Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.ประจวบฯ เพิ่มหออภิบาลผู้ป่วย ICU รองรับผู้ป่วยอาการหนักได้อีก

รพ.ประจวบฯ เพิ่มหออภิบาลผู้ป่วย ICU รองรับผู้ป่วยอาการหนักได้อีก

วันที่ 18 กันยายน 2566 นพ.อารักษ์ วงษ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดหออภิบาลผู้ป่วยหนัก ( ICU ) มี นพ.วัชรพงษ์ เหลืองไพรัตน์ รองผู้อำนวยการภารกิจด้านบริการทุติยภูมิและตติยภูมิ กล่าวรายงาน และมี นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ นพ.ทรงฉัตร ศิริโยธิพันธุ์ อดีตรองผู้อำนวยการ รพ.ประจวบฯ นายอุดมศักดิ์ แสงวณิช รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร น.ส.รัฎฐากร แสงเทียนทอง รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล นพ.สุขเกษม อมรสุนทร หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม ผู้อำนวยการ/ผู้แทน รพ.สต.ในพื้นที่อำเภอเมืองฯ สาธารณสุขอำเภอเมือง ผู้แทนโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัด แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รพ.ประจวบฯ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและชุมชน (อสม.) เข้าร่วมที่ชั้น 1 อาคารผู้ป่วยใน โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

นพ.วัชรพงษ์ เหลืองไพรัตน์ รองผู้อำนวยการ กล่าวว่า โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ระดับ S ขนาด 278 เตียง มีหออภิบาลผู้ป่วยหนัก 1 หอ อยู่ชั้น 2 อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน ให้การดูแลผู้ป่วยวิกฤติทุกสาขา เช่น อายุรกรรมทั่วไป อายุรกรรมโรคไต ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมทางสมอง เป็นต้น ดูแลผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 20 กิโลกรัมขึ้นไป มีจำนวนเตียง 12 เตียง ประกอบด้วยเตียงสามัญ และห้องแรงดันลบจำนวน 1 ห้อง ให้การดูแลผู้ป่วย ทั้งในเขตอำเภอเมืองฯ และโรงพยาบาลเครือข่ายจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ส่งต่อมารับการรักษา ให้การดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง โดยทีมแพทย์และพยาบาลที่มีความรู้ ความสามารถในการดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤติ/ฉุกเฉิน และได้รับการฝึกฝนทักษะพิเศษในการใช้เครื่องมือพิเศษในการดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤติ/ฉุกเฉิน และมีทีมสหสาขาวิชาชีพ ในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะอันตรายที่คุกคามชีวิต ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้

ปัจจุบันมีผู้ป่วยวิกฤติที่มารับบริการมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้จัดตั้งหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) เพิ่มอึก 1 แห่ง ที่ชั้น 1 อาคารผู้ป่วยใน สามารถให้การดูแลผู้ป่วยได้จำนวน 12 เตียง พร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยวิกฤติให้เพียงพอ เหมาะสม โดยยึดหลักการทำงานเป็นทีม ประกอบกับความชำนาญและประสบการณ์ในการช่วยชีวิต รวมถึงการใช้อุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทีมแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง เป็นการยกระดับการให้บริการของโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานวิชาชีพ ลดอัตราการเสียชีวิต ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

นพ.อารักษ์ วงษ์วรชาติ ผู้อำนวยการฯ กล่าวว่า จากปัญหาและความสำคัญของดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤติที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงได้จัดตั้งหออภิบาลผู้ป่วยเพิ่ม เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยมีทีมแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการช่วยชีวิต รวมถึงการใช้อุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้การดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง เป็นการยกระดับการให้บริการของโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ลดความแออัด ลดการส่งต่อ เพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษา

นอกจากนี้ เพื่อรองรับแพทย์เฉพาะทางที่มีจำนวนสาขาเพิ่มมากขึ้น มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย รวมถึงสามารถรองรับผู้ป่วยภาวะวิกฤติที่ได้รับการส่งต่อมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดประจวบฯ ดูแลโรงพยาบาลภายในเครือข่ายได้อย่างเหมาะสม สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ให้ได้รับการบริการที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐานแห่งวิชาชีพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน และโรงพยาบาลประจวบฯ จะพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ทันสมัย เพื่อประชาชนสุขภาพดีต่อไป.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

วัฒนธรรมประจวบฯ ยึดหลักวิปัสสนากรรมฐาน สร้างสติในการดำเนินชีวิต

วัฒนธรรมประจวบฯ ยึดหลักวิปัสสนากรรมฐาน สร้างสติในการดำเนินชีวิต

วันที่ 17 กันยายน 2566 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมวิปัสสนาเพื่อคนทั้งมวล ภายใต้โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเพื่อคนทั้งมวล ประจำปี พ.ศ.2566 ที่วัดเกาะหลัก พระอารามหลวง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดเกาะหลัก พระอารามหลวง ส่วนราชการ หน่วยงานภาคีเครือข่ายวัฒนธรรม ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน เพื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เรียนรู้หลักธรรม และหลักการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา ทำจิตใจให้สงบ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีนางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ มีนายชาญวิทย์ อุณหสุทธิยานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พุทธศาสนิกชน และคณะครูสมาธิ เข้าร่วมกิจกรรม

ภายในกิจกรรม มุ่งเน้นเสริมสร้างศักยภาพให้เด็กเยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ คนด้อยโอกาส และข้าราชการในกระบวนการยุติธรรม มีทัศนคติในการปฏิบัติงาน และการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามหลักธรรม ยึดมั่นในหลักคำสอนทางศาสนา เป็นคนดีของสังคม ด้วยการสอนหลักวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติกรรมฐาน 40 วิธี รวมไปถึงการเดินจงกรม ปฏิบัติธรรม และฝึกทำสมาธิทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย โดยมีพระเมธีคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเกาะหลัก พระอารามหลวง รองเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แสดงธรรมเทศนา

นางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าการจัดกิจกรรมนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมให้เด็กเยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส คนในกระบวนการยุติธรรม และประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้หลักการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา สามารถช่วยพัฒนาสมรรถนะทางจิตใจให้สงบ มั่นคง มีสติ และนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ ให้นักเรียนชายอุ้มท้องแทนผู้หญิงเรียนรู้ความลำบาก ป้องกันวัยรุ่นท้องก่อนวัย

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ ให้นักเรียนชายอุ้มท้องแทนผู้หญิงเรียนรู้ความลำบาก ป้องกันวัยรุ่นท้องก่อนวัย

วันที่ 17 กันยายน 2566 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่าย เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นด้วยมิติวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ห้องสามอ่าวแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบฯ ร่วมกันจัดขึ้น มีนางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวรายงาน มีนายชาญวิทย์ อุณหสุทธิยานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ นายยูซบ โต๊ะวัง ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบฯ นายสุรสิทธิ์ เปียสังข์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ น.ส.วารุณี ดอกจันทร์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบฯ นางจารุณี ศราภัยวานิช พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทีมงาน ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้กับวัยรุ่นเยาวชนนักเรียนในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบฯ กว่า 100 คน

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ระหว่างวันที่ 17 – 18 กันยายน 2566 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นตัวแทนจากสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตัวแทนจากศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา พร้อมด้วยคณะครูโรงเรียนต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งเสริมให้เยาวชน ประชาชน เกิดจิตสำนึกในวัฒนธรรมอันดีงามในเรื่องการรักนวลสงวนตัว และน้อมนำหลักคำสอนทางศาสนามาประพฤติปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นให้ลดลง

ภายในกิจกรรมมีการเสวนา หัวข้อมิติวัฒนธรรมและบทบาทขององค์กรเครือข่ายกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ให้บรรลุเป้าหมาย การนำเสนอบทบาทของเยาวชนกับการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นด้วยมิติวัฒนธรรม การดำเนินงานด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ในวัยรุ่นและเยาวชนและปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การบรรยายพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงแนวทางการดำเนินงานศูนย์ช่วยเหลือวัยรุ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ศชร.) การวางแผนครอบครัว และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การสื่อสารเชิงบวกและเส้นชีวิตสำหรับวัยรุ่นและเยาวชน เป็นต้น

นางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้การลดอัตราการคลอดในวัยรุ่นอายุระหว่าง 15 – 19 ปี เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่นานาชาติต้องบรรลุให้ได้ภายในปี พ.ศ.2573 โดยกำหนดให้ลดอัตราการคลอดในวัยรุ่นอายุ 10 – 14 ปี และอายุ 15 – 19 ปี เพื่อสร้างหลักประกันให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคนทุกเพศทุกวัย การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาด้านสุขภาพ แต่ยังเป็นปัญหาด้านประชากรที่ส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอีกด้วย

ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวให้โอวาทกับเยาวชนตอนหนึ่ง ว่าปัญหาการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นก่อนวัยอันควร ต้องปลูกฝังด้วยวิธีการที่ให้วัยรุ่นรู้จักการป้องกัน โดยเฉพาะผู้ชายซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหา จะต้องให้ผู้ชายได้รับรู้ถึงความยากลำบากของฝ่ายหญิงเวลาตั้งครรภ์อุ้มท้อง ซึ่งมีน้ำหนัก 2 – 3 กิโลกรัม ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง การนอน การเดิน การใช้ชีวิตตลอด 9 เดือน รวมไปถึงความเจ็บปวดทรมาน หากมีการทำแท้ง แถมฝ่ายหญิงยังต้องถูกให้ออกจากโรงเรียน โอกาสนี้จึงได้ใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวให้นักเรียนชายซื้อถุงยางอนามัย มาสาธิตการป้องกัน รวมไปถึงสาธิตให้ฝ่ายชายทดลองการอุ้มท้อง เพื่อให้วัยรุ่นชายได้รับรู้ถึงความลำบากในการอุ้มท้องของฝ่ายหญิง เพื่อการยั้งคิดก่อนคึกคะนอง.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

วัดห้วยมงคล อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานยอดพระเกศหลวงพ่อโสธรองค์ใหญ่

วัดห้วยมงคล อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานยอดพระเกศหลวงพ่อโสธรองค์ใหญ่

วันที่ 15 กันยายน 2566 พระพิศาลสิทธิคุณ หรือท่านเจ้าคุณไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล มอบหมายให้พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม (หลวงพ่อนิล) อาศรมศรีชัยรัตนโคตร เป็นประธานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนกรามจากประเทศศรีลังกา บรรจุในพระอบทองคำ นำขึ้นไปประดิษฐานยังยอดพระเกศหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่ ที่วัดห้วยมงคล ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ ท่ามกลางปรากฏการณ์ท้องฟ้าเปิด เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเจิดจรัสอยู่ตรงปลายยอดพระเกศ เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักในขณะประกอบพิธี มีนายเชาวรัตน์ เกิดทอง นายก อบต.ทับใต้ และพุทธศานิกชนจำนวนมากร่วมในพิธี ตามที่สาส์นจากนายรนิล วิกรมสิงหะ ประธานาธิบดีประเทศศรีลังกา ได้ให้ผู้แทนนำไปถวายแด่ท่านพระพิศาลสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ลงวันที่ 28 มกราคม 2566 ความว่า ประเทศศรีลังกาและประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีทางด้านพระพุทธศาสนามาเป็นระยะเวลานาน และเมื่อครั้งพระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกาได้เสื่อมถอยลงมาจนถึงขั้นวิกฤติ พระมหากษัตริย์ศรีลังกาสมัยนั้นได้นิมนต์พระสงฆ์สยามไปช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาโดยความร่วมมือจากประเทศไทยจึงได้ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ ภายใต้นิกายที่เรียกว่า สยามนิกาย ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธศาสนานิกายสำคัญในศรีลังกา รวมระยะเวลา 270 ปีจนถึงปัจจุบัน

