Categories
ข่าว ทั้งหมด

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติขายหมูราคาถูก กก.ละ 50 บาท สะท้อนภาครัฐ อย่านำเข้าหมูจากอเมริกา

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติขายหมูราคาถูก กก.ละ 50 บาท สะท้อนภาครัฐ อย่านำเข้าหมูจากอเมริกา

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรเขต 7 โดยนายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรเขต 7 ร่วมกับนายสัตวแพทย์จามร ศักดินันท์ ปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ และ น.ส.ศิริวรรรณ คณะศร พาณิชย์จังหวัดประจวบฯ จัดกิจกรรมจำหน่ายเนื้อสุกรคุณภาพดี ปลอดสารเร่งเนื้อแดง รับรองมาตรฐานการผลิตจากกรมปศุสัตว์ สินค้าปศุสัตว์ OK ของบริษัทเบทาโกร จำกัด ในราคาประหยัด เหลือเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท รวมจำนวนทั้งหมด 1 ตัน (1,000 กิโลกรัม)

การจำหน่ายเนื้อสุกรครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรเป็นมาตรการของรัฐบาลไทย กรมการค้าภายใน สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และกรมปศุสัตว์ ร่วมมือกับภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยระบายผลผลิตส่วนเกินของสุกร ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมีรายได้ที่เหมาะสม บรรเทาปัญหาราคาสุกรหน้าฟาร์มที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อราคาต้นทุนของเกษตรกร จึงมีการส่งเสริมจำหน่ายเนื้อสุกรเพื่อช่วยลดปัญหาการขาดทุนของฟาร์มสุกร อีกทั้งยังช่วยให้ประชาชน ผู้บริโภค สามารถเข้าถึงเนื้อสุกรคุณภาพดี ปลอดสารเร่งเนื้อแดงในราคาประหยัด ช่วยลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพแก่ประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

นายพิพัฒน์ เนื้อนิ่ม อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ/นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรเขต 7 เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด และพาณิชย์จังหวัด จัดจำหน่ายเนื้อหมูในราคา 2 กิโลกรัม 100 บาท หรือกิโลกรัมละ 50 บาท โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการฟาร์มบริษัทต่างๆ และโรงเชือดที่มีมาตรฐานGMP ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการกระตุ้นการบริโภคหมูในประเทศไทย เนื่องจากช่วงนี้ปริมาณผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง อีกทั้งราคาเนื้อหมูในท้องตลาดมีราคาอยู่ที่ 100 กว่าบาท การจัดงานครั้งนี้จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ประชาชนชาวประจวบฯ ได้ระดับหนึ่ง

นอกจากนี้การจัดงานนี้ ต้องการสื่อไปถึงภาครัฐให้รับรู้ว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทุกระดับ มีความเดือดร้อนจริงๆ อย่านำเข้าหมูจากประเทศอเมริกาเข้ามา ตามที่มีความพยายามนำเอาหมูเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งถ้าหากนำเข้าหมูเข้ามาได้จริงๆ จะส่งผลกระทบอย่างมากกับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในประเทศ จะทำให้หมูมีราคาถูกลงและเกิดภาวะล้นตลาดมากยิ่งขึ้น.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

หอการค้าจังหวัดประจวบฯ จัดแข่งขันแบดมินตัน ครั้งที่ 1 ชิงเงินรางวัลเกือบ 80,000 บาท

หอการค้าจังหวัดประจวบฯ จัดแข่งขันแบดมินตัน ครั้งที่ 1 ชิงเงินรางวัลเกือบ 80,000 บาท

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 นายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 เป็นประธานเปิดกิจกรรมแข่งขันแบดมินตัน ครั้งที่ 1 ชิงเงินรางวัลรวม 79,000 บาท ที่สนามทีเร็กซ์ สปอร์ตคลับแบดมินตัน ฟิตเนส อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายฑปกรณ์ สุววัชรานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหัวหิน นายถนัดศิลป์ วุฒิวงศ์อังคณา ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน ตัวแทน YEC จังหวัดประจวบฯ คณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดประจวบฯ และนักกีฬาแบดมินตันกว่า 200 คน เข้าร่วม

