Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบวิทยาลัย นำร่องเปิดศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย แก้ปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุ

ประจวบวิทยาลัย นำร่องเปิดศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย แก้ปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุ

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายประสูตร หอมบันเทิง นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัยโรงเรียนประจวบวิทยาลัย และเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนข้อมูลปัญหาอุปสรรคนำไปสู่การแก้ไข ซึ่งโรงเรียนประจวบวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสภาองค์กรของผู้บริโภค (TCC) ตั้งขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยในการเดินทางมาโรงเรียนด้วยรถรับส่งนักเรียน ผ่านระบบการทำงาน 7 ระบบ ได้แก่ 1.ระบบข้อมูลการจัดการรถโรงเรียน 2.ระบบดูแลนักเรียนภายในรถ 3.ระบบรับรองรถโรงเรียน 4.ระบบเฝ้าระวังรถโรงเรียน 5.ระบบการจัดการจุดจอดรถรับส่งรถโรงเรียน 6.ระบบประกันภัยรถโรงเรียน และ 7.ระบบการติดตามประเมินผล โดยมี น.ส.ทวีพร เพิ่มทวี ขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางวรรณา ศรีจุฬางกูล รองนายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายเธียนชัย แสงชาตรี ผู้อำนวยการโรงเรียนประจวบวิทยาลัย นางสุภาพร ถิ่นวัฒนากูล รองเลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค น.ส.ธนพร บางบัวงาม หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สภาองค์กรของผู้บริโภค ดร.ภวินท์ธนา เจริญบุญ หัวหน้าสาขาวิชาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมหิดล นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาองค์กรของผู้บริโภค พร้อมด้วยคณะครูอาจารย์ ผู้บริหารโรงเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียน ผู้นำชุมชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายประสูตร หอมบันเทิง นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การเปิดศูนย์เรียนรู้การจัดการรถรับส่งนักเรียนปลอดภัยโรงเรียนประจวบวิทยาลัย ต้องขอขอบคุณสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสภาองค์กรของผู้บริโภค (TCC) ที่ได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้น โดยได้รับความอนุเคราะห์ความร่วมมือให้การสนับสนุนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนประจวบวิทยาลัย สมาคมครูและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนประจวบวิทยาลัย สมาคมครูและศิษย์เก่าโรงเรียนประจวบวิทยาลัย คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง คณะผู้บริหารโรงเรียน คณะครู นักเรียน และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าหากพวกเราทุกคนมีความรับผิดชอบ และมีวินัยในตัวเอง ความปลอดภัยของตัวเองก็จะมีเพิ่มมากขึ้นด้วย

นายเดชา ศิริพิบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนประจวบวิทยาลัย กลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน เปิดเผยว่า โรงเรียนประจวบวิทยาลัย ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงาน สสส. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ให้เป็นสถานที่จัดตั้งศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัยประจำภาคตะวันตก ในการสำรวจวิเคราะห์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นโรงเรียนนำร่อง เป็นต้นแบบของศูนย์เรียนรู้การจัดการระบบรถรับส่งนักเรียนปลอดภัยและการแก้ไขปัญหา และเป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนต่างๆ ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะโรงเรียนระดับมัธยม มีจำนวน 18 โรง ซึ่งทุกโรงเรียนทั่วประเทศจะมีศูนย์รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย มีรูปแบบที่เหมือนกัน มีระบบการทำงาน 7 ระบบ 9 ขั้นตอน โดยโรงเรียนประจวบวิทยาลัย อยู่ในระหว่างการเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาวิจัยในการแก้ไขปัญหา ซึ่งโรงเรียนของโรงเรียนประจวบวิทยาลัย มีนักเรียนประมาณ 2,800 คน บางส่วนเดินทางไปกลับโดยรถส่วนตัวของผู้ปกครอง อีกส่วนเดินทางโดยรถรับส่งประจำ ซึ่งมักจะเกิดปัญหาการจราจรที่ติดขัด เนื่องจากติดปัญหาและอุปสรรคที่รถรับส่ง และรถผู้ปกครองบางส่วนยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ทางโรงเรียนใช้วิธีพูดคุย เจรจาขอความร่วมมือจากผู้ปกครองและผู้ประกอบการรถรับส่ง โดยโรงเรียนได้จัดสถานที่ลานจอดรถพักคอยไว้ให้ด้านนอกโรงเรียน บริเวณลานจอดรถฝั่งทิศตะวันตก จากนั้นให้นักเรียนเดินไปขึ้นรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และนักเรียน ร.ด. คอยอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัย และในอนาคตอาจมีการวางแผนให้รถรับส่งเข้ามาจอดรอรับนักเรียนภายในโรงเรียน แต่จะเน้นเฉพาะรถที่รับส่งนักเรียนของโรงเรียนประจวบวิทยาลัยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรถรับส่งนักเรียนรวม ซึ่งมีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นด้วยจะให้จอดรออยู่ด้านนอก เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาท จึงอยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียนและผู้ปกครอง ช่วยปฏิบัติตามนโยบายของทางโรงเรียนด้วย.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เร่งกรมชลฯ สร้างอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ตั้งเป้าเสร็จภายใน 4 ปี

