมืองประจวบฯ สำนักงานขนส่งจังหวัด และกองบิน 5 รวมถึงจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการเรียนรู้ทิศทางการดำเนินงานขององค์กรและหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมศึกษาดูงานและเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารแผนงาน ผู้บริหารและพี่เลี้ยง สอจร.จาก 7 ภูมิภาค ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เครือข่ายองค์กรงดเหล้า สมาคมเครือข่ายหมออนามัย เครือข่าย สสส. ภาคประชาชน

จากนั้น ผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้เดินทางลงพื้นที่ และเรียนรู้รูปธรรมพื้นที่ โดยแบ่งกลุ่มลงพื้นที่เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ศึกษาดูงานภายในกองบิน 5 กองทัพอากาศ อ.เมืองประจวบฯ เพื่อดูมาตรการองค์กรของรัฐกับการจัดการความปลอดภัยทางถนน โดยมี น.อ.พยุงศักดิ์ สยมพร รอง ผบ.กองบิน 5 และคณะวิทยากรจากกองบิน 5 ให้การต้อนรับและเยี่ยมชมการดำเนินงานด้านนิรภัยการจราจร ในพื้นที่กองบิน 5 และดูการทำงานกล้อง CCTV ภายในศูนย์ควบคุมและสั่งการที่กองร้อยสารวัตรทหารอากาศ บน.5

กลุ่มที่ 2 เดินทางศึกษาดูการจัดการชุมชนปลอดภัยทางถนน พื้นที่ อบต.อ่าวน้อย เทศบาลตำบล กม. 5 ตำบลอ่าวน้อย อ.เมืองฯ เพื่อศึกษาดูงาน ต้นแบบตำบลจักรยานยนต์การจัดการพื้นที่ทางกายภาพ (80%) การจัดการด้านมาตรการในชุมชน (20%) การแก้ไขจุดเสี่ยงโดยการมีส่วนร่วม ระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน ณ แยกบ้านบึง ถนนเพชรเกษม อ.เมืองฯ และกลุ่มที่ 3 ดูการจัดการความเร็วเสี่ยงเชิงระบบ ระบบความปลอดภัย ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบฯ ในการวิเคราะห์ความปลอดภัย โดยใช้ข้อมูล ความเร็ว และศึกษาเรียนรู้พื้นที่ท่องเที่ยวในการจัดการความปลอดภัยทางถนน เส้นทางความปลอดภัยทางถนนที่บริเวณจุดเช็คอิน หน้าปลาโลมา ริมชายหาดอ่าวมะนาว สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังภายในกองบิน 5.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

 

 

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลหัวหิน เปิด“วิ’ลัย วัยหวาน”รุ่น 6 พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้สูงวัย

วันที่ 27 ตุลาคม 2566 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ (วิ’ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 6) มีคณะผู้บริหารเทศบาล เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม และผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน กว่า 150 คน เข้าร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน

นายนพพร กล่าวว่า โรงเรียนผู้สูงอายุ วิ’ลัย วัยหวาน จัดโดยกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นรุ่นที่ 6 แล้ว เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้ ความเข้าใจด้านการดูแลสุขภาพกายและจิตใจ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงวัย โดยจัดกิจกรรมนันทนาการด้านการออกกำลังกาย เสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย จิตใจ ให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่า เกิดความภาคภูมิใจและเพิ่มศักยภาพให้กับตนเอง ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีอาชีพ มีรายได้ด้วยการฝึกอาชีพ และได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิที่จะได้รับตามกฎหมาย รวมทั้งให้ความรู้เรื่องยาเสพติดให้โทษ และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าเรียนได้แสดงศักยภาพของตนเอง เป็นการลดปัญหาภาวะซึมเศร้า ภาวะติดบ้าน และภาวะติดเตียงในวัยผู้สูงอายุ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีที่มีต่อกัน ที่ผ่านมาทั้ง 5 รุ่น พบว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยกำหนดจัดการเรียนการสอนเดือนละหนึ่งครั้ง ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือน เริ่มเรียนครั้งแรกวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.00 – 15.00 น. รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ และเมื่อจบคาบเรียนตามกำหนดแล้ว จะมีพิธีรับใบประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าเรียนทุกคน โดยในวันเปิดเรียนจะมีการสอนทำกระทงจากขนมข้าวโพดซึ่งเป็นกระทงรักษ์โลก ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะให้นักเรียนวิ’ลัย วัยหวาน ทุกคนสามารถนำกระทงที่ทำไปร่วมลอยกระทงในวันลอยกระทงที่จะถึงนี้.