นายถนัดศิลป์ วุฒิวงศ์อังคณา กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดประจวบฯ จัดแข่งขันแบดมินตัน ครั้งที่ 1 ขึ้น ระหว่างวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2568 ณ สนามทีเร็กซ์ สปอร์ตคลับแบดมินตัน ฟิตเนส อ.หัวหิน โดยมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อเชื่อมความรัก ความสามัคคี ภายในองค์กรหอการค้า โดยมีกีฬาเป็นตัวเชื่อม 2.เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3.เน้นให้มีการออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ 4.เน้นให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย โดยการแข่งขันจะแบ่งเป็น 7 ระดับมือ คือ รุ่นอายุ 9 – 10 ขวบ รุ่นอายุ 11 – 12 ขวบ มือแม่บ้าน มือเบา มือตีโต้ มือ N มือ S ชิงเงินรางวัลรวม 79,000 บาท

“เราต้องการผลักดันการท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบฯ เพื่อให้คนจากต่างจังหวัด ต่างอำเภอ เข้ามากิน เข้ามาใช้จ่ายในจังหวัดประจวบฯ และนักกีฬาแบดมินตันมีจำนวนมาก เป็นการส่งเสริมการเล่นกีฬาให้ทุกคนมีน้ำใจนักกีฬา ใช้กีฬาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ การจัดแข่งขันแบดมินตันรายการนี้ขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้มาเล่นกีฬาและฝึกซ้อมกัน อนาคตอาจช่วยผลักดันนักกีฬาบ้านเราให้ไปสู่ทีมชาติ ตอนนี้ที่ประจวบฯ บางสะพาน และหัวหิน มีโค้ชเก่งๆ หลายคนที่สอนเยาวชน ซ้อมกันทุกวัน และอีก 2 – 3 ปี เทศบาลนครหัวหินจะทำสนามกีฬา ที่สวนสาธารณะ 19 ไร่ ให้ใหญ่ขึ้นเป็นศูนย์รวมกีฬา อยากให้จังหวัดประจวบฯ เป็นศูนย์รวมกีฬาระดับชาติของประเทศไทยครับ” นายถนัดศิลป์ กล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดโครงการ “ปันความรู้สู่..ชุมชน” ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัย

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดโครงการ “ปันความรู้สู่..ชุมชน” ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัย

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการนวัตกรรมจากรั้วมหาวิทยาลัยสู่ธุรกิจชุมชน ปันความรู้สู่..ชุมชน มี น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน, ผศ.นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล นายเศรษฐศักดิ์ ลาทอง ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดฯเกษตรจังหวัด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด พัฒนาการจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองจังหวัด เกษตรกร ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน นักศึกษา และประชาชนประมาณ 200 คน เข้าร่วมงาน พร้อมชมการสาธิตการแล่ปลา “ซาชิมิปลาไทย” โดยสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร การสาธิตการแปรรูปอาหารจากเนื้อแพะ “แพะหัน” โดยเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ – แกะ จ.ประจวบฯ

โครงการนวัตกรรมจากรั้วมหาวิทยาลัยสู่ธุรกิจชุมชน จัดโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ระหว่างวันที่ 10 – 11 ตุลาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ฯ และที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน มีกิจกรรมภายใต้โครงการ ประกอบด้วย เวทีเสวนาวิชาการ เรื่องแนวคิดและเครื่องมือในการออกแบบงานวิจัยเพื่อการพัมนา การนำเสนอผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง จากนักวิจัยของมหาวิทยาลัยและผู้ประกอบการ กิจกรรม Workshop การออกร้านจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับการพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัย

นายปรีดา สุขใจ กล่าวว่า ขอชื่นชมในความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐและเอกชน และที่สำคัญต้องขอขอบคุณภาคชุมชน ที่ร่วมกันพื้นฟูและร่วมกันขับเคลื่อนองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดประจวบฯ และในระดับประเทศหลายๆ ภาคธุรกิจ ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่พัฒนาในมหาวิทยาลัย ที่จะถูกถ่ายทอดสู่ชุมชนในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากสถาบันการศึกษาสู่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งนอกจากการเชื่อมโยงการนำเทคโนโลยีไปใช้แล้ว หากในมิติอาชีพอื่นๆ มีโจทย์หรือความต้องการที่จะสร้างโอกาสในการพัฒนา อยากให้งานนี้เป็นจุดเชื่อมโยงสู่การพัฒนาร่วมกัน เพื่อสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง และสร้างคุณค่าเชิงเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ นำไปสู่การพัฒนาตรงเป้าประสงค์ต่อไป