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและกระชับความสัมพันธ์อันดีทางวัฒนธรรมและศาสนาระหว่างประเทศไทยและประเทศศรีลังกา รัฐบาลประเทศศรีลังกาได้ขอความเมตตาอนุเคราะห์จากพระพิศาลสิทธิคุณ ช่วยจัดพิธีอุปสมบทหมู่ให้กับชาวพุทธประเทศศรีลังกาจำนวน 95 รูป และบวชเนกขัมมจาริณี (ชีพราหมณ์) จำนวน 117 คน ซึ่งวัดห้วยมงคลได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ สมเด็จพระสังฆราชประเทศศรีลังกา ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนำมาถวายแด่พระพิศาลสิทธิคุณ เพื่อให้ประชาชนชาวพุทธได้กราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

จิตอาสาสามร้อยยอด Big cleaning พร้อมรับการตรวจเยี่ยม โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5

จิตอาสาสามร้อยยอด Big cleaning พร้อมรับการตรวจเยี่ยม โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5

วันที่ 14 กันยายน 2566 นายมนต์ชัย หนูสาย นายอำเภอสามร้อยยอด ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาวัด มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ สารวัตร แพทย์ประจำตำบล ครูและนักเรียนจากโรงเรียนเทศบาล 1 บ้านตาลเจ็ดยอด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร และประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรมกันอย่างพร้อมเพรียงที่บริเวณวัดตาลเจ็ดยอด หมู่ 4 ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์

สำหรับโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 มีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำให้ชุมชน บ้าน วัด โรงเรียน มีเป้าหมายให้ผู้เข้าร่วมโครงการ พัฒนานิสัยที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น รักการนั่งสมาธิ รักการรักษาศีล 5 รักความสะอาด มีระเบียบวินัย คิดดี ทำดี พูดจาไพเราะ และบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงให้ครอบครัวของผู้เข้าร่วมโครงการ มีความอบอุ่น รักและเข้าใจกัน เยาวชนบุตรหลานมีพฤติกรรมที่ห่างไกลจากยาเสพติดอบายมุข

โดยวันนี้ร่วมกันกันทำความสะอาด ปรับปรุงภูมิทัศน์ เก็บขยะและกำจัดวัชพืชภายในบริเวณวัดให้ดูสะอาดตา เพื่อเตรียมความพร้อมรับการตรวจเยี่ยมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 และยังเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการกับประชาชนอีกด้วย.

ภาพ/ข่าว : ฐิติชญา แสงสว่าง

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลบ้านกรูด ร่วมกับชุมชนพัฒนาทางสาธารณะ ให้สะอาดสวยงามรองรับนักท่องเที่ยว

เทศบาลบ้านกรูด ร่วมกับชุมชนพัฒนาทางสาธารณะ ให้สะอาดสวยงามรองรับนักท่องเที่ยว

วันที่ 14 กันยายน 2566 นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในเขตเทศบาล ร่วมกันพัฒนารักษาสิ่งแวดล้อม เก็บขยะ ทำความสะอาดในทางสาธารณะตามชุมชน ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง

นายอิศรา กาญจนรัตน์ เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลบ้านกรูด เดิมมี 12 ชุมชน ต่อมากระทรวงมหาดไทยให้ยกเลิกชุมชนในเขตเทศบาลตำบล ทางเทศบาลได้ยื่นเรื่องไปที่กระทรวงมหาดไทย ทำให้มีการแต่งตั้งชุมชนใหม่ในเขตเทศบาลตำบล เป็น 4 ชุมชน ตอนนี้ทุกชุมชนมีความเข้มแข็งมาก โดยเฉพาะการจัดงานที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นงานวันแม่ งานลอยกระทง และวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ชุมชนต่างๆ จะเข้ามามีส่วนร่วมในแต่ละปี และเทศบาลจะจัดสรรงบประมาณให้แต่ละชุมชน ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท แล้วแต่ชุมชนจะไปพัฒนาอะไร

