Categories
ข่าว ทั้งหมด

เริ่มแล้ว‘Hua Hin Music Contest 2025’เฟ้นหาสุดยอดวงดนตรีสากลสมัครเล่น ชิงเงินรางวัล 3 แสนบาท

เริ่มแล้ว‘Hua Hin Music Contest 2025’เฟ้นหาสุดยอดวงดนตรีสากลสมัครเล่น ชิงเงินรางวัล 3 แสนบาท

วันที่ 6 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดการประกวดวงดนตรีสากลสมัครเล่นระดับเยาวชน ‘Hua Hin Music Contest 2025’ ชิงเงินรางวัล 3 แสนบาท พร้อมถ้วยรางวัลจากนายกเทศมนตรีนครหัวหิน ที่ลานหน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหินพร้อมคณะผู้บริหารเทศบาล นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา ที่ปรึกษาสมาคมฯ นายอำนาจ ป่านแก้ว ผู้จัดการสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน แขกผู้มีเกียรติ และวงดนตรีจากเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันให้การต้อนรับ

นายนพพร วุฒิกุล กล่าวว่า เทศบาลนครหัวหิน ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดการประกวด ‘Hua Hin Music Contest’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อยกระดับมาตรฐานของการแข่งขันประกวดวงดนตรีสากลสมัครเล่นระดับท้องถิ่น ให้เทียบเท่าระดับประเทศ เป็นการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ได้ตระหนักถึงความสำคัญและรู้จักหน้าที่ของตนเอง กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ และมีส่วนร่วมเพื่อป้องกันภัยจากยาเสพติด รวมไปถึงเป็นกิจกรรมส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเมืองหัวหิน เป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และเกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย ทำให้เศรษฐกิจภายในเมืองหัวหิน เกิดการหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

โดยมีวงดนตรีเยาวชนอายุระหว่าง 12 – 18 ปี จากทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 196 วง จากนั้นคัดเหลือ 100 วง เพื่อทำการแข่งขันในระหว่างวันที่ 6 – 7 กันยายน 2568 และจะประกาศผลวงดนตรีที่เข้ารอบชิงชนะเลิศจำนวน 20 วง ในวันที่ 8 กันยายน ก่อนแข่งรอบไฟนอลหาวงที่ชนะเลิศแต่ละอันดับในวันที่ 13 กันยายนนี้ ที่หน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน โดยมี“หนึ่ง จักรวาล”และ“จ๊อบ Bedroom Audio”มาร่วมเป็นกรรมการตัดสิน สำหรับวงดนตรีที่ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 1 แสนบาท, รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 7 หมื่นบาท, รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 5 หมื่นบาท, รองชนะเลิศอันดับ 3 เงินรางวัล 3 หมื่นบาท, รองชนะเลิศอันดับ 4 เงินรางวัล 2 หมื่นบาท นอกจากนี้ ยังมีรางวัลพิเศษสำหรับยอดผู้ติดตาม ผู้ชมมากที่สุด (Hot Online View) 10,000 บาท รางวัลนักร้องยอดเยี่ยม 10,000 บาท และนักดนตรียอดเยี่ยม 10,000 บาท จึงขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมและเชียร์การแข่งขันได้ตามวันดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สร้างเรือประมงจำลอง งานฝีมือรายได้งาม แต่ต้องใจรัก

สร้างเรือประมงจำลอง งานฝีมือรายได้งาม แต่ต้องใจรัก

วันที่ 4 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 368 หมู่ 1 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่บริเวณหน้าบ้านเปิดเป็นแผงขายข้าวนึ่ง ส่วนบริเวณหลังบ้านเป็นอู่ต่อเรือประมงจำลอง ชื่อว่า “อู่ต่อเรือประมงจำลองแสงประทีป” โดยเจ้าของคือ นายประทีป เอมครุฑ อายุ 43 ปี รับจ้างต่อเรือประมงจำลองและเรือสำเภาจีนหลายขนาด รวมถึงเรือรบ เป็นการสร้างด้วยฝีมือล้วนๆ ทยอยต่อเติมสร้างชิ้นส่วนแต่ละชิ้นด้วยความปราณีต กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเศรษฐีอาชีพชาวประมง และผู้ประกอบการอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการทำประมง รวมไปถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบนำไปโชว์ประดับที่บ้านเป็นที่ระลึก เพื่อความสวยงาม และเพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ

นายประทีป เอมครุฑ อายุ 43 ปี หรือคุณทีป เปิดเผยว่า สมัยที่ตนเป็นเด็ก ครอบครัวมีอาชีพประมง เวลาพ่อและปู่ซ่อมเรือ ตนก็จะคอยวิ่งซื้ออุปกรณ์ให้ตลอด จนสามารถจำได้ว่าโครงสร้างชิ้นส่วนของเรือแต่ละชิ้นมีอะไรบ้าง และส่วนตัวก็ชื่นชอบ จึงเริ่มฝึกสร้างเรือประมงจำลองขนาดเล็กด้วยวิธีขุดเรือจากไม้ท่อน (เรือขุด) หลังจากนั้นจึงได้พัฒนามาเป็นการประกอบชิ้นส่วนทีละชิ้นด้วยเศษไม้ที่เหลือจากการซ่อมเรือประมง และไปหาซื้อเศษไม้จากโรงเลื่อยไม้ หรือโรงต่อไม้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ซึ่งเศษไม้ทุกชิ้นสามารถนำมาใช้เป็นชิ้นส่วนในการต่อเรือได้ทั้งหมด ไม่มีเหลือทิ้ง

นายประทีป เล่าเพิ่มเติมว่า ตนจบอนุปริญญา หรือ ปวส. สาขาช่างเทคนิคเครื่องกล แต่ด้วยความชอบจึงหันมารับจ้างต่อเรือประมงจำลองเป็นอาชีพเสริมมานานกว่า 10 ปี แล้ว โดยจะใช้เวลาว่างช่วงบ่ายและช่วงหัวค่ำ หลังจากเลิกขายข้าวนึ่งหน้าร้านแล้วมาทยอยต่อเติมสร้างตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่ง โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเถ้าแก่เรือที่เขามีเรืออยู่แล้ว อยากจะสร้างจำลองเก็บไว้เป็นที่ระลึก หรือคนที่ขายเรือไปแล้ว อยากจะทำเก็บไว้เป็นความทรงจำ อีกกลุ่มมาสั่งให้ทำคือพวกที่ชื่นชอบและมีความเชื่อเกี่ยวกับเรือสำเภาจีน ในการทำธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการประมง จะเก็บเอาไว้โชว์ ส่วนพวกลูกค้าที่เป็นเด็กก็จะนำไปใส่มอเตอร์เล่น โดยลูกค้าที่จะสั่งทำจะมาบอกรูปร่างและชื่อเรือ หรือนำภาพถ่ายของเรือที่ลูกค้าต้องการมาให้ดูเป็นแบบอย่าง เราจะแกะแบบตามรูปภาพที่ลูกค้าให้มาโดยใช้ประสบการณ์ของตน ซึ่งเรือที่สามารถจำลองสร้างขึ้นมาได้ คือ เรือประมง เรือสำเภาจีน เรือสำเภาไทย และกลุ่มเรือรบ โดยขนาดเรือที่รับสร้างจำลอง ต้องมีขนาดยาว 60 เซนติเมตรขึ้นไปจนถึง 2 เมตร ถ้าหากใหญ่กว่านี้ก็สามารถทำได้ แต่กระบวนการขนส่งจะเกิดความลำบาก นอกจากนี้เรือที่สร้างทุกลำ สามารถลอยน้ำได้จริง ซึ่งตนจะต้องทดสอบลอยน้ำ ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้าทุกลำ 3 – 4 รอบ สำหรับในส่วนของความยากง่ายในการสร้างเรือประมง ความรู้สึกส่วนตัวจากประสบการณ์รู้สึกว่าไม่ยาก แต่ที่ยากคือกลุ่มเรือรบรุ่นเก่าๆ เนื่องจากมีอุปกรณ์มาก ใช้เวลาในการสร้างและเก็บรายละเอียด ส่วนระยะเวลาในการสร้างเรือแต่ละลำ ขึ้นอยู่กับขนาดและรายละเอียดของเรือที่ลูกค้าต้องการ แต่ระยะเวลาโดยประมาณในการสร้างเรือแต่ละลำอยู่ที่ 2 – 3 เดือน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6,000 บาทถึงประมาณ 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของเรือและจำนวนชั้นของหัวเก๋งเรือที่เอาไว้ให้คนนอน แต่เคยสร้างให้กับโรงแรมแห่งหนึ่งโดยทำเป็นลักษณะเฟอร์นิเจอร์ ลำละ 6 – 7 หมื่นบาท และนอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าประเภทที่สั่งให้ต่อเรือ เนื่องจากมีความเชื่อเรื่องความเป็นสิริมงคล โดยจะต้องสร้างขนาดเรือให้ตัวเลขเศษส่วนลงเลข 8 เนื่องจากคนจีนมีความเชื่อว่าเลข 8 หมายถึง เลข infinity (ไม่มีที่สิ้นสุด) จะทำให้ทำมาหากินขึ้น และการนับกรงก็จะต้องนับตรงกลางลำ ให้ลงเงินกับทอง การต่อความกว้างเรือ ต้องลงเลขเศษ 8 กับ 9 ก็ได้ แต่ห้ามลง 4 กับ 7 ส่วนความสูง จะวัดจากท้องเรือจนถึงเสากระโดง ให้ลงเลข 5 หรือ 8 ก็ได้ โดยมีความเชื่อเป็นเลขมงคล ซึ่งกลุ่มเรือสำเภามักนิยมจะให้ใช้ไม้สัก หรือไม้ขนุน นำมาสร้างตัวเรือตามความเชื่อ