ผศ.นภาพร นาคทิม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีพันธกิจสำคัญในสร้างสรรค์และถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจชุมและเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ ปัจจุบันชุมชนและกลุ่มเกษตรกรยังคงเผชิญความท้าทาย อาทิ ด้านคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า การเพิ่มมูลค่า การเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงการขยายช่องทางการตลาด มหาวิทยาลัยจึงได้ริเริ่มทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

โรงแรมพุทธรักษา หัวหิน มอบทุนให้บุตรหลานพนักงาน สนับสนุนและส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา

โรงแรมพุทธรักษา หัวหิน มอบทุนให้บุตรหลานพนักงาน สนับสนุนและส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 น.ส.แวววดี ศรีไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมพุทธรักษา หัวหิน เป็นประธานมอบทุนการศึกษาประจำปี 2568 เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาแก่บุตรหลานพนักงาน ที่โรงแรมพุทธรักษา หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง มีบุตรหลานของพนักงานได้รับทุนการศึกษาจำนวน 25 ทุน รวมเป็นเงิน 62,500 บาท

น.ส.แวววดี กล่าวว่า โครงการมอบทุนการศึกษา เป็นกิจกรรมที่โรงแรมพุทธรักษา ทำมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วม ซึ่งไม่เพียงมุ่งเน้นการพัฒนาพนักงานในองค์กร แต่ยังส่งต่อโอกาสและความมั่นคงสู่ครอบครัวและชุมชน ในปีนี้มีบุตรหลานของพนักงานได้รับทุนการศึกษา ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย นอกจากนี้โรงแรมยังได้มอบทุนการศึกษาพิเศษสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี เพื่อเป็นกำลังใจและยกย่องความมุ่งมั่นตั้งใจของเยาวชน พร้อมทั้งส่งเสริมให้เด็กรุ่นใหม่พัฒนาศักยภาพทางการเรียนควบคู่ไปกับการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจโรงแรมพุทธรักษา ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาทุนมนุษย์ และการลงทุนด้านการศึกษาในระยะยาว เพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ทั้งนี้ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของโรงแรมว่า “ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้เกิดจากธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากคุณค่าที่ส่งต่อสู่ผู้คนและชุมชนโดยรอบ”

“เราตั้งใจจะมีโครงการดีๆ แบบนี้ทุกปี เพราะคุณยายที่เป็นเจ้าของที่คือ “คุณหญิงสุภัทรา” เขาก็มีมูลนิธิฯ เหมือนกัน ที่จะดูแลบุตรหลานและแกก็มีโรงเรียนอนุบาลที่กรุงเทพฯ เราก็เลยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เราสามารถที่จะสนับสนุนและก็ดูแลคนของเราให้มีชีวิตที่ดี แบ่งเบาภาระกับพนักงานได้ ซึ่งแนวคิดของโครงการนี้คือ ถ้าเราจะต้องทำอะไร หรือทำบุญกับใครสักคน เราต้องทำกับคนที่อยู่ในครอบครัวของเราก่อน ให้เขามีความยั่งยืน มั่นคง เพราะฉะนั้นเราต้องตอบแทนเขาด้วยอะไรก็ได้ให้เขาสุขใจ และสบายใจค่ะ” นางสาวแวววดี กล่าวในตอนท้าย.