วันนี้มาพัฒนาที่ชุมชนต้นยางแหลมใหญ่ และวันต่อไปที่ชุมชนทุ่งเรือยาว ส่วนอีก 2 ชุมชน จะกำหนดวันอีกครั้ง โครงการนี้เริ่มเดือนนี้เป็นเดือนแรก ตั้งแต่ตัดหญ้าสองข้างทาง เก็บขยะ ตัดต้นไม้ ปรับปรุงพื้นที่ ร่วมกันพัฒนารักษาสิ่งแวดล้อม ทำความสะอาดทางสาธารณะในชุมชน ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทั้งชายหาดบ้านกรูดและวัดทางสาย.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

การไฟฟ้าประจวบฯ จัดระเบียบสายสื่อสารประจำปี

การไฟฟ้าประจวบฯ จัดระเบียบสายสื่อสารประจำปี

วันที่ 13 กันยายน 2566 นายสุรวุฒิ น้อยนิมิตร ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานประชุมกิจการสายสื่อสาร กิจการโทรคมนาคม เพื่อหารือแนวทางการจัดเตรียมแผนการจัดระเบียบสายสื่อสาร ปี พ.ศ.2566 – 2567 ที่ห้องประชุมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน สาเหตุจากการจัดเก็บไม่เรียบร้อย ระโยงระยาง และเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชาวบ้านและประชาชนอยู่บ่อยครั้ง มีนายวสันต์ เริงสมุทร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เขต 45 นายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ พร้อมผู้แทนองค์กรผู้ให้บริการกิจการสายสื่อสาร โทรคมนาคมและอินเตอร์เน็ตค่ายต่างๆ ที่ใช้พื้นที่ร่วมกับเสาไฟฟ้าเข้าร่วมหารือ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาสายอินเตอร์เน็ต และสายสื่อสารต่างๆ ที่ใช้งานร่วมกับเสาไฟฟ้า มีการพาดสายสัญญาณบนเสาไฟฟ้า แต่ไม่ได้จัดเก็บให้เรียบร้อย มีสภาพระโยงระยาง ทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่สวยงาม บางครั้งห้อยตกลงมาทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนได้

นายสุรวุฒิ น้อยนิมิตร ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สายสื่อสารเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไม่ได้มีการรื้อถอนสายเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วออก แต่มีพาดสายเพิ่มใหม่อยู่ตลอด มีหลายบริษัททั้งเก่าและใหม่ ที่เข้ามาใช้พื้นที่ของเสาไฟฟ้า จึงได้เชิญประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทางหลวง ทุกโอเปอเรเตอร์สายสื่อสารที่เกี่ยวข้อง และ กสทช.ส่วนดูแลใบอนุญาตในการพาดสาย เพื่อร่วมกันหารือแนวทางในการจัดระเบียบสายให้เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงกระบวนการ ปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งหากเกิดปัญหา ก็จะส่งผลกระทบกับระบบไฟฟ้าด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเกิดอุบัติเหตุ เกิดไฟไหม้สายสื่อสาร จึงต้องมีการจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมาตรฐานมีระเบียบกำหนดอยู่แล้วเกี่ยวกับความสูง และจำนวนสายสื่อสาร และมีเจ้าของที่ชัดเจน โดยในที่ประชุมมีข้อสรุปว่าจะมีการดำเนินการตามมาตรฐาน และจุดไหนที่เกิดปัญหาไม่สวยงาม จะต้องดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กรมทางหลวงสรุปผลการศึกษา ถนนสายบ้านหนองหิน – ด่านสิงขร

