Categories
ข่าว ทั้งหมด

เริ่มแล้วงานประเพณีลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ ที่บลูพอร์ตหัวหิน

เริ่มแล้วงานประเพณีลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ ที่บลูพอร์ตหัวหิน

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการ บริหารบริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า บลูพอร์ตหัวหิน ร่วมกับพันธมิตร จัดงานเทศกาลลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ “Touch of Thainess , Loi Kratong Festival” สัมผัสความเป็นไทยไปกับเทศกาลลอยกระทง สนุกสนานไปกับการชม ชิม และช้อปสินค้าชุมชนพื้นถิ่นในโซนพราวไทย บริเวณลานทางเข้า ชั้น G ที่ บลูพอร์ต หัวหิน โดยตลอดกิจกรรมได้มีการให้ความรู้ และคำแนะนำ ซึมซับวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ที่สำคัญบรรยากาศโดยรอบถูกตกแต่งด้วยความงามแบบไทยๆ ที่บลูพอร์ตหัวหิน มุ่งเน้นการใช้ประเพณีไทยให้เป็น Soft Power ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย เนื่องจาก ประเพณีลอยกระทง เป็นอีกหนึ่งประเพณีไทย ที่ได้รับการยอมรับจากสากล เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างดี

ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิเช่น นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาวิวัฒนาการของประเพณีลอยกระทง การแต่งกายชุดไทย และการรื่นเริงต่างๆในเทศกาลลอยกระทง การแสดงการละเล่นแบบไทย รำวง รำกลองยาว บรรเลงดนตรีไทยร่วมสมัย การสาธิตการนุ่งห่มอย่างไทยในรูปแบบต่างๆ ที่สำคัญภายในงานยังมีบริการเช่าชุดไทย พร้อมถ่ายรูปเช็คอินบรรยากาศแบบไทยๆ โดยในงานมีผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อยุธยาและเครื่องแต่งกาย มาแต่งให้ พิเศษสุด !!! สิทธิพิเศษ เฉพาะลูกค้าบลูพอร์ตหัวหิน ช้อปครบ 3,000 บาท รับสิทธิ์เช่าชุดฟรี 3 ชั่วโมง จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.032 – 905111 เฟซบุ๊ก : Bluport Hua Hin Official หรือ Line : @Bluport.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“น้องแชมป์”วัย 9 ขวบ คว้าตำแหน่งหนูน้อยวัฒนธรรมหัวหิน”ปี 66

“น้องแชมป์”วัย 9 ขวบ คว้าตำแหน่งหนูน้อยวัฒนธรรมหัวหิน”ปี 66

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดงานประกวดหนูน้อยวัฒนธรรม ประจำปี 2566 ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ นายอมรเทพ อ่วมมีเพียร ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน ผู้ปกครองและแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากเข้าร่วมงาน

นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน กล่าวว่า สภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน ร่วมกับศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน จัดโครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสืบสาน รักษาต่อยอด ส่งเสริมสนับสนุน เผยแพร่และอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทยรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งจัดกิจกรรมประกวดหนูน้อยวัฒนธรรมขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกถึงศิลปะวัฒนธรรมไทย โดยรูปแบบผู้เข้าประกวดแต่งกายชุดไทยสมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ หรือชุดที่แสดงถึงการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทย รอบแรกเป็นการประกวดในชุดไทยสมัยต่างๆ รอบที่สอง การแสดงความสามารถพิเศษที่แสดงออกถึงศิลปะวัฒนธรรมไทยและความเป็นไทยของหนูน้อย มีผู้ปกครองสนใจส่งบุตรหลานอายุระหว่างอายุ 6 – 9 ขวบ เข้าประกวดจำนวนทั้งสิ้น 18 คน

ภายหลังการตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 4 ท่าน นานร่วม 3 ชั่วโมง ชนะเลิศหนูน้อยวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน ได้แก่“น้องแชมป์” ด.ช.ปัณณกร ทองมาลี อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนสมถวิลหัวหิน ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล มงกุฎและสายสะพาย, รองอันดับ 1 ด.ญ.พัฒน์ณิชา พาณิชวัฒนา รับเงินรางวัล 4,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล สายสะพาย, รองอันดับ 2 ด.ญ.โสรดา เรืองศาสตร์ รับเงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล สายสะพาย, รางวัลชมเชยอันดับ 1 ด.ญ.ทิพย์มณี สถาพรดำรงค์ อันดับ 2 ด.ช.ณัฐพัชร์ นิธิกุลภูวรัตน์ ได้รับเงินรางวัลคนละ 1,000 บาท, รางวัลหนูน้อยวัฒนธรรมขวัญใจมวลชน ด.ช.ธนากร แก้วพิทักษ์ รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลและสายสะพาย, รางวัลการแสดงศิลปะวัฒนธรรมยอดเยี่ยม ด.ช.ณัฐพัชร์ นิธิกุลภูวรัตน์ รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลและสายสะพาย ท่ามกลางความดีใจของผู้ปกครองเด็กๆ ที่มาร่วมงาน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหินวางพวงมาลาน้อมรำลึก ร.6 เนื่องในวันวชิราวุธ

หัวหินวางพวงมาลาน้อมรำลึก ร.6 เนื่องในวันวชิราวุธ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาและถวายราชสดุดีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เนื่องในวันวชิราวุธ เพื่อน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย (ปีที่ 98) โดยมีผู้บังคับบัญชาลูกเสือ – เนตรนารี และกองลูกเสือ – เนตรนารีทุกโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองหัวหินเข้าร่วมในพิธีที่โรงเรียนหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกันนี้ประธานในพิธีได้มอบเกียรติบัตรผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่นด้วย

วันวชิราวุธ ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี หรือเดิมเรียกกันว่า“วันวชิราวุธานุสรณ์”เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในลำดับที่ 6 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2423 ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 24 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง ได้รับพระราชทานพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เมื่อทรงพระชนมายุได้ 8 พรรษา ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวาราวดี ทรงมีพระเกียรติยศเป็นชั้นที่ 2 รองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2454 มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ให้ได้รับการฝึกหัดอย่างทหาร เพื่อให้เป็นราษฎรที่เข้มแข็ง มีคุณภาพ และส่งเสริมความสามัคคี โดยเหล่าเสือป่าจะมีหน้าที่ในการรักษาความสงบทั่วไปในเมือง ขณะเดียวกันได้ทรงก่อตั้งกองลูกเสือขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง เพื่อฝึกให้เยาวชนมีความเข้มแข็ง อดทน เสียสละ สามัคคี ดังที่ได้พระราชทานคติพจน์ให้แก่คณะลูกเสือว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” และดังพระราชนิพนธ์บทละครพูดเรื่อง หัวใจนักรบ และความดีมีไชย ที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับบทบาทและหน้าที่ของลูกเสือ ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลต่อประเทศชาติ ทั้งด้านคมนาคม การปกครอง รวมทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านวรรณคดี จนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2468 จึงเสด็จสวรรคตด้วยโรคพระโลหิตเป็นพิษ ขณะทรงมีพระชนมายุ 45 พรรษาเศษ เสด็จดำรงสิริราชสมบัติรวม 15 ปี.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวบ้านผวา ร้องตำรวจชุดปะ ฉะ ดะ ตรวจเข้มวัยรุ่นรวมกลุ่ม หวั่นซ้ำรอยครูเจี๊ยบถูกลูกหลงปืนดับ

ชาวบ้านผวา ร้องตำรวจชุดปะ ฉะ ดะ ตรวจเข้มวัยรุ่นรวมกลุ่ม หวั่นซ้ำรอยครูเจี๊ยบถูกลูกหลงปืนดับ

