Categories
ข่าว ทั้งหมด

สคร.5 เตือนประชาชนระวังโควิด – ไข้เลือดออกระบาดช่วงรอยต่อฤดูฝน

สคร.5 เตือนประชาชนระวังโควิด – ไข้เลือดออกระบาดช่วงรอยต่อฤดูฝน

วันที่ 26 พฤษภาคม 2567 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี ลงพื้นที่พบปะสื่อมวลชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอความร่วมมือช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่สร้างการรับรู้ในการเฝ้าระมัดระวังตัวเอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคระบาดต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อโควิด – 19 และโรคไข้เลือดออก โรคไวรัสซิก้า โรคปวดข้อ ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งจะแพร่ระบาดได้ง่ายในช่วงรอยต่อปลายฤดูแล้ง ย่างเข้าสู่ฤดูฝน รวมไปถึงโรคเอดส์ และโรคอื่นๆ ที่ยังมียอดการแพร่ระบาดอยู่ โดยมีสื่อวิทยุกระจายเสียง ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เช่น สื่อทีวีและสื่อออนไลน์เข้าร่วม

ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สะสมตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 จำนวน 135 รายอัตราป่วย 24.4 ต่อแสนประชากร จำนวนผู้เสียชีวิต 4 ราย อายุ 70 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว ได้แก่ อ.กุยบุรี อ.ทับสะแก อ.สามร้อยยอด และ อ.หัวหิน โดยทั้ง 8 อำเภอ มีอัตราป่วยสะสมรายอำเภอจากสูงสุดถึงต่ำสุดตามลำดับ ประกอบด้วย อ.สามร้อยยอด อ.บางสะพาน อ.ทับสะแก อ.ปราณบุรี อ.บางสะพานน้อย อ.หัวหิน อ.กุยบุรี และ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

ขณะที่โรคไข้เลือดออกในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สะสมตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 จำนวน 269 ราย อัตราป่วย 48.62 ต่อแสนประชากร มากกว่าปีที่ผ่านมา 1.9 เท่า ไม่มียอดผู้เสียชีวิต โดยทั้ง 8 อำเภอ มีอัตราป่วยรายอำเภอจากสูงสุด คือ อ.สามร้อยยอด อ.เมือง อ.กุยบุรี อ.ปราณบุรี อ.หัวหิน อ.บางสะพานน้อย อ.ทับสะแก และ อ.บางสะพาน

นายฉัตรเพชร ราชมณี นักวิชาการเผยแพร่ สคร.5 เปิดเผยว่า ในช่วงปลายฤดูแล้ง ย่างเข้าสู่ฤดูฝน ช่วงนี้เป็นช่วงที่โรคโควิด – 19 รวมถึงโรคไข้เลือดออกและโรคอื่นๆ ระบาดได้ง่าย ขณะนี้จำนวนการแพร่ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี จึงได้ลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอความร่วมมือสื่อมวลชนในจังหวัดประจวบฯ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนในการเฝ้าระมัดระวังตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อ และมียอดการแพร่ระบาดเพิ่มสูงขึ้น โดยการเว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ ก่อนกินอาหาร เพื่อป้องกันและลดอัตราการติดเชื้อโควิด – 19 ส่วนโรคไข้เลือดออก โรคไข้ไวรัสซิก้า และโรคไข้ปวดข้อ ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ป้องกันด้วยมาตรการ 3 เก็บ คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาดปลอดโปร่ง 2.เก็บน้ำที่อยู่ในภาชนะเพื่อไม่ให้ยุงวางไข่ 3.เก็บขยะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสามารถติดตามได้ที่เพจเฟซบุ๊ก สคร.5 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี กรมควบคุมโรค.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

นักวิ่งนับพันร่วมแข่ง “พันธุรัตยักษ์ก็มีหัวใจ ตอนอ้อมกอดแม่” ครั้งที่ 3 ชิงถ้วยองคมนตรี

