Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมดูงานการบริหารจัดการน้ำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ชุมชนเพชรน้ำหนึ่ง จ.เพชรบุรี

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมดูงานการบริหารจัดการน้ำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ชุมชนเพชรน้ำหนึ่ง จ.เพชรบุรี

วันที่ 24 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วย พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นำหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชน ผู้นำท้องถิ่น และเกษตรกร เข้าร่วมอบรมและศึกษาดูงานหลักการบริหารจัดการน้ำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนสหพันธ์เกษตรกรเพชรน้ำหนึ่ง ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อนำความรู้ที่ได้นำไปบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ตามนโยบาย Next move ประจวบต้องไปต่อ ในพื้นที่เป้าหมาย อ.เมือง และ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน เลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนสหพันธ์เกษตรกรเพชรน้ำหนึ่ง ร่วมบรรยายให้ความรู้ด้านการจัดการน้ำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมลงพื้นที่ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการแหล่งน้ำผิวดิน การเชื่อมโยงสระน้ำ การปลูกกก หรือหญ้าแฝกเพื่อดักตะกอน ระบบสูบน้ำโซล่าเซลล์ส่งขึ้นหอถังสูงเพื่อการเกษตร ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และระบบสูบส่งระบบห้องเย็นโซล่าเซลล์ การยกระดับน้ำเข้าสระ ถนนลดระดับและฝายกักน้ำ

สำหรับชุมชนเพชรน้ำหนึ่ง เดิมพื้นที่เป็นสนามกอล์ฟร้าง จัดสรรที่ดินผ่านสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้กับเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน ด้วยสภาพพื้นที่ค่อนข้างลาดเอียงและเป็นดินลูกรัง ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ เกษตรกรประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมาโดยตลอด ปัจจุบัน ชุมชนเพชรน้ำหนึ่ง เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม สร้างโรงเรือนและห้องเย็น เก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตร บรรจุภัณฑ์ส่งจำหน่ายให้ร้านโกลเด้น เพลสอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง ลดภาระหนี้สิน ชุมชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น นับว่าชุมชนเพชรน้ำหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งชุมชนต้นแบบที่สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่จนเกิดความสำเร็จ

นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน กล่าวว่าจังหวัดประจวบฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการ ทั้งน้ำเพื่อการบริโภค อุปโภค และน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ช่วงฤดูฝนนี้ โดยมอบหมาย ศูนย์ ปภ.เขต 4 และสำนักงาน ปภ.จังหวัดประจวบฯ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ครอบคลุมทุกมิติ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กสทช.เขต 45 คุมเข้มการใช้วิทยุสื่อสาร เผยเหมือนดาบสองคม หวั่นกระทบภัยความมั่นคงของประเทศ

กสทช.เขต 45 คุมเข้มการใช้วิทยุสื่อสาร เผยเหมือนดาบสองคม หวั่นกระทบภัยความมั่นคงของประเทศ

วันที่ 24 กันยายน 2568 นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการฝึกซ้อมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม โดยใช้คลื่นความถี่ในการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชาชน กรณีเกิดภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินขึ้นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ห้องสิงขร โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีนายวสันต์ เริงสมุทร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเขต 45 (สำนักงาน กสทช.เขต 45) กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์โครงการ มีหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานกู้ชีพ – กู้ภัยสาธารณกุศล และนักวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น เข้าร่วมจำนวน 41 หน่วยงาน

ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการติดต่อสื่อสาร ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ในการเตรียมความพร้อมแก้ไขข้อขัดข้องการใช้โทรศัพท์ประจำที่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงระบบโทรคมนาคมอื่นๆ ให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ เป็นการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยให้กับประชาชน รับแจ้งเหตุ รายงานสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีวิทยากรจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ตเวิร์ก จำกัด สำนักงาน กสทช.ภาค 4 บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้คลื่นความถี่ เพื่อสนับสนุนภารกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติ รูปแบบการใช้งานคลื่นความถี่ การแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast พร้อมการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ

นายวสันต์ เริงสมุทร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเขต 45 (สำนักงาน กสทช.เขต 45) เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันนี้เป็นการฝึกอบรมการใช้คลื่นความถี่เวลาเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินให้กับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัย นักวิทยุสมัครเล่น และประชาชนทุกเครือข่ายในพื้นที่ เป็นการฝึกซักซ้อมการใช้ความถี่กลาง ในการอำนวยการเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ ซึ่งสำนักงาน กสทช.เล็งเห็นถึงความสำคัญเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติฉุกเฉิน มักจะมีการติดต่อสื่อสารกันที่ไม่สะดวกเท่าที่ควร จึงต้องมีการฝึกซักซ้อมให้เป็นไปในทิศทางแนวเดียวกัน โดยมีหน่วยงานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นหน่วยงานหลักเป็นแม่ข่ายในการประสานงาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีการใช้อย่างแพร่หลาย แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังมีข้อด้อย เช่น หากเกิดไฟดับติดต่อกันเป็นเวลานาน สถานีฐานไม่สามารถให้บริการได้ ทำให้ไม่สามารถติดต่อประสานงานได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารส่งข้อมูลข่าวสารแทน เนื่องจากวิทยุสื่อสารชาร์จแบต 1 ครั้งอยู่ได้ 4 – 5 วัน ดังนั้นวิทยุสื่อสารจึงสามารถเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุได้สะดวกกว่าโทรศัพท์มือถือ

โดยวิทยุสื่อสารที่มีขายในตามท้องตลาดมีหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เครื่องที่ถูกต้อง หากเป็นข่ายของข้าราชการ จะเป็นวิทยุที่มีเปลือกนอกสีดำ เป็นย่านความถี่ที่ประชาชนไม่สามารถใช้ได้ ต้องให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ใช้ ส่วนย่านความถี่ที่ประชาชนสามารถใช้ได้เป็นวิทยุคมนาคมที่มีเปลือกนอกสีแดง ย่าน CB 245 MHz ดังนั้นเวลาประชาชนจะซื้อไปใช้งาน ต้องซื้อเครื่องที่ถูกกฎหมาย แล้วมาขอใบอนุญาตใช้จากสำนักงาน กสทช.โดยมีค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตใช้ 500 บาท และ vat 7% อีก 35 บาท รวมเป็น 535 บาท ใบอนุญาต 1 ใบ สามารถใช้ได้ 1 เครื่อง จึงจะสามารถใช้ที่ไหนก็ได้ หากประชาชนซื้อเครื่องที่ผิดกฎหมายมาใช้ ท่านก็เสี่ยงอาจจะถูกตำรวจจับดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.2498 มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งวิทยุสื่อสารเปรียบเสมือนดาบสองคม ใช้ในด้านดีก็ได้ หากนำไปใช้ในด้านไม่ดี ก็จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ดังนั้น จึงฝากไปถึงพี่น้องประชาชนพบเห็นบุคคลที่ใช้วิทยุสื่อสารในด้านที่ไม่ถูกต้อง ขอให้แจ้งมาที่สำนักงาน กสทช. หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้านได้เลยทันที นายวสันต์ กล่าว.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจท่องเที่ยว จัดอบรมเครือข่ายอาสาสมัครฯ พร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

ตำรวจท่องเที่ยวจัดอบรมเครือข่ายอาสาสมัครฯ พร้อมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

