Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ตักบาตรปล่อยสัตว์น้ำ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

ประจวบฯ ตักบาตรปล่อยสัตว์น้ำ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ลานอเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วย นางณัฐชาลัคนา สุขภาคกุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ นายองครักษ์ ทองนิรมล นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการทุกหมู่เหล่าและพสกนิกรชาวจังหวัดประจวบฯ ร่วมในพิธี โดยได้รับเมตตาจากพระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (มหานิกาย) เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 73 รูป เดินรับบิณฑบาต ในการนี้มีผู้นำศาสนาคริสต์และคณะศาสนาจารย์ ประกอบพิธีอธิษฐานภาวนา ขอพรและผู้นำศาสนาอิสลามและคณะ ประกอบพิธีดุอาอ์ ขอพรด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีการทางศาสนาแล้ว ประธานในพิธีพร้อมคณะได้เยี่ยมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารศาลากลางจังหวัดประจวบฯ (หลังเก่า)

ต่อมา นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้นำข้าราชการทุกภาคส่วน ประชาชน ร่วมปล่อยพันธ์ุสัตว์น้ำ จำนวน 1,000,000 ตัว ที่บริเวณชายทะเลอ่าวประจวบฯ หน้า อบจ.ประจวบฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อีกทั้งเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ และเพิ่มศักยภาพของแหล่งทำการประมงให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มความหลากหลายของชนิดพันธุ์สัตว์น้ำในสระน้ำให้เป็นแหล่งน้ำที่เอื้อต่อการทำกินและเป็นแหล่งอาหารโปรตีนของชุมชน ตลอดจนทำให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งด้านอาชีพ การประมง ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงอีกด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สสปน. เร่งยกระดับท่องเที่ยวประจวบฯ – เพชรบุรี ผ่านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน

สสปน. เร่งยกระดับท่องเที่ยวประจวบฯ – เพชรบุรี ผ่านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน

วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดการประชุม “สัมมนาเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพสูงผ่านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน ที่โรงแรมอมารี หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ดร.สุรัชสานุ์ ทองมี ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ภาคกลาง (TCEB ภาคกลาง) น.ส.พัชรศรี สมบัติทวีพูน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและไมซ์ในพื้นที่ประจวบฯ – เพชรบุรี เข้าร่วมสัมมนา

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เร่งยกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพสูง ถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านการสัมมนา “เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพสูงผ่านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน” โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการไมซ์จากหัวหิน – ชะอำ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 60 แห่ง เข้าร่วม โดยมุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ เปิดเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ และนักวิชาการ ทั้งจากภาครัฐ และภาคธุรกิจเอกชน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง มีการบรรยายหัวข้อ “การจัดงานไมซ์อย่างมืออาชีพ…จะทำอย่างไรให้ WOW”, “การจัดการความยั่งยืนจะสามารถยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไมซ์ไทยได้จริงหรือไม่”, “กุญแจแห่งความสำเร็จของการจัดการความยั่งยืนของธุรกิจในอุตสาหกรรมไมซ์” โดยวิทยากร นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี MD โรงแรมเดอะสุโกศล นายสุทธิชัย บัณฑิตวรภูมิ Executive Vice President บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด และ น.ส.จิตตินทร์ ฤทธิรัตน์ ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ และอีกหนึ่งในไฮไลท์ของการประชุมสัมมนาครั้งนี้คือ การบรรยายพิเศษหัวข้อ “โอกาสใหม่ของไมซ์ ทำไมถึงต้องยั่งยืน” โดยนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