นักวิ่งนับพันร่วมแข่ง “พันธุรัตยักษ์ก็มีหัวใจ ตอนอ้อมกอดแม่” ครั้งที่ 3 ชิงถ้วยองคมนตรี

วันที่ 26 พฤษภาคม 2567 นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานเปิดงานวิ่ง “พันธุรัตยักษ์ก็มีหัวใจ ตอนอ้อมกอดแม่” ครั้งที่ 3 ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ที่วนอุทยานเขานางพันธุ์รัตน์ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มีนายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี นางทนาดา วิจักขณะ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเพชรบุรี นายวิมาล มาดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านโคกเศรษฐี นายพัฒนพันธ์ เจือจันทร์ หัวหน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และนักวิ่งกว่า 1,300 คน เข้าร่วมการแข่งขันระยะทาง 10 กิโลเมตร, 5 กิโลเมตร และ 2.5 กิโลเมตร จัดโดยวนอุทยานเขานางพันธุรัต ร่วมกับชุมชนบ้านโคกเศรษฐี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่วนอุทยานเขานางพันธุรัต พร้อมเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงในพื้นที่โดยรอบวนอุทยานเขานางพันธุรัต และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

โดยใช้เส้นทางบริเวณวนอุทยานเขานางพันธุรัตและเส้นทางในชุมชนบ้านโคกเศรษฐี ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยงามมาก โดยเฉพาะวนอุทยานเขานางพันธุรัต นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีความสวยงาม มีเรื่องราวร้อยเรียงกับวรรณคดีสังข์ทอง ให้เราได้ค้นหาอิ่มเอมไปด้วยกัน ซึ่งหลังจากวิ่งเสร็จแล้ว ทุกท่านจะได้ถ่ายภาพเช็คอินกับบรรยายกาศสวยๆ ของวนอุทยานเขานางพันธุรัต ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวกระจกนางพันธุรัต ศาลนางพันธุรัต บ่อชุบตัวพระสังข์ จุดชมวิวคอกช้าง และยังสามารถท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบพื้นที่ เช่น โบราณสถานทวารวดีทุ่งเศรษฐี ถ้ำเขาตาจีน ถ้ำค้างคาวนายาง วัดถ้ำแจง เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของอำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี ต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รถพ่วงบรรทุกข้าวสารเต็มคันชนอัดต้นไม้ งัดซากรถเกือบ 2 ชั่วโมง ช่วยคนขับออกมา

รถพ่วงบรรทุกข้าวสารเต็มคันชนอัดต้นไม้ งัดซากรถเกือบ 2 ชั่วโมง ช่วยคนขับออกมา

เมื่อเวลา 03.40 น. ของวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี รับแจ้งเหตุมีรถบรรทุกตกข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในรถ บนถนนเพชรเกษม ฝั่งล่องใต้ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 266+500 บ้านนาวัลเปรียง ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงส่งรถพยาบาลพร้อมเครื่องมือตัดถ่างออกตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลกุยบุรี ตำรวจทางหลวง, ตำรวจจราจร สภ.สามกระทาย และกู้ภัยตำรวจทางหลวงร่วมตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถพ่วงเทรลเลอร์ ยี่ห้อวอลโว่ สีเหลืองทอง ทะเบียน 70 – 3527 นครศรีธรรมราช พลิกตะแคงอยู่ข้างถนน ด้านหน้ารถชนอัดติดกับต้นไม้ ตรวจสอบภายในรถพบโชเฟอร์เป็นชาย ทราบชื่อต่อมาว่า นายมีชัย กลีบแก้ว อายุ 59 ปี ชาวตำบลสินปูน อ.เขาพนม จ.กระบี่ อยู่ในสภาพศีรษะห้อยลง ที่ขาถูกตัวรถอัดติดอยู่ คนขับยังรู้สึกตัวดี สามารถพูดตอบโต้ได้

