Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.ซานเปาโล หัวหิน ได้ใบรับรองมาตรฐานสากลด้านการแพทย์ “AACI” แห่งแรกของภาคใต้ตอนบน

รพ.ซานเปาโล หัวหิน ได้ใบรับรองมาตรฐานสากลด้านการแพทย์ “AACI” แห่งแรกของภาคใต้ตอนบน

วันที่ 8 มกราคม 2567 นพ.สมพร คำผง กรรมการบริหารสถาบัน AACI (American Accreditation Commission International) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AACI ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เป็นประธานมอบใบประกาศรับรองคุณภาพโรงพยาบาลตามมาตรฐาน AACI จำนวน 2 ด้าน ให้กับ นพ.เอกลาภ ทองบริสุทธิ์ ประธานกรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาลซานเปาโล หัวหิน ได้แก่ การรับรองมาตรฐานสากลสำหรับโรงพยาบาล (AACI International Healthcare Accreditation) และการรับรองความเป็นเลิศ ด้านคลินิกบริการส่องกล้องทางเดินอาหาร (Endoscopy Clinical Excellence Certification) โดยมีคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รพ.ซานเปาโล หัวหิน ร่วมแสดงความยินดี ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลซานเปาโล หัวหิน จ.ประจวบฯ

นพ.สมพร คำผง กล่าวว่ามาตรฐาน American Accreditation Commission International (AACI) เป็นระบบรองรับคุณภาพตามมาตรฐานสากลจากประเทศสหรัฐอเมริกา และยังเป็นมาตรฐานสากลเดียวในโลก ที่สามารถรับรองได้ทั้ง International Healthcare Standard และ ISO & EN พร้อมกัน เป็นที่ยอมรับทั้งในยุโรปและเอเชียตะวันออกกลาง มาตรฐาน AACI มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนามาตรฐานการบริการด้านสุขภาพที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และเน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัย สวัสดิภาพ คุณภาพชีวิต และคุณภาพการดูแล โดยมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยที่ผู้เข้าใช้บริการสถานพยาบาลนั้นๆ จะได้รับในเรื่องของการรักษาที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีบุคลากรทางการแพทย์ ที่ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่มีความรู้ ความสามารถ ตลอดจนถึงการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการให้คำแนะนำก่อนและหลังการรักษา หรือการจ่ายยา โดยกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้จะต้องมีประสิทธิภาพและทำประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ที่มาเข้าใช้บริการ ทั้งนี้ รพ.ซานเปาโล หัวหิน ได้ใบประกาศรับรองมาตรฐานสากลสำหรับโรงพยาบาล เป็นที่แรกของจังหวัดภาคใต้ตอนบน และใบรับรองความเป็นเลิศด้านคลินิกบริการส่องกล้องทางเดินอาหาร แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก

ด้าน นพ.เอกลาภ ทองบริสุทธิ์ กล่าวว่า โรงพยาบาลซานเปาโล หัวหิน ดำเนินงานเข้าปีที่ 27 แล้ว ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนามาโดยตลอด จนได้การรับรองมาตรฐาน AACI เราพัฒนามาตรฐานการให้บริการที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการบริการด้านการดูแลสุขภาพ ด้านความปลอดภัย คุณภาพชีวิต และคุณภาพในการดูแลทั่วโลก เรามีความพร้อมในเรื่องของบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์อยู่ในระดับมาตรฐานที่เราให้ความปลอดภัยกับผู้เข้ารับบริการ ขณะเดียวกันเราคำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมของเรา เราเป็นโรงพยาบาลระดับ secondary หรือว่าระดับที่ดูแลผู้ป่วยในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันถ้าผู้ป่วยที่ฉุกเฉินเกินขีดความสามารถเรา ต้องพิจารณาว่าเราจะไม่ดึงเวลาของผู้ป่วย เราต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง เช่นโรงพยาบาลหัวหิน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์รักษาผู้ป่วยในเรื่องโรคหลอดเลือดสมอง หรือเรื่องของโรคหัวใจที่ขาดเลือดและศูนย์อุบัติเหตุ เราเป็นโรงพยาบาลที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้กับผู้ป่วยเพื่อการรักษา ดังนั้นการที่โรงพยาบาลซานเปาโล หัวหิน ได้รับรองมาตรฐาน AACI จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นเมื่อใช้บริการด้านการแพทย์ของอำเภอหัวหิน และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวให้กับหัวหินและประเทศไทยด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.บางสะพานน้อย เปิดมินิธัญญารักษ์แห่งแรกของจังหวัด เพื่อฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด

รพ.บางสะพานน้อย เปิดมินิธัญญารักษ์แห่งแรกของจังหวัด เพื่อฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด

วันที่ 8 มกราคม 2567 นายคมสัน ไชยวรรณ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนิมิต วงษ์จินดา นายอำเภอบางสะพานน้อย นพ.สมพงษ์ พัฒนกิจไพโรจน์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลบางสะพานน้อย พ.ต.อ.ธฤต เรืองเดชา ผกก.สภ.บางสะพานน้อย นายดำรงศักดิ์ เชื้อแถว สาธารณสุขอำเภอบางสะพานน้อย น.ส.กรินต์อร พุทธา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ผู้รับชอบงานจิตเวชและยาเสพติด รพ.บางสะพานน้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำพิธีเปิดมินิธัญญารักษ์ เพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นพ.สมพงษ์ พัฒนกิจไพโรจน์ กล่าวว่า ด้วยนโยบายกระทรวงสาธารณสุขกำหนดนโยบายเร่งด่วน Quick Win 100 วัน ด้านสุขภาพจิตและยาเสพติด กำหนดเป้าหมายให้จัดตั้งและบำบัดฟื้นฟูผู้ติยาเสพติดแบบเบ็ดเสร็จในโรงพยาบาลชุมชน ตามรูปแบบมินิธัญญารักษ์ ดังนั้น โรงพยาบาลบางสะพานน้อยจึงได้ดำเนินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้านจิตเวชและยาเสพติดโดยเปิดให้บริการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดแบบเบ็ดเสร็จในโรงพยาบาลชุมชน ที่หอผู้ป่วยใน มีรูปแบบการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด ระยะประคับประคองระยะกลาง แบบผู้ป่วยใน มีเตียงรองรับผู้ป่วยจำนวน 5 เตียง สำหรับเพศชาย มีเกณฑ์ในการรับผู้ป่วยดังนี้ รับผู้ป่วยอาการคงที่, ไม่มีอาการจิตเวช, ผู้ป่วยที่กลับจากโรงพยาบาลสถาบันกัลยาราชนครินทร์ รับผู้ป่วยที่เคยบำบัดแบบ OPD (Matrix program) ไม่ประสบความสำเร็จ, ผู้ป่วยหรือญาติ ต้องบำบัดแบบประคับประคองระยะกลาง มีระยะเวลา 15 – 30 วัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้ยาและสารเสพติดปลอดภัยจากภาวะถอนพิษยา โรคแทรกซ้อนทางด้านร่างกาย/จิตเวช สร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยใหม่อยู่ในกระบวนการบำบัดอย่างต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมผู้ใช้ยาและสารเสพติด ครอบครัว และชุมชน เข้าสู่การฟื้นฟูระยะยาว

นายนิมิต วงษ์จินดา นายอำเภอบางสะพานน้อย กล่าวว่าการจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ เป็นประเด็นมุ่งเน้นของกระทรวงสาธารณสุขดำเนินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล (Quick win 100 วัน) ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่เสพสารเสพติด ในด้านส่งเสริม ป้องกัน การรักษาพยาบาล และการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่จำเป็นต้องดูแลระยะยาว เพื่อที่จะเข้าถึงบริการได้สะดวก ลดระยะเวลาการกลับไปเสพซ้ำได้นานขึ้น รวมถึงปัญหาการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจากการใช้สารเสพติด ให้ครอบครัวและชุมชนได้เตรียมความพร้อม มีความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยเมื่อกลับสู่บ้านและชุมชน.

ฟิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หนุ่มเมียนมา โรคจิต ปีนห้องในปั๊มเตรียมใช้โทรศัพท์ถ่ายแต่มีคนเห็นก่อน

หนุ่มเมียนมา โรคจิต ปีนห้องในปั๊มเตรียมใช้โทรศัพท์ถ่ายแต่มีคนเห็นก่อน

วันที่ 8 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่าที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมากับรถตู้หลายคน ช่วยจับหนุ่มเมียนมาที่ปีนเอาโทรศัพท์ขึ้นไปบนห้องน้ำชายภายในปั๊ม ซึ่งผนังห้องติดกับฝั่งผู้หญิง ส่วนด้านหลังเป็นที่ปัสสาวะสำหรับผู้ชาย ไม่รู้ว่าจะแอบถ่ายผู้หญิงหรือผู้ชาย พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

เมื่อไปถึงปั๊มน้ำมัน พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชายและหญิงหลายคน ยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องน้ำ พร้อมบอกว่าชายอายุประมาณ 25 – 30 ปี สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำทับเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน ใส่กางเกงยีนส์กำลังยืนอยู่หน้าห้องน้ำ จากการสอบถามทราบว่าเป็นชาวเมียนมา อายุ 29 ปี สูงประมาณ 175 – 180 เซนติเมตร ยืนอยู่ สอบถามแกล้งตอบไม่รู้เรื่องว่าปีนห้องน้ำทำไม บอกคำเดียวจะไปถ่ายวีดีโอ แต่ถามว่าจะถ่ายทำไม ก็ไม่ยอมพูดแล้วเดินหลบไป

นายไก่ (นามสมมุติ) เสื้อเหลือง ที่มาเข้าห้องน้ำกับกลุ่มเพื่อน เล่าว่าตนกำลังจะเดินเข้าไปปัสสาวะข้างหลังห้องน้ำ ระหว่างที่เดิน ตาเหลือบไปเห็นหัวคนกำลังโผล่ขึ้นมาจากห้องน้ำข้างใน ตนจึงรีบเดินไปด้านหลัง ตะโกนถามว่ามึงกำลังทำอะไร ชายคนนั้นรีบก้มหัวลง พวกตนจึงรีบไปดักหน้าห้อง ตะโกนบอกให้คนข้างในออกมา เรียกอยู่นาน จึงยอมเปิดประตูออกมา

ส่วนนักท่องเที่ยวก็ไม่ติดใจ เพราะรีบกลับไปทำงาน อีกทั้งหนุ่มโรคจิตยังไม่ทันที่จะได้ถ่าย แต่มีคนเห็นเสียก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าตั้งใจจะถ่ายผู้ชายหรือผู้หญิง.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ตักบาตรถวายพระราชกุศลและถวายพระพร วันคล้ายวันประสูติ “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”

ประจวบฯ ตักบาตรถวายพระราชกุศลและถวายพระพร วันคล้ายวันประสูติ “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ”

วันที่ 8 มกราคม 2567 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์และสามเณร ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับเมตตาจากพระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ นำพระภิกษุสงฆ์และสามเณรจำนวน 40 รูป ออกรับบิณฑบาตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 8 มกราคม 2567 พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดประจวบฯ เข้าร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียง

ต่อมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นำผู้เข้าร่วมพิธีถวายพระพรเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัด เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 8 มกราคม 2567 พร้อมทั้งร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสวนสาธารณะหน้าเทศบาลเมืองประจวบฯ และบริเวณสะพานสราญวิถี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประสูติเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2530 ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เมื่อแรกประสูติ ทรงดำรงพระอิสริยยศ ‘หม่อมเจ้า’ มีพระนามว่า ‘หม่อมเจ้าบุษย์น้ำเพชร มหิดล’ ต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า ‘หม่อมเจ้าจักรกฤษณ์ยาภา มหิดล’ จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระราชทานพระนามใหม่ว่า ‘หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล’ ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2548