นายสินาทร โอ่เอี่ยม กล่าวว่า จ.ประจวบฯ เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง ทั้งทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่มีอย่างหลากหลายในพื้นที่ อาทิ มรดกทางธรรมชาติ วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ความได้เปรียบของทำเลที่ตั้งและเส้นทางการคมนาคมที่พรั่งพร้อมในการเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน รวมถึงเป็นที่นิยมของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ หรือนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงในการจัดประชุมสัมมนาและทำกิจกรรมไมซ์ต่างๆ ในพื้นที่ จังหวัดได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมในการยกระดับการพัฒนาการบริการเพื่อรองรับรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ซึ่งการขับเคลื่อนดังกล่าวจะสำเร็จและเกิดความยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อมีความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เพื่อสานพลังร่วมกันและเติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งเราจะมองเห็นทั้งข้อได้เปรียบและข้อจำกัดในทุกมิติที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม

ด้าน ดร.สุรัชสานุ์ ทองมี กล่าวว่า สสปน.เล็งเห็นศักยภาพของหัวหิน – ชะอำ โดยเห็นว่าพื้นที่นี้ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจกลุ่มไมซ์ ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี การเร่งเพิ่มองค์ความรู้ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านการจัดกิจกรรมไมซ์อย่างยั่งยืนแก่ผู้ประกอบการไมซ์ไทย และการสนับสนุนด้านการตลาดร่วมกันของผู้ประกอบการในจังหวัดประจวบฯ และพื้นที่ภาคกลางของประเทศ จะยิ่งทำให้พื้นที่โดดเด่นและยกระดับขึ้นสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูงในอนาคต อีกทั้งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติมาตรฐานเบื้องต้นด้านการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืนของ สสปน. มีการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการประชุมสัมมนาที่เกิดขึ้น เพื่อวัดกิจกรรมที่จัดขึ้นจริงและกระตุ้นการรับรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ สามารถนำแนวทางปฏิบัติมาตรฐานการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืนนี้ไปปฏิบัติได้จริงต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สว.ป้ายแดง ร่วมขับเคลื่อนเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรประจวบฯ

สว.ป้ายแดง ร่วมขับเคลื่อนเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรประจวบฯ

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายนิมิต วงษ์จินดา นายอำเภอบางสะพานน้อย เป็นประธานเปิดการประชุมขับเคลื่อนเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ห้องประชุม อบต.ช้างแรก ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายโชติเงินแท่ง รองประธานสภาเกษตรกรกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดการประชุมครั้งนี้ พร้อมด้วยสมาชิกสภาเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทุกอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เครือข่ายผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอบางสะพานน้อย และมี น.ส.นิชาภา สุวรรณนาค สมาชิกวุฒิสภา จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายธีรวัฒน สุขจันทร์นายก อบต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย

กิจกรรมขับเคลื่อนเกษตรกรจังหวัดประจวบครีขันธ์ เป็นการสร้างเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล เป็นกลไกในการรับฟังความคิดเห็น สะท้อนปัญหา เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการเกษตร โดยเชื่อมโยงกับสภาเกษตรกรจังหวัดและสภาเกษตรกรแห่งชาติ หรือการเชื่อมโยงจากล่างสู่บน โดยสภาเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้สร้างเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้านและระดับตำบล เมื่อปี พ.ศ. 2554 และได้หมดวาระลงเมื่อปี 2566 และปีนี้ สภาเกษตรกรจังหวัดดำเนินการสรรหาเครือข่าย ได้ทั้งสิ้น 438 คน โดยอำเภอบางสะพานน้อย มีเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน 41 คน และผู้แทนเกษตรกรระดับตำบล 5 คน สภาเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนเครือข่ายผู้แทนเกษตรกรจังหวัดประจวบศีรีชันธ์ ประจำปี 2567 ขึ้น