แต่การช่วยโชเฟอร์ออกมานั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากตัวรถใหญ่ และอัดติดกับต้นไม้อย่างแรง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามใช้ทั้งเครื่องถ่างและตัดบางส่วน แต่ก็ไม่สามารถนำออกมาได้ จนสุดท้ายต้องตัดสินใจร่วมกับทีมแพทย์ว่าต้องใช้รถยกมาช่วยดึงตัวรถพ่วงออกจากต้นไม้ให้ได้ก่อน เพื่อที่ทีมกู้ภัยจะเข้าไปงัดซากรถได้ และต้องไม่กระทบกระเทือนกับคนเจ็บ หรือได้รับบาดเจ็บมากขึ้น แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี โดยใช้รถพ่วงดึงเพียงแค่หลุดจากต้นไม้ จากนั้นทีมกู้ภัยก็เข้าไปงัดอีกครั้ง จนสามารถนำโชเฟอร์ออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยที่โชเฟอร์ได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก มีรอยถลอกที่ขานิดหน่อย ส่วนขาที่เป็นรอยคล้ายเลือดนั้น เป็นยางจากต้นไม้ ไหลออกมาเปื้อนในขณะที่นอนติดอยู่ในรถ

จากนั้นทีมกู้ชีพได้นำนายมีชัย ผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทำการตรวจอีกครั้งหนึ่ง ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ยังไม่ทราบที่แน่ชัด คาดว่าน่าจะมาจากการหลับใน แต่ทั้งนี้คงต้องรอพนักงานสอบสวนมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งต่อไป.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เจ้าคณะภาค 15 เป็นประธานทำบุญครบ 54 ปี ต้นโพธิ์ทรงปลูกที่วัดหุบกะพง

เจ้าคณะภาค 15 เป็นประธานทำบุญครบ 54 ปี ต้นโพธิ์ทรงปลูกที่วัดหุบกะพง

วันที่ 26 พฤษภาคม 2567 พระธรรมวชิรสิทธาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประธานฝ่ายสงฆ์ นายฤกษ์ อยู่ดี สส.เพชรบุรี เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ครบรอบ 54 ปี 2 ต้นโพธิ์ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงปลูกที่ลานโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ วัดหุบกะพง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีพระราชเวที เจ้าคณะภาค 12 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร พระครูวิธานวัชรพงศ์ เจ้าอาวาสวัดหุบกะพง พร้อมด้วยพระเถรานุเถระอำเภอชะอำ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านหุบกะพง เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นโพธิ์ ณ วัดหุบกะพง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2513 ท่ามกลางข้าราชบริพาร และไพร่ฟ้าประชาชนเฝ้ารับเสด็จและชื่นชมในพระบารมี ซึ่ง 2 ต้นโพธิ์ดังกล่าว เป็นหน่อที่ได้มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ โดยพระเทพวงศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ในขณะนั้นเป็นผู้นำมา นับจาก พ.ศ.2513 – 2567 ตลอดระยะเวลา 54 ปี ต้นโพธิ์สัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาได้เจริญงอกงาม แตกกิ่งก้านสาขาแผ่ปกคลุมอาณาบริเวณวัดให้ร่มเงาแก่หมู่นกกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ต้นโพธิ์ทรงปลูกนอกจากได้รับการดูแลอย่างดีแล้ว ยังมีข้าราชบริพารเดินทางไปเยี่ยมชมและบำรุงรักษาอยู่อย่างต่อเนื่อง ทางวัดได้พัฒนาเป็นพุทธอุทยานใต้ร่มพระบรมโพธิ์สมภาร และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดพระราชทานภาพเสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นโพธิ์คู่พระบารมีมาประดิษฐานไว้ที่บริเวณโคนต้นโพธิ์ทรงปลูก เพื่อให้ประชาชนได้สืบสานพระปณิธานต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“สส.เซ้ม” นำชาวบ้านร่วมถวายโลงเย็นให้วัดต่างๆ ในเขตหัวหิน – ปราณบุรี

