Categories
ข่าว ทั้งหมด

นายอำเภอหัวหิน ปลูกจิตสำนึกผู้ประกอบการสถานบริการ ให้หัวหินเป็นเมืองสงบสุขและปลอดภัย

นายอำเภอหัวหิน ปลูกจิตสำนึกผู้ประกอบการสถานบริการ ให้หัวหินเป็นเมืองสงบสุขและปลอดภัย

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดประชุมผู้ประกอบการสถานบริการ, ผู้ประกอบการสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ, ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้ประกอบการที่มีลักษณะเดียวกันในพื้นที่อำเภอหัวหิน ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) สถานีตำรวจภูธรหัวหิน สรรพสามิตพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน สาธารณสุขอำเภอหัวหิน และผู้ประกอบการสถานบริการกว่า 300 ร้าน เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายการจัดระเบียบสังคม โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า “หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยเน้นการจัดระเบียบสังคม เพื่อสร้างสังคมให้สงบสุข บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัย” ผู้ประกอบการสถานบริการควรมีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม สถานบริการเป็นสถานที่ต้องห้ามมิให้มีเด็กเข้าไปใช้บริการ รวมถึงห้ามมิให้มีการใช้ยาเสพติด ประกอบกับอำเภอหัวหินได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผู้ประกอบการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทางอำเภอหัวหินจึงเรียนเชิญผู้ประกอบการ มาร่วมประชุมเพื่อรับทราบนโยบายและมาตรการต่างๆ

นายประสูตร หอมบรรเทิง กล่าวว่า อำเภอหัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวต่างชาติและชาวไทย จะมีสถานบริการ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ ที่เราเรียกว่า “บาร์เบียร์” เท่าที่สำรวจทั้งหมดมีประมาณ 300 กว่าร้าน จึงเรียนเชิญผู้ให้บริการกับท่องเที่ยวมาประชุม มาหารือในเรื่องของข้อกฎหมาย เรื่องกรอบกฎหมายต่างๆ ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และไม่ให้มีเรื่องร้องเรียนต่างๆ และเป็นการป้องกันอาชญากรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และเน้นย้ำทุกร้านต้องยึดถือกรอบกฎหมายว่าไม่เกินเที่ยงคืนในส่วนของร้านอาหาร และไม่เกินตีหนึ่งสำหรับสถานบริการ วันนี้จึงมาทำสัญญากันว่าหัวหินจะเป็นเมืองสงบสุข และเป็นที่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดค่ายสานสัมพันธ์น้องพี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดค่ายสานสัมพันธ์น้องพี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดค่ายโครงการสานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 5 ประจำปี 2568 ที่ห้องประชุมใหญ่สมานมิตร ศูนย์ฝึกอบรมมวลชน (ศูนย์ฝึกสมานมิตร) อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดโดยสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ มีนายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ กล่าวรายงาน และมีนายปิยชาติ ไฮ้คง หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์การคุมประพฤติฯ กล่าวต้อนรับ มีนายบรรพต รัตนจันทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัด พ.ต.ต.เชษฐ์ จำปาหอม สวป.สภ.เมืองฯ นางมณเฑียร ศรวิไลย ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติ (อ.ส.ค.)อำเภอเมืองฯ ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ผู้แทนส่วนราชการ คณะอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัด หัวหน้าศูนย์ฝึกอบรมมวลชน (ศูนย์ฝึกสมานมิตร) วิทยากรจากบ้านไร่รั้วหญ้าแฝก เจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติ ตลอดจนผู้ถูกคุมความประพฤติที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการเข้าร่วม

นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล กล่าวว่า ที่มาของโครงการมุ่งหมายให้ผู้เข้าร่วมมีความเข้มแข็งทางจิตใจ เสริมสร้างแรงจูงใจให้เลิกยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง ให้กับผู้กระทำผิดที่ศาลกำหนดเงื่อนไขให้คุมความประพฤติ โดยมีวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความรู้ในการเข้าถึง ความช่วยเหลือทางสังคม และมีการศึกษาดูงานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ณ บ้านไร่รั้วหญ้าแฝก หมู่ 11 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ และเพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพและพัฒนาชีวิต เป็นการคืนคนดีสู่สังคมให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และประเทศชาติ