นายนันทปรีชา คำทอง ประธานคณะทำงานแก้ไขที่ดิน น้ำและองค์กรเกษตรกรรมอื่นๆ ในสภาเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่สมาชิกวุฒิสภาสายเลือดเกษตรกรของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงมารับฟังปัญหาเพื่อร่วมกันแก้ไขในครั้งนี้ ขอฝากท่านสมาชิกวุฒิสภา ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด คือการขับเคลื่อนองค์กรในสภาเกษตรเอง ทั้งระดับชาติและระดับจังหวัด ขอฝากประเด็นที่ 1 คือปัญหาในพื้นที่ ช่วยดำเนินการผลักดัน ขับเคลื่อนการทำยุทธศาสตร์น้ำ ซึ่งภาคการเกษตร ปศุสัตว์ พืชไร่ พืชสวนหรือประมง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแหล่งน้ำที่เพียงพอ ปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องยุทธศาสตร์น้ำ แต่ก็ยังประสบปัญหาภัยแล้งทุกปี ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่เกิดทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จะจัดการบริหารอย่างไรเรื่องแหล่งน้ำ ให้เพียงพอต่อการประกอบอาชีพดังกล่าว ประเด็นที่ 2 อยากจะฝากเรื่องสิทธิในที่ดินทำกินของพี่น้องชาวเกษตรกร จะดำเนินการอย่างไร ประเด็นที่ 3 อยากให้ช่วยประสานสำนักงานการยางแห่งประเทศไทย ให้เพิ่มพื้นที่สาขาขึ้นในพื้นที่อำเภอบางสะพาน เพราะพี่น้องเกษตรกรได้เรียกร้องไปเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีสำนักงานการยางอยู่ที่อำเภอเมืองประจวบฯ เพียงแห่งเดียว ซึ่งระยะทางไกลเป็นร้อยกิโลเมตร จึงขอให้เพิ่มสำนักงานสาขาขึ้น เพื่อเกษตรกรจะไม่ต้องเดินทางไปไกล เพราะพื้นที่เกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในอำเภอบางสะพาน และอำเภอบางสะพานน้อย เป็นพื้นที่สวนยางพาราเป็นส่วนมาก ประมาณ 80% เพื่อพัฒนารายได้ เพิ่มศักยภาพเกษตรกรให้มีคุณภาพมากขึ้น และขอให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาดูแลช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจัง

ด้าน น.ส.นิชาภา สุวรรณนาค สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าวันนี้มาร่วมประชุมกับสภาเกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่อำเภอบางสะพานน้อย เพื่อรับทราบปัญหาของเกษตรกร มีหลายประเด็นที่จะต้องหาทางแก้ไขช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน เรื่องแหล่งน้ำ เรื่องราคาพืชผลที่ไม่แน่นอน และผลผลิตที่ล้นตลาด ต้องแก้ปัญหาโดยใช้คนรุ่นใหม่เข้ามาปรับปรุงโครงสร้าง แก้ปัญหาเทคโนโลยี ปัญหาในเรื่องของการแปรรูป การเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้ต้องมีการผสมผสานความคิดของคนรุ่นใหม่ และใช้ภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่ามาผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด ปัญหาหลักคือองค์ความรู้ที่จะลงไปถึงตัวเกษตรกรเอง ต้องมีการเข้าถึงแหล่งความรู้ แล้วนำไปพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเกษตรกร และปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละพื้นที่ การเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาให้มากขึ้น แล้วมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ปัญหาต่างๆ ที่เกินจากเกษตรกรก็จะน้อยลงในที่สุด น.ส.นิชาภา สุวรรณนาค สมาชิกวุฒิสภา จ.ประจวบคีรีขันธ์ป้ายแดง กล่าว.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลหัวหิน คว้ารางวัลชนะเลิศระดับทอง (ดีเด่น) ทีมผู้ก่อการดีป้องกันการจมน้ำ ระดับประเทศ

เทศบาลหัวหิน คว้ารางวัลชนะเลิศระดับทอง (ดีเด่น) ทีมผู้ก่อการดีป้องกันการจมน้ำ ระดับประเทศ