ผู้ที่สนใจจะสั่งทำเรือประมงจำลอง สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 061 – 7917930 หรือที่เฟซบุ๊ก ชื่อ อู่ต่อเรือประมงจำลอง แสงประทีป เอมครุฑ แต่มีข้อแม้ คืองานที่สั่งห้ามรีบ เพราะตนเน้นคุณภาพ ไม่ได้เน้นปริมาณ เป็นงานทำด้วยมือ ซึ่งผลงานที่ผ่านมามีลูกค้าอยู่ทั่วประเทศกว่า 100 ลำ.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ท่าอากาศยานหัวหิน ขยายอุโมงค์ถนนและพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง เพื่อรองรับเที่ยวบินต่างประเทศ

ท่าอากาศยานหัวหิน ขยายอุโมงค์ถนนและพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง เพื่อรองรับเที่ยวบินต่างประเทศ

วันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายรัฐพล เจริญผล นายช่างไฟฟ้าอาวุโส รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานหัวหิน พร้อมด้วยนายวีระศักดิ์ ไชยมิตร วิศวกรโครงการฯ ร่วมกันชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาความสับสนเครื่องหมายจราจร บริเวณพื้นที่งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ เพื่อขยายพื้นที่ความปลอดภัยรอบทางวิ่งบริเวณหัวทางวิ่ง 16 เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและหลีกเลี่ยงเส้นทางปฏิบัติงานก่อสร้าง เพื่อให้การจราจรคล่องตัวและส่งผลกระทบน้อยที่สุด

นายรัฐพล เจริญผล กล่าวว่า กรมท่าอากาศยานได้รับงบประมาณในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานหัวหิน เนื่องจากพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง บริเวณหัวทางวิ่ง 16 ตรงอุโมงค์รถยนต์และรถไฟมีขนาดแคบ เพียงด้านละ 40 เมตร ในขณะที่ท่าอากาศยานหัวหินได้ประกาศพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ด้านละ 60 เมตรตลอดความยาวทางวิ่ง จุดดังกล่าวจึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่ออากาศยานที่ไถลออกนอกทางวิ่งมากกว่าจุดอื่นของทางวิ่ง และไม่เป็นไปตามประกาศนักบิน (AIP) เพื่อให้เป็นไปตามคำแนะนำของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จึงจำเป็นต้องขยายความกว้างอุโมงค์รถยนต์และรถไฟ และขยายความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งและปลายทางวิ่งในจุดดังกล่าว เพื่อลดความเสียงต่อความเสียหายของอากาศยานที่อาจจะเกิดการไถลออกนอกทางวิ่ง เพิ่มความปลอดภัยต่ออากาศยานและผู้โดยสาร โดยการก่อสร้างอุโมงค์จะต้องจัดการจราจรรถยนต์และรถไฟให้ยังคงสามารถใช้งานได้ด้วย ระยะเวลาการก่อสร้างกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จ 480 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2569