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงเป็นทั้งนักกีฬาขี่ม้าและอดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศพันเอกหญิง ในฐานะพระอาจารย์หัวหน้าแผนก โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า (อัตราพันเอก) นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบแฟชั่นและเครื่องประดับ โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยทรงออกแบบเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’ และ S’home.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

น้องลูกเม่น คว้านางสาวหัวหินจำแลง 2567 พร้อมมงกุฎเพชรและเงินรางวัล

น้องลูกเม่น คว้านางสาวหัวหินจำแลง 2567 พร้อมมงกุฎเพชรและเงินรางวัล

ช่วงค่ำวันที่ 7 มกราคม 2567 ที่เวทีกลางงานหัวหินถิ่นมนต์ขลัง 2567 สวนหลวงราชินี 19 ไร่ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ มีการประกวดนางสาวหัวหินจำแลง 2567 โดยมีสาวงามประเภทสองในชุดวนิดา – ปริศนา เข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 10 คน หลังจากใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ในการโชว์ตัวพร้อมตอบคำถามแสดงวิสัยทัศน์และไหวพริบจากสาวงามรอบ 5 คนสุดท้าย ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ของสาวงามแต่ละคน ผลการตัดสินเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ตำแหน่งชนะเลิศนางสาวหัวหินจำแลง 2567 ได้แก่น้องลูกเม่น นายนริศรา วงศ์เจริญ อายุ 25 ปี พร้อมควบตำแหน่งแต่งกายงาม ได้ครองมงกุฎเพชร สายสะพาย ถ้วยรางวัล พร้อมเงินสดรวม 13,000 บาท โดยมี น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ขึ้นสวมมงกุฎและมอบเงินรางวัล, รองอันดับ 1 น้องทีน่า นายธีรนาฎ ฐานวิเศษ อายุ 31 ปี ได้สายสะพาย ถ้วยรางวัล และเงินรางวัล 7,000 บาท, รองอันดับ 2 น้องเบน นายศรัณรัชต์ ธนรัตน์วีระกุล อายุ 27 ปี พร้อมควบตำแหน่งสาวงามเมืองหัวหินจำแลง ได้สายสะพาย ถ้วยรางวัล พร้อมเงินสดรวม 8,000 บาท, รองอันดับ 3 น้องตังเม นายกมนลัดดา นัชชาวรมนต์ อายุ 22 ปี ได้สายสะพาย ถ้วยรางวัล และเงินสด 3,000 บาท, รองอันดับ 4 น้องฟลุ๊ค นายนฤดี มณีนพเกล้า อายุ 25 ปี ได้สายสะพาย ถ้วยรางวัล และเงินสด 3,000 บาท ท่ามกลางความดีใจของประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาร่วมส่งเสียงเชียร์.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

องคมนตรี เป็นประธานมอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 2 ล้านบาท ให้โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ อ.หัวหิน

องคมนตรี เป็นประธานมอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 2 ล้านบาท ให้โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ อ.หัวหิน

วันที่ 6 มกราคม 2567 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี และคณะผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอรเยาว์ อาจหาญ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ พร้อมคณะครูนักเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การต้อนรับ จากที่โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ได้ขอรับการสนับสนุนระบบผสิตไฟฟ้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในอุปกรณ์การเรียนการสอน และระบบไฟฟ้าอื่นๆ ที่จำเป็นภายในโรงเรียน ซึ่งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่เดิม จ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างจำกัดไม่ครอบคลุมทั่วถึง และไม่สามารถรองรับกับการขยายตัวต่อการให้บริการของโรงเรียน เนื่องจากปัจจุบันมีนักเรียนเข้ารับบริการจำนวนทั้งหมด 348 คน และมีคณะครู จำนวน 23 คน ประกอบกับในปีการศึกษา 2566 ได้รับอนุญาตเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 2 จนถึงระดับมัธยมปลาย และโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและปัจจุบันพื้นที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยโรงเรียนจำเป็นต้องมีบ้านพักสำหรับนักเรียนและคณะครูพักอาศัย รวมทั้งสิ้น 75 คน ทำให้ประสบปัญหาปริมาณไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการเรียนการสอน

ในการนี้ พลอากาสเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะกรรมการโครงการกองทุนการศึกษา ขอรับการสนับสนุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินการติดตั้งให้กับโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ ประกอบด้วยชุดแผงผลิตพลังงานไฟฟ้า (Photovoltaic) ขนาด 25 กิโลวัตต์ และสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 100 กิโลวัตต์/วัน ชุดระบบแบตเตอรี่สำหรับสำรองไฟฟ้าแบบลิเธียมไอออน 6 ชุด ขนาดประจุรวม 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) สำหรับเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 220 โวลท์ จำนวน 5 เครื่อง เสาไฟฟ้าและสายส่งกระจายกระแสไฟฟ้าส่งให้กับอาคารเรียนและบ้านพัก ติดตั้งตู้ควบคุมและเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่างเป็นชนิด LED ตามอาคารเรียนต่างๆ งบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนรวมเป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท นอกจากนี้ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ได้เปิดกิจกรรมศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา โมเดล วิถีใหม่ และปลูกต้นไม้ภายใต้กิจกรรมปลูกป่าอย่างส่วนรวมภายในบริเวณพื้นที่ของโรงเรียนบ้านห้วยไคร้อีกด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สาวน้อยเมียนมา หนีตามคนรัก รถเสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิตระหว่างเดินทาง

สาวน้อยเมียนมา หนีตามคนรัก รถเสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิตระหว่างเดินทาง

เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 6 มกราคม 2567 ร.ต.อ.หญิง รัตนาภรณ์ ทองจีน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีรถกระบะตกร่องกลางถนน ชนกับต้นไม้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณถนนเพชรเกษม หน้าโรงงานสับปะรดทิปโก้ หลักกิโลเมตรที่ 302+800 หมู่ 4 บ้านบึง ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงพร้อมด้วย ด.ต.จักรพงษ์ อินทนพ ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองประจวบฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน และลุงนึกประจวบรถยก รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน บพ 9143 ภูเก็ต ตกอยู่ในร่องกลางถนน บริเวณหน้าโรงงานสับปะรดทิปโก้ สภาพด้านข้างกระบะรถด้านขวาได้รับความเสียหายพังยับเยิน กันชนหน้าซ้ายแตก ห่างออกมาประมาณ 100 เมตร พบต้นสะเดาความสูงประมาณ 20 เมตร มีร่องรอยของการถูกเฉี่ยวชน และมีรอยไถลของล้อรถเป็นทางยาว มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทำ CPR ช่วยชีวิตผู้ที่มีอาการสาหัส แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ เป็นหญิงสาวชาวเมียนมา อายุ 17 ปี ไม่ทราบชื่อ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำร่างผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้แพทย์ดำเนินการรักษาและชันสูตรศพอีกครั้ง

จากการสอบถามนายสิงห์ ผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นชาวมอญ เล่าว่าตนรับจ้างกรีดยางอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีบัตรถูกต้อง และตนได้รับจ้างรับ – ส่งชาวเมียนมา ที่ต้องการเดินทางหรือย้ายบ้านเป็นอาชีพเสริม ก่อนเกิดเหตุ มีคนว่าจ้างให้ตนพาชาวเมียนมา 4 คน จากสุราษฎร์ธานีไปส่งที่กรุงเทพฯ ส่วนผู้เสียชีวิตพร้อมคนรัก มีอาการเมารถจึงขอย้ายไปนั่งท้ายกระบะรถ เมื่อใกล้ถึงจุดเกิดเหตุ เมื่อมาถึงบริเวณหน้าโรงงานทิปโก้ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุรถได้เสียหลักตกร่องกลางถนนเฉี่ยวชนกับต้นไม้ ทำให้รถเกิดสะบัดผู้โดยสารที่นั่งมาท้ายรถได้กระเด็นตกจากรถ และเสียชีวิต 1 ราย ในเวลาต่อมา

นายสิงห์ เล่าเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตและคู่รักที่นั่งท้ายกระบะมาด้วยกัน ได้ว่าจ้างให้ตนพาไปส่งที่กรุงเทพฯ จากนั้นจะเดินทางต่อไปจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากได้หนีพ่อแม่มา เพราะถูกกีดกันห้ามไม่ให้รักชอบพอกันระหว่างผู้หญิงด้วยกัน แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่าชาวเมียนมาทั้งหมดมีพาสปอร์ต และมีหลักฐานการขอเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ส่วนของผู้เสียชีวิต อายุ 17 ปี ยังหาเอกสารไม่พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ขับขี่ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพักอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งต่อไป.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“หัวหิน”ดึงนางสาวไทยประจวบฯ 2567 ร่วมเดินโชว์ผ้าไทย เฉลิมพระเกียรติเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ

“หัวหิน”ดึงนางสาวไทยประจวบฯ 2567 ร่วมเดินโชว์ผ้าไทย เฉลิมพระเกียรติเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ

ช่วงค่ำวันที่ 5 มกราคม 2567 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินแบบแฟชั่นโชว์ “ผ้าไทยใส่ให้สนุกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เส้นด้ายเดินทาง ครั้งที่ 6”ที่เวทีกลางงานหัวหินถิ่นมนต์ขลัง 2567 สวนหลวงราชินี 19 ไร่ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายดำรงค์ มากระจัน พัฒนาการจังหวัดประจวบฯ กล่าวรายงาน นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากให้การต้อนรับ เพื่อเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา วันที่ 8 มกราคม 2567 และเป็นการน้อมนำแนวพระดำริ“ผ้าไทยใส่ให้สนุก”ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาปฏิบัติและสร้างการรับรู้โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกให้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป อีกทั้งยังเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงอยู่สืบไป

กิจกรรมเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนางแนบ นายแบบกิตติมศักดิ์ จำนวน 40 คน อาทิ นายดำรงค์ มากระจัน พัฒนาการจังหวัดประจวบฯ, “น้องนิงค์”น.ส.พรศิริกุล พั่วทา นางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2567, “น้องออมสิน”น.ส.กชอร วชิรานุกูล รองนางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2567 และน้องๆ เยาวชนจากวาร์ดา บายสินี นอกจากนี้แล้วยังมีการจัดแสดงนิทรรศการผ้าลายพระราชทานและผ้าพื้นเมืองของจังหวัดประจวบฯ เพื่อสนองพระดำริ“ผ้าไทยใส่ให้สนุก”และต่อยอด ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์การใช้และสวมใส่ผ้าไทย เป็นการสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย อนุรักษ์เอกลักษณ์ผ้าพื้นถิ่นของจังหวัดประจวบฯให้คงอยู่สืบไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มทร.รัตนโกสินทร์ ทำบุญครบรอบ 8 ปี “ราชมงคลชมคลื่นหัวหิน”

มทร.รัตนโกสินทร์ ทำบุญครบรอบ 8 ปี “ราชมงคลชมคลื่นหัวหิน”

วันที่ 5 มกราคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เป็นประธานในพิธีบวงสรวงและทำบุญครบรอบ 8 ปี การดำเนินงานของโรงแรมราชมงคลชมคลื่น ที่โรงแรมราชมงคลชมคลื่น ซอยหัวถนน 23 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ ผศ.นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตวังไกลกังวล คณะผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา พนักงานโรงแรม และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธี

รองศาสตราจารย์ ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ กล่าวว่า โรงแรมราชมงคลชมคลื่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เริ่มเปิดทำการตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 8 ปีแล้ว มีการพัฒนากันมาเรื่อยๆ วัตถุประสงค์หลักเพื่อสนองข้าราชบริพารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ขณะพระองค์ท่านเสด็จมาประทับแรมที่หัวหิน จะมีข้าราชบริพารและลูกหลานที่ตามเสด็จมาถวายงานได้มีที่พัก อีกทั้งเรามีคณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว เป็นคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยฯ ที่มีการจัดการเรียนการสอน ราชมงคลชมคลื่นแห่งนี้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่เราจะให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติการจริง ในโรงแรมจริง นอกจากนี้เรายังเปิดให้ประชาชนและคนที่สนใจเข้ามาใช้บริการได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบ เรามีโรงแรมที่ใกล้ทะเล มีสระว่ายน้ำ มีห้องอาหาร

ผศ.นภาพร นาคทิม กล่าวเสริมว่า “ผลประกอบการช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ในเรื่องการให้บริการกับแขกที่เข้าพัก ถือว่าประสบผลสำเร็จ เรามีการเชิญชวนประชาสัมพันธ์ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นโบรชัวร์ การออกบูธตามงานแสดงสินค้าท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้แขกมาเข้าใช้บริการ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดหรือช่วงเทศกาล เพราะตลอดทุกปีที่ผ่านมามีกำไรจากการดำเนินการ แม้ว่าเราจะใช้สถานที่นี้เป็นที่ฝึกประสบการณ์ตรงของนักศึกษา ถือว่าเป็นส่วนที่เราต้องให้บริการทางการศึกษา สำหรับรายได้จากผลจากประกอบการที่ผ่านมา เรานำมาสนับสนุนด้านการศึกษา บริหารจัดการในเรื่องของการบูรณะทรัพย์สินเพื่อให้ใช้ประโยชน์ และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาการโรงแรมและการท่องเที่ยว ในอนาคตเราได้ตั้งปณิธานว่าต้องบริหารจัดการให้ดีขึ้นไปกว่าเดิม”.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ส่งมอบปลากะตักแห้งร่วมโครงการส่วนพระองค์ กรมสมเด็จพระเทพฯ ต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน

ประจวบฯ ส่งมอบปลากะตักแห้งร่วมโครงการส่วนพระองค์ กรมสมเด็จพระเทพฯ ต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน

วันที่ 5 มกราคม 2567 นายนิติ วิวัฒน์วานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ มอบหมายให้นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานในพิธีส่งมอบปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนให้กับผู้แทนกองทัพเรือ โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพลเรือตรี กรัณย์ กลิ่นบัวแก้ว รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนสมาคมประมงในจังหวัดประจวบฯ ร่วมในพิธี เพื่อนำไปพระราชทานให้แก่นักเรียนและประชาชนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป โดยปีนี้มีหน่วยงานที่ร่วมน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งและอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน ได้แก่ สมาคมชาวประมงบางสะพาน จำนวน 1,500 กิโลกรัม สมาคมชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ 214 กิโลกรัม และสมาคมประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ 386 กิโลกรัม รวมเป็นปลากะตักแห้ง 2,100 กิโลกรัม จากนั้นได้มีการปล่อยรถบรรทุกปลากะตักแห้งและอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ซึ่งกองทัพเรือจะนำไปส่งมอบโครงการส่วนพระองค์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 26 มกราคม 2567 ณ อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” จ.แม่ฮ่องสอน

สำหรับโครงการต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เป็นโครงการตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากการที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่ต่างๆ ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อปี พ.ศ.2538 ทรงทอดพระเนตรพสกนิกรที่ป่วยเป็นโรคขาดสารไอโอดีน และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ทรงจัดตั้งโครงการต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีนขึ้น โดยพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อดำเนินโครงการในเบื้องต้น และต่อมาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงรับการดำเนินโครงการต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยในปีนี้เป็นปีที่ 28 ของกิจกรรมนี้.