กรมทางหลวงสรุปผลการศึกษา ถนนสายบ้านหนองหิน – ด่านสิงขร

วันที่ 13 กันยายน 2566 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการ (สัมมนาครั้งที่ 2) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 4373 สายบ้านหนองหิน – ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 มีนายเศรษฐ์ จันทอาด รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) กล่าวรายงาน และมีผู้แทนจากกรมทางหลวง ประกอบด้วย ดร.วศิน รุจิเกียรติกำจร วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ, นายสุบิน ทองเงิน ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน นายสมชาย ปี่แก้ว นายก อบต.คลองวาฬ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมที่ห้องสิงขร โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า ในอดีตบริเวณด่านสิงขร เป็นเส้นทางที่พ่อค้าและนักเดินทาง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ใช้เป็นเส้นทางลัดระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวไทย และจุดนี้ยังเป็นส่วนที่แคบที่สุดของประเทศไทย ปัจจุบันทางหลวงหมายเลข 4373 เป็นทางหลวงเชื่อมระหว่างทางหลวงหมายเลข 4 ไปสู่ด่านสิงขร ด่านชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งแนวโน้มมีปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ทางไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง ดังนั้น กรมทางหลวงจึงได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 4373 สายบ้านหนองหิน – ด่านสิงขร นับว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่ดี เล็งเห็นถึงประโยชน์อันจะเกิดแก่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว และกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการสัญจรไปยังด่านสิงขร

ด้านนายเศรษฐ์ จันทอาด รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงประจวบฯ (หัวหิน) กล่าวว่า ด่านสิงขรเป็นหนึ่งในเส้นทางที่เชื่อมไปยังบ้านมูด่อง อ.ตะนาวศรี จ.มะริด สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และยังเป็นตลาดการค้าชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งในการเดินทางจะใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถ.เพชรเกษม) เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 4373 เป็นเส้นทางหลัก ทำให้ปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ใช้เส้นทางไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง ดังนั้นกรมทางหลวง จึงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ดำเนินงานสำรวจและออกแบบโครงการ จ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 4373 สายบ้านหนองหิน – ด่านสิงขร เพื่อนำเสนอข้อมูลความก้าวหน้าของการศึกษาด้านต่างๆ คัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการที่เหมาะสม ศึกษาและดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และผลการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ผ่านมาให้กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของโครงการ รวมทั้งรับทราบความห่วงกังวลต่อผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ เพื่อให้กรมทางหลวงและคณะผู้ศึกษา ได้นำไปพิจารณาประกอบการศึกษาโครงการให้มีความเหมาะสมต่อไป

สำหรับจุดเริ่มต้นโครงการ ประมาณกิโลเมตรที่ 0+378 (บริเวณที่ทำการ อบต.คลองวาฬ) และสิ้นสุดที่ประมาณกิโลเมตร 13+378 ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ทั้งนี้กรมทางหลวง โดยสำนักสำรวจและออกแบบ ได้พิจารณากำหนดเขตทางของโครงการในช่วง กม. 0+378 ถึง กม. 12+400 ความกว้างที่เหมาะสมประมาณ 50 เมตร และช่วง กม. 12+400 ถึง กม.13+378 ซึ่งปัจจุบันเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจรอยู่แล้ว พิจารณาใช้เขตทางเดิม ซึ่งปัจจุบันทางหลวงหมายเลข 4373 มีขนาดความกว้าง 30 เมตร (เพิ่มฝั่งละ 10 เมตร) สำหรับการกำหนดขนาดของเขตทางนั้น ได้พิจารณาตามลักษณะภูมิประเทศ หลักเกณฑ์ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม และจากการหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความสอดคล้องและสามารถรองรับการใช้งานในอนาคต และจากการพิจารณาคัดเลือกรูปแบบเกาะกลางถนนที่มีความเหมาะสมของโครงการ แบ่งตามลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ 2 พื้นที่นั้น สามารถสรุปได้ดังนี้ 1.พื้นที่ในเขตชุมชน ออกแบบเป็นเกาะกลางแบบยก 2.พื้นที่นอกเขตชุมชน ออกแบบเกาะกลางแบบกำแพงคอนกรีต นอกจากนี้ได้มีการออกแบบระบบระบายน้ำ ระบบสาธารณูปโภคและองค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวก และรวดเร็ว พร้อมทั้งคำนึงถึงความปลอดภัย ลดผลกระทบที่จะเกิดกับชุมชนโดยรอบ และตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดแนวของโครงการ

สำหรับขั้นตอนต่อไป จะมีการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณารายงานฯ (สผ.) และจะมีการออกประกาศ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน และเริ่มก่อสร้างถนนโครงการต่อไป โดยเปิดใช้ 4 ช่องจราจรก่อน ยังไม่ได้เปิดเต็มเขตทาง 50 เมตร โดยจะกันเขตทางเพื่อรองรับรถในอนาคต เมื่อด่านสิงขรเปิดเป็นด่านถาวร.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กธจ.ประจวบฯ ตรวจโครงการอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ ท่อส่งน้ำสร้างแล้วไม่ได้ใช้งาน

 กธจ.ประจวบฯ ตรวจโครงการอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ ท่อส่งน้ำสร้างแล้วไม่ได้ใช้งาน

วันที่ 13 กันยายน 2566 นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา รองประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับมอบหมายจากนายพีระ ทองโพธิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ นำคณะกรรมการฯจังหวัดประจวบฯ เข้าสอดส่องโครงการอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ หมู่ 8 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการร้องเรียนว่ามีการใช้งบประมาณจำนวนหลายสิบล้านบาท เพื่อวางท่อส่งน้ำให้เกษตรกรได้ใช้น้ำในด้านการเกษตร พร้อมตั้งเครื่องสูบน้ำส่งไปตามท่อ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถใช้งานได้

จากการติดตามผลโครงการ ทราบว่าในปี พ.ศ.2535 กรมชลประทานได้ก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ เป็นโครงการชลประทานขนาดเล็ก ความจุอ่างประมาณ 850,000 ลูกบาตรเมตร หลังเสร็จสิ้นใน พ.ศ.2537 กรมชลประทานได้มีการก่อสร้างโครงการระบบส่งน้ำ บ้านโป่งสามสิบ ระยะที่ 1 และ 2 เพื่ออุปโภค บริโภคและเพื่อการเกษตร ในปี พ.ศ.2546 กรมชลประทานได้ถ่ายโอนโครงการอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ ให้กับ อบต.ทองมงคล

ต่อมา อบต.ทองมงคล ได้มีการทำหนังสือขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำ คลองห้วยไก่พร้อมระบบชลประทาน ผ่านสำนักราชเลขาธิการ (กปร.) เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค ปี พ.ศ.2562 กปร. มีหนังสือกลับมายัง อบต.ว่าโครงการที่ขอถวายฎีกาไป เมื่อปี 2553 ได้รับการอนุมัติแล้วและเริ่มลงมือออกแบบ ก่อสร้าง ในปี 2563 โครงการแล้วเสร็จในปี 2564 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยส่งน้ำให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ จึงทำให้ชาวบ้านร้องเรียนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

จากการสอดส่องครั้งนี้ พบว่าบางจุดของท่อที่ฝังไว้เตรียมจะส่งน้ำ แต่ยังไม่เคยมีการส่งน้ำ ได้ทรุดตัวและได้ขุดขึ้นมาเตรียมซ่อมในหลายจุด นอกจากนี้ตัวเครื่องสูบน้ำที่อยู่ในอาคาร อยู่ในห้องลักษณะเป็นหลุมลึก มีร่องรอยน้ำท่วม เนื่องจากอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวอ่าง อีกทั้งปัจจุบันมีผู้ประสงค์ขอใช้น้ำไม่เกิน 50 ราย ซึ่งไม่เพียงพอกับค่ากระแสไฟฟ้า แต่ต้องจ่ายขั้นต่ำเดือนละกว่าหนึ่งหมื่นบาท สำหรับตัวอ่างเก็บน้ำ ปัจจุบันมีตะกอนทรายและดินทับถม ทำให้เหลือปริมาณน้ำเก็บกักได้ประมาณ 15% ของความจุอ่าง หรือประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น และในช่วงฤดูแล้ง ไม่มีน้ำใช้ในระบบประปาหมู่บ้าน