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 พ.ต.อ.ไพฑูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ปะ ฉะ ดะ ซึ่งตั้งขึ้นตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่ได้มีนโยบายให้สถานีตำรวจภูธรในสังกัดจัดตั้งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ปะ ฉะ ดะ เพื่อเป็นการป้องปรามอาชญากรรม และสร้างความอบอุ่นใจให้กับประชาชนในการดำเนินชีวิต โดยเน้นเป็นการทำงานแบบเชิงรุกด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยมีการจัดตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปะ ฉะ ดะ ผลัดละ 6 นาย ออกตรวจตราลาดตระเวนเฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงต่างๆ ที่คาดว่าโจรจะใช้เป็นเส้นทางผ่าน และในจุดที่กลุ่มวัยรุ่นมีการมั่วสุมกันเป็นจำนวนมาก ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจฝ่ายปราบปราม เพื่อป้องกันเหตุ

ขณะที่ชุดปฏิบัติการ ปะ ฉะ ดะ ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราลาดตระเวน ตามจุดเสี่ยงและสถานที่ท่องเที่ยวริมหาด หมู่บ้าน ชุมชน กลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงในจุดที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามักมีกลุ่มวัยรุ่นนิยมมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเกือบทุกคืน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว หวั่นเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันแล้วทำให้ชาวบ้านได้รับลูกหลงถูกกระสุนปืนเสียชีวิต เกรงเกิดเหตุซ้ำรอยแบบครูเจี๊ยบที่ถูกลูกหลงอาวุธปืนจากเหตุเด็กช่างยิงกัน

จากการสอบถามจากชาวบ้าน เล่าว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมักจะมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ช่วงเวลาประมาณ ตี 2 ตี 3 เกือบทุกคืน เด็กวัยรุ่นบางคนยังไม่ได้ถอดเครื่องแบบนักเรียนเลย ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ก่อเหตุสร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน แต่ชาวบ้านก็หวาดกลัว เกรงจะถูกลูกหลงเวลาเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกัน เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นที่มารวมตัวมาจากสถานที่อื่น ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้าน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจเยี่ยมดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านทุกคืน เพราะกลุ่มวัยรุ่นมักจะมารวมกลุ่มกันเกือบทุกคืน มาดูได้ช่วงเวลาประมาณ ตี 3 เจอแน่นอน

พ.ต.อ.ไพฑูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า โครงการ ปะ ฉะ ดะ เป็นนโยบายของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่ให้ตำรวจแต่ละโรงพักจัดชุดเสริม โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากฝ่ายธุรการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วมาเสริมในช่วงเวลาที่อาจจะมีอาชญากรรมช่วงกลางคืน ก่อนและหลังเที่ยงคืน ออกตรวจผลัดละ 3 ชั่วโมง โดยเป็นการนั่งรถสายตรวจออกลาดตระเวน เมื่อพบวัยรุ่นหรือบุคคลต้องสงสัยขับรถผ่านมา หรือนั่งรวมกลุ่มมั่วสุมดื่มสุรากันจำนวนมาก ก็จะเรียกขอตรวจค้น รวมไปถึงสถานบริการ และจุดที่มืดอับที่คาดว่าโจรจะก่อเหตุ หรือใช้เป็นเส้นทางผ่าน โดยจะเปิดสัญญาณไฟ และตั้งจุดเรียกตรวจรถต้องสงสัยที่คาดว่าจะก่อเหตุ เน้นอาวุธปืนและยาเสพติด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนร้ายไปก่อเหตุได้ ซึ่งนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่ไม่ต้องการให้ยาเสพติดและอาวุธปืนมาอยู่บนท้องถนน ต้องการให้ตำรวจครองถนนให้ได้ โดยจัดชุด ปะ ฉะ ดะ เพื่อยึดครองถนนตรวจค้นอาวุธปืนและยาเสพติด เน้นออกตรวจลาดตระเวนแบบพบเหตุซึ่งหน้า แต่ไม่เน้นตั้งด่าน อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนช่วงนี้ ในพื้นที่ สภ.เมือง เกิดเหตุรถจักรยานยนต์หายบ่อยครั้ง อยากขอให้ประชาชนจอดรถจักรยานยนต์แล้วล็อคคอ ถอดกุญแจเก็บให้เรียบร้อย อย่าเสียบกุญแจคารถไว้ มิฉะนั้นคนร้ายจะก่อเหตุลักขโมยรถไปได้โดยง่าย ซึ่งตำรวจตามจับจะเกิดความยากลำบาก หรือล่าช้า อยากให้ประชาชนช่วยป้องกันตัวเองด้วย พ.ต.อ.ไพฑูล กล่าว.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เปิดเทอมแล้ว “วิ’ลัย วัยหวาน” เทศบาลหัวหินสอนผู้สูงวัยทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติใช้ลอยกระทงปีนี้