เร่งกรมชลฯ สร้างอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ตั้งเป้าเสร็จภายใน 4 ปี

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนชุมชนต่างๆ ที่ห้องประชุมสิงขร โรงแรมประจวบแกรนด์ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ในช่วงบ่ายนายอาทร สุทธิกาญจน์ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 4 กรมชลประทาน และ ดร.ไชยทัศน์ อิ่มสำราญรัชต์ บริษัท ธาราคอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาโครงการ ได้นำคณะสื่อมวลชนติดตามความก้าวหน้าโครงการและพื้นที่รับประโยชน์ มีนายเกษม สุวรรณชาติ นายก อบต.เขาจ้าว นายเพชรพร โกมลฤทธิ์ กำนันตำบลเขาจ้าว นายสวัสดิ์ ชูยิ้ม รองนายก อบต.บึงนคร พร้อมคณะผู้บริหาร ผู้นำท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่

นายอาทร สุทธิกาญจน์ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 4 กรมชลประทาน เปิดเผยถึงความเป็นมาในการจัดทำโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าเนื่องจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี ต.หนองตาแต้ม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่กรมชลประทานได้ก่อสร้างไว้เมื่อปี 2510 และมีการใช้งานเพื่อกักเก็บน้ำ ตั้งแต่ปี 2522 เพื่อส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกเป็นบางส่วน ปัจจุบันอาคารต่างๆ ได้ถูกใช้งานมานานกว่า 40 ปี ประกอบกับพื้นที่ในเขตชลประทานทั้งหมด 212,175 ไร่ แต่มีการใช้น้ำที่มากขึ้น ส่งผลให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีสามารถส่งน้ำได้เพียง 167,100 ไร่ เท่านั้น

ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการน้ำแบบยั่งยืนให้ชาวประจวบคีรีขันธ์ กรมชลประทานจึงวางแผนปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี ประกอบด้วยการเพิ่มระดับเก็บกักอ่างเก็บน้ำปราณบุรี การปรับปรุงคลองส่งน้ำและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เพื่อส่งน้ำให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี รวม 4 โครงการ ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ อ่างเก็บน้ำคลองน้อย อ่างเก็บน้ำตะลุยแพรกซ้าย และอ่างเก็บน้ำแพรกกระทุ่ม โดยจะเริ่มดำเนินการอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อเป็นโครงการแรก เพื่อเร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และพื้นที่ทำการเกษตรบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำของราษฎรสองแห่ง คือตำบลเขาจ้าว อ.ปราณบุรี และตำบลบึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเสริมศักยภาพให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี และลดปัญหาอุทกภัยบริเวณริมฝั่งคลองแพรกตะคร้อ ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี หรือแล้วเสร็จประมาณปี 2571 ราษฎรจึงจะสามารถใช้งานได้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จ อ่างดังกล่าวจะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนสำหรับอุปโภคบริโภคของราษฎรได้เพียงพอตลอดปี ตลอดจนเพิ่มศักยภาพปริมาณน้ำให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีอีกทางหนึ่งด้วย

ดร.ไชยทัศน์ อิ่มสำราญรัชต์ บริษัท ธาราคอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อ จำเป็นต้องมีการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอต่อการพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ก่อนที่จะมีการสำรวจ ออกแบบและก่อสร้างต่อไป โดยสภาพพื้นที่ศึกษา ตั้งอยู่บนห้วยตะลุยแพรกขวา มีพื้นที่รับน้ำฝนจากตำแหน่งที่ตั้งหัวงาน 179.73 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 112,331 ไร่ และอยู่ในลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปราณบุรี ซึ่งมีพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งหมดประมาณ 2,917.28 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,823,300 ไร่ ซึ่งเป็นลุ่มน้ำสาขาหนึ่งในลุ่มน้ำเพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปราณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์