 

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

วนอุทยานเขานางพันธุรัต จับมือ ททท.เพชรบุรี พาเด็กย้อนเวลาหาสัตว์โลกดึกดำบรรพ์

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 นายพัฒนพันธ์ เจือจันทร์ หัวหน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย น.ส.เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี จัดกิจกรรมย้อนเวลาตามล่าหา “สัตว์โลกดึกดำบรรพ์ @Khao Nang Phanthurat Forest Park”ครั้งที่ 2 ประจำเดือนตุลาคม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเด็ก จำนวน 23 คน และผู้ปกครองในรูปแบบการท่องเที่ยวครอบครัว เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ (Fossil) ของสัตว์ทะเลอายุมากกว่า 250 ล้านปี พร้อมรับฟังบรรยายโดยนักธรณีวิทยาในเรื่องของฟอสซิล (Fossil) และพาไปสัมผัสฟอสซิลของจริง ในลานฟอสซิลวนอุทยานเขานางพันธุรัต รวมถึงทำกิจกรรมวาดภาพระบายสี โดยให้น้องๆ วาดภาพฟอสซิลตามจินตนาการจากที่ได้พบเห็นบริเวณลานฟอสซิลและจากการฟังบรรยาย โดยได้รับการสนับสนุนจากครูหมิว กานต์ชนก และผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น 150 เมตร และร่วมกันยิงเมล็ดพันธุ์แห่งความดี (Seed bomb) สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆเป็นจำนวนมาก นอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย


นายพัฒนพันธ์ กล่าวว่าในกิจกรรมครั้งนี้เด็กๆ ได้เรียนรู้ซากฟอสซิล (Fossil) ของสัตว์ทะเลที่พบได้ทั้งสิ้น 5 ชนิด ได้แก่ 1.พลับพลึงทะเล (Crinoids) 2.ปะการังกลุ่ม (Coronial Corals) 3.ปะการังเขาสัตว์ (Rugose Corals) 4.คตข้าวสาร หรือ ข้าวสารหิน (Fusulinids) 5.เศษหอยกาบเดี่ยวและหอยกาบคู่ (Gastropods and Bibalves) และได้รับการสนับสนุนของรางวัลเป็นกระเป๋าผ้าน่ารักๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี และโปสเตอร์สวย ๆ จากกรมทรัพยากรธรณี ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน โดยในทุกๆ เดือน วนอุทยานเขานางพันธุรัตจะจัดกิจกรรมต่างๆ สามารถติดตามการจัดกิจกรรมในครั้งถัดไปได้ในเพจเฟซบุ๊ก“วนอุทยานเขานางพันธุรัต และโครงการ เขานางพันธุรัต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ”.

 

 

 

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อบรมผู้ประกอบการสร้างเมืองหัวหินสู่โรงแรมเชิงสุขภาพ

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชุติมา จักรจรัส ประธานหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจการโรงแรม โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการงานวิจัย เรื่องการพัฒนาธุรกิจโรงแรม เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นโรงแรมเชิงสุขภาพตามมาตรฐานสากล ในการรองรับโลกยุคภายหลังวิกฤติโควิด – 19 ในเขตพื้นที่อำเภอหัวหิน ที่โรงแรมดุสิตดีทู หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายอุดม ศรีมหาโชตะ กรรมการผู้จัดการบ้านทะเลดาวรีสอร์ท หัวหิน อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก นายชณัฎฐ์ พงศ์ธราธิก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ นางนฤชล ผลงาม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ และสมาชิกสมาคม ตัวแทนจากผู้ประกอบการและพนักงานโรงแรมในพื้นที่กว่า 50 คนเข้าร่วมรับฟัง

ผศ.ชุติมา จักรจรัส กล่าวถึงการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ว่า เป็นการเผยแพร่งานวิจัยเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการพัฒนาธุรกิจโรงแรมในเขตพื้นที่อำเภอหัวหิน เพื่อยกระดับสู่การเป็นโรงแรมเชิงสุขภาพ (Wellness Hotel) ในหลักสูตรการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรธุรกิจโรงแรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการบริการสู่การเป็นโรงแรมเชิงสุขภาพ เพื่อให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมได้มีแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านบริการ อาทิ เมนูอาหาร เครื่องหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่จะสื่อสารในธุรกิจโรงแรมและเว็บไซต์ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ด้านการบริการสู่การเป็นโรงแรมเชิงสุขภาพตามมาตรฐานสากล และจากผลการสำรวจเหตุผลที่นักท่องเที่ยวเลือกเข้าพักโรงแรมเชิงสุขภาพสูงสุด 3 ลำดับแรกคือ สิ่งอำนวยความสะดวก รองลงมาคือ รีวิวจากการเข้าพัก ทำเลที่ตั้ง ความสะดวกสบายในการเข้าถึง และสุดท้ายคือการตกแต่งห้องพัก.