“สส.เซ้ม” นำชาวบ้านร่วมถวายโลงเย็นให้วัดต่างๆ ในเขตหัวหิน – ปราณบุรี

วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 นายจักพันธ์ หรือ สส.เซ้ม ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบฯ เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานทำบุญพร้อมถวายโลงเย็นให้กับพระอธิการพิจิตร จันทสาโร เจ้าอาวาสวัดเขาใหญ่อรุณบุญราษฎร์ ที่ศาลาสารสาส วัดเขาใหญ่อรุณบุญราษฎร์ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายทวีสิน พัฒนาภิรัส ประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ นางทิพวรรณ สุทัศน์ ประธานศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนาฏศิลป์ไทย เทศบาลเมืองหัวหิน น.ส.ประเสริฐศรี จอกกระจาย ประธานชมรมนาฏศิลป์เมืองปราณบุรี ชาวชุมชน พร้อมกลุ่มเพื่อนๆ โกเซ้มฟาร์ม ได้รวบรวมปัจจัยร่วมกันทำบุญถวาย

โดยในพิธี นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และกล่าวคำถวายโลงเย็น เจ้าอาวาสวัดสวดเจริญพระพุทธมนต์ นำกรวดน้ำ ก่อนถวายโลงเย็นให้กับทางวัดเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของวัดในการจัดฌาปนกิจศพต่างๆ โดยนายจักพันธ์ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือดำเนินการถวายโลงเย็นให้วัดต่างๆ ในเขตอำเภอหัวหิน – ปราณบุรีอย่างต่อเนื่อง โดยวัดเขาใหญ่อรุณบุญราษฎร์ เป็นวัดที่ 5 ของการถวายโลงเย็น

วัดเขาใหญ่อรุณบุญราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ 20ไร่ 26 ตารางวา ตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2517 ผู้ดำเนินการก่อสร้างวัด คือนางทองหล่อ – นายเจริญ บุญยนิตย์ และราษฎรบ้านหนองแกได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างเสนาสนะเพื่อใช้เป็นที่พักสงฆ์และบำเพ็ญกุศล พระสำเภา ฐานจาโร หรือพระครูมงคลบรรพตสถิต ศิษย์เอก “หลวงปู่คำ” พระครูประสิทธิวรการ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองแก ยอดพระสงฆ์ 5 แผ่นดิน ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปแรก ท่านได้ก่อสร้างถาวรวัตถุและพัฒนาวัดเขาใหญ่อรุณบุญราษฎร์ จนมีความเจริญสืบมาจนท่านมรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคสภาวะสมองขาดเลือด เมื่อคืนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 สิริอายุได้ 91 ปี พรรษา 40 ปัจจุบันมีพระอธิการพิจิตร จันทสาโร เป็นเจ้าอาวาสวัด ได้พัฒนาวัดอย่างต่อเนื่อง สร้างเมรุไว้สำหรับเผาสุนัข – แมว และมีพิธีทางศาสนาสวดบังสุกุลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รมว.ศึกษาธิการ เยี่ยมชมการดำเนินงานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หัวหิน

รมว.ศึกษาธิการ เยี่ยมชมการดำเนินงานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หัวหิน

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียนวังไกลกังวลฝ่ายประถมศึกษาและฝ่ายมัธยมศึกษา วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล และสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มี รศ.นราพร จันทร์โอชา รองประธานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นางยุวนิตย์ ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ให้การต้อนรับ

มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดตั้งขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชปณิธานในการจัดการศึกษาให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เท่าเทียมและมีคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา แก้ปัญหาการขาดแคลนครู ครูไม่ครบชั้น และครูสอนไม่ตรงสาขาวิชาเอก โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล จึงทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนประเดิม 50 ล้านบาท และทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ 50 ปี พุทธศักราช 2539 เป็นเครื่องหมายของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์