เปิดเทอมแล้ว “วิ’ลัย วัยหวาน” เทศบาลหัวหินสอนผู้สูงวัยทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติใช้ลอยกระทงปีนี้

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ “โรงเรียน วิ’ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 6” มี น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาล คณะผู้บริหารเทศบาล นักเรียนผู้สูงอายุวิ’ลัย วัยหวาน จำนวน 200 คนและเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมที่ชั้น 6 สำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน โดยการเปิดภาคเรียนในวันนี้เป็นกิจกรรมฝึกอาชีพสอนทำกระทงจากขนมข้าวโพด มี น.ส.ปิยภรณ์ พูลน้อย และ น.ส.ปวรรณรัตน์ คงรัมย์ บรรณารักษ์ปฏิบัติการห้องสมุดประชาชนอำเภอหัวหิน เป็นวิทยากร ทำกระทงรักษ์โลกที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะให้นักเรียนวิ’ลัย วัยหวาน ทุกคนนำกระทงที่ทำ ไปลอยกระทงในเทศกาลลอยกระทงที่จะถึงนี้ ทำให้นักเรียนผู้สูงอายุมีความภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีอาชีพ มีรายได้ด้วยการฝึกอาชีพ เป็นการลดปัญหาภาวะซึมเศร้า ภาวะติดบ้าน และภาวะติดเตียง

โรงเรียนผู้สูงอายุ วิ’ลัย วัยหวาน จัดโดยกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นรุ่นที่ 6 แล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่รุ่นที่ 1 – 5 พบว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยกำหนดจัดการเรียนการสอนเดือนละหนึ่งครั้งในทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือน เริ่มเรียนครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา 08.00 – 15.00 น. รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อเรียนตามกำหนดแล้วจะมีพิธีรับใบประกาศนียบัตรให้กับผู้เข้าเรียนทุกคน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เจ้าคณะจังหวัด อบรมคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักศึกษา มทร.รัตนโกสินทร์ วังไกลกังวล

เจ้าคณะจังหวัด อบรมคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักศึกษา มทร.รัตนโกสินทร์ วังไกลกังวล

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 พระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม การอบรมธรรมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ จัดโดยคณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล มีรองศาสตราจารย์วิวรณ์ วงศ์อรุณ คณบดีคณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว, อาจารย์ปิยวรรณ สันติแก้ว รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา, ดร.ลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน, แม่ชีพธู ฮวดหิน วัดสุขสำราญ, นางยุวนิตย์ ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณาจารย์ บุคลากร และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธี

รองศาสตราจารย์วิวรณ์ วงศ์อรุณ กล่าวว่า จุดมุ่งหมายวัตถุประสงค์โครงการนี้คือ 1.เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรมให้แก่นักศึกษาและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ 2.เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การศึกษาพระพุทธศาสนาให้แก่นักศึกษา 3.เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และ 4.เพื่อเข้าร่วมสอบธรรมสนามหลวง ชั้นตรี โท เอก ระดับอุดมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 โดยจัดขึ้นจำนวน 3 วัน มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และบุคลากรเข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น 129 คน ดำเนินโครงการโดยฝ่ายงานกิจการนักศึกษา และคณะกรรมการสโมสรนักศึกษาประจำปีการศึกษา 2566