วันที่ 22 กันยายน 2568 พ.ต.อ.ประภาวิน ฉายโฉมเลิศ รอง ผบก.ทท.3, พ.ต.ท.วรพรต ผลานิสงค์ รอง ผกก.1 ทท.3, พ.ต.ท.อาณัฐชัย ก้อนทอง สวญ.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.3 (ประจวบคีรีขันธ์), พ.ต.ต.ชโนวิทก์ สีเนหะ สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.3 และตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมผู้เข้ารับการอบรมอาสาสมัคร จำนวน 100 คน ร่วมในพิธีเปิดการอบรม“โครงการอบรมอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแกนักท่องเที่ยว”ของศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี โดยมี พ.ต.อ.สุพมาส บัวลาด รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็นประธานเปิดการอบรม ระหว่างวันที่ 22 – 23 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุมบ้านพิงภูแพรว รีสอร์ท อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้กำหนดให้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์หลัก “สะดวก-ปลอดภัย-เป็นธรรม” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและการบริการระดับสากล โดยจัดโครงการอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พ.ศ.2568 เพื่อให้อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว มีความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ถูกต้อง เหมาะสมในการให้บริการ และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ

โดยให้หน่วยในสังกัดจัดอบรมบรรยายเน้นบทบาทอาสาสมัครใน 3 มิติ ตามยุทธศาสตร์กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว คือ 1. สะดวก (Convenience) ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงตำรวจได้ง่ายและทันสมัย เช่น ศูนย์รับแจ้งเหตุ 1155 แปดภาษา, TTP Application, และเครือข่ายสถานทูต 2. ปลอดภัย (Safety) ประเทศไทยต้องเป็น Safe Destination โดยอาสาสมัครคือ “หูตา” ของตำรวจ และ “เกราะใจ” ของสังคม ที่ช่วยป้องกันเหตุร้ายตั้งแต่ยังไม่เกิด 3. เป็นธรรม (Fairness) นักท่องเที่ยวได้รับความยุติธรรม ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เช่น การจัดการทัวร์เถื่อน, แท๊กซี่หลอกลวง และอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งคาดว่าหลังจบการอบรมในครั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ เพื่อนำไปต่อยอดในการเป็นอาสาสมัครดำเนินงานเกี่ยวกับที่ได้รับอบรมมา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี – ประจวบฯ ต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ราชมงคลรัตนโกสินทร์หัวหิน สร้างฮีโร่ครั้งใหญ่จัดอบรมนักศึกษาช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน

ราชมงคลรัตนโกสินทร์หัวหิน สร้างฮีโร่ครั้งใหญ่จัดอบรมนักศึกษาช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน

วันที่ 24 กันยายน 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตวังไกลกังวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการ “BDMS อบรมการช่วยชีวิต” Big Campaign รวมพลังสร้างฮีโร่ครั้งใหญ่ เนื่องในวันมหิดล ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนางศศิเพ็ญ ปิยสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน และโรงพยาบาลกรุงเทพเพชรบุรี นายเชษฐพล มณีฉาย ผู้จัดการแผนกการตลาดและสื่อสารองค์กร โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน พร้อมด้วยคณะครูอาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษาจากสโมสรโรทาแรคท์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล จำนวน 2 รุ่น ทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย กว่า 200 คน เข้ารับการอบรม

ผศ.นภาพร นาคทิม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยชีวิตอย่างถูกวิธี จึงร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหินจัดกิจกรรมนี้ เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ที่ถูกต้องและมีความมั่นใจในการรับมือ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น หากพบเจอก็สามารถให้การช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้เพื่อนมนุษย์