ภายใต้การบริหารงานของคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดยพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ได้น้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาปฏิบัติ มีการพัฒนาระบบการดำเนินงานรูปแบบใหม่ ทั้งโครงสร้างการบริหารงานภายในองค์กร และระบบการออกอากาศการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม (NEW DLTV) เพื่อให้รองรับกับสถานการณ์ของโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการพัฒนาและต่อยอดการดำเนินงานให้บริการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่
1. ปรับผังการออกอากาศ ครอบคลุมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ออกอากาศ 15 ช่อง ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย ช่วงเวลา 08.30 – 14.30 น. จากเดิมออกอากาศระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นออกอากาศระดับปฐมวัยปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 เนื่องจากพบว่าการศึกษาระดับปฐมวัยของประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำเป็นอย่างมาก จนทำให้เด็กไม่สามารถมีพัฒนาการที่สมวัยได้ อีกทั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในปัจจุบันส่วนใหญ่มีครูครบชั้น หากแต่ยังมีโรงเรียนขยายโอกาสที่เปิดสอนระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือ
2. เปลี่ยนระบบการออกอากาศ จากระบบมาตรฐาน Standard Definition (SD) เป็นระบบความคมชัดสูง High Definition (HD) เพื่อให้โรงเรียนปลายทางได้รับชมภาพการเรียนการสอนที่คมชัด และเปลี่ยนระบบการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน เพื่อการออกอากาศที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. ปรับปรุงอาคารสถานีฯ และห้องเรียนต้นทาง รวมทั้งพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ให้กับนักเรียนห้องเรียนต้นทางและนักเรียนในโรงเรียนปลายทางทั่วทั้งประเทศอย่างสูงสุด อีกทั้งยังพัฒนาบุคลากรครูและเจ้าหน้าที่เทคนิค เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานด้านสื่อและงานสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมแห่งใหม่ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ประกอบด้วยห้องเรียนออกอากาศ 6 ห้อง ห้องควบคุมการส่งสัญญาณออกอากาศ ห้องตัดต่อรายการ ห้องบันทึกรายการฉากเสมือนจริง ห้องปฏิบัติการต่างๆ

4. เปลี่ยนกระบวนการผลิต (Production) จากการถ่ายทอดสด เป็นการบันทึกเทป มีการวางแผนการถ่ายทำ จัดทำ Storyboard กำหนดมุมภาพระหว่างครูและทีมผลิต รวมถึงมีการออกแบบสื่อกราฟิกที่น่าสนใจ ถูกต้องตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขรายการที่สอนให้มีความสมบูรณ์ที่สุดและก่อนนำรายการขึ้นสู่เว็บไซต์ให้คุณครูปลายทางได้รับชมและเตรียมการสอนล่วงหน้า 3 วัน รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดแผนการสอน ใบงาน สื่อต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ อีกด้วย
5. เพิ่มช่องทางการออกอากาศ สามารถรับชมได้ทั้งระบบทีวีดาวเทียม ระบบออนไลน์บนเว็บไซต์ของมูลนิธิ http://xn--www-mpl.dltv.ac.th/ แอปพลิเคชัน DLTV และช่องยูทูป DLTV 1 Channel – DLTV 12 Channel และ DLTV 15 Channel เพื่อให้สามารถรับชมได้สะดวกและง่ายขึ้นทุกที่ ทุกเวลา

ปัจจุบัน “New DLTV” เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ในชนบทห่างไกลกว่าสามหมื่นหนึ่งพันแห่ง ได้แก่ โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา (พศ.) โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมทั้งสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน ทำให้มีจำนวนครูและนักเรียนที่ได้รับโอกาสเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านคน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทำให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บลูพอร์ตจัดฉลองเดือนแห่ง Pride ดึงนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ครั้งแรกของหัวหิน

บลูพอร์ตจัดฉลองเดือนแห่ง Pride ดึงนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ครั้งแรกของหัวหิน

ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วมกับบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เตรียมจัดงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” ครั้งแรกของเมืองหัวหินอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ เพราะกิจกรรมเฉลิมฉลองเดือนแห่ง Pride ที่ถือเป็นการเปิดฤดูกาลส่วนหนึ่งในงาน Pride ของประเทศไทย พร้อมกับ Pride Month ทั่วโลก โดยบลูพอร์ตหัวหิน ในฐานะที่เป็นสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองหัวหิน จึงได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความเท่าเทียมสำหรับทุกคน ทำให้เกิดการยอมรับในสังคมโดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ และเพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใน บลูพอร์ต อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวหัวหินให้เป็นจุดหมายปลายทาง สำหรับนักท่องเที่ยว LGBTQ+ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในเมืองหัวหินเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศให้ได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบัน

น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด กล่าวว่า “ช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ในระดับนานาชาติทั่วโลก ยกให้เป็นเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ Pride Month และเมืองหัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลื เป็นเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเลือกเป็นจุดหมายปลายทางในการมาพักผ่อนตากอากาศ มีชายทะเลที่สวยงาม ร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย และยังเป็นเมืองที่ได้รวบรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ในแต่ละปีมีผู้คนมากมาย ล้วนเดินทางมาเยี่ยมเยือน บลูพอร์ตหัวหิน จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและ ทำให้คนได้รู้จักหัวหินในมุมมองต่างๆมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการเปิดกว้างในเรื่องของการท่องเที่ยวให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกรุ่น โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม พร้อมที่จะเป็นสถานที่ ที่โอบรับทุกคนจากทั่วโลกที่มีความหลายหลาก ด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม สร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก สร้างความประทับใจ และเผยแพร่วัฒนธรรมพร้อมสร้างสีสันแห่งความสุขมอบให้แก่ทุกคนที่มาเยือน พร้อมทั้งผลักดันให้หัวหิน เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว Top LGBTQ+ Friendly Destination ต่อไป”

วันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2567 พบกับนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ Art of Pride และ People of Pride โดยศิลปินหลากหลายแขนงจากทั่วประเทศ ที่ลานเอเทรียม ชั้น G, วันที่ 8 มิถุนายน พิธีเปิดงานนิทรรศการ Pride Art ด้วยความร่วมมือจากองค์กร และศิลปินในท้องถิ่น ร่วมเสวนาและศิลปินในท้องถิ่น ร่วมเสวนาพูดคุยกับศิลปินชื่อดังจากหมู่บ้านศิลปินหัวหิน ความงามที่หลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ และถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะที่นำมาจัดแสดง พร้อมชมแฟชั่นโชว์ โดยผลงานการออกแบบจากนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต, วันที่ 29 มิถุนายน พบกับไฮไลท์สุดพิเศษ BLUPORT PRIDE PARADE 2024 !!! ขบวนพาเหรด LGBTQIAN+ ครั้งแรกในเมืองหัวหิน จากหลากหลายองค์กร หลากหลายกลุ่มคนที่มาร่วมเฉลิมฉลองกับเทศกาล Pride Month พร้อมทั้งขบวนคาราวานรถคลาสสิค จากสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จากหอนาฬิกาหัวหิน มุ่งหน้าสู่ลานเดอะสแควร์ ด้านหน้าบลูพอร์ตหัวหิน ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาร่วมดื่มด่ำเฉลิมฉลองกับบรรยากาศสุดพิเศษที่บลูพอร์ตหัวหิน นำมามอบให้กับทุกท่านในงาน “BLUPORT PRIDE CELEBRATION 2024” พร้อมด้วยสีสันความสนุกของกิจกรรมต่างๆ และแคมเปญส่วนลดพิเศษกับโปรโมชั่น Mid – Year Sale ช้อปทำถึง !!! เพื่อร่วมฉลอง Pride Month ไปด้วยกันกับสีสันแห่งความสนุกสุดมันส์ยาวตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนี้ที่บลูพอร์ตหัวหิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.032 – 905111 หรือเฟซบุ๊ก : BluportHuaHinOfficial, Line official : @bluport.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ คัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567