โอกาสนี้ รองศาสตราจารย์วิวรณ์ วงศ์อรุณ และคณะ ได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับ ดร.ลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน ที่ได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ประจำปี 2565 จากนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คลองหก จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รปภ.หนุ่มเครียด ผูกคอตายภายในวัดหัวหิน

รปภ.หนุ่มเครียด ผูกคอตายภายในวัดหัวหิน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 พ.ต.ต.นฤพนธ์ พฤตินนท์ สว.สอบสวน สภ.หัวหิน จ.ประจวบฯ รับแจ้งมีคนผูกคอตายภายในวัดหัวหิน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จึงรายงานให้ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน ทราบ จากนั้นพร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลหัวหิน ชุดสืบสวน และมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน รุดไปยังที่เกิดเหตุภายในโรงทึม ติดศาลาสวดศพ พบศพชายวัยกลางคนนั่งเหยียดยาว ใช้เชือกพลาสติกผูกคอติดกับขอบเหล็กเวทีที่ตั้งซ้อนกัน สภาพศพขึ้นอืด มีหนอนไต่ส่งกลิ่นเหม็นทั่ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน ตรวจดูภายในกระเป๋าสะพายสีแดงด้านหลัง พบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บัตรประชาชน บัตร รปภ.และซองยา ระบุชื่อนายอุบล ฝอดสูงเนิน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 7 ต.โป่งน้ำร้อน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งยังโรงพยาบาลหัวหิน ให้แพทย์ชันสูตรอีกครั้ง

จากการสอบถามนายวิจิตร์ ภู่น้อย อายุ 51 ปี ผู้ดูแลศาลาสวดศพ เล่าว่าก่อนหน้านั้นได้กลิ่นเน่าเหม็นโชยมา คิดว่าเป็นกลิ่นศพจากโรงทึมที่ติดกัน เลยไม่ได้สนใจ จนกระทั่งกลิ่นเหม็นเริ่มแรงมาก จึงเดินตรวจดูจนพบศพดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดความเครียดจากเรื่องส่วนตัวหรือโรคประจำตัว ซึ่งจะได้ติดต่อญาติผู้ตายมาสอบปากคำอีกครั้งต่อไป.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ได้ฤกษ์ย้ายสถานีรถไฟหัวหินรองรับรถไฟทางคู่สายใต้ 11 ธันวาคมนี้

ได้ฤกษ์ย้ายสถานีรถไฟหัวหินรองรับรถไฟทางคู่สายใต้ 11 ธันวาคมนี้

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 การรถไฟแห่งประเทศไทยประกาศจะดำเนินการย้ายสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบฯ ไปยังที่ทำการที่อาคารสถานีหัวหินแห่งใหม่ ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป หลังจากอาคารเดิมให้บริการมายาวนานถึง 112 ปี ส่วนอาคารหลังเดิมยังคงอนุรักษ์ไว้ และจะประกาศใช้กำหนดเวลาเดินรถใหม่ (ทางคู่) ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

สำหรับอาคารสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ยังมีการใช้โทนสีแดงสลับสีครีม อยู่ห่างจากอาคารสถานีเก่าประมาณ 20 เมตร ตัวอาคาร 3 ชั้นขนาดใหญ่ ด้านบนหลังคาเป็นอาคารโปร่งโล่ง รวมทั้งชั้นใต้ดิน มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งลิฟท์ บันไดเลื่อน บันไดทางขึ้นลง บันไดหนีไฟ ห้องสุขา ห้องพักรอพระภิกษุสงฆ์ ห้องให้นมบุตร ห้องรับฝากสิ่งของ ห้องจำหน่ายตั๋ว ห้องเจ้าหน้าที่การรถไฟ รวมทั้งอาคารสำหรับประชาชน นักท่องเที่ยวที่จะข้ามใช้อาคารแห่งใหม่ ทั้งชานชาลาที่ 1 และ 2 จะมีบันไดเลื่อนลงไปชั้นใต้ดิน เพื่อไปอาคารใหม่ จะมีป้ายข้อความต่างๆ บอกชัดเจน และมีทางรถไฟรางคู่ที่ยกระดับ เพื่อหลีกเลี่ยงทางตัดรถไฟในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ขึ้นและลง เป็นระยะทาง 7 กิโลเมตรก่อนเข้าชานชาลา ซึ่งขณะนี้บริษัทรับเหมาเร่งเก็บรายละเอียดในด้านต่างๆ เพื่อให้ทันการย้ายมาใช้อาคารใหม่ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋ว สถานีรถไฟหัวหิน โทร. 032 – 511073

นายโต้ง (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาวเพชรบุรี เล่าว่า ตนใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟมาโดยตลอด รู้สึกผูกพันกับสถานีรถไฟหัวหินมานานมาก เสียดายกับสถานีรถไฟตรงนี้ เพราะเป็นสถานีเก่าแก่ แต่ถ้าย้ายไปที่สถานีใหม่ก็ดี ใหญ่กว้างขวาง สะดวกสบาย คิดว่ารับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ส่วนระยะเวลาการเดินทางก็สั้นลง ช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น แต่กังวลเรื่องราคาค่าโดยสารกลัวว่าจะแพงขึ้นกว่าเดิม

นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า รู้สึกใจหายที่สถานีรถไฟแห่งเก่า ซึ่งอยู่คู่เมืองหัวหินมากว่า 100 ปี จะปิดการให้บริการและจะไม่ได้ยินเสียงลั่นระฆังรถไฟอีกต่อไป แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อำเภอหัวหินจะมีสถานีรถไฟรางคู่ยกระดับแห่งใหม่ ที่ทันสมัยและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ความเป็นเมืองหัวหิน พร้อมที่จะให้บริการพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาหัวหินเป็นไปด้วยความสะดวก คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การขนส่งทางราง ถือเป็นการขนส่งสาธารณะที่จะสนับสนุนการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของหัวหินได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการขนส่งเชื่อมโยงผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวจากสถานีรถไฟแห่งใหม่ ไปยังจุดหมายต่างๆ ในเมืองหัวหินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์การเดินทางของประชาชนและการท่องเที่ยวทางรถไฟ ในส่วนของ ททท.สำนักงานประจวบฯ จะได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ถึงการเปิดใช้สถานีรถไฟสถานีใหม่ไปยังนักท่องเที่ยวต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

คปภ.สร้างเกราะให้ผู้ประกอบการ SMEs ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อฉ้อฉลประกันภัย

คปภ.สร้างเกราะให้ผู้ประกอบการ SMEs ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อฉ้อฉลประกันภัย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (รองเลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาและการบรรยาย ภายใต้โครงการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการประกันภัย และการฉ้อฉลประกันภัย ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และประชาชนเชิงรุก ในชื่อ “Let’s Journey to Protection ปฏิบัติการ OIC HERO : เปิดกลยุทธ์โตได้ไม่ล้ม ปราบฉ้อฉลไม่เป็นเหยื่อ โดยมีนายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี (สำนักงาน คปภ.) นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ ผู้ตรวจการอัยการ สำนักงานอัยสูงสุด ผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัย ผู้แทนจากสมาคมประกันชีวิต และผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ให้การต้อนรับที่โรงแรมหัวหินแมริออท รีสอร์ทแอนด์สปา จ.ประจวบฯ