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

“อารีน่า หัวหิน สปอร์ต คลับ” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับนางงามจาก 77 ประเทศ สู่ประสบการณ์สุขภาพและฟิตเนสระดับโลก

“อารีน่า หัวหิน สปอร์ต คลับ” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับนางงามจาก 77 ประเทศ สู่ประสบการณ์สุขภาพและฟิตเนสระดับโลก

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญภายใต้การต้อนรับผู้เข้าประกวด Miss Grand International 2025 คือการเยี่ยมชมและร่วมกิจกรรมฟิตเนส ณ อารีน่า หัวหิน สปอร์ต คลับ (Arena Hua Hin Sport Club) ศูนย์ฟิตเนสครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในหัวหิน ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ กลุ่มบริษัทพราว โดยมีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพทั้งกายและใจ

ผู้เข้าประกวดจาก 77 ประเทศ ได้ร่วมทำกิจกรรมเทรนนิ่งและออกกำลังกายกับเทรนเนอร์มืออาชีพของอารีน่า หัวหิน เพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้านกีฬาและฟิตเนสอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านคลาสออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ฟิตเนส เวทเทรนนิ่ง พิลาทิส มวยไทย เทนนิส และคลาสเต้นคัฟเวอร์แดนซ์ ภายใต้บรรยากาศอบอุ่น สนุกสนาน และเป็นกันเอง

ภายในศูนย์ฯ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำมาตรฐาน สนามเทนนิส สนามฟุตบอล และคลาสออกกำลังกายแบบกลุ่ม พร้อมทีมผู้ฝึกสอนที่ผ่านการรับรองระดับสากล ซึ่งทั้งหมดสะท้อนถึงศักยภาพของอารีน่า หัวหิน ในฐานะศูนย์สุขภาพและกีฬาแห่งเมืองหัวหิน ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมแนวคิด “Healthy Lifestyle for Everyone”

การเข้าร่วมของอารีน่า หัวหิน ในกิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และยังเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์เมืองหัวหินในฐานะ เมืองกีฬาและเมืองสุขภาพ (Sport & Wellness Destination) ที่มีความพร้อมในการรองรับกิจกรรมระดับนานาชาติ อันเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของกลุ่มบริษัทพราวในการพัฒนาเมืองหัวหินให้เติบโตอย่างยั่งยืน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“อิ่มอกอิ่มใจ”เลี้ยงดินเนอร์ต้อนรับสาวงามผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025

“อิ่มอกอิ่มใจ”เลี้ยงดินเนอร์ต้อนรับสาวงามผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025

ช่วงค่ำวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ดร.สิริกร หน่อทิม นายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยแห่งประเทศไทย จ.ประจวบฯ กรรมการผู้จัดการ อิ่มอกอิ่มใจ ซีฟู้ดแอนด์คาเฟ่และคาบาน่ารีสอร์ท ให้การต้อนรับและเลี้ยงอาหารค่ำบรรดาสาวงาม 77 ประเทศทั่วโลก ที่เดินทางมาเพื่อเข้าประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025 ก่อนมาเก็บตัวและทำกิจกรรมร่วมกันที่ อำเภอหัวหิน นำโดยบอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล และมีนายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด ร.ต.ต.ธิติ เนตรสว่าง นายก อบต.สามร้อยยอด นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา ที่ปรึกษาสมาคมฯ และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานเลี้ยงอย่างคับคั่ง โดยทางร้านได้เตรียมอาหารไทยและอาหารทะเลไว้คอยต้อนรับให้บรรดาสาวงามได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมร่วมร้องเพลงและเต้นรำกันอย่างสนุนสนาน โดยเฉพาะ“กชเบล ศรัณย์รัชต์”มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นพิเศษ

สำหรับการประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2025 รอบตัดสิน จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ที่ MGI Hall ศูนย์การค้า Bravo กรุงเทพฯ

นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล กล่าวถึงการประกวดในครั้งนี้ ว่าเราเคยทำกิจกรรมที่พัทยากับภูเก็ตเยอะมาก แต่มีทะเลหนึ่งที่เรายังไม่ได้พานางงามระดับนานาชาติมา ก็คือทะเลที่หัวหิน และมีความรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่ไม่จำเป็นต้องไกลจากกรุงเทพฯ แต่ไม่ใช่พัทยา เพราะว่าพัทยาเป็นเมืองที่ Entertain เกินไป เพราะฉะนั้นเมืองที่สงบและออก luxury หน่อย ก็คือหัวหิน จึงตั้งใจพาผู้เข้าประกวดมาเก็บตัว ทำกิจกรรม มาพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนและได้รับการช่วยเหลือ จนในที่สุดเราได้มาอยู่กันที่นี่ อยู่กันที่ร้านอิ่มอกอิ่มใจ ต้องขอขอบคุณ คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ด้วยที่ช่วยประสานผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ประสานหน่วยงานในจังหวัดทั้งหมด ทำให้การทำงานของผมนั้นสะดวกมากขึ้น ต้องขอบคุณอีกครั้ง อยากให้ทุกคนได้แชร์ความสวยของหัวหิน ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้วสำหรับคนไทย แต่เชื่อว่าต่างชาติบางประเทศ อาจจะคุ้นชินกับทะเลอื่น เป็นการบอกกล่าวผ่านภาพ ผ่านคลิปวีดิโอ ผ่านการประกวด ที่จะเห็นช่วงเช้าความสวยงามของทะเลหัวหินอย่างชัดเจน

“สิ่งที่สาวงามที่เข้าประกวดประทับใจ ที่นี้ คือสาวๆ กินกันเยอะมาก เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะกินวันละ 3 มื้อเต็มๆ แล้วยังมีอาหารว่างอีก แต่สิ่งที่เราเห็นชัดเจน คือ ความสมบูรณ์แบบของการให้บริการ เพราะว่าหัวหินเป็นแบบสถานที่ ที่ค่อนข้างจะหรูหรา เกือบทุกๆ โรงแรม ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จากบริเวณที่พักไม่ไกลเท่าไหร่ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะเจอกับทะเล ในเรื่องวัฒนธรรมไทยที่ผู้เข้าประกวดได้เรียนรู้ เช่นการตักบาตร การสวมผ้าไทย ถ้าเป็นคนไทยอาจจะรู้สึกปกติ แต่คนต่างชาติยอมตื่นขึ้นมาตี 4 เพื่อมาแต่งหน้าทำผม มาลองใส่ชุดไทยออกไปเดิน แล้วมาเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของร้านต่างๆ ที่อยู่ในหัวหิน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระแสที่เราถ่ายทอดไป แล้วคนก็ค่อนข้างว้าว ว่าเรามีอะไรที่ดีแล้ว ก็รอ Event ของเรามารวมสิ่งที่ดี สนุกสนานดีครับ” นายณวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวบางสะพาน ร่วมใจฟื้นโรงพักนพคุณ อายุกว่า 104 ปี ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์

ชาวบางสะพาน ร่วมใจฟื้นโรงพักนพคุณ อายุกว่า 104 ปี ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.กำเนิดนพคุณ เลขที่ 225 หมู่ 1 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ซึ่งเป็นอาคารไม้ทรงปั้นหยา อายุ 104 ปี แบบมีมุข หลังนี้เคยเป็นสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางสะพาน สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2464 มีเสาล่างเป็นคอนกรีต เสาบนเป็นไม้แดง ฝาไม้สัก พื้นผ่าเครื่องไม้ตะแบก หลังคามุงกระเบื้องซีเมนต์ กว้าง 10 เมตร ยาว 30 เมตร พื้นที่ใช้สอยประมาณ 300 ตารางเมตร หลังจากถูกปล่อยให้ถูกทิ้งร้างมานานกว่า 8 ปี ตัวอาคารยังคงมีความสมบูรณ์ แต่อยู่ในสภาพทรุดโทรม นอกจากนี้บริเวณด้านข้างอาคาร เป็นห้องแถวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพักอาศัยกับครอบครัว ชาวบ้านใน 3 ตำบลของอำเภอบางสะพาน ต้องการให้มีการบูรณะโรงพักนพคุณ กลับมาใช้งานได้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำการให้บริการประชาชน

พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน รักษาการ ผกก.สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีประชาชนใน 3 ตำบลของอำเภอบางสะพาน ประกอบด้วยตำบลแม่รำพึง ต.กำเนิดนพคุณ ต.พงศ์ประศาสน์ มีความต้องการให้ สภ.หลังเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง กลับมาใช้ประโยชน์ได้ จึงมีแนวคิดร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงาน (กต.ตร.) สภ.บางสะพาน ที่จะอนุรักษ์และบูรณะอาคารไม้ทรงปั้นหยา แบบมีมุขหลังนี้ไว้ให้คงอยู่ในสภาพเดิม เป็นที่มาของการบูรณะซ่อมแซมตัวอาคารโบราณสถานีตำรวจภูธรแห่งนี้ ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งอาคารนี้เป็นอาคารแห่งความทรงจำ เป็นสมบัติของชาวอำเภอบางสะพาน นอกจากนี้ ยังมีผู้มีจิตศรัทธาที่เล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของอาคารหลังนี้ พร้อมที่จะรักษาอาคารหลังนี้ไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ได้สะดวกในการใช้บริการแทนการเดินทางไปที่ สภ.บางสะพาน ซึ่งบางพื้นที่ต้องเดินทางไปกลับเกือบ 60 กิโลเมตร แต่ถ้าสามารถเปิดให้บริการที่นี่ได้ จะลดการเดินทางเหลือไม่เกิน 15 – 20 กิโลมตร

สถานีตำรวจภูธรกำเนิดนพคุณ มาจากชื่อดั้งเดิมของพื้นที่ คือเมืองกำเนิดนพคุณ ซึ่งเป็นเมืองชั้นตรีสำคัญและศูนย์กลางการค้าแร่ธาตุมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การจัดตั้งเป็นสถานีตำรวจภูธรอย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายใต้ระบบมณฑลเทศาภิบาล พ.ศ.2439 ต่อมา เมืองกำเนิดนพคุณถูกลดฐานะเป็นอำเภอกำเนิดนพคุณ ขึ้นกับเมืองชุมพร และมีการจัดตั้งกองตระเวน หรือตำรวจภูธร ขึ้นเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตอำเภอ พ.ศ. 2460 อำเภอกำเนิดนพคุณ เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบางสะพาน แต่หน่วยงานราชการสำคัญ รวมถึงสถานีตำรวจแห่งนี้ ยังคงใช้ชื่อกำเนิดนพคุณไว้ เพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงชื่อเมืองเก่าในอดีต

นายพิสิษฐ์ รื่นเกษม ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะ กต.ตร. สภ.บางสะพาน เปิดเผยว่า พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน มีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ เนื่องจากเคยเป็น รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางสะพาน เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เมื่อมารักษาราชการในตำแหน่งผกก.สภ.บางสะพาน จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงอาคารหลังนี้ให้กลับมาใช้งานบริการประชาชนได้อีกครั้ง ซึ่ง กต.ตร. สภ.บางสะพาน ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะทำให้อาคารหลังนี้กลับมาให้บริการชาวบ้านได้อีกครั้ง

ด้านนายสานิตย์ เมฆเจริญ อายุ 80 ปี ชาวบ้านตำบลพงศ์ประศาสน์ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่จะได้เห็นโรงพักนพคุณ กลับมาให้บริการประชาชนอีกครั้ง ทุกวันหากตนมีปัญหา ต้องการติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินทางจากบ้านเพื่อไป สภ.บางสะพาน ที่ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ไปกลับระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร แต่ถ้าโรงพักแห่งนี้กลับมาให้บริการ จะช่วยร่นระยะทางกว่าครึ่งเลย.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บางสะพานร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอย ยกระดับอาชีพประมงและเกษตร

บางสะพานร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอย ยกระดับอาชีพประมงและเกษตร

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน ประชุมหารือร่วมกับ ดร.สิริกร หน่อทิม นายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยแห่งประเทศไทย (สาขาประจวบฯ) นายพิสิษฐ์ รื่นเกษม ประธานชมรมสื่อมวลชนจังหวัดประจวบฯ และนายวันชัย เทียนสมบูรณ์ ที่ปรึกษาชมรมฯ ถึงแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของอำเภอบางสะพาน ให้สอดคล้องกับศักยภาพด้านการเกษตร ประมงพื้นบ้านและการท่องเที่ยว ซึ่งในอำเภอบางสะพานมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติและสถานที่พักผ่อน