น.ส.สุทธิกานต์ แซ่ปัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านตำบลบึงนครส่วนใหญ่จะทำการเกษตร ทั้งพืชใช้น้ำน้อยและทำสวนทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียนปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่าพันไร่ แต่เนื่องจากขาดแคลนแหล่งน้ำ ทำให้ได้ผลผลิตไม่ดี ชาวบ้านมีรายได้ต่ำ ซึ่งชาวบ้านดีใจมากที่กรมชลประทานมีแผนที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำ เพราะจะช่วยให้ชาวบ้านมีแหล่งน้ำที่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ทำกิน รวมทั้งมีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอ แทนการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติจากแม่น้ำลำธาร ซึ่งไม่มีความสะอาด ปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี

ส่วน นายเกษม สุวรรณชาติ นายก อบต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพื้นที่เขาจ้าวไม่มีที่อ่างกัก เก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ยิ่งช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง น้ำในแม่น้ำลำคลองเหือดแห้ง ชาวบ้านและเกษตรกรประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างมาก ต้องวิ่งไปหาน้ำพื้นที่อื่นมาใช้ในพื้นที่ทำการเกษตรและน้ำกิน น้ำใช้ ในอนาคตมีแหล่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านก็จะหมดไป ปัจจุบันพื้นที่เขาจ้าว มีราษฎรอาศัยอยู่ 300 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ปลูกทุเรียนซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำมากพอสมควร ดังนั้นชาวบ้านมีความเข้าใจอย่างมากถึงความจำเป็นในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ และขอบคุณกรมชลประทานที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ความรู้และทำความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ เช่น หากก่อสร้างจะได้รับผลกระทบอย่างไรและได้ประโยชน์อย่างไร รวมถึงได้ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขต่างๆ จนชาวบ้านมีความเข้าใจและยอมรับในที่สุด

นายเพชรพร โกมลฤทธิ์ กำนันตำบลเขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากได้เข้าร่วมรับฟังประชาพิจารณ์เกี่ยวกับผลกระทบของโครงการร่วมกับสมาชิกในชุมชน แม้การดำเนินโครงการจะมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากอาจต้องอพยพบ้านเรือนหรือพื้นที่ทำกินไปยังพื้นที่อื่น แต่ชาวบ้านพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา เพื่อแก้ไขข้อติดขัดต่างๆ ร่วมกันเพื่อให้กรมชลประทานสามารถสร้างอ่างเก็บน้ำได้ซึ่งจะเป็นผลดีต่อชาวบ้านในระยะยาว อยากจะให้เร่งสร้างอ่างเก็บน้ำแพรกตะคร้อให้เสร็จเร็วๆ เพื่อลดความเดือดร้อนของชาวบ้านจากปัญหาขาดแคลนน้ำ.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

อบจ. ประจวบฯ ชวนส่งคลิป TikTok ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด ชิงเงินรางวัล 3 หมื่นบาท

อบจ. ประจวบฯ ชวนส่งคลิป TikTok ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด ชิงเงินรางวัล 3 หมื่นบาท

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ เป็นประธานแถลงข่าวโครงการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปี 2567 ที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายทวีสิน พัฒนาภิรัส ประธานสภา อบจ.ประจวบฯ น.ส.พัชรศรี สมบัติทวีพูน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ ผศ.นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีวิทยาเขตวังไกลกังวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, ดร.เรวิตา สายสุด คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด, นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ, นายธีรยุทธ สุขลาภ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก

นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ให้นักท่องเที่ยวรู้จักเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นการสร้างรายได้ต่อจังหวัดและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายการท่องเที่ยวของจังหวัด ได้แก่ ททท.สำนักงานประจวบฯ, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ รวมถึง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล, มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตชะอำ/หัวหิน, ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน และผู้ประกอบการร้านค้า โรงแรมในจังหวัดให้การสนับสนุน ซึ่งรูปแบบการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวมีหลายรูปแบบ หลายช่องทาง แต่ละรูปแบบจะมีกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเหมาะสมกับกลุ่มคนแต่ละวัยและสถานการณ์ เช่นการจัดทำหนังสือคู่มือ แผ่นพับ แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ 4 รูปแบบ ทั้ง 8 อำเภอ จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ข้อมูลการท่องเที่ยว คิวอาร์โค๊ด ติดตั้งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยได้ติดตั้งไปแล้ว 25 ป้าย ในปี 2566 และจะดำเนินการติดตั้งเพิ่มอีก 15 ป้าย รวมทั้งสิ้น 40 ป้าย ภายในปีนี้