ในงานมีการให้ความรู้หัวข้อ “การประกันภัยสำหรับธุรกิจ SMEs” ที่เกี่ยวกับหลักการประกันภัย ประเภทการประกันภัยที่จำเป็นต่อธุรกิจ การบริหารความเสี่ยงของธุรกิจด้วยการประกันภัย หลักการที่จำเป็นในการพิจารณาทำประกันภัยรวมถึงกรณีศึกษาต่างๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้ในหัวข้อ “การฉ้อฉลประกันภัย” ที่เกี่ยวกับรูปแบบการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งมีความหลากหลาย เช่น การฉ้อฉลทางอิเล็กทรอนิกส์ การชักชวนให้กระทำความผิด การหลอกหลวงที่มาในรูปแบบการประกันภัย ฯลฯ ทั้งจากตัวแทนประกันภัย นายหน้าประกันภัย ผู้ประเมินวินาศภัย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ระบบธุรกิจประกันภัย เศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง โดยมีผู้ประกอบการและผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก

นายชัยยุทธ มังศรี กล่าวว่า โครงการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการประกันภัยและการฉ้อฉลประกันภัยให้แก่ผู้ประกอบการขนาดย่อม (SMEs) และประชาชนเชิงรุก มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการประกันภัยสำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs นั้นมีความเสี่ยงภัยต่างๆ ได้ง่าย การบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันภัยจึงเป็นตัวช่วยให้สายป่านในการทำธุรกิจนั้นมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ให้มีความแข็งแรงต่อไป กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยสายกฎหมายและคดี สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจภัย (สำนักงาน คปภ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจด้านประกันภัยเชิงรุกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อม หรือผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ได้เข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ความคุ้มครอง ตลอดจนข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยประเภทต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของบุคคลหรือธุรกิจของตนเอง พร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยให้แก่ประชาชนและผู้เอาประกันภัย

นายองครักษ์ ทองนิรมล กล่าวว่า ขอบคุณสำนักงาน คปภ. ที่เลือกจังหวัดประจวบฯ เป็นพื้นที่เป้าหมายในการให้ความรู้ด้านประกันภัยแก่ผู้ประกอบการ SMEs อันจะเป็นประโยชน์ต่อการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงภัยต่อการประกอบธุรกิจ เนื่องจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีความหลากหลายทางด้านอาชีพ การประกันภัยเพื่อธุรกิจจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจภายในจังหวัดให้เติบโตไปได้อย่างมั่นคง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำหน่วยงานช่วยเหลือครอบครัวเด็กแฝดที่จมน้ำเสียชีวิตทั้งคู่

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำหน่วยงานช่วยเหลือครอบครัวเด็กแฝดที่จมน้ำเสียชีวิตทั้งคู่

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วยนางสุพัตรา ไพฑูรย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบฯ นายณธกร เต็มชยกุล ปลัดอาวุโสอำเภอสามร้อยยอด เหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือครอบครัว นายปริมและนางตุ๊ก อายุ 27 ปี ที่วัดไร่ไหม่สามัคคี อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ ภายหลังลูกฝาแฝดชายหญิงวัย 3 ขวบของนายปริมและนางตุ๊กได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจมน้ำ โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 20.30 น. นายมนต์ชัย หนูสาย นายอำเภอสามร้อยยอด ได้รับเเจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ไร่ใหม่ ว่ามีเด็กฝาแฝดสองคน คนโตเป็นชายชื่อ “น้องตั๊ก” คนน้องเป็นหญิงชื่อ “น้องติ๊ก” หายจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้ระดมกำลังค้นหานานหลายชั่วโมง ก่อนพบร่างเด็กทั้งคู่จมน้ำเสียชีวิตอยู่ภายในสระห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นได้ประสานแพทย์จากโรงพยาบาลสามร้อยยอด และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบบาดแผลและร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างไร คาดว่าทั้งคู่เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ก่อนนำศพส่งยังสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกันนี้ ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ได้กล่าวให้กำลังใจพร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือและถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อไป.