หลังจากนั้น คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางไปพบนายจำลอง แก้วไทรนันท์ นายก อบต.ทองมงคล ผอ.กองช่าง สมาชิก อบต., ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนชาวบ้าน และนายเอกรัก พราหมโณ นายช่างชลประทาน ผู้รับผิดชอบโครงการฯ เพื่อร่วมหารือในการขุดลอกอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ โดยชลประทานได้ทำการสำรวจพื้นที่และออกแบบแล้ว เพื่อจะทำการขุดลอกพื้นที่ในอ่าง ประมาณ 60 ไร่ ลึก 3 เมตร ปริมาณเก็บน้ำเพิ่มขึ้น 288,000 ลูกบาศก์เมตร โดยอาจจะให้ผู้รับเหมานำวัสดุออกได้ และที่จะไม่ต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน หรือจะต้องใช้งบประมาณจ้าง 40 ล้านบาท ซึ่งเกินศักยภาพงบประมาณของ อบต. ต้องขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐส่วนกลาง หรือภูมิภาค สำหรับเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ ให้ตรวจสอบว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่ หมดประกันหรือยัง ส่วนท่อส่งน้ำให้ดำเนินการแก้ไขให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ โดยนายช่างชลประทานได้ชี้แจงการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น เตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบตอนบน เพื่อกักน้ำไว้ส่วนหนึ่งและปล่อยลงมาให้กับอ่างโป่งสามสิบตอนล่าง ให้มีน้ำเพียงพอในการใช้ประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อนำเสนอต่อนายพีระ ทองโพธิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อไป.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ททท.ประจวบฯ ปลื้ม ผู้ประกอบการได้รับรางวัล Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 หลายประเภท

ททท.ประจวบฯ ปลื้ม ผู้ประกอบการได้รับรางวัล Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 หลายประเภท

วันที่ 13 กันยายน 2566 นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ททท.ได้ประกาศผลรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 ผลงานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หน่วยงาน องค์กรภาครัฐและเอกชนจังหวัดประจวบฯ ได้รับรางวัลหลายประเภท ทั้งรางวัลยอดเยี่ยม, รางวัลดีเด่น และเกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ รางวัลดีเด่น Thailand Tourism Silver Awards ได้แก่ ไร่องุ่นมอนซูน แวลลีย์ หัวหิน, ได้รับเกียรติบัตรได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้เต่าทะเลและปะการัง ณ เกาะทะลุ โดยบริษัทสาลิกา ทราเวล, สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ รางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Gold Awards ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ปราณบุรี, สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ รางวัลดีเด่น Thailand Tourism Silver Awards ได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง และอุทยานแห่งชาติหาดวนกร, สาขาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน รางวัลดีเด่น Thailand Tourism Silver Awards ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งประดู่ ทับสะแก และชุมชนบ้านม้าร้อง บางสะพาน

ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว สาขารีสอร์ท รางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Gold Awards ได้แก่ โรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ทและสปา, รางวัลดีเด่น Thailand Tourism Silver Awards ได้แก่ โรงแรมบ้านทะเลดาว หัวหิน, ได้รับเกียรติบัตรได้แก่ โรงแรมเมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน / ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สาขาเวลเนส แอนด์สปา รีทรีต รางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Gold Awards ได้แก่ ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์รีสอร์ท หัวหิน, สาขาสปา รางวัลดีเด่น Thailand Tourism Silver Awards ได้แก่ เคปสปา โรงแรมเคป นิทรา หัวหิน / ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน ประเภทแหล่งท่องเที่ยวได้รับเกียรติบัตร ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ปราณบุรี / ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรมบ้านทะเลดาว หัวหิน

นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ กล่าวว่า ชาวจังหวัดประจวบฯ และ ททท.สำนักงานประจวบฯ ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนองค์กร รวมถึงภาคการท่องเที่ยวชุมชนของจังหวัดประจวบฯ ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 14 ในครั้งนี้ ททท.สำนักงานประจวบฯ จะได้สื่อสารสร้างการรับรู้ไปยังนักท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองต่อการสร้างหมุดหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต่อไป.