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดเวทีสัมมนาสานพลังเครือข่ายป้องกันการจมน้ำประเทศไทย ในวันป้องกันการจมน้ำโลก พร้อมมอบรางวัลทีมผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำ (Merit Maker Plus) โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค คุณมาร์ค แลนดรี ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และผู้บริหารทุกภาคส่วนเข้าร่วม ที่เดอะพอร์ทอลบอลรูม อิมแพ็คเมืองทองธานี จ.นนทบุรี

โอกาสนี้ น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมทีมผู้ก่อการดีเทศบาลเมืองหัวหิน เข้ารับโล่รางวัลชนะเลิศระดับทอง (ดีเด่น) ทีมผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำ ระดับประเทศ ประจำปี 2566 จากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาเทศบาลเมืองหัวหิน ได้ดำเนินการป้องการจมน้ำ ทีมผู้ก่อการดี เทศบาลเมืองหัวหิน ตั้งแต่ปี 2559 มาอย่างต่อเนื่อง และได้รับรางวัลทีมผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำ (Merit Maker) ระดับประเทศ ประเภทรางวัลชนะเลิศระดับทอง (ดีเด่น) ผลการดำเนินงานปี 2564 และรางวัลทีมผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำ (Merit Maker Plus) ระดับประเทศ ประเภทรางวัลชนะเลิศระดับทอง (ดีเด่น) จากผลการดำเนินงานปี 2566

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติและสมัชชาอนามัยโลก เห็นพ้องต้องกันว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะในเด็กอายุ 5 – 14 ปี จึงมีมติให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกดำเนินงานป้องกันการจมน้ำโดยเร่งด่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยได้ดำเนินงานเพื่อลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์ผู้ก่อการดี หรือเมอร์ริท เมคเกอร์ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของจิตอาสาในชุมชน ช่วยส่งเสริมความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน ตั้งแต่สอนว่ายน้ำ ไปจนถึงการทำ CPR โดยทีมผู้ก่อการดีกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก และถือเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถลดการเสียชีวิตของเด็กจากการจมน้ำ จากประมาณ 1,500 คน ในปี 2548 เหลือประมาณ 615 คน ในปีปัจจุบัน “แม้ว่าจำนวนจะลดลงกว่าร้อยละ 60 แต่ตัวเลขนี้ยังคงสูงมาก เมื่อเทียบกับค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 290 คนต่อปี ที่กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ดังนั้นผมจึงมีความยินดีที่ได้มาพบปะทุกท่าน เพื่อขอบคุณที่ร่วมทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจมน้ำ ตามสโลแกนวันป้องกันการจมน้ำโลก“จมน้ำง่ายกว่าที่คิด หนึ่งชีวิตไม่ควรสูญเสีย” โดยการมอบรางวัลการประเมินทีมผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำ จะเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกท่าน และขอบคุณที่ร่วมทำงานจิตอาสา เพื่อยกระดับการป้องกันการจมน้ำให้ได้ตามค่าเป้าหมาย เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

จิตอาสาสามร้อยยอด ปลูกต้นไม้ 1,000 ต้น เฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

จิตอาสาสามร้อยยอด ปลูกต้นไม้ 1,000 ต้น เฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายวราวุธ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด เป็นประธานเปิดกิจกรรมอาสาพัฒนา ร่วมกับนายเสนอ จันทน์เทศ นายก อบต.ศิลาลอย นายบรรจง พันธุ์บัว กำนันตำบลศิลาลอย นายสิทธิศักดิ์ น้อยผลเพชร กำนันตำบลสามร้อยยอด ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ สารวัตร แพทย์ประจำตำบล ข้าราชการ พนักงานเทศบาล เจ้าหน้าที่ อบต. ครู นักเรียน ทหารกองกำลังสุรสีห์ที่ 111 และจิตอาสาพระราชทาน ปลูกต้นไม้ 1,000 ต้น เฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ที่ศาลาหมู่บ้านห้วยขวาง หมู่ 1 ต.ศิลาลอย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายอรรถพรชัย ใกล้ชิด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านห้วยขวาง กล่าวว่าวันนี้ทุกหน่วยงานและจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นสัก จำนวน 1,000 ต้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 28 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยปลูกบริเวณสาธารณประโยชน์ (นสล.) ที่เป็นป่าช้าเก่า เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้กับเด็กและประชาชนทั่วไป ซึ่งบริเวณนี้จะทำเป็นป่าชุมชน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ในส่วนของการดูแล ทาง อบต.ศิลาลอย จะคอยดูแลรดน้ำให้ อยากเชิญชวนทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้เยอะๆ เพื่อช่วยทำให้อากาศดี ลดมลภาวะ ส่งผลให้สุขภาพร่างกายดี สุขภาพจิตก็ดีขึ้นด้วย แม้ว่าบรรยากาศในวันนี้ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน และบางช่วงยังมีฝนตกลงมาประปราย.