ปัจจุบัน ได้ทำทางเบี่ยง จะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 8 กันยายน วันที่ 9 กันยายน จะเริ่มตีเส้นใหม่ และทำการปิดในเช้าวันที่ 10 กันยายนนี้ ตอนนี้ได้ทำแผ่นโบรชัวร์ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับคนบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงการก่อสร้างโดยรอบแล้ว และแจกตามหน่วยงาน สถานที่ต่างๆ ให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ ซึ่งในโบรชัวร์จะมีการแนะนำเส้นทาง โดยการเลี่ยงพื้นที่การก่อสร้าง เราสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อดูเส้นทางได้ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้อาจจะใช้เส้นทางเลียบคันคลองชลประทานเป็นหลัก ในส่วนเรื่องของรถในพื้นที่ น่าจะเลี่ยงได้ ที่น่าเป็นห่วง คือรถที่จะมาจากทางกรุงเทพฯ จึงเป็นสาเหตุที่จำเป็นต้องเปิดทางเข้าหัวหิน 2 เลน แต่ถ้าเป็นคนในพื้นที่จะให้ใช้หัวหินซอย 2 เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางก่อสร้างดังกล่าว หรือเข้าทางบ่อฝ้าย

“ท่าอากาศยานหัวหินต้องกราบขอโทษผู้ใช้เส้นทางทุกคนในความไม่สะดวกทั้งหมด เราจะพยายามเร่งทำให้แล้วเสร็จ คาดว่าอาจจะไม่ถึงปี ก็น่าจะเสร็จได้ เราเข้าใจเพราะเป็นเส้นทางหลักในการเข้าสู่เมืองหัวหิน ตอนนี้จึงประชาสัมพันธ์ให้ใช้ทางเบี่ยงไปก่อน วัตถุประสงค์ของเราคือต้องการพัฒนาสนามบินให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้เปิดไฟท์บินระหว่างประเทศกลับมาเหมือนเดิม เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้อยากให้เที่ยวบินต่างประเทศที่เคยบินมาที่เรา เมื่อปี 2562 เขายังมีความสนใจอยู่ เป้าหมายเราคือต้องการให้สายการบินจากกัวลาลัมเปอร์กลับมาก่อนครับ” นายรัฐพล กล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจหัวหิน สกัดจับยาไอซ์ล็อตใหญ่มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ขณะลำเลียงส่งลูกค้าภาคใต้

ตำรวจหัวหิน สกัดจับยาไอซ์ล็อตใหญ่มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ขณะลำเลียงส่งลูกค้าภาคใต้

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 5 กันยายน 2568 พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พ.ต.ท.ปฏิวัติ วิเชียร รอง ผกก.สส.ภ.จ.ประจวบฯ รรท.รอง ผกก.สส.สภ.หัวหิน พ.ต.ท.เสฐียรพงษ์ ไกรพินิจ สว.สส.สภ.หัวหิน พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกับ บก.ปส.4 บช.ปส. และตำรวจทางหลวง จับกุมแก๊งยาเสพติดรวม 4 คน มีนายฤทธิเกียรติ อายุ 28 ปี นายสุรพล อายุ 23 ปี นายสุริยา อายุ 33 ปี และนายสมศักดิ์ อายุ 30 ปี ทั้งหมดเป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 17 กระสอบ น้ำหนักรวม 600 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท รถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน 70 – 3056 สระแก้ว 1 คัน ได้ภายในปั๊มน้ำมันพีที ถนนเลี่ยงเมือง (บายพาส) ขาขึ้นเหนือ ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ นำตัวมาสอบสวน

ก่อนหน้านั้นตำรวจสืบทราบว่าจะมีแก๊งยาเสพติดขนยาเสพติดไปยังจังหวัดภาคใต้ โดยใช้เส้นทางถนนเลี่ยงเมืองหัวหิน จึงนำกำลังแบ่งเป็น 2 ชุด เฝ้าสังเกตการณ์ ก่อนพบรถบรรทุกต้องสงสัยคันดังกล่าวขับเข้ามาจอดในปั๊มน้ำมัน จึงเข้าตรวจค้นและพบยาไอซ์ดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างขนยาไอซ์จากจังหวัดเชียงราย จะไปส่งลูกค้าที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ค่าจ้างครั้งละ 1 แสนบาท เคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้ถูกจับได้เสียก่อน จากนั้นตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่ง บช.ปส. เพื่อสอบสวนขยายผลจับกุมพรรคพวกที่เหลือดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แสตมฟอร์ด มอบประกาศนียบัตรผู้จบหลักสูตรด้านการเกษตรในยุคดิจิทัล ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