นางศศิเพ็ญ ปิยสุทธิ์ กล่าวว่า โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน จัดการอบรมนี้ตามนโยบายของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จํากัด (มหาชน) หรือ BDMS มาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เข้าการอบรมจะมีความรู้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยเบื้องต้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนได้อย่างถูกวิธี ก่อนส่งถึงมือแพทย์ การอบรมจะมีทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติในการช่วยเหลือผู้ที่หัวใจหยุดเต้นด้วยการปั๊มหัวใจ (CPR) ที่ถูกวิธี การใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) และการช่วยเหลือผู้ป่วยสำลักอุดกั้นทางเดินหายใจ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน และภาคีเครือข่าย อาทิ เทศบาลนครหัวหิน มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน และมูลนิธิเพชรเกษมหัวหิน มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ ตามแนวคิดที่ว่า แม้ไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ หากเรามีองค์ความรู้และมีความมั่นใจ ผ่านการอบรมและฝึกปฏิบัติจริง โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญภายใต้หลักการที่เป็นสากล.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามถนน เพิ่งเห็นกระบะมาทางตรง ต่างคนต่างเบรก รถล้มกระบะหมุนฟาดกระเด็นดับคาที่

ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามถนน เพิ่งเห็นกระบะมาทางตรง ต่างคนต่างเบรก รถล้มกระบะหมุนฟาดกระเด็นดับคาที่

เมื่อเวลา 08.15 น. ของวันที่ 23 กันยายน 2568 ร.ต.ท.ประกาศิต แป้นเพ็ชร พนักงานสอบสวน สภ.สามกระทาย รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ บนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ หลักกิโลเมตรที่ 266+100 จุดกลับรถบ้านนาวัลเปรียง ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีผู้บาดเจ็บนอนอยู่บนถนน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี, เจ้าหน้าที่กู้ภัยตำรวจทางหลวง และชมรมคนรักกุยบุรี

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ บริเวณทางเข้า สภ.สามกระทาย บนถนนเลนซ้าย พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟสีดำ ทะเบียน 1 กบ 4421 ประจวบฯ ล้มตะแคงอยู่ ไฟหน้าและรถมีร่องรอยถูกชนจนพัง ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร พบร่างชายสูงวัย นอนนิ่งอยู่กับพื้นถนน มีเลือดไหลออกจากศีรษะจำนวนมาก ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นทราบชื่อว่านายประยุทธ ยิ้มใหญ่ อายุประมาณ 70 ปี ใกล้กันพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บต 5682 ประจวบฯ จอดอยู่ในสภาพหมุนกลับหัว บริเวณท้ายรถมีร่องรอยการชนด้านข้าง ไฟท้ายทั้งสองข้างหลุดออกมา ในรถพบนายบุญปลูก รอดผล อายุ 67 ปี ชาวตำบลห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ และภรรยา นั่งมาด้วยกัน ทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ภรรยาของนายบุญปลูก เล่าว่า ตนและนายบุญปลูกมาจากห้วยยาง จะไปทำธุระแถวปราณบุรี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถของนายประยุทธ ขี่ข้ามถนนมาและชนบริเวณท้ายรถยนต์ ซึ่งรถยนต์ก็เบรกจนรถหมุนไปชนกับเสาไฟข้างทางจนพังยุบ แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่านายประยุทธขี่รถจักรยานยนต์ข้ามมาจากฝั่งบ้านนาวัลเปรียง (ฝั่งล่องใต้) และข้ามไปฝั่ง สภ.สามกระทาย เมื่อข้ามมาถึงกลางถนนฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ เพิ่งจะเห็นว่ามีรถกระบะมาทางตรง จึงเบรกจนรถจักรยานยนต์ล้ม ขณะที่รถกระบะที่ขับโดยนายบุญปลูก ก็เบรกจนรถหมุน ท้ายรถไปฟาดกับรถจักรยานยนต์และร่างของนายประยุทธที่กำลังล้มพอดี ทำให้ร่างนายประยุทธกระเด็นไปไกลและเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกและเชิญนายบุญปลูกไปทำการสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

พิงค์แพนเตอร์ รวมศิลปินถ่ายทอดเสียงเพลงแห่งมิตรภาพอบอวลทั่วหัวหิน กับคอนเสิร์ตสุดประทับใจ

พิงค์แพนเตอร์ รวมศิลปินถ่ายทอดเสียงเพลงแห่งมิตรภาพอบอวลทั่วหัวหิน กับคอนเสิร์ตสุดประทับใจ

ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน ร่วมกับกลุ่มบริษัทพราว, บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน จัดคอนเสิร์ตสุดพิเศษ “Pink Panther & Friends”ที่หัวหินคอนเวนชันเซ็นเตอร์ บลูพอร์ตหัวหิน โดยงานนี้เป็นการรวมตัวอีกครั้งของวงดนตรีระดับตำนาน “พิงค์แพนเตอร์” ที่กลับมาขึ้นเวทีแบบเต็มวง สร้างค่ำคืนแห่งความทรงจำให้กับแฟนเพลงอย่างเต็มอิ่ม บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น สนุกสนานและเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดถึง ทุกคนร่วมกันร้องเพลงฮิตในตำนานอย่าง “รักฉันนั้นเพื่อเธอ” รวมถึงบทเพลงคลาสสิกอีกมากมาย ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของแฟนเพลงหลากหลายเจเนอเรชัน โดยการแสดงของวงพิงค์แพนเตอร์ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งและทรงพลัง เหมือนได้พาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่ยุคทองของวงการเพลงอีกครั้ง ภายในงานยังมีนิทรรศการพิเศษที่ถ่ายทอดเรื่องราวบนเส้นทางดนตรีของวงพิงค์แพนเตอร์ ผ่านภาพถ่ายและเรื่องเล่าแห่งความทรงจำ รวมถึงกิจกรรมจากบูธผู้สนับสนุนหลัก ที่มาร่วมสร้างสีสันตลอดทั้งงาน

คอนเสิร์ตครั้งนี้ยังพิเศษยิ่งขึ้น ด้วยการรวมตัวของศิลปินรับเชิญชื่อดังที่เคยร่วมเส้นทางดนตรีเดียวกัน อาทิ สุชาติ ชวางกูร, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์, ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์, วิยะดา โกมารกุล ณ นคร และชมพู ฟรุตตี้ ซึ่งต่างนำบทเพลงฮิตที่หลายคนคุ้นเคยมาชวนให้แฟนๆ ร่วมร้องตามอย่างสนุกสนาน สร้างความประทับใจ และรอยยิ้มจากแฟนเพลงที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนแสนพิเศษครั้งนี้เป็นอย่างมาก.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“เบบี๋ สุพรรณี” คว้ามง มิสแกรนด์ประจวบฯ 2026 – “เกรซ ศศิยาพัชร์” ซิวมง มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2026 เตรียมลุยเวทีใหญ่

“เบบี๋ สุพรรณี” คว้ามง มิสแกรนด์ประจวบฯ 2026 – “เกรซ ศศิยาพัชร์” ซิวมง มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2026 เตรียมลุยเวทีใหญ่

สองสาวงามคว้ามงกุฎมิสแกรนด์ระดับจังหวัดสุดร้อนแรง “เบบี๋ สุพรรณี น้อยโนนทอง” ขึ้นแท่น มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2026 ส่วน “เกรซ ศศิยาพัชร์ จิรภัทร์กุลชัย” คว้าตำแหน่ง มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2026 เตรียมเป็นตัวแทนจังหวัดสู่เวที Miss Grand Thailand 2026

ค่ำคืนแห่งความงามและการเฉลิมฉลองกลับมาอีกครั้ง เมื่อสองเวทีมิสแกรนด์ระดับจังหวัดจัดการประกวดอย่างยิ่งใหญ่และได้รับความสนใจจากแฟน ๆ ความงามทั่วประเทศ โดย “เบบี๋ สุพรรณี น้อยโนนทอง” สาวงามผู้เปี่ยมด้วยความสง่าและความมั่นใจ สามารถคว้าตำแหน่ง มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2026 ไปครอง ขณะที่อีกด้านหนึ่ง “เกรซ ศศิยาพัชร์ จิรภัทร์กุลชัย” ก็ไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวัง คว้ามงกุฎ มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2026 ได้สำเร็จ