ฐิติชญา แสงสว่าง….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหิน เร่งจับปลาหมอคางดำในอ่างเก็บน้ำเขาเต่า

หัวหิน เร่งจับปลาหมอคางดำในอ่างเก็บน้ำเขาเต่า

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายกิติศักดิ์ บัวลาด ประมงอำเภอหัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยนายปราโมทย์ สุวรรณชาติ ประธานกลุ่มประมงเรือเล็กบ้านเขาเต่า และชาวบ้านในพื้นที่และใกล้เคียงกว่า 30 คน ใช้อุปกรณ์จับสัตว์น้ำประเภทแหและตาข่ายดักปลา ลงจับปลาหมอคางดำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในขณะนี้ ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อ.หัวหิน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย โดยชาวบ้านสามารถจับปลาหมอคางดำได้หลายร้อยตัว ซึ่งปลาที่จับมาได้นั้น ชาวบ้านนำกลับไปแปรรูปและประกอบอาหารทานกันในครัวเรือน

นายกิติศักดิ์ บัวลาด กล่าวว่า วันนี้ได้ร่วมกับชาวประมงทั้งหมู่บ้านเขาเต่า เขาตะเกียบ สมอเรียง หลายสิบคน มาช่วยกันกำจัดปลาหมอคางดำ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ขยายต่อ และสามารถจับปลาหมอคางดำได้มากกว่า 50 กิโลกรัม ถือว่าในอ่างเก็บน้ำเขาเต่ายังมีปลาหมอคางดำอีกมาก เนื่องจากอ่างเก็บน้ำเขาเต่ามีบริเวณกว้าง น้ำลึก ครั้งนี้ใช้ตาข่ายดักปลาและทดลองใช้แหทอด ทำให้ได้ปริมาณที่ไม่มากนัก ต้องหาวิธีกำจัดต่อไป ส่วนเรื่องของการจับปลาหมอคางดำไปขาย ตอนนี้นโยบายรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เท่าที่ทราบคือรับซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท ถ้ามีการรับซื้อปลาหมอคางดำ จะกระตุ้นให้ชาวบ้านช่วยกันกำจัดมากขึ้น ก็จะทำให้ปริมาณปลาหมอคางดำน้อยลงไปด้วย ส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอหัวหินขณะนี้ ปลาหมอคางดำจะแพร่ระบาดเกือบทุกคลอง แต่จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดของคลองและความหนาแน่นของปลาด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดโครงการทุ่งประดู่ ซั้งทูเดอะซี ปี 2 สร้างบ้านให้ปลา

ประจวบฯ จัดโครงการทุ่งประดู่ ซั้งทูเดอะซี ปี 2 สร้างบ้านให้ปลา

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานประจวบฯ ร่วมกับประมงจังหวัดประจวบฯ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนทุ่งประดู่ และกลุ่มประมงพื้นบ้านทุ่งประดู่ จัดโครงการทุ่งประดู่ ซั้งทูเดอะซี ปีที่ 2 กิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาตินิเวศวิทยาทางทะเล สร้างบ้านให้ปลาอยู่ ที่บริเวณปากคลองบางน้อย อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ นำภูมิปัญญาวิถีชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่งทับสะแกตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ มาประยุกต์สร้างเครื่องมือธรรมชาติ ดึงดูดสัตว์น้ำให้มาอาศัยอยู่รวมกัน เรียกว่า “ซั้ง” เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำขนาดเล็ก สื่อสารถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ตอบแทนบุญคุณท้องทะเลทับสะแก ที่ได้ให้ทรัพยากรให้ ปลา ให้กุ้ง ให้สัตว์น้ำ ได้เลี้ยงชีพทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวมาแต่ครั้งอดีต

กิจกรรมดังกล่าวเป็นการสานต่อโครงการซั้งทูเดอะซี เมื่อปีที่แล้ว โดยการทำ “ซั้ง” หรือที่เรียกว่าปะการังเทียม จากภูมิปัญญาชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ทำขึ้นจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ง่าย โดยวิธีการทำซั้ง ชาวบ้านจะนำไม้ไผ่มาตัดเป็นท่อน ตามแต่จะกำหนดขนาดความยาวที่เหมาะสม ผูกด้วยเถาวัลย์หรือเชือกก็ได้ ในสมัยก่อนจะผูกด้วยเถาวัลย์ ปัจจุบันจะผูกด้วยเชือก จากนั้นนำมาผูกติดกับทางมะพร้าว ซึ่งชาวบ้านจะนำใบมะพร้าวมาผูกมัดเป็นเปีย ลักษณะเดียวกับการถักผมเปียก่อน เพื่อให้สะดวกต่อการขนลงเรือ โดยจะถ่วงน้ำหนักกับแท่งปูนทรงสี่เหลี่ยม หนักประมาณ 40 กิโลกรัม เสร็จแล้วก็จะขนลงเรือไปปล่อยซั้งลงในทะเลห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าวนอกจากเป็นการอนุรักษ์การดำรงวิถีประมงชายฝั่งพื้นบ้านและภูมิปัญญาประมงท้องถิ่นให้คงอยู่แล้ว ยังเป็นการรณรงค์การท่องเที่ยวและการรักษาทรัพยากรท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ จุดประกายจากกิจกรรมเชิงอนุรักษ์จากภูมิปัญญาชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งทับสะแก ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้นำไปสู่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจการประมงและการท่องเที่ยวให้กับอำเภอทับสะแก ตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และจังหวัดประจวบฯ ได้อย่างยั่งยืน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลหัวหิน โปรโมท “ข้าวผัดรถไฟหัวหิน 113 ปี” งานเทศกาลอาหารหัวหิน 2024 ทางช่อง 3

เทศบาลหัวหิน โปรโมท “ข้าวผัดรถไฟหัวหิน 113 ปี” งานเทศกาลอาหารหัวหิน 2024 ทางช่อง 3

วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ มอบหมายให้ น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมด้วย น.ส.ขวัญเรือน สุพล หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ และจ่าเอกเกษมศักดิ์ ปัดออด เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน งานสนับสนุนกิจการท่องเที่ยว สำนักปลัดเทศบาล และนายนพดล นุชเจริญ ประธานที่ปรึกษาชมรมเชฟชะอำ – หัวหิน เดินทางไปร่วมบันทึกเทปโทรทัศน์ทางช่อง 3 “รายการผู้หญิงยกกำลังแจ๋ว” ดำเนินรายการโดยพิธีกรชื่อดัง คุณปุณยวีร์ (ปอ) สุขกุลวรเศรษฐ์, คุณอภิสรา (ดาว) นุตยกุล, คุณสุภาพร (บูม) วงษ์ถ้วยทอง, คุณณปภา (แพท) ตันตระกูล และ ด.ช.อัครนันท์ (น้องเรซซิ่ง) วรโรจน์เจริญเดช ที่ชั้น 12 อาคารมาลีนนท์ กรุงเทพฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลอาหารหัวหิน 2024 ระหว่างวันที่ 2 – 4 สิงหาคม 2567 ที่บริเวณสวนหลวงราชินี 19 ไร่ (ฝั่งทะเล) โดยในวันนี้ เชฟจากชมรมเชฟหัวหิน-ชะอำ ได้ประกอบอาหาร “ข้าวผัดรถไฟหัวหิน 113 ปี” ตำนานข้าวผัดอันโด่งดังของโรงแรมรถไฟหัวหินในอดีต ซึ่งเป็นไฮไลท์วันเปิดงานแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวงานได้ลองลิ้มในรสชาติ ทั้งนี้ “งานเทศกาลอาหารหัวหิน 2024” รายการผู้หญิงยกกำลังแจ๋ว จะออกอากาศในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

สำหรับงานเทศกาลอาหารหัวหิน 2024 จัดโดยเทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ ททท.สำนักงานประจวบฯ สภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน และหลายหน่วยงานในพื้นที่ให้การสนับสนุน วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Low Season สร้างรายได้และความสุขแก่ประชาชน ภายในงานมีการออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจากโรงแรม 5 ดาว การแข่งขันแกะสลักผักและผลไม้ การแข่งขันการประกอบอาหาร การประกวดตกแต่งบูธสวยงาม การแข่งขันลีลาประกอบอาหาร กิจกรรม work shop บาร์เทนเดอร์ ทุกวัน โซนอาหารซีฟู้ดและอาหารพื้นถิ่นเมืองหัวหิน พร้อมจัดจุดเช็คอินถ่ายภาพเก็บภาพความประทับใจในงาน จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวหัวหินและเข้าชมงานดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เลขเด็ด “หลวงปู่นาค” ครบมรณภาพ 90 ปี ในงานวันบุพการี วัดหัวหิน

เลขเด็ด “หลวงปู่นาค” ครบมรณภาพ 90 ปี ในงานวันบุพการี วัดหัวหิน

วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 พระครูพิสุทธิ์ภาวนาพิธาน (เอกดนัย โชติธมโม) ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดหัวหิน ได้จัดงานวันบุพการีขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกครบรอบปีที่ 90 การมรณภาพของ “หลวงปู่นาค ปุญญนาโค” หรือพระครูวิริยาธิการี เจ้าอาวาสวัดหัวหินองค์แรก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง พร้อมทั้งทำบุญอุทิศถวายให้อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวหินทุกรูป ที่ศาลาปฏิบัติธรรมวัดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีพระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (ฝ่ายธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระเถระและเจ้าอาวาสในเขตประจวบฯ – เพชรบุรี รวม 67 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นางไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน คณะผู้บริหารเทศบาล ศิษยานุศิษย์และประชาชนชาวหัวหินนับพันคนร่วมในพิธี พร้อมกันนี้ผู้ใจบุญจำนวนมากต่างนำอาหารคาวหวาน ไข่ ผลไม้ เครื่องดื่มนานาชนิด ร่วมออกโรงทานแจกจ่ายให้ประชาชนที่ร่วมงานท่ามกลางสายฝนโปรยปราย และต่างหาซื้อเลขเด็ด “หลวงปู่นาค” ครบรอบ 90 ปี ไว้เสี่ยงดวงกันอย่างคึกคัก

“หลวงปู่นาค” เกิดเมื่อปี พ.ศ.2400 เป็นบุตรของนายพ่วง – นางสุ่ม พ่วงไป มีพี่น้องรวมทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นคนที่ 2 บ้านเดิมอยู่ที่บ้านลัดโพ อ.คลองกระแซง จ.เพชรบุรี หัดเรียนเขียนอ่านอักขระสมัยที่วัดลัดโพกับพระอธิการเมืองอยู่ 1 ปี แล้วย้ายไปอยู่กับพระอธิการสุก วัดหลักป้อม จ.สมุทรสงคราม เรียนทางพระปริยัติธรรมและบาลีธรรมอยู่หลายปี จนอายุย่าง 19 ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณร กระทั่งอายุ 21 ปี จึงอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหลังป้อม ได้รับฉายาว่า “ปุญญนาโค” เริ่มศึกษาวิปัสสนาธุระและรับการถ่ายทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม นอกจากนี้ยังได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อเอี่ยม วัดลัดด่าน และหลวงพ่อภู่ วัดบางกะพ้อม จนมีเกียรติคุณเลื่องลือด้านวิทยาคมอย่างยอดเยี่ยม ต่อมาในปี 2464 ท่านได้ลาสิกขาออกมาช่วยครอบครัว และแต่งงานกับนางแจ่ม มีบุตร 1 คน ก่อนที่จะเลิกร้างกันไป และเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งที่วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี จำพรรษาอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนมาสร้างวัดวังก์พง ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวบ้านหัวหินได้พร้อมใจกันสร้าง “วัดอัมพาราม” ขึ้น ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดหัวหิน” จากนั้นขุนศรีเสละคาม (พลอย กระแสสินธุ์) กำนันโต และผู้ใหญ่กล่ำ เป็นตัวแทนชาวบ้านไปอาราธนาท่านมาเป็นเจ้าอาวาส เพราะเป็นที่เคารพเลื่อมใสของคนในท้องถิ่นนั้น นับแต่นั้นมาท่านได้พัฒนาวัดหัวหินจนกระทั่งมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมวัดอื่นๆ บั้นปลายชีวิตหลวงปู่นาคเริ่มอาพาธด้วยโรคบวมตามข้อ ปี พ.ศ.2475 รักษาตัวเรื่อยมาอาการไม่หายขาด ก่อนที่จะมรณภาพเมื่อเวลา 15.53 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2477 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสปกครองยาวนานถึง 38 ปี มีอายุพรรษาได้ 43 พรรษา จากนั้นมาได้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสต่อมาจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 10 รูป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มทร.รัตนโกสินทร์ พัฒนาศักยภาพการศึกษาไมซ์

มทร.รัตนโกสินทร์ พัฒนาศักยภาพการศึกษาไมซ์

วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตวังไกลกังวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการศึกษาไมซ์ภาคตะวันตก ภายใต้กิจกรรม “การจัดงานอีเวนต์อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดขยะเหลือศูนย์ ระหว่างวันที่ 23 – 24 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ วานานาวา หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มี รองศาสตราจารย์วิวรณ์ วงศ์อรุณ คณบดีคณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว อาจารย์วรินทร คเชนทร์เดชา รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะวิทยากร อาจารย์ และนักศึกษาสาขาการจัดประชุมนิทรรศการและอีเวนต์ ปี 1 – 3 จำนวน 80 คน เข้าร่วมการอบรม

รองศาสตราจารย์วิวรณ์ วงศ์อรุณ กล่าวว่า คณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ร่วมกับเครือข่ายการศึกษาไมซ์ภาคตะวันตก จัดโครงการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการศึกษาไมซ์ภาคตะวันตก ร่วมสนับสนุนโดย MICE Academy, MICE Capabilities และ TCEB (Zero Waste for Sustainable Event Management) เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดงานอีเวนต์อย่างยั่งยืน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถจัดงานอีเวนต์ที่ลดขยะให้เหลือศูนย์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมเท่านั้น ยังสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลกําไรและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กรของผู้จัดงาน โดยวิทยากรจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB) มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) โดยมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้เกิดองค์ความรู้และความเข้าใจในการจัดงานอีเวนต์ด้วยแนวคิดขยะเหลือศูนย์ 2.เพื่อให้เกิดองค์ความรู้และความเข้าใจในการจัดงานอีเว้นต์อย่างยั่งยืน 3.เพื่อให้มีทักษะการออกแบบและการจัดงานอีเวนต์อย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดขยะเหลือศูนย์.