นายสุทิน กล่าวว่า อำเภอบางสะพาน นอกจากเป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนโครงการจัดทำวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ในระยะศึกษาและวิจัยเป็นเวลา 5 ปี (พ.ศ.2568 – 2572) เพื่อศึกษาวิถีชีวิตและทรัพยากรของชาวประมงพื้นบ้าน ทั้งด้านปริมาณสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา และแมงดาทะเล รวมถึงการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์หอยตลับ ซึ่งเป็นหอยชายฝั่งที่นิยมบริโภคและมีแนวโน้มลดจำนวนลง โดยโครงการดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูลและจัดประเภทเรือประมง ทั้งเรือเล็ก เรือกลางและเรือใหญ่ รวมกว่า 1,000 ลำ ให้เป็นระบบและนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ประมาณ 80% ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกมะพร้าว ยางพารา และผลไม้ต่างๆ อีก 20% เป็นประมงพื้นบ้าน ซึ่งอำเภอบางสะพานมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีน้ำทะเลสวยสด พร้อมกับธรรมชาติและวัดโบราณสถานที่สำคัญ น่าสนใจ โดยภาครัฐและท้องถิ่นได้ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และเตรียมจัดงานใหญ่ช่วงปลายปีนี้ และจะผลักดันให้เกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชนและชุมชน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ สร้างความยั่งยืนให้กับอาชีพเกษตรและประมง พร้อมต่อยอดสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนของจังหวัดประจวบฯ

ด้าน ดร.สิริกร หน่อทิม ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารฯ กล่าวว่า สมาคมฯ พร้อมให้การสนับสนุนการรวมกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่เข้าสู่เครือข่ายสมาคมอย่างเป็นระบบ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพื่อผลักดันให้อำเภอบางสะพานก้าวสู่เมืองท่องเที่ยวคุณภาพในอนาคต.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ สืบสานประเพณีตักบาตรเทโวแห่เรือพระปีที่ 25 เทศกาลออกพรรษา

ประจวบฯ สืบสานประเพณีตักบาตรเทโวแห่เรือพระปีที่ 25 เทศกาลออกพรรษา

เวลา 07.00 น. ของวันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ มอบหมายให้นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานเปิดงานสืบสานประเพณีตักบาตรเทโว ประเพณีแห่เรือพระ เนื่องในเทศกาลออกพรรษา ประจำปี พ.ศ.2568 ซึ่งเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ร่วมกับวัดธรรมิการามวรวิหาร จัดขึ้นเป็นปีที่ 25 ที่บริเวณด้านหน้าเขาช่องกระจก วัดธรรมิการามวรวิหาร อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวไทยศาสนาพุทธ และเป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดประจวบฯ มีนายสมพร ยโสธร รองนายกเทศมนตรี รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน มีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด อัยการจังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัด ผู้แทนทหารบก ทหารอากาศ ตำรวจ ผู้บริหารเทศบาล ข้าราชการ และประชาชนชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมพิธีประมาณกว่า 2,000 คน

ภายในงาน มีกิจกรรมประกอบด้วยการถวายจังหันเช้าแด่พระสงฆ์ สามเณร ณ วัดธรรมิการามวรวิหาร การแสดงของเยาวชนนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองประจวบฯ จากนั้นประธานในพิธีกล่าวเปิดงานพร้อมลั่นฆ้องชัย มีพระสงฆ์ สามเณร เดินลงจากเขาช่องกระจก เพื่อออกรับบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งจากพุทธศาสนิกชน พร้อมด้วยการแห่ขบวนรถบุษบก (เรือพระ) ขบวนเทวดา นางฟ้า ขบวนแห่พุทธประวัติ พุทธตํานานของชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ ทั้ง 15 ชุมชน ไปตามถนนสละชีพและถนนต่างๆ ในเขตเทศบาล เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวพุทธได้ร่วมทำบุญและรับแจกขนมข้าวต้มลูกโยนไปรับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคล

วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง ที่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าจะได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรและบำเพ็ญกุศลเพื่อระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่โบราณ ปี พ.ศ.2568 นี้ วันออกพรรษา ตรงกับวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 ซึ่งวันออกพรรษามีความเป็นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยพุทธบัญญัติที่กำหนดให้พระภิกษุต้องจำพรรษาอยู่ประจำวัด ตลอดฤดูฝนเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามธรรมเนียมของคณะสงฆ์ในสมัยโบราณ การจำพรรษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้พระภิกษุเดินทางไปมา จนทำให้เกิดความเสียหายแก่พืชผลทางการเกษตรและสัตว์เล็กสัตว์น้อย หลังจากครบกำหนด 3 เดือน ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 แล้ว จึงถือวันนั้นเป็นวันออกพรรษา พระสงฆ์สามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้โดยไม่ผิดพระพุทธบัญญัติ และจะได้นำความรู้จากหลักธรรรมและประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างจำพรรษาไปเผยแผ่ให้แก่ประชาชนต่อไป.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บลูพอร์ต เปิดบ้านรับสาวงามมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025 เดินโชว์ผ้าไทยสวยสุดตระการตาสู่สายตาชาวโลก

บลูพอร์ต เปิดบ้านรับสาวงามมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025 เดินโชว์ผ้าไทยสวยสุดตระการตาสู่สายตาชาวโลก

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 กลุ่มบริษัทพราว ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรีสอร์ทครบวงจรระดับประเทศ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับสาวงามจากเวทีมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025 ซึ่งเดินทางจาก 77 ประเทศทั่วโลก สู่เมืองหัวหินเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเก็บตัวอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรในพื้นที่เพื่อถ่ายทอดเสน่ห์ของหัวหินในฐานะ “เมืองแห่งความสุข” และจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก โดยหนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์สำคัญได้จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน ที่กลายเป็นเวทีถ่ายทอดอัตลักษณ์ความเป็นไทย ผ่านแฟชั่นโชว์ผ้าไทยร่วมสมัยและประสบการณ์สุดพิเศษ สะท้อนบทบาทของบลูพอร์ตในฐานะศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมของเมืองหัวหินที่ได้รับความสนใจจากสายตาทั่วโลก

ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรม คือแฟชั่นโชว์ “Threads of Thailand: The Thai Heritage Runway”ที่หัวหินคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 1 บลูพอร์ตหัวหิน โดยสาวงามผู้เข้าประกวดได้ร่วมสวมใส่ชุดผ้าไทยร่วมสมัยจาก “พราวไทย”ถ่ายทอดอัตลักษณ์ไทยผ่านผืนผ้า ถึงความงดงามของวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจสู่สายตาชาวโลก งานในครั้งนี้มีนายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน น.ส.จิราวรรณ บุญฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม ายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา ที่ปรึกษาสมาคมฯ น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการผู้จัดการบลูพอร์ต หัวหิน คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้งเวที Miss Grand International พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ ทั้งในแวดวงราชการและธุรกิจเข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์อย่างคับคั่ง

โอกาสนี้ น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ต หัวหิน ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมพาคณะสาวงามเยี่ยมชมพื้นที่จัดแสดงและโซนสำคัญต่างๆ ภายในบลูพอร์ต ที่สะท้อนทั้งเสน่ห์ความเป็นไทยและกลิ่นอายความร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็น Museo Auto Classica ที่ให้เหล่าสาวงามได้สัมผัสตำนานยนตรกรรมยุค 60s อย่าง Mercedes-Benz Fintail อย่างใกล้ชิดท่ามกลางบรรยากาศกลิ่นอายคลาสสิก ก่อนที่จะเปิดอย่างเต็มรูปแบบเร็วนี้ๆ จากนั้นคณะผู้เข้าประกวดได้เยี่ยมชมโซน “พราวไทย (Proud Thai)” พื้นที่รวบรวมสินค้า งานฝีมือ และของที่ระลึกไทยร่วมสมัย ถ่ายทอดเสน่ห์ความเป็นไทยผ่านงานดีไซน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมผลักดันสินค้าไทยสู่เวทีระดับโลก

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงเติมเต็มสีสันให้กับการเก็บตัวผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2025 เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวเมืองหัวหิน พร้อมทั้งตอกย้ำบทบาทของบลูพอร์ตหัวหิน ในฐานะศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมร่วมสมัยของเมืองหัวหินที่พร้อมส่งต่อประสบการณ์แห่งความสุข ความงาม และความเป็นไทยในทุกมิติ.

ข่าวแนะนำ