นอกจากนี้ ได้นำผู้ถูกคุมประพฤติ ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาสร้างที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้ยากไรในกลุ่มเปราะบาง ให้มีที่อยู่อาศัยและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยบูรณาการร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด พัฒนาการจังหวัด รวมทั้งผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่น ทั้งนี้จากการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดประจวบฯ (ศจพ.จ.) ตามภารกิจมิติด้านความเป็นอยู่ ครั้งที่ 1/2568 ในพื้นที่หมู่ 2 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ฉะนั้น จึงขอให้ผู้เข้าร่วมโครงการสานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 5 ทุกคน เปิดโอกาสให้กับตัวเองที่จะรับความรู้จากวิทยากร และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกัน เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม นำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดในสังคม ลดจำนวนผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดได้ สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดีและเป็นการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป

ด้านนายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการ สำนักงานคุมประพฤติฯ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการคุมความประพฤติและการพัฒนาพฤตินิสัย แก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดในกระบวนการคุมประพฤติ ได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาและให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิด ได้มีโอกาสกลับตัวเป็นคนดี และกลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม ตามแนวคิดการเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง จึงได้มีโครงการ “สานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด” เพื่อให้ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ศาลให้โอกาสรอการลงโทษ โดยกำหนดเงื่อนไขการคุมความประพฤติ และผู้กระทำผิดที่ศาลมีคำสั่งให้บำบัดยาเสพติด มีความเข้มแข็งทางใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เสริมสร้างแรงจูงใจให้เลิกสารเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าถึงแหล่งสนับสนุนทางสังคม

ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2568 จำนวน 5 รุ่น ซึ่งการจัดโครงการครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 5 ประจำปี 2568 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่อยู่ในระบบงานคุมประพฤติ เข้าร่วมโครงการ จำนวน 40 คน ประกอบด้วย การบรรยาย การแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ การศึกษาดูงานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือโครงการในพระราชดำริ รวมทั้งได้ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้ยากไร้กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ให้มีที่อยู่อาศัยและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยบูรณาการร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด อบต.หาดขาม ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ทั้งนี้การจัดโครงการดังกล่าว ได้มีวิทยากรจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดและได้รับการสนับสนุนด้านสถานที่การจัดโครงการจากศูนย์ฝึกอบรมมวลชน (ศูนย์ฝึกสมานมิตร).

บุญมา ลิบลับ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มทร.รัตนโกสินทร์ จัดโครงการ “จานใหม่…หัวใจจวบ” ยกระดับชุมชนท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์

มทร.รัตนโกสินทร์ จัดโครงการ “จานใหม่…หัวใจจวบ” ยกระดับชุมชนท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดสัมมนา “วิถีคนชายฝั่งกับการท่องเที่ยว : เครื่องมือของการอนุรักษ์ ภายใต้โครงการ “จานใหม่…หัวใจจวบ” การพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน ที่โรงแรมประจวบแกรนด์ อำเภอเมือง จ.ประจวบฯ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจ BCG และ SDG เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนฐานอัตลักษณ์ทุนทางวัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตวังไกลกังวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ รองศาสตราจารย์วิวรณ์ วงศ์อรุณ คณบดีคณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณาจารย์ วิทยากรและตัวแทนชุมชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการการท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้าน รวมทั้งสิ้น 80 คน เข้าร่วมโครงการ จัดโดยคณะอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล โดยมีวัตถุประสงค์สร้างศักยภาพให้กับชุมชมและผู้ประกอบการ ซึ่งจะเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า บริการ และแหล่งท่องเที่ยวซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเลในรูปแบบใหม่ ที่ใช้ทุนทางวัฒนธรรมมาส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม นำไปสู่การก่อให้เกิดประโยชน์เชิงชุมชนและสังคมด้านการพัฒนาและการแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และเพิ่มขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกต่อไป