แสตมฟอร์ด มอบประกาศนียบัตรผู้จบหลักสูตรด้านการเกษตรในยุคดิจิทัล ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

วันที่ 4 กันยายน 2568 ดร.อภิเทพ แซ่โค้ว รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรม โครงการ“หลักสูตรการพัฒนาสมรรถนะผู้ประกอบการด้านการเกษตรในยุคดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Non-degree)”รุ่นที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตหัวหิน/ชะอำ มี ดร.ยุ่นหลิน หยาง ผู้อำนวยการบริหาร วิทยาเขตหัวหิน ผศ.ดร.บำเพ็ญ ไมตรีโสภณ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์และสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด หัวหน้าโครงการ ดร.นิติธร จันทเดช หัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ดร.วรพงศ์ แสงผัด หัวหน้าหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต คณาจารย์และผู้เข้าร่วมโครงการให้การต้อนรับ

จากการที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีนโยบายให้สถานศึกษาดำเนินโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตกำลังคนระดับอุดมศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมหรืองานประเภทใหม่ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่คาดคิด ในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนไม่แน่นอน โดยการเพิ่มศักยภาพกำลังคนให้ตอบโจทย์ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้จัดหลักสูตรประกาศนียบัตร (Non-degree Program) ด้านการพัฒนาสมรรถนะผู้ประกอบการด้านการเกษตรในยุคดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยกระทรวงการอุดมศึกษาฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 มีผู้สมัครเข้ารับการอบรม 35 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยมีวิทยากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยฯจากหลายหน่วยงาน มาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 จนกระทั่งจบหลักสูตร และหลังจากนี้ผู้อบรมทั้งหมดจะได้ร่วมกันสร้างเครือข่ายระหว่างกัน ที่จะช่วยเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรในจังหวัดเพชรบุรี – ประจวบฯ และจังหวัดใกล้เคียง อันจะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็ง และยกระดับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลนครหัวหิน คว้ารางวัลระดับอาเซียน ด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ด้านอากาศสะอาด

เทศบาลนครหัวหิน คว้ารางวัลระดับอาเซียน ด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ด้านอากาศสะอาด

วันที่ 3 กันยายน 2568 นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน จ.ประจวบฯ เข้ารับรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ด้านอากาศสะอาด (Clean Air) สำหรับเมืองขนาดเล็ก จาก H.E. Datuk Seri Johari Abdul Ghani รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ในประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 18 (18th AMME) ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งการประชุมดังกล่าว มีนางอรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมประเทศสมาชิกอาเซียน ติมอร์เลสเต และเลขาธิการอาเซียน โดยในที่ประชุมได้มีมติรับรองเอกสารสำคัญ ได้แก่ 1) การขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียนใหม่ จำนวน 6 แห่ง จากประเทศมาเลเซีย 3 แห่ง และจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 3 แห่ง รวมเป็น 69 แห่งในภูมิภาค ดังนี้ ประเทศมาเลเซีย จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1) Tengku Hassanal Wildlife Reserve เป็น AHP แห่งที่ 64 2) Bako National Park เป็น AHP แห่งที่ 65 3) Lambir Hills National Park เป็น AHP แห่งที่ 66 / สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จำนวน 3 แห่ง ดังนี้ 1) Xuan Thuy National Park เป็น AHP แห่งที่ 67 2) Pu Mat National Park เป็น AHP แห่งที่ 68 และ 3) Dong Nai Culture and Nature Reserve เป็น AHP แห่งที่ 69 2) รับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับการประชุม UNFCCC COP30 และ3) พิจารณาการเสนอชื่อเมืองเพื่อเข้ารับรางวัลเมืองยั่งยืนอาเซียน ครั้งที่ 6