บรรยากาศการประกวดทั้ง 2 จังหวัดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเสียงเชียร์ล้นหลาม ผู้เข้าประกวดต่างอวดความสามารถผ่านรอบสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรอบชุดว่ายน้ำ รอบชุดราตรี และรอบตอบคำถามสุดท้าย โดยคณะกรรมการให้คะแนนจากความมั่นใจ บุคลิกภาพ และทักษะการสื่อสารอย่างเข้มข้น “เบบี๋ สุพรรณี” โดดเด่นด้วยการแสดงออกที่สง่างามและความมั่นใจบนเวที ส่วน “เกรซ ศศิยาพัชร์” ชนะใจทั้งคณะกรรมการและผู้ชมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวและพลังบวกที่ถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน

การประกวดจัดขึ้นอย่างหรูหราค่ำคืนวันที่ 20 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ที่โรงแรม เดอะ เกษตร หัวหิน จ.ประจวบฯ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมเป็นสักขีพยาน อาทิ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ น.ส.วรกานต์ ถาวร รอง ผอ.ททท.สำนักงานประจวบฯ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน นายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ พร้อมครอบครัวมิสแกรนด์ไทยแลนด์ นำโดย “กชเบล ศรัณย์รัชต์” มิสแกรนด์ไทยแลน์ 2025 “เฌอเอม” ชญาธนุส ศรทัตต์ รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 “เจมม่า” สุธิดา ยาร์โนส มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 “คิม” จิราพัชร ไฮท์มันน์ มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2025 และครอบครัวมิสแกรนด์ มาร่วมให้กำลังใจและแสดงโชว์สุดพิเศษ โดยทั้งสองสาวจะก้าวขึ้นเป็นตัวแทนของจังหวัดเพื่อเข้าชิงชัยบนเวที Miss Grand Thailand 2026 ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อเฟ้นหาสาวงามหนึ่งเดียวที่จะได้สิทธิ์ไปชิงมงกุฎบนเวทีระดับนานาชาติ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหินจัดระเบียบขอทาน คนเร่ร่อน ป้องกันอาชญากรรมสร้างภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว

หัวหินจัดระเบียบขอทาน คนเร่ร่อน ป้องกันอาชญากรรมสร้างภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว

วันที่ 20 กันยายน 2568 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน จ.ประจวบฯ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานปล่อยแถวการจัดระเบียบคนขอทานและคนไร้ที่พึ่ง ที่หน้าสำนักงานเทศบาลนครหัวหิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ หน่วยงานสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และภาคีเครือข่าย กองสวัสดิการสังคม เจ้าหน้าที่เทศกิจ ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน สภ.หัวหิน เพื่อสร้างความตระหนักและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 พระราชบัญญัติคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ.2557 และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2556 รวมถึงสร้างความเข้าใจในการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับผู้กระทำการขอทาน คนเร่ร่อน และคนไร้ที่พึ่งในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาภาพลักษณ์ที่ดีเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

นายนพพร วุฒิกุล กล่าวว่า ภายหลังปล่อยแถวเจ้าหน้าที่แล้ว ได้ลงพื้นที่สำรวจภายในตลาดโต้รุ่งหัวหิน และถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาล หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนนักท่องเที่ยวว่าพบเห็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ลักษณะคล้ายคลึงกับผู้ป่วยจิตเวช คนไร้ที่พึ่ง เร่ร่อน หลายรายออกมาพักอาศัยอยู่ในที่สาธารณะตามริมถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดทำประวัติพร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย ให้คำแนะนำปรึกษาและช่วยเหลือเบื้องต้น เน้นการให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อนำไปสู่กระบวนการช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้หากใครพบเห็นคนเร่ร่อน คนขอทาน กระบวนการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่งานรักษาความสงบ (เทศกิจ) ให้ดำเนินการได้ทันที หรือแจ้งที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สายด่วน 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ชนะเลิศประกวดทำอาหาร เมนูแกงคั่วกรรเชียงปูสับปะรด + ใบชะพลูกรอบ