สำหรับการดำเนินโครงการ ประกอบด้วย 5 กิจกรรม ได้แก่ 1. การพัฒนาชุมชนประมงในท้องถิ่นให้เป็นชุมชนการท่องเที่ยววิถีพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 2. พัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นออนไลน์การท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs 3. การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์อาหารทะเลตามเศรษฐกิจ BCG และส่งเสริมการตลาดดิจิทัล 4. การสร้างสรรค์เมนูอาหารทะเลพื้นบ้านให้เป็นเมนูอาหาร “จานใหม่…หัวใจจวบ” 5. การจัดนิทรรศการเมนู “จานใหม่…หัวใจจวบ” และการท่องวิถีประมงพื้นบ้านเชิงสร้างสรรค์จังหวัดประจวบฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในชุมชน จำนวน 8 ชุมชนแต่ละอำเภอ ของจังหวัดประจวบฯ ชุมชนละ 10 คน รวมทั้งสิ้น 80 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้าน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ร่วมกันหาแนวทางการขับเคลื่อนพัฒนาการท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs และเศรษฐกิจ BCG และการฝึกปฏิบัติออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยววิถีประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืน โดยใช้กรอบ SDGs และ BCG ด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด สังคม

หัวหินเตรียมเปิดเวทีประกวดสุภาพบุรุษระดับจักรวาล‘Mister National Universe 2025’

หัวหินเตรียมเปิดเวทีประกวดสุภาพบุรุษระดับจักรวาล‘Mister National Universe 2025’

ช่วงค่ำวันที่ 21 มิถุนายน 2568 นายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด พร้อมด้วย ดร.สิริกร หน่อทิม กรรมการผู้จัดการ อิ่มอกอิ่มใจซีฟู้ดแอนด์คาเฟ่และคาบาน่ารีสอร์ท ให้การต้อนรับกองประกวดและแนะนำหนุ่มหล่อนานาชาติ 17 คน 17 ประเทศทั่วโลก ที่เข้าร่วมการประกวด The 7th edition of MISTER NATIONAL UNIVERSE 2025 ซึ่งก่อนหน้านั้นทั้งหมดได้เดินทางมาเก็บตัว ทำกิจกรรมและประกวดระหว่างวันที่ 16 – 22 มิถุนายน 2568 ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมี มร.อแล็ง ฟอร์แต็ง อดีตทูตฝรั่งเศสประจำประเทศมาดากัสการ์ พร้อมคู่สมรส คุณเฟี๊ยต โฆษิต นามเชื้อ, นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมงาน

สำหรับหนุ่มหล่อนานาชาติที่เข้าประกวดในครั้งนี้ทั้ง 17 คน ได้แก่ 1. Mr.Jarik Jaroslav Shvets จากแคนาดา 2. Mr. Ralph Jude Dinolan จากเกาะเซบู ฟิลิปปินส์ 3. Mr.Prince Mensah จากประเทศกานา 4. Mr. Jay Hess จากฮาวาย 5. Mr. Gokul Sahu จากอินเดีย 6. Mr. Agus Tryawan จากอินโดนีเซีย 7. Mr. Ryo Yatogo จากญี่ปุ่น 8. Mr. David Keoduangta จากลาว 9. Mr. Jonas Sia จากมาเลเซีย 10. Mr. E.sunday Chijindu จากไนจีเรีย 11. Mr.Marcus Parcon จากฟิลิปปินส์ 12. Mr. Dylan De Jesus จากเปอร์โตริโก 13. Mr. Alexander Valentine จากไซบีเรีย 14. Mr.Jeremy Chase จากสิงคโปร์ 15. Mr.Ashan Navod จากศรีลังกา 16. Mr.Saerdonnconn Barlow “น้องเซอร์”เซอดอนคอน บาร์โลว จากประเทศไทย 17. Mr.Stone Leiker จากสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้คณะกองประกวดได้กล่าวขอบคุณ ดร.จิต สิริกร หน่อทิม ผู้ให้การสนับสนุนหลักและกรรมการตัดสิน ซึ่งภายหลังผู้เข้าประกวดเดินแนะนำตัวแล้วได้มีการ Popular Vote จากช่อดอกไม้จากแขกผู้มีเกียรติ ซึ่งจะมีการประกาศผล Mister National Popular Vote ในรอบตัดสินที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ เวลา 17.00 น. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติจุฬาภรณ์ โรงแรมเดอะเกษตร หัวหิน จ.ประจวบฯ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด สังคม

