Categories
ข่าว ทั้งหมด

นักกีฬาเทควันโดนับพันร่วมชิงชัยหัวหินเทควันโดแชมเปี้ยนชิพ

นักกีฬาเทควันโดนับพัน ร่วมชิงชัยหัวหินเทควันโดแชมเปี้ยนชิพ

วันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นประธานกล่าวต้อนรับและเปิดการแข่งขันเทควันโดยุวชนและเยาวชนชิงชนะเลิศ จ.ประจวบฯ ครั้งที่ 5 ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน จ.ประจวบฯ ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศและของรางวัลมากมาย มีนางอรทัย เข็มนาค ประธานชมรมเทควันโดจังหวัดประจวบฯ นายกฤตชัย วิชาศรี ประธานสโมสรหัวหินเทควันโด นายธีระยุทธ สุขลาภ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าหัวหินมาร์เก็ต วิลเลจ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยเยาวชนชายหญิงทั้งประเทศ ครูผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง กว่า 1,500 คน ร่วมในการแข่งขัน แบ่งเป็นประเภทต่อสู้ (เคียวรูกิ) 6 รุ่น ยุวชนอายุตั้งแต่ 5 – 14 ปี เยาวชนอายุตั้งแต่ 15 – 17 ปี และท่ารำ (พุมเช่) 7 รุ่น ยุวชนอายุไม่เกิน 6 ปี ยุวชนอายุตั้งแต่ 7 – 14 ปี เยาวชนอายุตั้งแต่ 15 – 17 ปี และประชาชนอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยใช้กติกามาตรฐานสากล ควบคุมการตัดสินโดยกรรมการจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย

สโมสรหัวหินเทควันโด ร่วมกับศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน และเทศบาลเมืองหัวหิน จัดการแข่งขันหัวหินเทควันโดแชมเปี้ยนชิพ ขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาเทควันโด อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอหัวหินและพื้นที่ใกล้เคียง โดยสโมสรเทดวันโดหัวหินได้จัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 2561 และครั้งที่ 2 ในปี 2562 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี หลังจากว่างเว้นการจัดการแข่งขันดังกล่าวจากสถานการณ์ระบาดของโควิด – 19 จนเกิดกระแสเรียกร้องให้จัดการแข่งขันครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 และต่อเนื่องมาจนถึงครั้งที่ 5 โดยสโมสรเล็งเห็นความสำคัญของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากพัฒนาระบบการแข่งขันให้มาตรฐานสากลยิ่งๆ ขึ้นแล้ว ยังมุ่งหวังให้เป็นการแข่งขันแมทซ์อุ่นเครื่องที่สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันระดับประเทศต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ เปิดโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 41” ณ โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย

ผู้ว่าฯ เปิดโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 41” ณ โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย

วันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 41” ที่โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จ.ประจวบฯ ซึ่งศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD) มูลนิธิธรรมดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันสืบสานศาสตร์พระราชามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 ร่วมเดินทางไปยัง 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้มีชีวิตตามรอยศาสตร์พระราชา ตามโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” โดยมีคุณวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน), อาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย, ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี, นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นักเรียน เข้าร่วมเพื่อเรียนรู้และศึกษาดูงานด้านองค์ความรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ และถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการทรงงานเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรให้มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดี อีกทั้งยังเพื่อสนองตามพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอดและครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า โรงสีข้าวพระราชทาน ตำบลอ่าวน้อยนี้ เกิดจากน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานให้แก่ชาวบ้านตำบลอ่าวน้อย เมื่อปี 2524 เพื่อเป็นต้นแบบในการช่วยเหลือชาวนาให้สามารถผลิตและจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม และยังเป็นศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชน สอดคล้องกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านที่ผูกพันกับการทำนามาช้านาน แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 40 ปี แต่เครื่องสีข้าวพระราชทานก็ยังคงทำงานอยู่จนถึงทุกวันนี้

สำหรับกิจกรรมในงาน มีการมอบชุดหนังสือจากอมรินทร์ กรุ๊ป ในโครงการอ่านพลิกชีวิต มอบข้าวสารอาหารกลางวัน โครงการ “ธรรมดี ช่วยเพื่อน ปันสุข อิ่มท้อง อิ่มบุญ” ให้กับ 8 โรงเรียน ในตำบลอ่าวน้อย การฟังบรรยายประวัติความเป็นมาของโรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จังหวัดประจวบฯ และร่วมรับชมสาธิตการสีข้าวจากเครื่องสีพระราชทาน เป็นต้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สโมสรโรตารีหัวหิน ฉลองครบรอบ 37 ปี พร้อมสถาปนานายกและคณะกรรมการชุดใหม่