ในโอกาสนี้ ประเทศไทยได้รับรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ได้แก่ เทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับรางวัลเมืองยั่งยืน และเทศบาลนครหัวหิน จ.ประจวบฯ ได้รับเกียรติบัตรด้านอากาศสะอาด (Clean Air) สำหรับเมืองขนาดเล็ก นอกจากนี้ เทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับเกียรติบัตรด้านความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่สีเขียว (Urban Biodiversity and Green Spaces) สำหรับเมืองขนาดเล็กด้วย ทั้งนี้แสดงถึงความร่วมมือในภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ลุงวัย 64 รับจ้างเฝ้าไร่สับปะรด โดนกระทิงขวิดเข้าหน้าอกทะลุปอด อาการสาหัส

ลุงวัย 64 รับจ้างเฝ้าไร่สับปะรด โดนกระทิงขวิดเข้าหน้าอกทะลุปอด อาการสาหัส

เช้าวันที่ 2 กันยายน 2568 นายอรุณชัย สมมิตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนถูกกระทิงป่าขวิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ในไร่สับปะรด บริเวณหุบตาเวียน หมู่ 6 ต.หาดขาม จึงประสานมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี นำรถพยาบาลให้การช่วยเหลือ

เมื่อไปถึง พบว่าชาวบ้านนำคนเจ็บออกจากที่เกิดเหตุและนำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ทราบชื่อคนเจ็บว่านายสมพงษ์ สะอาดลออ อายุ 64 ปี ชาวบ้านรวมไทย หมู่ 7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี ได้รับบาดเจ็บถูกเขากระทิงทิ่มใต้ราวนมขวาเป็นรูขนาดใหญ่ ประมาณ 10 ซม. หรือขนาดเท่ากำปั้นของเด็กวัยรุ่น ปอดฉีก แพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมทั้งใส่เครื่องช่วยหายใจและนำส่งต่อโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

จากการสอบถาม นางสมพร หรือป้ารวย คีรีนิล เจ้าของบ้านระเบียงดาวและเป็นผู้ที่ถ่ายคลิปขณะไปพบคนเจ็บนอนอยู่และให้การช่วยเหลือ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่พบนายสมพงษ์นอนอยู่กับพื้น หลังถูกกระทิงทำร้ายมา เล่าว่า ตนกับสามีกำลังเตรียมนำถังน้ำขนาด 1,000 ลิตร ใส่ในกระบะรถเพื่อไปฉีดยามะม่วง ขณะนั้นมีคนงานที่รับจ้างปลูกหน่อสับปะรด มาบอกว่ามีคนถูกกระทิงทำร้ายได้รับบาดเจ็บอาการหนัก นอนอยู่ในไร่สับปะรด ขอให้ช่วยติดต่อกู้ภัยด้วย ตนจึงได้ติดต่อกู้ภัย แล้วนำรถกระบะของตนไปยังที่เกิดเหตุ พบนายสมพงษ์ผู้บาดเจ็บนอนอยู่กับพื้น มือกุมอยู่ที่หน้าอกขวา มีเหลือดไหลออกมาไม่หยุด ตนจึงให้คนช่วยยกถังน้ำออกจากกระบะ และนำคนเจ็บขึ้นรถเพื่อไปส่งที่รถของกู้ภัยระหว่างทาง เพื่อนำส่งโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น

ป้ารวย เล่าต่อว่า พื้นที่ ที่ตนอยู่นี้ มีชาวบ้านที่ต้องมาเฝ้าไร่เพื่อป้องกันการรบกวนจากช้างป่าและกระทิง จำนวนหลายหลังคาเรือน แต่ที่ประสบปัญหานอกจากการถูกรบกวนจากสัตว์ป่าแล้ว ยังมีปัญหาจากการไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือใช้ ทำให้เวลามีเหตุฉุกเฉินแต่ละครั้ง ต้องขับรถออกไปหาสัญญาณหลายกิโลเมตร อย่างเช่นครั้งนี้ หากไม่มีชาวไร่ผ่านมาพบเข้า ผู้บาดเจ็บอาจจะเสียชีวิตก่อนก็เป็นได้ เพราะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อใครได้ จึงอยากวิงวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดูแลปัญหาของชาวบ้าน นอกจากการถูกรบกวนจากสัตว์ป่าแล้ว อยากให้จัดหาเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มาให้ชาวบ้านด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านกุยบุรี ได้รับความเดือดร้อนจากช้างป่าเข้าบุกรุกทำลายพืชผลมานานมาก ชาวบ้านต้องอดนอนเฝ้าไร่ตอนกลางคืน อดหลับอดนอนจนหลายคนสุขภาพไม่ดีเพราะนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ และในช่วงนี้ยังมีภัยจากกระทิงป่า ที่นับวันจะดุร้ายไม่เกรงกลัวคนเหมือนเมื่อก่อน เคยมีชาวบ้านถูกทำร้ายมาหลายครั้ง แต่ยังไม่ถึงกับเสียชีวิต นับว่าครั้งนี้รุนแรงที่สุด ชาวบ้านได้แต่ช่วยเหลือตัวเองไปพลางๆ เท่านั้น.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ระดมทุนจัดซื้อคอมพิวเตอร์ AI ให้โรงเรียนที่ขาดแคลน

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ระดมทุนจัดซื้อคอมพิวเตอร์ AI ให้โรงเรียนที่ขาดแคลน

วันที่ 2 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และเป็นประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาและประสิทธิภาพการศึกษาจังหวัดโดยผ่านกลไกของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดประจวบฯ หรือ กศจ. ปี 2568 ที่โรงแรมแอทที บูทีค คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ มีนางอังคนา นุ่มวัด ศึกษาธิการจังหวัด คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาจังหวัด ผู้บริหาร ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผน ตลอดจนผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผนและเจ้าหน้าที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดประจวบฯ ร่วมประชุม โดยมีการรายงานผลการดำเนินงานจัดการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบฯ เขต 1 และเขต 2 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบฯ พร้อมการนำเสนอแนวทางพัฒนาการศึกษาในโลกยุคใหม่จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงพัฒนาการเรียนการสอนของสถานศึกษา เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาให้สูงขึ้น

นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องของการศึกษา เพราะถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพนำไปสู่การพัฒนาจังหวัด พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ปัจจุบันมีแนวทางการจัดทำ 10 ห้องเรียนส่งเสริมการศึกษา ตามนโยบาย Next Move Prachuap เรื่องเร่งด่วนที่จะทำคือการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ โดยเร็วๆ นี้ จะจัดกิจกรรมเพื่อระดมทุนจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ AI มอบให้กับโรงเรียนที่มีความต้องการ นอกจากนี้ จังหวัดยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการจัดหลักสูตรการฝึกอาชีพให้กับนักเรียนที่มีฐานะยากจน เพื่อให้มีวิชาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว การส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้กับเยาวชนและประชาชน การส่งเสริมด้านการกีฬาให้กับเยาวชนเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ การพัฒนาหลักสูตรการส่งเสริมสุขภาพสอดคล้องกับนโยบาย Wellness Economy ของจังหวัดประจวบฯ ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการ คณะทำงาน บุคลากรผู้รับผิดชอบงานแผนของหน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดประจวบฯ และคณะกรรมการดำเนินงานทุกฝ่ายที่ให้ความสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และประสิทธิภาพการศึกษาจังหวัดโดยผ่านกลไกของ กศจ. ประจวบฯ.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

มทร.รัตนโกสินทร์ พัฒนาห่วงโซ่คุณค่าใหม่ ยกระดับผลิตภัณฑ์จากส้มจี๊ดและข่าเหลือง

มทร.รัตนโกสินทร์ พัฒนาห่วงโซ่คุณค่าใหม่ ยกระดับผลิตภัณฑ์จากส้มจี๊ดและข่าเหลือง

วันที่ 1 กันยายน 2568 นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอําเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดโครงการสร้างการรับรู้การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของการยกระดับผลิตภัณฑ์จากส้มจี๊ดและข่าเหลือง ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การยกระดับนวัตกรรมการสกัดดอกส้มจี๊ดด้วยเทคนิคการสกัดแบบเปียก เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสปา สำหรับชุมชนตำบลทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์” ที่ห้องปฏิบัติการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมี ผศ.ดร.ธเนศวร นวลใย หัวหน้าโครงการวิจัย คณะทีมวิจัย คณาจารย์ เกษตรกรจากวิสาหกิจชุมชนบางสะพาน และนักศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ

นายประสูตร หอมบรรเทิง กล่าวว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีความหลากหลาย ทั้งสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติ อำเภอบางสะพาน มีสภาพภูมิอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชเฉพาะ และข่าเหลือง เป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่อำเภอบางสะพาน และมีปัญหาราคาตกต่ำ การแปรรูปเป็นหนทางหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ แต่การแปรรูปโดยขาดองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จะทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้ การบูรณาการศาสตร์ความรู้ด้านต่างๆ ย่อมทำให้เกิดผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภค และสามารถแข่งขันทั้งในและนอกประเทศได้ โครงการนี้จึงจัดขึ้นเพื่อหาแนวทางในการยกระดับรายได้ครัวเรือนของชุมชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยอาศัยฐานทรัพยากรในชุมชนเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก

ผศ.ดร.ธเนศวร นวลใย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีแนวคิดที่จะบริหารจัดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ปลูก ผู้แปรรูป และผู้จำหน่าย ส้มจี๊ดและข่าเหลือง เพื่อผลักดันให้เกิดเครือข่ายที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากส้มจี๊ดและข่าเหลือง โดยอาศัยการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยในเครือข่ายและผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับของผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้การทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ให้แก่หน่วยงานราชการ ในฐานะ key-partner และวิสาหกิจชุมชนในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะ Stakeholder เพื่อคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพในการเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่นักศึกษาในการฝึกวิเคราะห์ ปฏิบัติในรายวิชานวัตกรรมและการพัฒนาผลิตลิตภัณฑ์ชุมชน.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ประจวบฯ จับคู่เจรจาธุรกิจการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 สร้างมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ประจวบฯ จับคู่เจรจาธุรกิจการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 สร้างมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

วันที่ 1 กันยายน 2568 นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดการเจรจาธุรกิจการค้า (Online Business Matching) “PETCH SAMUT KHIRI BUSSINESS FAIR 2025” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 2 กันยายน 2568 ที่โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมืองประจวบฯ มีนายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ น.ส.ศิริวรรณ คณะศร พาณิชย์จังหวัดประจวบฯ น.ส.สุวีรยา ปั้นปาน พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร น.ส.ยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม น.ส.จินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการภาคเอกชนในพื้นที่ 4 จังหวัดกลุ่มเพชรสมุทรคีรี ร่วมในพิธี

ตามที่จังหวัดประจวบฯ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อดำเนินกิจกรรมเจรจาธุรกิจ ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายสินค้าและบริการ กิจกรรมยกระดับและเชื่อมโยงตลาดสินค้า BCG อัตลักษณ์พื้นถิ่น และ Soft Power เพชรสมุทรคีรี โดยมีกิจกรรมตามโครงการ ประกอบด้วย การประชุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการจัดเจรจาธุรกิจ กิจกรรมอบรมข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบการเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจ การจัดทำ E-catalog สินค้า ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การเจรจาธุรกิจการค้าในครั้งนี้ เพื่อเปิดตลาดต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งการเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ประกอบการส่งออก ผู้ประกอบการ SMEs สินค้า BCG กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตอุตสาหกรรมด้านเกษตรแปรรูป หัตถกรรมและธุรกิจบริการ ในกลุ่มจังหวัดการภาคกลางตอนล่าง 2 ได้แก่จังหวัดประจวบฯ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร จำนวน 40 ราย รวมทั้งการเจรจาธุรกิจทางออนไลน์ มุ่งให้ผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 มีรายได้สูงขึ้นและมีช่องทางการค้าเพิ่มมากขึ้น

นายปรีดา สุขใจ กล่าวว่า ภาคการส่งออก ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งสินค้าของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 หรือเพชรสมุทรคีรี มีความหลากหลายทั้งสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าประมง รวมถึงการท่องเที่ยว สามารถเป็นตัวเลือกให้กับผู้ประกอบการที่มาร่วมเจรจาธุรกิจการค้าได้เป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าการจัดกิจกรรมในช่วงสองวันนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท จากการเจรจาจับคู่ธุรกิจ สิ่งที่อยากฝากถึงผู้ประกอบการผู้ผลิตสินค้า คือเรื่องของการรักษาคุณภาพมาตรฐาน เพราะวันนี้สินค้าของเรากำลังจะไปสู่ตลาดต่างประเทศ ดังนั้นเรื่องมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องจากทั้งสามจังหวัดที่เดินทางมาจังหวัดประจวบฯ จะได้เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีความสวยงามเพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระหว่างกันในโอกาสต่อไป.