พร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมประกวดสื่อสร้างสรรค์ ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ภายใต้หัวข้อ “เที่ยวประจวบ ฮีลใจ ให้ใจฟู” สำหรับประชาชนทั่วไป ไม่จำกัดอายุ ประเภททีมหรือเดี่ยว โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องเป็นการนำเสนอสถานที่ในจังหวัดประจวบฯ และต้องมีเนื้อหาสอดคล้องกับหัวข้อ “เที่ยวประจวบ ฮีลใจ ให้ใจฟู” การผลิตผลงานที่ส่งเข้าประกวด ไม่จำกัดรูปแบบการนำเสนอ เทคนิคการถ่ายทำ เทคนิคการผลิตและการตัดต่อ สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ จากนั้นอัพโหลดคลิปวิดีโอความยาวไม่น้อยกว่า 1 นาที ผ่านแอปพลิเคชัน TikTok พร้อมติดแฮชแท็ก # เที่ยวประจวบฮีลใจให้ใจฟู # อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินสด 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจากนายก อบจ.ประจวบฯ และใบประกาศเกียรติบัตร รองอันดับ 1 ได้รับเงินสด 7,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติบัตร รองอันดับ 2 ได้รับเงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติบัตร รางวัล Popular Vote ชนะเลิศจะได้รับเงินสด 4,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติบัตร อันดับ 2 ได้รับเงินสด 3,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติบัตร จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมทำคลิปสื่อส่งเข้าประกวดได้ในโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบฯ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหินจัดเทศกาลทุเรียนป่าละอู ครั้งที่ 9

หัวหินจัดเทศกาลทุเรียนป่าละอู ครั้งที่ 9

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดงานเทศกาลทุเรียนป่าละอู ที่บริเวณลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดหัวหิน น.ส.ไพลิน กองพันธุ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายนพพล วัฒนากร ปลัดอำเภอหัวหิน นายอมรเทพ อ่วมมีเพียร ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน นายประชุม สร้อยสม ประธานสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ และ น.ส.อนิสา ดีเลิศ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ เข้าร่วมเปิดงาน

ทั้งนี้ เทศกาลทุเรียนป่าละอู ประจำปี พ.ศ. 2567 เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 – 14 กรกฎาคมนี้ ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน การจัดงานเทศกาลทุเรียนป่าละอูครั้งนี้ เป็นการร่วมมือกันของหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรชาวหัวหิน ซึ่งได้ร่วมดำเนินการจัดงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เป็นปีที่ 9 แล้ว เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลผลิตของเกษตรในอำเภอหัวหิน โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอูและผลไม้ของดีป่าละอู อีกทั้งยังเป็นการให้เกษตรกรได้มีช่องทางจำหน่ายผลิตผล และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทุเรียนป่าละอู และผลไม้ของดีป่าละอูให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เจอแล้ว “น้องเมล่อน” ลิงแสมเขาช่องกระจกโดนเชือกไนล่อนรัดคอนานกว่า 3 เดือน เร่งช่วยชีวิตจากแผลติดเชื้อ

เจอแล้ว “น้องเมล่อน” ลิงแสมเขาช่องกระจกโดนเชือกไนล่อนรัดคอนานกว่า 3 เดือน เร่งช่วยชีวิตจากแผลติดเชื้อ

จากกรณีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 นายทวีศักดิ์ เบญจธิวัฒน์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจาก จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน ว่าพบลิงแสมที่เขาช่องกระจก หน้าวัดธรรมิการรามวรวิหาร ใกล้ศาลากลางจังหวัด ในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ ได้รับบาดเจ็บ สภาพมีเชือกไนล่อนรัดคอแน่นเป็นบาดแผลลึก มีเลือดไหลตลอดเวลา จึงไปตรวจสอบพบเป็นลิงแสมเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปี จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่วนอุทยานเขาตาม่องล่าย เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ทราบจากแม่ค้าขายอาหารลิงหน้าวัด แจ้งว่าลิงตัวดังกล่าวมีเชือกรัดที่ลำคอนานกว่า 1 เดือน ตั้งชื่อว่า “น้องเมล่อน” อยากให้เจ้าหน้าที่รีบหาแนวทางช่วยเหลือโดยด่วน หลังจากผ่านไปนานกว่า 3 เดือน มีหลายหน่วยงานออกหาตัวเพื่อช่วยเหลือหลายครั้ง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสัตว์ป่า ทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล ทีมจับสัตว์ นำโดยนายสัตวแพทย์ณัฐพงศ์ อาสากิจ หรือ “หมอซีเกมส์” ได้วางแผนร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารลิงหน้าเขาช่องกระจก โดยซื้ออาหารแล้วนำไปโปรยล่อในจุดที่ลิงลงมาหากินหน้าเขาช่องกระจก ก่อนพบน้องเมล่อนอยู่บนต้นไม้ จึงใช้ปืนยิงยาสลบ นำลิงมารักษาการอาการ โดยนำเชือกไนล่อนสีน้ำเงินออกจากลำคอ พร้อมทำความสะอาดแผล ให้ยาบำรุง ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ ยาแก้อักเสบ หลังผ่านไปประมาณ 45 นาที ลิงฟื้นจากยาสลบ ทีมสัตวแพทย์จึงนำน้องเมล่อนไปรักษาต่อที่มูลนิธิเพื่อสัตว์ป่าที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี คาดว่าใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ พักฟื้นอีก 1 เดือน เมื่ออาการบาดเจ็บและแผลที่ลำคอหายเป็นปกติ มูลนิธิฯ จะนำกลับไปปล่อยเข้าฝูงเดิมให้หากินตามธรรมชาติที่หน้าเขาช่องกระจกต่อไป

นายสัตวแพทย์ณัฐพงศ์ อาสากิจ กล่าวว่า บาดแผลที่คอลิงลึกพอสมควรผ่านชั้นกล้ามเนื้อ แต่โชคดียังไม่ลามไปถึงหลอดอาหาร หลอดลม และหลังจากนี้คงต้องนำลิงไปตรวจบาดแผลอย่างละเอียดอีกครั้ง โอกาสลิงจะรอดชีวิตมีมากกว่า 90% แต่ถ้าหากช่วยเหลือช้ากว่านี้อีกไม่เกิน 7 วัน ลิงจะมีปัญหาเรื่องการติดเชื้อที่บาดแผลโอกาสรอดมีน้อยมาก ขณะนี้ได้เฝ้าติดตามอาการลิงอย่างใกล้ชิด

ด้านพ่อค้าขายอาหารลิงที่เขาช่องกระจกให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวน้อยลง ทำให้ลิงประสบปัญหาอดอยาก เริ่มออกหากินในพื้นที่ ที่มีผลกระทบกับส่วนราชการในศาลากลางจังหวัดประจวบฯ ลิงบางส่วนไปนั่งรออาหารที่หัวสะพานคลองบางนางรม หน้าธนาคาร ธกส. ส่วนการนำอาหารไปให้ลิง เคยมีชาวไร่ที่นำผลไม้ พืชไร่ ใส่รถกระบะมาเลี้ยงลิง จะโดนเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานขับไล่ อ้างว่าทำให้มีปัญหาจากการรักษาความสะอาด.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กลับมาอีกครั้ง “เทศกาลกินหมึกแดดเดียวและอาหารทะเล 2024” กับบรรยากาศริมทะเลปากน้ำปราณ

กลับมาอีกครั้ง “เทศกาลกินหมึกแดดเดียวและอาหารทะเล 2024” กับบรรยากาศริมทะเลปากน้ำปราณ

ช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบฯ, ว่าที่พันตรีอภิญญา ศักดิ์นันท์ นายอำเภอปราณบุรี, นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ, นางศุภรัตน์ ผาสุก สมาชิกสภา อบจ.ประจวบฯ เขต 2, นายนำลาภ อิ่มทั่ว นายก อบต.ปากน้ำปราณ, นายทวีศักดิ์ ศรีทองกิติกูล ปลัด อบต.ปากน้ำปราณ และนางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ ร่วมในการแถลงข่าวการจัดงาน “เทศกาลกินหมึกแดดเดียวและอาหารทะเล 2024” ที่ลานแหลมเกด ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ อ.ปราณบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ในระหว่างวันที่ 9 – 11 สิงหาคมนี้ ที่บริเวณลานมหาราช ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี

นายนำลาภ อิ่มทั่ว กล่าวว่า เทศกาลกินหมึกแดดเดียวและอาหารทะเล เป็นงานเทศกาลอาหารทะเลที่จัดต่อเนื่องกันมาหลายปี แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ที่ผ่านมา จึงได้งดการจัดงานไปถึง 4 ปี และในปีนี้กลับมาจัดงานขึ้นอีกครั้ง โดยความร่วมมือกันของ อบต.ปากน้ำปราณ กับ อบจ.ประจวบฯ และอีกหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ในพื้นที่ให้การสนับสนุน โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ของงานคือ “หมึกแดดเดียว” ที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า หมึกในพื้นที่ปากน้ำปราณ มีรสชาติหวานจากธรรมชาติ นุ่มและไม่เหนียวเหมือนหมึกทั่วไป เพราะได้รับอิทธิพลของน้ำจืดจากแม่น้ำปราณบุรีที่ไหลลงสู่ทะเล จะนำแพลงตอนที่เป็นอาหารหมึก มาสะสมอยู่ในทะเล ทำให้หมึกมีรสชาติดี หมึกที่นี่จึงกลายเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของอำเภอปราณบุรี ในอดีตชาวประมงตำบลปากน้ำปราณได้คิดค้นวิธีการจับหมึกมาตั้งแต่แต่ปี 2520 เริ่มจากใช้ตะเกียงเจ้าพายุเป็นแสงสว่างในการล่อหมึกให้มารวมตัว จนพัฒนามาเป็นเรือปั่นไฟไดหมึกและหรี่ไฟลง เพื่อให้หมึกมารวมตัวกัน จากนั้นใช้แหครอบ ซึ่งแต่ละปีหมึกมีการเจริญเติบโตขึ้นตามลำดับ หมึกแดดเดียวปากน้ำปราณจึงกลายเป็นทั้งอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและเมนูเรียกแขกกระตุ้นเศรษฐกิจของพื้นที่ จนได้ขึ้นชื่อว่าหมึกแดดเดียวอร่อยที่สุดต้อง “หมึกแดดเดียวปากน้ำปราณ”

นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชิมหมึกแดดเดียวที่แสนอร่อยแล้ว ภายในงานยังพบกับร้านจำหน่ายอาหารกว่า 50 ร้าน ทั้งอาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นถิ่น รถฟู้ดทรัค ลิ้มรสอาหารทะเลสุดอร่อยในราคาที่ไม่แพง การประกวดเมนูหมึกแดดเดียวอร่อยที่สุด การแข่งขันกินอาหารทะเลเร็วที่สุด บูธเล่นกิจกรรม ร่วมเล่นเกม ชมการแสดงจากน้องๆ โรงเรียนปากน้ำปราณวิทยา ที่โด่งดังจากการแข่งขันรายการชิงช้าสวรรค์ ฟังเพลงเพราะๆ เคล้าเสียงคลื่นกระทบฝั่งจากศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงทุกค่ำคืนที่จัดงาน พร้อมชมบรรยากาศริมทะเลและแสงเขียวจากเรือไดหมึก สุดยอดเสน่ห์ทะเลปากน้ำปราณ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวพาครอบครัวมานั่งทานอาหารและฟังเพลงกับบรรยากาศทะเลยามเย็นได้ตามวันดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เปิดค่ายสานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่น 3

เปิดค่ายสานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่น 3

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นางระวีวรรณ หงส์ขจรโพธิ์ทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดค่ายโครงการสานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 3 จัดโดยสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ มีนายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดฯ กล่าวรายงาน นายสันทัด ประสานวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัด นางสุภรณ์ ช้อยหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาลจังหวัดประจวบฯ พ.ต.ท.ศักดา จำปาทอง รอง ผกก.(สส.) สภ.เมืองประจวบฯ นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัด ผู้แทนส่วนราชการ ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม อาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติ ตลอดจนผู้ถูกคุมความประพฤติที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมมวลชน (ศูนย์สมานมิตร) ถ.ปิ่นอนุสรณ์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

นางระวีวรรณ หงส์ขจรโพธิ์ทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า จากคำกล่าวรายงาน ได้ทราบถึงที่มาของโครงการที่มุ่งหมายให้ผู้เข้าร่วมโครงการ มีความเข้มแข็งทางจิตใจ เสริมสร้างแรงจูงใจให้เลิกยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นการบำบัดยาเสพติดให้กับผู้กระทำผิดที่ศาลกำหนดเงื่อนไขให้บำบัดยาเสพติด โดยมีวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความรู้ในการเข้าถึง ความช่วยเหลือทางสังคม และจะมีการศึกษาดูงานโครงการในพระราชดำริ ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคกหนองนาโมเดล แปลงของนายวีรวุฒิ กลมเกลี้ยง ที่บ้านทุ่งสะท้อน หมู่ 5 ต.ปากแพรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบางสะพานน้อย เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพและพัฒนาชีวิต เป็นการคืนคนดีสู่สังคม

ผู้พากษาหัวหน้าศาลฯ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น จึงขอให้ผู้เข้าร่วมโครงการสานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 3 ประจำปี 2567 ทุกคน เปิดโอกาสให้กับตัวเองเพื่อซึมซับความรู้จากวิทยากร และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกัน เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม นำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดในสังคม ลดจำนวนผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดได้ สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดี ใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมีช่องทางทำมาหากิน อยากให้นำความรู้เกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ที่จากการได้ไปศึกษาดูงานมา ว่าจริงๆ แล้วนั้นทำได้จริงมั้ย เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกคนถ้ามีการลงมือปฏิบัติอย่างได้ทำ และได้เข้าร่วมด้วยความอยากรู้ อยากลองในสิ่งที่ดี รับรองเกิดประโยชน์แน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน หวังใจว่าวัตถุประสงค์ของโครงการจะทำให้ทุกๆ คน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดและประเทศชาติต่อไป

ด้านนายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติฯ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการคุมความประพฤติ และการพัฒนาพฤตินิสัย แก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดในกระบวนการคุมประพฤติ มีนโยบายให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิด มีโอกาสกลับตัวเป็นคนดี และกลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม ตามแนวคิดการเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง จึงได้มีโครงการ “สานสัมพันธ์น้อง – พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด” เพื่อให้ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ศาลให้โอกาสรอการลงโทษ โดยกำหนดเงื่อนไขการคุมความประพฤติ และผู้กระทำผิดที่ศาลมีคำสั่งให้บำบัดยาเสพติด มีความเข้มแข็งทางใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เสริมสร้างแรงจูงใจให้เลิกสารเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าถึงแหล่งสนับสนุนทางสังคม

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2567 จำนวน 5 รุ่น ซึ่งการจัดโครงการครั้งนี้เป็นการจัดรุ่นที่ 3 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่อยู่ในระบบงานคุมประพฤติเข้าร่วมโครงการ จำนวน 40 คน วิธีการดำเนินการประกอบด้วยการบรรยาย การแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ การศึกษาดูงานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือโครงการในพระราชดำริ โดยมีวิทยากรจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และได้รับการสนับสนุนด้านสถานที่การจัดโครงการจากศูนย์ฝึกอบรมมวลชน (ศูนย์ฝึกสมานมิตร) ดังกล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมเนื่องในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ มีนายเวสารัช โสภณดิเรกรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 นายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ นายพงศธร พร้อมขุนทด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน และเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 400 คน จัดโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาดและยั่งยืนต่อไป พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้มอบพันธุ์ปลา พันธุ์กล้าไม้ ให้แก่ผู้นำชุมชน ร่วมปลูกต้นไม้ และปล่อยพันธุ์ปลาลงสู่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัวสามร้อยยอด ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแรมซา ไซต์ เป็นลำดับที่ 2,238 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551 มีพื้นที่รวม 43,075 ไร่ เป็นระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูน มีความสูงชันริมฝั่งทะเลผสมกับที่ราบริมฝั่งทะเลที่เป็นหาดเลนและห้วงน้ำทะเลตื้น มีเกาะหินปูนที่ตั้งเรียงรายใกล้ชายฝั่งทะเล ด้านป่าไม้พบพรรณไม้ประมาณ 294 ชนิด จาก 236 สกุล 95 วงศ์ ซึ่งเป็นพืชหายากที่สำคัญต่อการอนุรักษ์ 3 ชนิด ได้แก่ สรัสจันทร นมแมว และผักแขยงสยาม ด้านสัตว์ป่า นับเป็นแหล่งสำคัญของนกน้ำและเป็นพื้นที่สำคัญเพื่อการอนุรักษ์นก (IBM) ซึ่งพบนกประจำถิ่น จำนวน 157 ชนิด เช่น นกหัวโตมาลายู นกพงนาพันธุ์แมนจูเลีย นกกระสาแดง เป็นต้น อีกทั้งมีสัตว์ป่าที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์การจัดสถานภาพพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ได้แก่ โลมาอิรวดี เลียงผา เสือปลา ลิงกังเหนือ เป็นต้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

นายกหัวหิน นำเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ตรวจสอบตู้กดน้ำดื่มเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน

นายกหัวหิน นำเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ตรวจสอบตู้กดน้ำดื่มเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยนายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลฯ สท. และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอหัวหิน ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยตู้กดน้ำดื่มของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองหัวหิน ที่โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน ทั้งนี้จากกรณีเกิดเหตุมีนักเรียนจากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ถูกไฟฟ้ารั่วจากตู้กดน้ำดื่มช็อตจนเสียชีวิต เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นเทศบาลเมืองหัวหินได้แจ้งให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลเมืองหัวหิน 7 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2 ศูนย์ ได้สำรวจข้อมูลตู้กดน้ำดื่มภายในสถานศึกษา ก่อนนำเจ้าหน้าที่ด้านระบบไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอหัวหิน เข้าตรวจสอบความปลอดภัยของตู้กดน้ำดื่ม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับนักเรียนหรือบุคลากรภายในสถานศึกษา

เบื้องต้นพบว่าในโรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน มีตู้กดน้ำดื่มติดตั้งอยู่ 5 ตู้ สภาพโดยรวมแต่ละตู้มีความเรียบร้อย ไม่ชำรุดเสียหาย ตัวตู้กดน้ำมีความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ได้ตรวจวัดกระแสไฟจากตู้ และตรวจคุณภาพสายไฟ ระบบสายดิน และอุปกรณ์ต่างๆ พบว่าระบบสายดิน โดยเฉพาะแท่งกราวด์ทองแดงสำหรับสายดิน ความยาวยังไม่มากเพียงพอ และควรเพิ่มจุดรองเหยียบที่เป็นพลาสติกด้านหน้าตู้กดน้ำ ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ทางสถานศึกษาฯ จะได้ปรับปรุงแก้ไขระบบสายดินตามคำแนะนำของการไฟฟ้าฯ โดยระหว่างนี้จะยกเลิกการเสียบปลั๊กเพื่อทำความเย็นของตู้น้ำไปก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะดำเนินการปรับปรุงระบบไฟต่างๆ ให้แล้วเสร็จ และหลังจากนี้เทศบาลเมืองหัวหินจะได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอหัวหิน มาเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ครูและเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบตู้กดน้ำดื่มของแต่ละสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการตรวจสอบและดูแลตู้กดน้ำดื่ม เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียนเพิ่มมากขึ้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รพ.สต.ไร่เก่า อบรมฟื้นฟูศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)

รพ.สต.ไร่เก่า อบรมฟื้นฟูศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 น.ส.นราภรณ์ ช้างทอง ปลัดอำเภอสามร้อยยอด เป็นประธานเปิดโครงการฟื้นฟูเพื่อพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่หอประชุมใหญ่ที่ว่าการอำเภอสามร้อยยอด ต.ศิลาลอย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายนรินทร์ สีงาม ผู้อำนวยการ รพ.สต.ไร่เก่า กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ มี น.ส.นุจรีย์ ภู่ระย้า หัวหน้ากลุ่มงานบริการปฐมและองค์รวมโรงพยาบาลสามร้อยยอด นายสมเดช พันคง ผู้อำนวยการ รพ.สต.สามร้อยยอด น.ส.วาสนา ฮวดเจริญ ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านหนองจิก และ อสม.จากตำบลศิลาลอย ต.สามร้อยยอด ร่วมกิจกรรม 204 คน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการอบรมรุ่นที่ 2 เพื่อส่งเสริมให้ อสม. มีโอกาสเรียนรู้รูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย เพิ่มพูนความรู้ ทักษะทางด้านวิชาการสาธารณสุข เพื่อให้ อสม. สามารถนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติและแก้ไขปัญหาในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ อสม. พัฒนาการรักษาพยาบาลเบื้องต้น คัดกรองผู้ป่วย และสามารถดำเนินงานสุขภาพชุมชนในเขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่งได้อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ อสม. มีทักษะด้านการจัดการสุขภาพในชุมชน ทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิตัล และเพื่อให้ อสม. สามารถดูแลและมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพของประชาชนในชุมชน ด้วยการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านสุขภาพ ให้บริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานและเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในชุมชนได้ นอกจากจะให้ความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังให้ อสม.ได้ฝึกปฏิบัติในการช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยการปั๊มหัวใจอย่างถูกวิธีอีกด้วย.

ฐิติชญา แสงสว่าง….รายงาน