แสตมฟอร์ด จัดอบรมเปิดโลก AI สู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

แสตมฟอร์ดจัดอบรมเปิดโลก AI สู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

วันที่ 21 มิถุนายน 2568 นายนุกูล พรสมบูรณ์สิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ เป็นประธานเปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ “Stamford Al” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตหัวหิน – ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มี ดร.หยุ่นหลิน หยาง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตหัวหิน – ชะอำ นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางทิพวรรณ สุทัศน์ ประธานศูนย์การเรียนรู้ ดนตรีนาฏศิลป์ท้องถิ่น เทศบาลนครหัวหิน ดร.เรวิตา สายสุด หัวหน้าหลักสูตร MBA นางเบญจมาส อ่วมสอาด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา และองค์กรสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตหัวหิน – ชะอำ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักธุรกิจ นักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมกว่า 150 คน

นายนุกูล พรสมบูรณ์สิริ กล่าวว่า” AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คือกุญแจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่น และจะผลักดันเมืองชะอำและพื้นที่ใกล้เคียงให้ก้าวสู่สมาร์ทซิตี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน กิจกรรมนี้มุ่งส่งเสริมความรู้และทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากไมโครซอฟต์ (ประเทศไทย) มาถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางการประยุกต์ใช้ AI ในการทำงานและธุรกิจยุคใหม่ โครงการนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยในการเป็นผู้นำด้านการสร้างผู้นำดิจิทัล ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดได้จริง ทั้งในการเรียน การทำงาน พัฒนาธุรกิจและชีวิตประจำวัน

ดร.หยุ่นหลิน หยาง กล่าวว่า โครงการ “Stamford AI” จัดขึ้นภายใต้การริเริ่มของ ดร.เรวิตา สายสุด หัวหน้าหลักสูตร MBA โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ภาคเช้า : Smart Research with Al Tools สำหรับนักศึกษา นักวิจัยและบุคลากรทางวิชาการ ภาคบ่าย : AI for Content and Creative Life สำหรับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ผ่านการบรรยาย สาธิตและลงมือปฏิบัติจริง ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านดิจิทัล และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเตรียมความพร้อมสังคมไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กระทรวงทรัพย์ฯ – กรม ทช. ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของชุมชนชายฝั่งพิทักษ์ทะเลประจวบฯ

กระทรวงทรัพย์ฯ – กรม ทช. ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของชุมชนชายฝั่งพิทักษ์ทะเลประจวบฯ

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานเปิดประชุมความเข้าใจบทบาทหน้าที่ของของชุนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ครั้งที่ 3 ที่หอประชุมพระเทพสิทธิวิมลเมตตา โรงเรียนประจวบวิทยาลัย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวต้อนรับ และมีนายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวรายงาน มีนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ผู้ช่วยเลขาฯ รมช.สาธารณสุข นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรม ทช. หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพย์ฯ ในพื้นที่ ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) ในพื้นที่ เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) นักเรียนยุวชน ทสม. และประชาชนเข้าร่วม

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวว่า วันนี้มีเครือข่ายและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ที่ทํางานร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และประชาชนพื้นที่ 3 อําเภอ คือ สามร้อยยอด กุยบุรี และเมืองประจวบฯ มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกความร่วมมือ ในการทํางานดูแลทรัพยากรของพี่น้องทุกท่าน ที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์หลายประการต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศ ทั้งในระดับพื้นที่เอง มีการทํางานประสานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างพี่น้องเครือข่ายกับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จนทําให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวคิดประสบการณ์การทํางานระหว่างเครือข่ายด้วยกันเอง ทั้งนี้ ชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและได้รับผลกระทบโดยตรง สามารถให้ข้อมูล ติดตาม ตรวจสอบ หรือแจ้งเหตุผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ การสร้างความเข้าใจร่วมกันในบทบาทหน้าที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู ป้องกัน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว

ด้านนายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า กรม ทช. ได้ดำเนินการตามนโยบายของ รมว.ทส. ด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้พี่น้องเครือข่ายฯ ในการดูแลอนุรักษ์และป้องกันการทำลายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาอย่างต่อเนื่อง การประชุมในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงเป็นช่องทางในการติดต่อประสานงาน สร้างความเข้าใจ รวบรวมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก้ไขปัญหา ทำให้เกิดความร่วมมือเป็นเครือข่าย อสทล. จนเกิดเป็นความเข้มแข็ง มีการทำงานอย่างเป็นรูปแบบและรูปธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดมา ปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชุมชนที่ขึ้นทะเบียนจดแจ้งกลุ่มกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจำนวน 17 กลุ่ม และมีอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จำนวน 954 คน ที่เข้ามาร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ ทั้งนี้ กรม ทช. ยังเปิดช่องทางสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร.1362 สำหรับรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับสัตว์ทะเลหายากหรือการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางทะเล เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

จากนั้น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้เยี่ยมชมการจัดแสดงนิทรรศการและร้านค้าของชุมชนชายฝั่ง มอบเข็มรักษ์ทะเลยิ่งชีพให้กับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 8 ราย มอบเงินอุดหนุนให้ชุมชนชายฝั่ง 4 ชุมชน มอบอุปกรณ์เก็บขยะให้กับผู้แทนชุมชนชายฝั่ง 4 ชุมชน และมอบบัตรประจำตัวให้กับสมาชิกอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล 25 ราย.

บุญมา ลิบลับ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ร่วมระลึกพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ครบรอบ 135 ปี ถ้ำพระยานคร อุทยานเขาสามร้อยยอด

ประจวบฯ ร่วมระลึกพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ครบรอบ 135 ปี ถ้ำพระยานคร อุทยานเขาสามร้อยยอด

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วย พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ / ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีงานวันระลึกพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ครบรอบ 135 ปี มีนายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี นายพิศิษฐ์ เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจากทุกภาคส่วนร่วมในพิธี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้ประกอบพิธีถวายราชสักการะ กล่าวอาศิรวาทราชสดุดี กล่าวคำปฏิญาณตนและวางพวงมาลาหน้าพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งประดิษฐานบนพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ณ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ถ้ำพระยานคร หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ สย. 2 (หาดแหลมศาลา) อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ

โดยก่อนหน้านี้ อุทยานเขาสามร้อยยอดได้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากร ขอความอนุเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับถ้ำพระยานคร เพื่อให้ได้มีข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับไว้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยนายประทีป เพ็งตะโก อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้มีหนังสือตอบกลับมา ทำให้ทราบว่าจากเดิมที่มีพระมหากษัตริย์ไทยได้เสด็จถ้ำพระนคร 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 7 และ รัชกาลที่ 9 แต่พบว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จถ้ำพระยานครถึง 5 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ได้เสด็จประพาสถ้ำพระยานคร เป็นอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินมณฑลปักษ์ใต้ เมื่อปีมะแม พ.ศ.2402 และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2406, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสถ้ำพระยานครด้วยกันทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ ปี พ.ศ.2406, 2429, 2432 และ พ.ศ.2433, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 กล่าวกันว่าพระองค์ท่านเคยเสด็จที่ถ้ำพระนานครครั้งหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าเมื่อใด, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระองค์ท่านได้เสด็จไปประทับที่พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2469 และได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อ ป.ป.ร.ไว้ที่ผนังถ้ำทางทิศตะวันตกของพลับพลา ซึ่งยังปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงวันนี้ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านได้เสด็จที่ถ้ำนี้เป็นการส่วนพระองศ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2501 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524

สำหรับพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ตั้งอยู่ภายในถ้ำพระยานคร เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข มีขนาดกว้าง 2.55 เมตร ยาว 8 เมตร สูง 2.55 เมตร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในยามเสด็จประภาสถ้ำพระยานคร สร้างขึ้นจากฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ โดยทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลัง โดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2433 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จารึกพระปรมาธิไธย ย่อ จ.ป.ร. ไว้ที่บริเวณผนังด้านเหนือของพลับพลา พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์นอกจากเป็นจุดเด่นของถ้ำพระยานครแล้ว ยังเป็นตราประจำจังหวัดประจวบฯ ในปัจจุบัน โดยจะมีความงดงามยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านจากปล่องของถ้ำลงมากระทบกับพระที่นั่ง โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นโบราณสถานสำคัญเมื่อปี พ.ศ.2495.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

นายกหนุ่ย ชูนโยบาย 8 ด้าน พลิกโฉมหัวหินให้เป็นเมืองน่าอยู่ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายกหนุ่ย ชูนโยบาย 8 ด้าน พลิกโฉมหัวหินให้เป็นเมืองน่าอยู่ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน ได้แถลงนโยบายการพัฒนาเทศบาลนครหัวหินต่อสภาเทศบาลนครหัวหิน ในการประชุมสภาสมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2568 ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายชีพ สุกสี ทำหน้าที่ประธานสภาเทศบาลนครหัวหิน พร้อมด้วย น.ส.ไพลิน กองพันธ์ น.ส.บุษบา โชคสุชาติ นายอติชาติ ชัยศรี นายสรรภพ อึ้งรัศมี รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน นายศิรพันธ์ กมลปราโมทย์ นายอภิคุณ สิรคุณไชย พ.ต.อ.เสมอ อยู่สำราญ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครหัวหิน น.ส.นนตรา กมลปราโมทย์ นางณัฐวรรณ มิตรดี เลขานุการนายกฯ สมาชิกสภาเทศบาล ทั้ง 24 คน ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ และสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง

นายนพพร วุฒิกุล กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวแบ่งออกเป็น 8 ด้าน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารพัฒนาเทศบาลนครหัวหิน ตลอดระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่บัดนี้ เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนชาวเทศบาลนครหัวหิน ที่มุ่งเน้นการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ภายใต้วาทะ“ทำอะไรต้องถามใจประชาชน”

1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับมาตรฐานทางด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ทั้งถนนภายในเขตเทศบาลให้มีมาตรฐาน ปลอดภัย ปรับเปลี่ยนระบบไฟฟ้าส่องสว่างริมทางให้เป็น LED พัฒนาระบบคุณภาพการผลิตน้ำประปา เพิ่มโรงกรองน้ำ ถังน้ำใส ถังตกตะกอน รวมไปถึงเพิ่มทางเลือกในการใช้น้ำให้แก่ประชาชน โดยการประปาส่วนภูมิภาค พัฒนาระบบ TOD เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรและระบบขนส่งสาธารณะให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและระบบ 5 G วางรากฐานของเมืองสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลปรับปรุงภูมิทัศน์ให้มีความสวยงาม
2. ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว มุ่งเน้นพัฒนากลไกสนับสนุนการสร้างอาชีพ พัฒนารายได้ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการบริหารความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ภาคธุรกิจโรงแรมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหาร ร้านอาหาร ร่วมผนึกเชื่อมโยงการออกแบบการท่องเที่ยว เชิงอัตลักษณ์ เชิงธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม รวมไปถึงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการทางการแพทย์
3. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นสร้างให้นครหัวหินเป็นเมืองที่อยู่ดี ประชาชนมีความสุข เป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมยั่งยืน โดยพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอย สร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะต้นทาง มีการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ (AI) เข้ามาใช้ในการควบคุมและการบริหารจัดการ การพัฒนาเครือข่ายสิ่งแวดล้อม
4. ด้านการพัฒนาสุขภาวะแบบองค์รวม มุ่งเน้นสร้างความสุขมวลรวมของนครหัวหิน โดยเสริมทักษะการดำรงอยู่ การใช้ชีวิตที่ปลอดภัยบนภาวะปกติใหม่ สามารถเข้าใจ เข้าถึงและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สร้างฐานการบริหารจัดการของเมืองด้านสุขภาพเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ รวมไปถึงการพึ่งตนเองในการจัดการสุขภาพ โดยพัฒนานครหัวหินให้เป็นเมืองมาตรฐาน HDC (Hygiene Distancing Clean) มุ่งที่จะสร้างการเรียนรู้ให้ประชาชน สามารถดำรงอยู่ร่วมกับโรคอุบัติใหม่ใช้ชีวิตบนภาวะปกติใหม่ (New Normal) ได้อย่างปลอดภัย

5. ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มุ่งส่งเสริมยกระดับมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ทั้งในระบบการศึกษานอกระบบ การเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างการศึกษาที่มีมาตรฐานสากลและไม่ทิ้งรากฐานทางวัฒนธรรม สร้างต้นแบบโรงเรียนสาธิตเทศบาล จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กพัฒนาระบบการจัดการศึกษาอัจฉริยะ ให้มีมาตรฐานสากล ส่งเสริมกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ส่งเสริมบำรุงศาสนา ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาสังคมให้เกิดความสามัคคี
6. การพัฒนาด้านการเมืองและการบริหาร มุ่งส่งเสริมให้การบริหารเป็นไปตามหลักบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนแนวคิดวิธีการในการบริหารจัดการเทศบาล เพื่อพลิกโฉมให้เป็นที่เชื่อถือ วางใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกและมองไปข้างหน้า มุ่งการแก้ไขตอบสนองความต้องการของประชาชน
7. ด้านการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม มุ่งเน้นบูรณาการ การทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและเฝ้าระวังปัญหาทางสังคม สร้างความมั่นคง สร้างโอกาส สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระดับครอบครัว ชุมชน สังคม โดยการจัดสวัสดิการสังคมขั้นพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัย สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปรกติ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ไม่เป็นภาระของสังคม
8. ด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) มุ่งเน้นการวางแผนพัฒนาและบริหารจัดการเมืองในทุกมิติ โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและเครื่องมือด้านการบริหารจัดการ ที่เป็นระบบเทคโนโลยีสนเทศและการสื่อสาร ที่บูรณาการเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เพื่อให้เมืองก้าวข้ามข้อจำกัดในการพัฒนาด้านต่างๆ โดยพัฒนาระบบปฏิบัติการหลักของเมือง ให้ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ข่าวแนะนำ
Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดงานมหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง “บ้านของพ่อ” น้อมรำลึกในหลวง ร.9

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดงานมหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง “บ้านของพ่อ” น้อมรำลึกในหลวง ร.9

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานประกอบพิธีกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน และถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ลานเดอะสแควร์ หน้าศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ จากนั้นเป็นประธานเปิดงานมหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง “บ้านของพ่อ” ประจวบคีรีขันธ์ ประจำปี 2568 ที่บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน โดยมี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายสินาทร โอ่เอี่ยม นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลนครหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด นายโชคชัย วงศ์จักรภัทร กรรมการผู้จัดการบลูพอร์ตหัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าร่วม ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 22 มิถุนายน บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และประชาชนน้อมนำมาปรับใช้ในการดำรงชีวิต เป็นหลักพื้นฐานที่ทำให้คนไทยสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี

รวมทั้งเป็นการขับเคลื่อนนโยบาย “Next Move Prachuap ประจวบฯ ต้องไปต่อ” ในการเสริมสร้างความมั่นคงและสังคมคุณภาพ เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย เป็นพื้นฐานปัจจัยในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ บนพื้นฐานหลักกสิกรรมธรรมชาติ “พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น” โดยภายในงานมีกิจกรรม 5 ด้าน ได้แก่ 1) นิทรรศการ “บ้านของพ่อ” และเรื่องเล่า “บ้านของพ่อ” การแสดงภาพถ่ายและภาพพระราชทาน การแสดงบทเพลงพระราชนิพนธ์ โครงการพระราชดำริ และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) การให้ความรู้ด้านวิชาการ ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ และศูนย์เรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” เกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เกษตรสีเขียว เกษตรสมัยใหม่ Smart Farmer และเทคโนโลยีสมัยใหม่ การบริหารจัดการน้ำของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเกษตรโยธินอัจฉริยะ 3) กิจกรรมการประกวดและและสาธิด โดยมีการประกวดทุเรียน สับปะรด ประกวดจัดชุดผลิตภัณฑ์ของจังหวัดประจวบฯ และการประกวดกาแฟดริป 4) การจัดแสดงและจำหน่ายผลผลิตการเกษตรตามฤดูกาล ผลผลิต GI เช่น ทุเรียนป่าละอู ทุเรียนตะนาวศรีคีรีขันธ์ สับปะรดสยามโกลด์ประจวบคีรีขันธ์ ผลผลิตแปรรูปจากกลุ่ม OTOP กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มอาชีพต่างๆ และสินค้าอุปโภคบริโภค 5) กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน การสาธิตการทำอาหารพื้นถิ่น การท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

โอกาสนี้ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้มอบเสื้อ Home of Our King ให้แก่รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้สนับสนุนการจัดงาน พร้อมมอบเกียรติบัตรและโล่รางวัลการประกวดผลผลิตทางการเกษตร การประกวดชุดของขวัญผลิตภัณฑ์สินค้าอัตลักษณ์ประจวบคีรีขันธ์ และเยี่ยมชมนิทรรศการบ้านของพ่อ และกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลหัวหิน ส่งเสริมอาชีพให้ผู้สูงอายุมีรายได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

เทศบาลหัวหิน ส่งเสริมอาชีพให้ผู้สูงอายุมีรายได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน เป็นประธานเปิดโครงการอบรมและส่งเสริมกิจกรรมศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ เทศบาลหัวหิน ระหว่างวันที่ 19 – 20 มิถุนายน 2568 ที่โรงแรมโกลเด้นซี อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาล นางเอื้องพร คณะมะ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม และผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครหัวหิน กว่า 40 คน เข้าร่วมอบรม โดยมี นายอนุสรณ์ สุขกันตะ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ นิคมสร้างตนเองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ดร.ฉันทวรรณ เอ้งฉ้วน อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่โจ้ – ชุมพร มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ อาทิ การส่งเสริมสุขภาพตามแนวทางจิตวิทยาเชิงบวก, การใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ในการส่งเสริมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ, การส่งเสริมกิจกรรมนันทนาการสำหรับผู้สูงอายุ, การส่งเสริมบุคลิกภาพเพื่อสร้างรายได้, เทคนิคและทักษะที่ช่วยส่งเสริมการสร้างรายได้

น.ส.ไพลิน กองพันธ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณและชื่นชมกองสวัสดิการสังคม ที่เห็นความสำคัญในการขับเคลื่อนและส่งเสริมกิจกรรมศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ หรือ ศพอส. เทศบาลนครหัวหิน ให้มีความเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ ทั้งด้านการส่งเสริมความแข็งแรงทางร่างกาย การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต การส่งเสริมกิจกรรมนันทนาการ และการส่งเสริมอาชีพให้มีความทันสมัย มีโอกาสในการเข้าถึงตลาดตามสมัยนิยม จะนำมาซึ่งโอกาสทางรายได้ที่สูงขึ้น โครงการนี้จะสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้สูงอายุทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการ ในการเรียนรู้จากวิทยากรด้วยความตั้งใจ ฝึกปฏิบัติในทุกๆ กิจกรรมอย่างเต็มความสามารถ ซักถามทันทีที่มีข้อสงสัย และสำคัญที่สุดคือการนำความรู้ที่ได้กลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

นางเอื้องพร คณะมะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่าผู้สูงอายุมีการรวมกลุ่มกันเพื่อประกอบอาชีพ และหลายคนประกอบอาชีพค้าขายปลีกแบบมีหน้าร้าน แต่ประสบปัญหาสินค้าไม่สามารถจำหน่ายได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีจำนวนลดลง และผู้ซื้อนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครหัวหิน จึงเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี และได้รับการส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้สามารถสร้างรายได้ในจำนวนที่มากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์.