ประจวบฯ ชนะเลิศประกวดทำอาหาร เมนูแกงคั่วกรรเชียงปูสับปะรด + ใบชะพลูกรอบ

ตามที่กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม เปิดเวที“Street Food สร้างอาชีพระดับประเทศ”ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์อาหารไทยและอาหารถิ่นจากฝีมือผู้ที่เคยก้าวพลาด แต่กำลังสร้างเส้นทางชีวิตใหม่ ชิงชัยกว่า 20 เมนูเด็ดสะท้อนภูมิปัญญาแต่ละท้องถิ่น แต่ละภาค มาถึง 3 ครั้งแล้ว

สำหรับปีนี้ เป็นปีที่ 4 ได้ดำเนินโครงการมาถึงระดับประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ที่ลาน Avenue โซน A ชั้น G ศูนย์การค้า MBK Center กรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด พร้อมกล่าวแสดงความยินดีและให้กำลังใจแก่ผู้เข้าแข่งขัน โดยกล่าวว่า โครงการ Street Food สร้างอาชีพ ไม่เพียงเป็นการประกวดทำอาหาร แต่คือพื้นที่ที่สะท้อนแนวคิด“ให้โอกาส มากกว่าการลงโทษ”และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างศักดิ์ศรี และคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคมได้อย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่าอาหารไทยและอาหารถิ่น ไม่เพียงมีรสชาติอร่อย แต่ยังเป็น Soft Power ที่สามารถต่อยอดสู่การสร้างงานและสร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม

การประกวดครั้งนี้ได้คัดเลือกผู้ชนะเลิศจากระดับเขตทั่วประเทศ 40 คน จาก 18 สำนักงานคุมประพฤติ เข้ามาชิงชัยในระดับประเทศ รวมกว่า 20 เมนูคาว – หวาน ที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ไทย เช่น น้ำพริกเสน่ห์เมืองละโว้ (ลพบุรี), หมูสามชั้นทอดผัดสมุนไพร (ชลบุรี), เส้นแซ่บตะลุยสวน (สุรินทร์), ข้าวซอย 3 ชาติพันธุ์ (ฝาง), เต้าหู้ลุยสวน (หลังสวน), ปลาสมุนไพร (ตรัง) รวมทั้งขนมหวาน อย่างช็อคเวอร์ วาฟเฟิ้ล (ลพบุรี), หนูน้อยเดซี่ (อุบลราชธานี), ขนมสายบัว (หนองบัวลำภู), ลอดช่องกะทิน้ำตาลโตนด (พิษณุโลก), ทับทิมกรอบ (นราธิวาส)

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นมากกว่าการแข่งขันทำอาหาร แต่คือเวทีแห่งโอกาส ที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง พัฒนาทักษะอาชีพ สร้างรายได้ และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งสะท้อน Soft Power ของอาหารไทยสู่สังคมและนานาชาติ การจัดโครงการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอาสาสมัครคุมประพฤติทุกจังหวัด ที่สนับสนุนการจัดงานในระดับต่างๆ จนประสบผลสำเร็จ, ศูนย์การค้า MBK Center ที่อนุเคราะห์สถานที่จัดการประกวด และการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ น้ำดื่มสิงห์, บริษัท บางกอก แร้นช์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พี วาย ฟู้ด จำกัด, บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด, บริษัท อุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์ สินค้าพื้นเมือง จำกัด รวมถึงสมาคมเดอะเชฟ ประเทศไทย ที่ส่งผู้เชี่ยวชาญมาเป็นวิทยากรและกรรมการตัดสิน

ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติย้ำว่า ความสำเร็จของผู้เข้าร่วมทุกคนไม่ได้วัดเพียงตำแหน่งผู้ชนะเลิศ แต่คือการได้พิสูจน์ว่า“ทุกคนมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ หากได้รับโอกาสที่เหมาะสม”ส่วนผลการประกวด Street Food สร้างอาชีพ Season 4 ระดับประเทศ มีดังนี้

ประเภทอาหารคาว
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ แกงคั่วสับปะรด จากสำนักงานฯ ประจวบคีรีขันธ์
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ ขนมจีนเส้นสด น้ำยาปูนาชนบท จากสำนักงานฯ นครราชสีมา สาขาบัวใหญ่
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ ข้าวซอย 3 ชาติพันธุ์ จากสำนักงานฯ เชียงใหม่ สาขาฝาง
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 3 ได้แก่ บอลแซ่บ ไทเลย จากสำนักงานฯ จังหวัดเลย

ประเภทอาหารหวาน
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ หนูน้อยเดซี่ จากสำนักงานฯ อุบลราชธานี
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ ทับทิบกรอบ จากสำนักงานฯ เชียงราย สาขาเทิง
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ สายทองล่องลอย จากสำนักงานฯ นครปฐม
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 3 ได้แก่ ขนมสายบัว จากสำนักงานฯ หนองบัวลำภู

นายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า นายปิยชาติ ไฮ้คง หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์ นายธนวัฒน์ งานคุมประพฤติชำนาญการ น.ส.มณเฑียร ศรวิไล ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติประจวบฯ และนางขวัญเรือน เตียงเกตุ อาสาสมัครคุมประพฤติ นำผู้ถูกคุมความประพฤติที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานฯ เข้าร่วมประกวดแข่งขันประกวดทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ Season 4 ระดับประเทศ “หนึ่งจาน… อาจเปลี่ยนทั้งชีวิต” และได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดประเภทอาหารคาว ด้วยเมนูแกงคั่วกรรเชียงปูสับปะรด + ใบชะพลูกรอบ ถือเป็นความภาคภูมิใจของอาหารพื้นเมืองของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเป็นโอกาสให้ผู้ถูกคุมประพฤตินำไปต่อยอด สร้างอาชีพได้ต่อไปในอนาคต.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดโครงการ “YPC” ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ช่วยพัฒนาจังหวัด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดโครงการ “YPC” ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ช่วยพัฒนาจังหวัด

วันที่ 19 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ (Young Public and Private Collaboration : YPC) ประจำปี 2568 ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลนครหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน นายถนัดศิลป์ วุฒิวงศ์อังคณา ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบฯ นายปราโมทย์ เพชรศาสตร์ ตัวแทนประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบฯ นางปิยะนันท์ สะพานแก้ว ประธานสมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดประจวบฯ กลุ่ม YEC ประจวบฯ ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างจังหวัดประจวบฯ กับหอการค้าจังหวัดประจวบฯ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบฯ และสมาพันธ์ SME จังหวัดประจวบฯ ในโครงการนี้ด้วย

โครงการ YPC เป็นผลความร่วมมือระหว่างจังหวัดประจวบฯ และหอการค้าจังหวัดประจวบฯ เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐและภาคเอกชนรุ่นใหม่ให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เสริมสร้างองค์ความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งและขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 กันยายนนี้ ที่เทศบาลนครหัวหิน และที่โรงแรมพรีลูด จ.กาญจนบุรี มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 60 คน ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเรียนรู้จากผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจและการท่องเที่ยว

นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่ากิจกรรมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการเสวนา การฝึกปฏิบัติ การศึกษาดูงาน และการนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบาย จะช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งจะนำไปสู่แนวคิดใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอดการพัฒนาจังหวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม และขอขอบคุณหอการค้าจังหวัดและกลุ่ม YEC ที่ร่วมผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้น พร้อมทั้งหวังว่าผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้รับความรู้ ประสบการณ์ และมิตรภาพอันมีค่า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาจังหวัดต่อไป.