ประจวบฯ คัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานตรวจประเมินคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567 ที่ อบต.หนองตาแต้ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคัดเลือกชุมชนที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตำบลให้มีความแข็งแรงและมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน เพื่อเข้ารับโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ มีนายดำรงค์ มากระจัน พัฒนาการจังหวัด น.ส.ศิริพร สัตถาพร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายปรีชา รัตนสมบัติ เจ้าพนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นชำนาญงาน ผู้แทนท้องถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น.ส.จริญญา มั่นคง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ผู้แทนเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายกรพรรษ เพชรัตนกูล นักพัฒนาสังคมชำนาญการ ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายธนพัฒน์ คุ้มบรรพต พนักงานพัฒนาลูกค้าผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางสุคนธ์ สุขอนุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ณฐกมล คุรุเดโช นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ ผู้รับผิดชอบงานประกวดกิจกรรม ผู้ช่วยเลขานุการ นางวรรณา หินศรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน เลขานุการ ลงพื้นที่เพื่อตรวจผลงานการคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประจำปี 2567

ทั้งนี้มีว่าที่พันตรีอภิญญา ศักดินันท์ นายอำเภอปราณบุรี นายมนตรี เชื้อวงศ์สกุล นายก อบต.หนองตาแต้ม นางวิรัลพัชร์ เชื้อวงศ์สกุล กำนันตำบลหนองตาแต้ม น.ส.ช่อฟ้า เจียมสกุล พัฒนาการอำเภอปราณบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ผู้นำกลุ่มองค์กรเครือข่ายเกษตรกร และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับและนำเสนอผลงานในการคัดสรรกิจกรรมการพัฒนาชุมชนดีเด่นในครั้งนี้

โดยอำเภอปราณบุรีได้เข้าร่วมการคัดสรร จำนวน 5 ด้าน 1.ตำบลหนองตาแต้ม ด้านตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.หมู่บ้านหนองมะค่า หมู่ 10 ด้านหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็น เป็นสุข” 3. กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านหนองมะค่า หมู่ 10 ด้านกลุ่ม/องค์กรแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาหมู่บ้าน 4.นายจุฑา แป้นทอง ผู้นำอาสาพัฒนาชุนชนตำบลเขาจ้าว ด้านอาสาพัฒนาชุมชน (ชาย) 5.นางรัชนี ทิมวัฒน์ ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนตำบลวังก์พง ด้านผู้นำชุมชน (หญิง)

สำหรับผลงานเด่นเป็นที่ประจักษ์ ตำบลหนองตาแต้ม มีผู้นำที่เข้มแข็ง มีการประชุมประจำเดือนทุกเดือน ขับเคลื่อนการพัฒนาโดยใช้เครือข่าย 7 ภาคีอย่างชัดเจน ซึ่งผลความสำเร็จของตำบลประกอบด้วยด้านมั่นคง มีการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ต้นแบบของตำบลอยู่ที่วัดหนองตาแต้ม ซึ่งวัดสามารถนำผลผลิตที่ได้ปลูกไว้ในแปลงไปประกอบอาหารที่โรงทานของวัด เพื่อเลี้ยงประชาชนทั่วไปและถวายเป็นภัตตาหารแด่พระสงฆ์, มีศูนย์แบ่งปันพันธุ์พืชและเมล็ดพันธุ์พืชอยู่ในพื้นที่โคกหนองนาโมเดลจำนวน 4 แห่ง, มีเครือข่ายของเกษตรกรมะม่วงแปลงใหญ่ ที่สามารถผลิตมะม่วงที่มีคุณภาพได้รับมาตรฐาน GAP และส่งออกเป็นรายได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านต่อปี, เป็นตำบลที่ตระหนักและจัดกิจกรรมที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือนมีกิจกรรมจิตอาสาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำนุบำรุงพระศาสนา และดำรงไว้ซึ่งความรักชาติความรักความสามัคคีของคนในตำบล อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง, มีการประกอบอาชีพที่ประสบผลสำเร็จระดับประเทศ เช่นการเพาะเลี้ยงควายไทยที่สวยงาม มีราคาแพงที่สุดในโลกและการเลี้ยงแพะสวยงาม ประกวดได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ รับถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้าฯ, มีการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมกลองยาว มวยไทยและการจักสาน โดยมีศูนย์เรียนรู้การถ่ายทอดวัฒนธรรมจำนวน 3 แห่ง, เป็นตำบลที่มีการบริหารจัดการขยะสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะให้เป็นเงิน โดยนำขยะพลาสติกไปกลั่นเป็นน้ำมัน เศษวัสดุจากการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ไปเผาเป็นถ่านชีวมวลเพื่อมาผลิตแก๊สหุงต้ม.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประเมินคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567

ประเมินคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567

วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานตรวจประเมินคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2567 ที่ศาลาเอนกประสงค์ หมู่ 10 บ้านเกาะสีดา ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัด นายดำรงค์ มากระจัน พัฒนาการจังหวัด พร้อมคณะกรรมการตรวจการประเมินผลงานจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมเป็นกรรมการ ในการนี้นายราม สิงหโศภิษฐ์ นายอำเภอทับสะแก พร้อมหัวหน้าส่วนราชการอำเภอทับสะแก ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ครู นักเรียน ร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับจุดเด่นของหมู่บ้านเกาะสีดา หมู่ 10 นั้น ได้แก่
1. มีความเข้มแข็ง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดทุกรูปแบบ
2.มีมาตรการ/กฎ/ระเบียบอย่างเด็ดขาด ห้ามไม่ให้มีการเล่นการพนันในวัด โรงเรียนและในชุมชน รวมถึงห้ามดื่มสุราในวัดและโรงเรียน
3.มีการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ในการดำรงชีวิตตามวิถีชุมชน รวมถึงการพัฒนาหมู่บ้าน
4.มีการนำเอาทรัพยากรทางธรรมชาติมาเพิ่มมูลค่าทางการผลิต
5.มีประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มีปราชญ์ชาวบ้านที่สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กับชาวบ้านและเยาวชน

จากนั้น นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ ได้เยี่ยมชมบูธต่างๆ ของชุมชน อาทิ การทำงานของ รพ.สต. และ อสม. การแปรรูปผลผลิตในชุมชน (มะพร้าว) การทำไม้กวาดสร้างอาชีพ การปลูกพืชผักปลอดสารพิษ การแสดงผลงานทางวิชาการต่างๆ ของนักเรียน การจัดตั้งโครงการธนาคารขยะของ อบต.อ่างทอง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิดแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ฝึกอาชีพการจักสานจากก้านมะพร้าวให้กับนักเรียนและกลุ่มแม่บ้าน.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

รับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายก อบต.อ่างทอง มอบหมายให้นายอำนวย จันทร์เจ็ก รองนายก อบต.อ่างทอง เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ห้องประชุมสภา อบต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลตลอดมา คือการปกป้อง เชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นส่วนราชการต่างๆ จึงมีหน้าที่สำคัญในการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ อันประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเสาหลักในการสร้างชาติให้เป็นปึกแผ่น เป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย เป็นบ่อเกิดของความรัก ความสามัคคี นำพาประเทศให้ผ่านพ้นจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในทั่วทุกภูมิภาค ส่งผลให้มีการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในทุกมิติ จึงได้จัดทำโครงการจัดพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เพื่อมอบให้สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นการปลูกฝังค่านิยมอันดีให้กับนักเรียนและเยาวชน เห็นถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

และนับเป็นพระกรุณาธิคุณสูงสุด เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา เพื่อให้การส่งมอบพระบรมฉายลักษณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ โดยมีนายสมชาย คงเม่น ประธานสภา อบต.อ่างทอง พร้อมคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบต.อ่างทอง ข้าราชการ ครูหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเข้าร่วมพิธี.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน