Categories
ข่าว ทั้งหมด

จรูญศักดิ์ เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 เขาน้อยปราณบุรีคนใหม่

จรูญศักดิ์เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 เขาน้อยปราณบุรีคนใหม่

หลังจากที่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน บ้านเขาน้อยฝั่งตะวันออก หมู่ 2 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ว่างลงเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา อำเภอปราณบุรีจึงกำหนดให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้านในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2566 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 15.00 มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 2,923 คน ปรากฏว่ามาใช้สิทธิ 1,574 คน

โดยที่บริเวณศาลาประชาคม มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี มีหน่วยเลือกตั้ง 2 หน่วย พร้อมแต่งตั้งนายจักรชัย เขียวกระจ่าง ปลัดอาวุโส เป็นประธานกรรมการหน่วยเลือกตั้งที่ 1 และนางสุวิมล ทองห่อ ปลัดอำเภอ เป็นประธานกรรมการหน่วยเลือกตั้งที่ 2 หลังเปิดหีบเลือกตั้งในช่วงเช้าจนถึงบ่าย มีประชาชนเดินทางมาลงคะแนนเลือกผู้ใหญ่บ้านกันอย่างคึกคัก โดยมีนายปรีดา สุขใจ นายอำเภอปราณบุรี เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน

ซึ่งการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้ มีผู้สมัครสนใจลงสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน จํานวน 5 คน ดังนี้ เบอร์ 1 นางเสาวลักษณ์ พรหมวิจิตร, เบอร์ 2 นายทรงกลด มีวรรณะ, เบอร์ 3 นายจรูญศักดิ์ ปราณประดิษฐ์, เบอร์ 4 นายณัฐกาญจน์ บัวคลี่ และเบอร์ 5 นายพรหมมา อิ่มชู

จนกระทั่งเวลา 15.00 น. คณะกรรมการประจําหน่วยเลือกตั้ง ได้ทําการปิดหีบ พร้อมตรวจนับจำนวนบัตรว่าตรงกับผู้ที่มาลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่ โดยมีผู้ให้การสนับสนุนและกองเชียร์ของผู้ลงสมัครทั้ง 5 คน มาร่วมให้กําลังใจและคอยสังเกตการณ์ตลอดจนนับคะแนนเสร็จสิ้น มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 1,574 คน บัตรดีไม่ประสงค์ลงคะแนน 16 ใบ บัตรเสีย 40 ใบ

ผลปรากฏว่าเบอร์ 3 นายจรูญศักดิ์ ปราณประดิษฐ์ ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ด้วยคะแนน 1,112 คะแนน ลำดับที่ 2 นายทรงกลด มีวรรณะ เบอร์ 2 ได้ 284 คะแนน, ลำดับที่ 3 นางเสาวลักษณ์ พรหมวิจิตร เบอร์ 1 ได้ 79 คะแนน ลำดับที่ 4 นายพรหมมา อิ่มชู เบอร์ 5 ได้ 31 คะแนน และลำดับที่ 5 นายณัฐกาญจน์ บัวคลี่ เบอร์ 4 ได้ 12 คะแนน.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กิ่งกาชาดหัวหิน มอบทุนการศึกษานักเรียนยากจน ถวายเป็นพระราชกุศล

กิ่งกาชาดหัวหิน มอบทุนการศึกษานักเรียนยากจน ถวายเป็นพระราชกุศล

วันที่ 22 มิถุนายน 2566 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดโครงการให้การสังคมสงเคราะห์ มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากจนในเขตพื้นที่อำเภอหัวหิน ประจำปี 2566 ที่ห้องโสตทัศนศึกษา โรงเรียนหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน คณะกรรมการและสมาชิกกิ่งกาชาดหัวหิน ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู บุคลากรทางการศึกษา และแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับ พร้อมด้วยนักเรียนในเขตพื้นที่อำเภอหัวหิน จำนวน 413 คน เข้ารับทุนการศึกษา สร้างความดีใจให้กับนักเรียนและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

นางอุษา พวงวลัยสิน กล่าวว่าโครงการดังกล่าว ดำเนินการโดยอำเภอหัวหิน ร่วมกับสำนักงานกิ่งกาชาดหัวหิน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองนักเรียนที่เดือดร้อนและด้อยโอกาส เป็นการสร้างฝันและกำลังใจให้เด็กนักเรียนที่ยากจนให้ได้รับทุนการศึกษาในเบื้องต้น และเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ส่งเสริมและเผยแพร่อุดมการณ์ตามพันธกิจของสภากาชาดไทยในการช่วยเหลือผู้ปกครองและเด็กนักเรียน สำหรับทุนการศึกษาในครั้งนี้เป็นเงินทีได้รับจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาและรายได้จากการจัดงานกาชาดและของดีอำเภอหัวหินที่ผ่านมา นำมาจัดทำโครงการมอบทุนการศึกษาเด็กยากจน จำนวนทั้งสิ้น 1,120 ทุนๆ ละ 1,000 บาท โดยวันนี้เป็นครั้งที่ 1 จำนวน 17 โรงเรียน 413 ทุน เป็นเงิน 413,000 บาท ครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแพรกตะคร้อ จำนวน 3 โรงเรียน 198 ทุน เป็นเงิน 198,000 บาท ครั้งที่ 3 ในวันที่ 5 กรกฎาคม ที่โรงเรียนหนองพลับวิทยาและโรงเรียนตำรวจนเรศวรป่าละอู จำนวน 18 โรงเรียน 509 ทุน เป็นเงิน 509,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,120,000 บาท.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลชะอำ จัดงานสมโภชเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองชะอำ ครั้งที่ 61

เทศบาลชะอำ จัดงานสมโภชเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองชะอำ ครั้งที่ 61

วันที่ 21 มิถุนายน 2566 นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองชะอำ คณะกรรมการศิษย์เจ้าพ่อเขาใหญ่ คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนชาวเมืองชะอำ ร่วมกันจัดพิธีอัญเชิญองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่และเทพพระเจ้าแห่รอบเมืองชะอำ ที่จัดมาเป็นประจำทุกปี ในงานเจ้าพ่อเขาใหญ่ ครั้งที่ 61 บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองชะอำ ระหว่างวันที่ 21 – 29 มิถุนายนนี้ เพื่อให้ประชาชนนักท่องเที่ยวที่นับถือได้กราบไหว้ขอพรองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองชะอำเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกันนี้ในภาคกลางคืน มีมหรสพ งิ้ว ภาพยนตร์สมโภชถวาย และมีสินค้าจำหน่ายอีกมากมาย

สำหรับเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นชื่อศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่ชาวชะอำให้ความเคารพศรัทธา มีความศักดิ์สิทธิ์นับมาจากโบราณกาล เดิมหมู่บ้านหน้าศาล (เจ้าพ่อเขาใหญ่) หมู่บ้านสระ และหมู่บ้านโค้งเขาใหญ่ อยู่ในความดูแลของชุมชนบ้านใหญ่ชะอำมาเป็นเวลา 10 ปี ต่อมาความเจริญได้แผ่ขยายเข้ามา มีคนมาอาศัยอยู่ในชุมชนเป็นจำนวนมาก ทำให้การดูแลของชุมชนบ้านใหญ่ชะอำไม่ทั่วถึง คณะกรรมการชุมชนบ้านใหญ่ชะอำและผู้นำชาวบ้านใน 3 หมู่บ้าน จึงเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะแยกชุมชนออกเป็น 2 ชุมชน โดยแยกหมู่บ้านหน้าศาล หมู่บ้านคันคลองชลประทาน (ชะอำ) หมู่บ้านแยกหุบกะพง และหมู่บ้านโค้งเขาใหญ่ ออกเป็นอีก 1 ชุมชน โดยใช้ชื่อว่าชุมชนเจ้าพ่อเขาใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นมา.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ บูรณาการภาคีเครือข่ายจัดโครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง

ประจวบฯ บูรณาการภาคีเครือข่ายจัดโครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง และทางนี้มีผลผู้คนรักกัน และกิจกรรมขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน มีนางพิสมัย ศักดิ์เกิด พัฒนาการอำเภอเมืองฯ นางอุราวรรณ ภู่เพ็ชร เกษตรอำเภอเมืองฯ นายพลสิทธิ์ เวที สาธารณสุขอำเภอ นายพงศ์นรินทร์ สุขประเสริฐ, น.ส.กัญจน์พร แทนรินทร์, น.ส.สุประวีณ์ ชัยบาล ปลัดอำเภอเมือง ส.ต.ฐนโรจน์ ชัยสิริธนานนท์ จิตอาสา 904 / สมาชิกสภาเทศบาลเมืองฯ นางสุคนธ์ สุขอนุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดประจวบฯ / ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรร่องแก้ว นายมานพ ครุฑเผือก กำนันตำบลเกาะหลัก นายมนัส สุขอนุเคราะห์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านหนองบัว นายมานพ มีจุ้ย อิหม่ามประจำมัสยิดนูรุสซอลิฮีน ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านหนองบัว ผู้แทนส่วนราชการ คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อส. และประชาชนจิตอาสา เข้าร่วม ณ ชุมชนบ้านหนองบัว หมู่ 4 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอเมืองประจวบฯ กล่าวว่า กิจกรรม “โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง และทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” โดยการปลูกผักสวนครัวในทุกครัวเรือน และขยายผลโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ซึ่งเมื่อครัวเรือนปลูกผักสวนครัวรับประทานเอง เหลือไปแบ่งปันเพื่อนบ้าน ถ้ามีจำนวนมากก็สามารถนำไปขายสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย การสร้างความมั่นคงทางอาหารสู่การปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว สร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในครัวเรือน ทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการบูรณาการภาคีเครือข่ายร่วมกันบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทำสิ่งที่ดี เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีความสุข นำไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน ขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

จากนั้น นายอำเภอได้มอบต้นไม้ให้กับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน จำพวกพืชผักสวนครัวและพืชสมุนไพร โดยร่วมกันนำไปปลูกบริเวณริมถนนซอยบ้านหนองบัว ซอย 3 – ถนนซอยมัสยิดนูรูสซอลิฮีน ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนของกลุ่มพี่น้องชาวมุสลิมอาศัยอยู่ ทั้งนี้ได้นำหลัก “บรม” (บ้าน – ราชการ – มัสยิด) มาปรับใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการในพื้นที่ รวมถึงการนำหลักการ กลไก 3 5 7 มาช่วยขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ด้วย 3 หมายถึง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชุมชน/หมู่บ้าน ระดับจังหวัด และระดับประเทศ 5 หมายถึง 5 กลไก ได้แก่ การประสานงานภาคีเครือข่าย การบูรณาการแผนงานและยุทธศาสตร์ การติดตามหนุนเสริมและประเมินผล การจัดการความรู้และการสื่อสารสังคม 7 หมายถึง 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน เพื่อช่วยกันพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ สร้างกลไกการรวมกลุ่มเพื่อให้เกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกันในพื้นที่ต่อไป

ต่อจากนั้น ได้เยี่ยมชมครัวเรือนต้นแบบ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ครัวเรือน น.ส.อุษาวดี นิลใบ บ้านเลขที่ 79/2 โดยใช้พื้นที่บริเวณหน้าบ้านในการปลูกผักสวนครัวและสมุนไพร เช่น กะเพรา ตะไคร้ มะเขือ มะละกอ ซึ่งเป็นการลดรายจ่ายภายในครัวเรือน และเป็นการสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน โดยเก็บผลผลิตออกจำหน่ายที่ตลาด และร้านค้าบริเวณชุมชนทุกวัน รายได้เฉลี่ยวันละ 200 – 300 บาท และครัวเรือนนางนิตยา สุขอนุเคราะห์ บ้านเลขที่ 214/7 ปลูกผักสวนครัวไว้ในพื้นที่ข้างบ้าน ประกอบด้วยมะเขือ พริก ถั่วฟักยาว ตะไคร้ ข่า แตงกวา ยอ มะระ มะละกอ เป็นต้น โดยนางนิตยา กล่าวว่าได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ซึ่งผักสวนครัวที่ปลูก นอกจากจะใช้กินใช้ในครัวเรือน ยังมีแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้าน และเก็บผลผลิตที่ได้จำหน่ายให้กับร้านค้าชุมชน แม่ค้าในชุมชน เฉลี่ยได้รายได้เสริมจากการปลูกผักสวนครัว เดือนละประมาณ 9,000 บาท

ด้านนายมนัส สุขอนุเคราะห์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 บ้านหนองบัว กล่าวว่า หมู่บ้านหนองบัว เป็นหมู่บ้านต้นแบบโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน ที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เสริมสร้างให้หมู่บ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้ แก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง และยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน สำหรับกิจกรรมบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน เป็นกิจกรรมที่ประชาชนในหมู่บ้านได้ร่วมกันคิด ร่วมกันบริหารจัดการ และร่วมแรงร่วมใจในการทำกิจกรรม เพื่อการเป็นหมู่บ้านพัฒนาสู่ความยั่งยืนต่อไป

ด้านนางสุคนธ์ สุขอนุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคณะกรรมการหมู่บ้านหนองบัว กล่าวเชิญชวนให้ทุกคนได้ริเริ่มปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ สร้างความมั่นคงให้กับตนเอง ลดรายจ่าย ทั้งยังเสริมสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว รวมถึงยังสามารถช่วยรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมต่อไป

นายอำเภอเมืองฯ ได้กล่าวทิ้งท้าย ว่าอาหารที่ดี เริ่มมาจากดินที่ดี ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ ชาวชุมชน ประชาชนจิตอาสาทุกท่าน ได้ร่วมไม้ ร่วมมือ ทำให้แผ่นดินของเรา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ สมกับเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ร่วมกันทำให้แผ่นดินนี้เป็นแหล่งก่อกำเนิดของอาหารเพื่อมวลมนุษยชาติ อาหารก่อกำเนิดเกิดจากดิน ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิต พลิกฟื้นแผ่นดินไทย ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อรักษาคุณภาพทางชีวภาพและเป็นแหล่งกำเนิดอาหารที่สมบูรณ์เพื่อหล่อเลี้ยงคนไทยและคนทั้งโลก “ดินดี อาหารดี สุขภาพดี ชีวีมีสุข” อย่างยั่งยืนสืบไป.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศกาลโคมแดงละลานตาในสวนทุเรียนออร์แกนิค บ้านเขาจ้าว

เทศกาลโคมแดงละลานตาในสวนทุเรียนออร์แกนิค บ้านเขาจ้าว

วันที่ 21 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปในพื้นที่ปลูกทุเรียนหมอนทอง บ้านแพรกตะลุย หมู่ 6 ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีพื้นที่การปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองจำนวนมาก ส่วนพันธุ์ชะนี ก้านยาว มีบ้างเล็กน้อย จำนวนรวมกัน 1,191 ไร่ ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 980 กิโลกรัมต่อไร่ ปริมาณผลผลิตทั้งหมดเมื่อปี 2565 ประมาณ 350 ตัน ในส่วนปี 2566 คาดการณ์ผลผลิตลดลงจากปีก่อน 40 – 50 % เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง

สำหรับที่เป็นไฮไลท์ คือสวนของคุณลุงพิมล สาลี อายุ 73 ปี เป็นเกษตรกรปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ตั้งแต่ปี 2540 โดยครั้งแรกนำพันธุ์ทุเรียนหมอนทองจากจังหวัดชุมพรมาปลูกจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาประมาณ 25 ปี ทุกปีที่ผ่านมาเมื่อถึงฤดูกาลที่ทุเรียนออกผล จะถูกศัตรูพืชเข้าทำลายผลทุเรียนให้เสียหายเป็นจำนวนมากทุกปี ต่อมาได้รับคำแนะนำจากเกษตรอำเภอปราณบุรีให้นำถุงมาห่อผลทุเรียนเพื่อป้องกันศัตรูผลทุเรียน จะทำให้ผลทุเรียนลดความเสียหาย ปีนี้เลยทดลองนำถุงที่เรียกว่า Magik Growth สีแดง มาห่อผลทุเรียน โดยจ้างคนงานปีนห้างขึ้นไปห่อผลทุเรียนที่กำลังออกผลผลิตเป็นจำนวนมาก จนมองเห็นจากระยะไกลเหมือนโคมสีแดง ลอยเด่นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ เหมือนเทศกาลตรุษจีน เมื่อเข้ามาใต้ต้นทุเรียน ก็พบกับความตื่นตากับห้างที่ทำจากไม้ไผ่และเหล็กเส้น เนื่องจากต้นทุเรียนปลูกมานานหลายสิบปี มีขนาดใหญ่ ต้นสูงขึ้นลำบาก เจ้าของสวนจึงได้ทำห้างไว้รอบๆ ต้นทุเรียน สำหรับขึ้นเก็บทุเรียนหรือขึ้นไปห่อผลทุเรียน โดยถักสานกันล้อมตามต้นทุเรียนเป็นชั้นๆ ขึ้นไปเกือบถึงยอด ดูแล้วเหมือนเป็นงานนวัตกรรมการถักทอ สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง

ลุงพิมล เจ้าของสวนทุเรียนหมอนทองออร์แกนิค กล่าวว่าทำสวนทุเรียนแบบไม่ได้ฉีดยา เว้นใส่ปุ๋ยเคมีมาเป็นหลายเดือน ใส่แต่ปุ๋ยหมัก ปลาหมัก ที่เป็นถุงสีแดง เกษตรอำเภอแนะนำเอามากันแมลง แต่กันกระรอกที่เป็นศัตรูของทุเรียนกันไม่ได้ แต่ว่าสีแดงกระรอกจะกลัว นกก็กันได้ พวกแมลงปากดูดกันได้หมด ตั้งแต่นำถุงสีแดงมาห่อผลทุเรียนในปีนี้ ให้ผลผลิตดีไม่ค่อยเสียหายจากพวกแมลงปากกัดปากดูด ป้องกันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เทียบเท่าฉีดยา สำหรับห้างที่สร้างไว้ล้อมรอบต้นทุเรียนเต็มหมด เพราะต้นทุเรียนสูง เก็บผลทุเรียนลำบาก เวลาไปครอบลูกก็ยาก เลยทำห้างเพื่อไปเก็บผลผลิตด้วย หลังจากนำถุงสีแดงมาห่อมีคนมาเห็นบอกว่าแปลกดี บางคนไม่รู้จักต้นทุเรียน ถามว่าเป็นดอกอะไร ที่สวนมีต้นทุเรียนทั้งหมด 47 ต้น ตายไป 2 ต้น ปีๆหนึ่งได้ผลผลิตพอสมควรประมาณ 4 – 5 ตัน ปลูกมานาน 25 ปีแล้ว

ด้านนายศิริชัย บัวทอง เกษตรอำเภอปราณบุรี กล่าวว่าสวนทุเรียนที่เห็นเป็นสีแดงทั้งสวน เป็นถุงที่ใช้ในการป้องกันพวกกระรอกที่มาเจาะผลทุเรียน ทำให้กระรอกไม่สามารถมาเจาะผลทุเรียนได้ ป้องกันศัตรูพวกเพลี้ยต่างๆ เพลี้ยแป้งจะเข้ามาทำลายไม่ได้ จากการที่นำถุงมาคลุมทุเรียน ทำให้ผลผลิตผิวสวยผิวดี คุณภาพก็ดี เป็นปีแรกที่มาทดลองให้กับกลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนเขาจ้าวได้ใช้ เป็นที่พอใจของเกษตรกร

สำหรับถุงชนิดนี้เรียกว่า Magik Growth นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน ทำให้เปลือกบาง เนื้อหนาขึ้น ช่วยลดสารเคมี เพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวน เป็นงานวิจัยที่มาจากมหาวิทยาลัยมาถ่ายทอดให้กับเกษตรกรได้ทดลอง จากการเก็บข้อมูลภายในลูกทุเรียน พบว่าทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีความหนาของเปลือกบางลงร้อยละ 30 ทำให้ได้น้ำหนักรวมผลทุเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เนื้อมากขึ้นและสีเนื้อเหลืองขึ้น และการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ไม่มีผลต่อการแก่ของผลทุเรียนบนต้น โดยผลที่ห่อมีการสะสมน้ำหนักแห้งเพิ่มขึ้น.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดประชุมสภากาแฟ ครั้งที่ 8 ที่อ่าวประจวบฯ

ประจวบฯ จัดประชุมสภากาแฟ ครั้งที่ 8 ที่อ่าวประจวบฯ

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายกิตติพงษ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในการประชุมสภากาแฟ ครั้งที่ 8 ประจำเดือนมิถุนายน 2566 ที่ห้องอาหารเดอะวิว โรงแรมหาดทอง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้ชื่อกิจกรรมกาแฟยามเช้า ที่อ่าวประจวบฯ ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น มีนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ทหารบก ทหารอากาศ ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจทางหลวง เข้าร่วมกิจกรรม

สำหรับกิจกรรมสภากาแฟนี้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยปรึกษาหารือในรูปแบบไม่เป็นทางการ เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์การทำงาน นำปัญหาของแต่ละหน่วยงานมาร่วมหารือ เพื่อหาทางแก้ไขให้กับประชาชน รวมถึงประชาสัมพันธ์การดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ ระหว่างหน่วยงาน ให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

โดยได้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนร่วมกิจกรรมงานเทศกาลผลไม้และของดีตะนาวศรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปี 2566 ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตในกระบวนการสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ผลิตและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและเกษตรกรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นการสร้างโอกาสขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของเกษตรกร กระจายสู่ผู้ซื้อและผู้บริโภคอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ยังเชิญชวนข้าราชการและประชาชน เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศล เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถวัดธรรมิการามวร วิหาร อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 เวลา 15.00 น. และเชิญชวนร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. ณ วัดสามร้อยยอด ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์.

ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ขนส่งประจวบฯ อบรมฝึกทักษะนักเรียนขับขี่ปลอดภัย ภายใต้โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่

ขนส่งประจวบฯ อบรมฝึกทักษะนักเรียนขับขี่ปลอดภัย ภายใต้โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายกิตชพัสฐ์ เกตุแก้ว หัวหน้าฝ่ายใบอนุญาตขับรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดโครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ให้กับนักเรียนระดับมัธยม โรงเรียนประจวบวิทยาลัย จำนวน 150 คน ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย ขณะเดินทางไปกลับโรงเรียน พร้อมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรและสัญญาณจราจรอย่างถูกต้อง เพื่อให้นักเรียนมีความปลอดภัยขณะใช้รถใช้ถนน และลดจำนวนสถิติการเกิดอุบัติเหตุกับนักเรียน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

นายกิตชพัสฐ์ เกตุแก้ว กล่าวว่ากิจกรรมที่จัดวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งกองทุนนี้ได้เงินจากการประมูลแผ่นป้ายทะเบียนรถเลขสวยของแต่ละจังหวัด โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับการสนับสนุนให้จัดกิจกรรมนี้กับนักเรียนจำนวน 3 รุ่นๆ ละ 50 คน รวมทั้งสิ้น 150 คน เป็นการอบรมทฤษฎี 5 ชั่วโมง และภาคปฏิบัติอีก 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงให้ทำข้อสอบ 50 ข้อ ซึ่งจะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 45 ข้อ หลังจากสอบผ่านแล้วจะได้รับใบอนุญาตขับรถ หรือใบขับขี่ ซึ่งโครงการนี้เป็นการแก้ปัญหาอุบัติเหตุกับนักเรียน เนื่องจากที่ผ่านมา นักเรียนส่วนหนึ่งไม่ได้รับความรู้เรื่องการขับขี่อย่างปลอดภัย และกฎหมายด้านการจราจร ฉะนั้นหลังจากเข้ารับการอบรมครั้งนี้ผ่านแล้ว นักเรียนจะได้รับความรู้เกี่ยวการใช้รถใช้ถนนและการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยคาดหวังว่านักเรียนที่ผ่านการอบรมจะขับรถอย่างปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุ ในอนาคต

ซึ่งจะมีการติดตามผลนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทุกๆ 3 เดือน ว่านักเรียนมีการใช้รถใช้ถนนแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ หลังจากนั้นจะรายงานผลให้กรมการขนส่งทางบกได้รับรู้ต่อไป ส่วนเรื่องการตัดแต้ม ตัดคะแนน เป็นไปตามกฎหมายจราจร ซึ่งเริ่มบังคับใช้ในปีที่ผ่านมานี้ หากมีการปฏิบัติผิดกฎจราจรก็จะมีการตัดแต้ม ตัดคะแนน และต้องมาขอคืนแต้มด้วยการขอเข้ารับการอบรมที่สำนักงานขนส่ง ซึ่งการขับขี่อย่างปลอดภัย ทุกคนต้องเริ่มจากการตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมใช้งาน เมื่อสภาพรถดีสภาพถนนดี มีความรู้เรื่องกฎจราจร จะทำให้อุบัติเหตุลดลงได้แน่นอน.

ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กสทช. อบรมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม กรณีภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินที่ประจวบฯ

กสทช. อบรมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม กรณีภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินที่ประจวบฯ

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม โดยใช้คลื่นความถี่ในการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ เอกชนและประชาชน กรณีภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน จัดโดยสำนักงาน กสทช. ภาค 4 และสำนักงาน กสทช. เขต 45 ที่ห้องประชุมโยธิน โรงแรมหาดทอง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายวสันต์ เริงสมุทร ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 45 กล่าวว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคใต้เป็นพื้นที่ราบ สลับกับภูเขาสูง และติดชายฝั่งทะเล เกิดภัยพิบัติทุกปีและมีแนวโน้มความรุนแรงทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น สำนักงาน กสทช. เขต 45 จึงได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ฝึกซ้อมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม โดยใช้คลื่นความถี่ในการติดต่อประสานงาน ระหว่างหน่วยงานของรัฐ เอกชนและประชาชน กรณีเกิดภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการติดต่อสื่อสาร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ให้มีการเตรียมความพร้อม แก้ไขข้อขัดข้องการใช้โทรศัพท์ประจำที่, โทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงระบบโทรคมนาคมอื่นๆ ให้สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ เป็นการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยให้กับประชาชน และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย ตลอดจนการประกาศประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร รับแจ้งเหตุ และรายงานสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การอบรมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมทั้งสิ้น 115 คน ประกอบด้วยตัวแทนหน่วยงานของรัฐ เอกชนและประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 34 หน่วยงาน ระยะเวลาในการอบรม 1 วัน ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงาน กสทช. ภาค 4

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.ประจวบฯ จ่ายค่าย้ายเสาไฟฟ้าแรงสูงบ้านพักทั้งหมด หลังโผล่กลางถนนทำชาวบ้านเดือดร้อน

รพ.ประจวบฯ จ่ายค่าย้ายเสาไฟฟ้าแรงสูงบ้านพักทั้งหมด หลังโผล่กลางถนนทำชาวบ้านเดือดร้อน

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 จากกรณีชาวบ้านผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรเข้าออก ผ่านบริเวณถนนสุขใจ ซอย 15 เนื่องจากมีเสาหม้อแปลงไฟแรงสูงขนาดใหญ่ของบ้านพักเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ขวางบริเวณกลางถนน ด้านหน้าสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดประจวบฯ (ส.ป.ก.) ทำให้ประชาชนที่ใช้สัญจรผ่านไปมาและเดินทางไปติดต่อราชการที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด ได้รับความลำบาก เนื่องจากเป็นทางสามแยก ซึ่งไม่สามารถเลี้ยวหรือวิ่งสวนกันได้

ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่าบริเวณพื้นที่ตั้งเสาไฟฟ้าดังกล่าวเดิมเป็นพื้นที่รกร้าง และเป็นเสาไฟฟ้าภายในของบ้านพักเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประจวบฯ ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีถนน ต่อมาเมื่อมีความเจริญมากขึ้น มีการสร้างถนนและตัดขยายทาง เป็นเหตุทำให้เสาไฟฟ้าดังกล่าวโผล่ขึ้นอยู่กลางถนนดังที่เห็นในปัจจุบันผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่าบริเวณพื้นที่ตั้งเสาไฟฟ้าดังกล่าวเดิมเป็นพื้นที่รกร้าง และเป็นเสาไฟฟ้าภายในของบ้านพักเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประจวบฯ ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีถนน ต่อมาเมื่อมีความเจริญมากขึ้น มีการสร้างถนนและตัดขยายทาง เป็นเหตุทำให้เสาไฟฟ้าดังกล่าวโผล่ขึ้นอยู่กลางถนนดังที่เห็นในปัจจุบัน

นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าโรงพยาบาลทราบเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนบริเวณจุดนี้แล้ว เดิมทีถนนเส้นนี้แคบ เสาไฟฟ้านี้ไม่ได้อยู่กลางถนน แต่อยู่ข้างถนน ต่อมามีการขยายถนนเพิ่มขึ้น จึงทำให้เสาไฟฟ้ามาอยู่กลางถนน และผมเพิ่งจะทราบเรื่องนี้ จึงได้ให้ฝ่ายบริหารประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแก้ปัญหาจุดนี้ ให้มีการรื้อถอนและย้ายออก ถ้ามีค่าใช้จ่ายทางโรงพยาบาลยินดีรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขอให้สบายใจได้ และผมจะเร่งรัดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะเสร็จทันก่อนผมเกษียณอายุราชการ ซึ่งจะช้าหรือเร็ว ต้องไปเร่งกับการไฟฟ้าฯ ว่าจะมีการวางแผนหรือออกแบบการวางสายอย่างไร เนื่องจากเป็นไฟฟ้าแรงสูง.

ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลประจวบฯ จัดเทศกาลอาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นถิ่น

เทศบาลประจวบฯ จัดเทศกาลอาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นถิ่น

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เทศบาลเมืองประจวบฯ ร่วมกับชมรมส่งเสริมสินค้าไทย ภาคเอกชน ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม จัดงานเทศกาลอาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นถิ่น ครั้งที่ 6 ขึ้น ระหว่างวันที่ 19 – 28 มิถุนายน 2566 ที่บริเวณถนนเลียบชายทะเลอ่าวประจวบฯ หน้าเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯและนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมเปิดงาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาชิมของอร่อยเมืองสามอ่าว มีการจำหน่ายอาหารและสินค้าจากทั้ง 15 ชุมชน การแข่งขันแกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่ ซึ่งจัดเป็นอาหารพื้นถิ่นเมืองประจวบคีรีขันธ์จากวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร คือสับปะรด และหอยแมลงภู่

นอกจากนี้ยังมีการออกร้านค้าจำหน่ายอาหารพื้นเมืองจากชุมชน เช่น งบทะเลย่าง ห่อหมก จับหลัก สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมหมี่กรอบ ขนมฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ผัดไทย ข้าวผัดสับปะรด ยำสับปะรด ขนมไส่ใส้ ขนมกล้วย หอยทอด เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร ภายในงานยังมีร้านค้าถนนคนเดินอ่าวประจวบฯ คาราวานสินค้าชนิดต่างๆ ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมงานได้จนถึงวันที่ 28 มิถุนายนนี้.