สโมสรโรตารีหัวหิน ฉลองครบรอบ 37 ปี พร้อมสถาปนานายกและคณะกรรมการชุดใหม่

ช่วงค่ำวันที่ 21 มิถุนายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ในพิธีฉลองครบรอบ 37 ปี การก่อตั้งสโมสรโรตารีหัวหิน และสถาปนาคณะกรรมการบริหารสโมสรโรตารีหัวหิน ปี 2567 – 2568 ที่โรงแรมหัวหินแกรนด์ โฮเทลแอนด์พลาซ่า จ.ประจวบฯ มี ผวล.จักรชัย วิสุทธากุล ผู้ว่าการภาค 3330 โรตารีสากล ปี 2567 – 2568 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดหัวหิน พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล ผบก.อธ. พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายเจนวิท ผลิศักดิ์ สาธารณสุขอำเภอหัวหิน แขกผู้มีเกียรติ และมวลมิตรโรแทเรียนจากสโมสรต่างๆ ร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก จากนั้นได้พิธีมอบตำแหน่งให้กับนางวิรังรอง จักรมณี นายกสโมสรโรตารีหัวหินคนใหม่ พร้อมทั้งแนะนำคณะกรรมการชุดใหม่ และกล่าวแสดงความขอบคุณในการทำงานร่วมกัน พร้อมกันนี้ได้มีการมอบเงินสมทบให้กับสโมสรโรตารีหัวหิน และโรตารีสากลที่สหรัฐอเมริกา และมอบรางวัลให้กับบุคคลดีเด่นด้านบริการสังคมและชุมชน ให้กับนายศักดิ์ชาย ทองเหี่ยง นายธนาคารปูม้าเขาตะเกียบ

สโมสรโรตารีหัวหิน ก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2530 โดยมีสโมสรโรตารีปราณบุรีเป็นสโมสรพี่เลี้ยง เป็นสมาชิกของโรตารีสากล (chater) ด้วยตนเอง เป็นลำดับที่ 24754 มีนายวีรศักดิ์ พรพิบูลย์ อดีตนายอำเภอหัวหิน เป็นนายกก่อตั้ง ปัจจุบันสโมสรโรตารีหัวหินได้ดำเนินกิจกรรมโครงการบำเพ็ญประโยชน์มากมายอย่างต่อเนื่องมากว่า 37 ปี มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตอำเภอหัวหิน เช่น โครงการน้ำสะอาด โครงการปรับปรุงห้องสมุด โครงการจักรยานเพื่อน้อง โครงการศาลาที่พักผู้โดยสาร โครงการสอนน้องว่ายน้ำ โครงการส่งเสริมอาชีพต่างๆ และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย ณ วันนี้ สมาชิกสโมสรโรตารีหัวหินยังไม่หยุดยั้งที่จะร่วมมือร่วมใจกันอย่างต่อเนื่องในการทำโครงการบำเพ็ญประโยชน์ มุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมต่างๆ ดังคติพจน์ “การบริการผู้อื่นเหนือตนเอง” (Service Above Self) หล่อหลอมเอาความรู้ ความสามารถ เวลา และกำลังทรัพย์มาทำความดี แก่ผู้ด้อยโอกาส ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และทำให้โลกนี้ดีขึ้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ร่วมระลึกพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ครบรอบ 134 ปี

ประจวบฯ ร่วมระลึกพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ครบรอบ 134 ปี

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 นายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันที่ระลึกพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ครบรอบ 134 ปี มีนายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี นายสุรวัชร เปลี่ยนปราณ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ นายพงศธร พร้อมขุนทด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กรมอุทยาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจากทุกภาคส่วนร่วมในพิธี โดยนายอำเภอสามร้อยยอดได้ประกอบพิธีถวายราชสักการะ กล่าวอาศิรวาทราชสดุดี กล่าวคำปฏิญาณตน และวางพวงมาลาหน้าพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งประดิษฐานบนพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ณ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ถ้ำพระยานคร หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ สย. 2 (หาดแหลมศาลา) อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ

โดยก่อนหน้านี้ อุทยานเขาสามร้อยยอดได้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากร ขอความอนุเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับถ้ำพระยานคร เพื่อให้ได้มีข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับไว้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยนายประทีป เพ็งตะโก อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้มีหนังสือตอบกลับมา ทำให้ทราบว่าจากเดิมที่มีพระมหากษัตริย์ไทยได้เสด็จถ้ำพระนคร 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 แต่พบว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จถ้ำพระนครถึง 5 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ได้เสด็จประพาสถ้ำพระยานคร เป็นอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินมณฑลปักษ์ใต้ เมื่อปีมะแม พ.ศ.2402 และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2406, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสถ้ำพระยานครด้วยกันทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ ปี พ.ศ.2406, 2429, 2432 และ พ.ศ.2433, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 กล่าวกันว่าพระองค์ท่านเคยเสด็จที่ถ้ำพระยานครครั้งหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าเมื่อใด, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระองค์ท่านได้เสด็จไปประทับที่พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2469 และได้จารึกพระปรมาภิไธยย่อ ป.ป.ร.ไว้ที่ผนังถ้ำทางทิศตะวันตกของพลับพลา ซึ่งยังปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงวันนี้ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านได้เสด็จที่ถ้ำนี้เป็นการส่วนพระองศ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2501 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524

สำหรับพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ตั้งอยู่ภายในถ้ำพระยานคร เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข มีขนาดความกว้าง 2.55 เมตร ยาว 8 เมตร สูง 2.55 เมตรสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในยามเสด็จประภาสถ้ำพระยานคร สร้างขึ้นจากฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ โดยทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลัง โดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 20 มิภุนายน 2433 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จารึกพระปรมาธิไธยย่อ จ.ป.ร. ไว้ที่บริเวณผนังด้านเหนือของพลับพลาพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ นอกจากเป็นจุดเด่นของถ้ำพระยานครแล้ว ยังเป็นตราประจำจังหวัดประจวบฯ ในปัจจุบัน โดยจะมีความงดงามยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านจากปล่องของถ้ำลงมากระทบกับพระที่นั่ง โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นโบราณสถานสำคัญเมื่อปี พ.ศ.2495.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เต่าแม่เพรียง ขึ้นวางไข่ 139 ฟอง ต่อเนื่องบนเกาะทะลุ

เต่าแม่เพรียง ขึ้นวางไข่ 139 ฟอง ต่อเนื่องบนเกาะทะลุ

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี รับแจ้งจากนายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) จ.ประจวบฯ ว่าหลังจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม เดินลาดตระเวนการขึ้นวางไข่ของเต่ากระบนพื้นที่เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ และการเฝ้าติดตามการฟักไข่ของเต่ากระอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 เวลา 19.48 น. พบเเม่เต่ากระ ชื่อ “แม่เพรียง” หมายเลขไมโครชิพ 933.076400505267 ขึ้นวางไข่บริเวณอ่าวในหุบของเกาะทะลุ จำนวน 1 รัง เป็นรังที่ 3 ของปี 2567 พิกัด 47 P 0560230E 1223853N อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม

จากการตรวจสอบ พบแม่เต่ากระ มีขนาดลำตัวกระดองกว้าง 77 เซนติเมตร ยาว 89 เซนติเมตร ขนาดของหลุมกว้าง 29 เซนติเมตร ลึก 44 เซนติเมตร จุดวางไข่ห่างจากน้ำทะเล 14 เมตร รอยพายมีความกว้าง 74 เซนติเมตร และพบไข่ทั้งหมด จำนวน 139 ฟอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้ายรังไปยังบ่ออนุบาลของมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางธรรมชาติ เนื่องจากหลุมไข่เต่าตั้งอยู่บริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึง โดยมีมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยามเป็นผู้ดูแล และให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับ “เต่ากระ” ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Eretmochelys imbricata (Linnaeus,1766) เป็นสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ สถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และจัดอยู่ใน Appendix 1 ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ออกหน่วยช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้ชาวบ้านกุยบุรี

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ออกหน่วยช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้ชาวบ้านกุยบุรี

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้าง รอยยิ้มให้ประชาชน” หรือโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ประจำปี 2567 ที่วัดถ้ำเขาน้อย ต.กุยเหนือ อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีนายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก มีส่วนราชการร่วมให้บริการประชาชนในด้านต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ บริการทำบัตรประชาชนโดยศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 7 บริการตรวจสุขภาพ บริการทำหมันสุนัขและแมว บริการตัดผม การให้คำปรึกษาด้านการเกษตร การตั้งจุดรับเรื่องราวร้องทุกข์โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด รวมถึงการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดมาจำหน่ายเพื่อลดค่าครองชีพ มีประชาชนสนใจมาเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพราคาถูกกันเป็นจำนวนมาก โดยโครงการจังหวัดเคลื่อนที่เป็นการออกหน่วยบริการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อให้ได้รับบริการของภาครัฐอย่างทั่วถึง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่เสียเวลาในการเดินทางไปติดต่อหน่วยงานราชการยังสถานที่ตั้ง

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด ให้แก่ชาวบ้าน 200 ชุด มอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองเตาปูน 2 ชุด พร้อมกันนี้ พระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี ได้นำสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือนและสิ่งของอุปโภคต่างๆ ที่ได้รับจากพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญที่วัดกุยบุรี จำนวน 100 ชุด มอบให้แก่ชาวบ้าน และจัดโรงทานปรุงประกอบอาหารแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ขนส่งประจวบฯ อบรมผู้ประกอบการรถรับจ้างหัวหิน ในการช่วยชีวิตเบื้องต้น

ขนส่งประจวบฯ อบรมผู้ประกอบการรถรับจ้างหัวหิน ในการช่วยชีวิตเบื้องต้น

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 นางเพ็ญศรี นาคบาตร หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบฯ สาขาปราณบุรี เป็นประธานเปิดโครงการ BDMS อบรมการช่วยชีวิตบนท้องถนน แก่ผู้ประกอบการรถรับจ้างหัวหิน รุ่นที่ 1 ที่โรงแรมนาวีภิรมย์ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถหัวหิน จำกัด ผู้ทรงคุณวุฒิงานจราจรและขนส่งจังหวัดประจวบฯ พร้อมผู้ประกอบการรถรับจ้างหัวหิน กว่า 50 คน เข้ารับการอบรม โดยมี นพ.พงษ์ศักดิ์ บุญยะลีพรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน พร้อมทีมวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้กับผู้เข้ารับการอบรม

นางเพ็ญศรี นาคบาตร กล่าวว่า ขนส่งจังหวัดประจวบฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยชีวิตอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะกับเหตุการณ์บนท้องถนนซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกวัน จึงได้ร่วมกับบริษัท รถหัวหิน จำกัด และโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน จัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อเป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้อง และพร้อมรับมือหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศ มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ถ้าหากเราพบเหตุฉุกเฉินก็สามารถให้การช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต

นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ ขนส่งจังหวัดฯ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน ที่ได้จัดอบรมในครั้งนี้ ซึ่งผู้ประกอบการรถรับจ้างทุกคนจะได้รับความรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพราะเราทุกคนมีโอกาสที่จะพบเหตุการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน การอบรมจะช่วยให้เกิดความมั่นใจและสามารถจะเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตผู้อื่นได้ วันนี้เป็นการอบรมรุ่นแรก เรายังมีผู้ประกอบการรถรับจ้างอีกหลายคนที่สนใจจะเรียนรู้ หวังว่าจะได้ร่วมกับภาครัฐและโรงพยาบาลจัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้อีกต่อไป

ด้าน นพ.พงษ์ศักดิ์ บุญยะลีพรรณ กล่าวว่า โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน ภายใต้การบริหารงานของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด (มหาชน ) ได้จัดการอบรมมาอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสดีที่สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญกับผู้ประกอบการรถรับจ้างในการเข้ารับการอบรม โดยโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหินนั้นตั้งเป้าหมายในการอบรมการช่วยชีวิต เพื่อให้ผู้ที่ได้เข้ารับการอบรมมีความรู้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนได้อย่างถูกวิธี ก่อนส่งถึงมือแพทย์ การอบรมจะมีทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติในการช่วยเหลือผู้ที่หัวใจหยุดเต้นด้วยการปั๊มหัวใจ (CPR) กับหุ่นฝึกกู้ชีพ การใช้เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) และการช่วยเหลือผู้ป่วยสำลักอุดกันทางเดินหายใจ (Choking) ซึ่งผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับมอบประกาศนียบัตรจาก BDMS ตามแนวคิดที่ว่าแม้ไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ หากเรามีองค์ความรู้และมีความมั่นใจผ่านการอบรมและฝึกปฏิบัติจริง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สโมสรโรตารีรอยัลหัวหิน สถาปนานายกและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ พร้อมแถลงผลงานช่วยเหลือสังคมกว่า 3.5 ล้านบาท

สโมสรโรตารีรอยัลหัวหิน สถาปนานายกและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ พร้อมแถลงผลงานช่วยเหลือสังคมกว่า 3.5 ล้านบาท

ช่วงค่ำวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ผวล.จักรชัย วิสุทธากุล ผู้ว่าการภาค 3330 โรตารีสากล ปี 2567 – 2568 เป็นประธานในพิธีสถาปนานายกและคณะกรรมการบริหารสโมสรโรตารีรอยัลหัวหิน สโมสรโรตารีประจวบคีรีขันธ์ สโมสรโรทาแรคท์มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด และสโมสรโรทาแรคท์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ปี 2567 – 2568 ที่โรงแรมอมารี หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ เหล่ามวลมิตรโรแทเรียน แขกผู้มีเกียรติ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง

โอกาสนี้ ผวล.จักรชัย วิสุทธากุล ผู้ว่าการภาค ภาค 3330 โรตารีสากล ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ มร.ไบรอัน แอนเดอร์สัน นายกสโมสรโรตารีรอยัลหัวหิน มร.สตีเฟน โนตัน นายกสโมสรโรตารีประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่ง นายเมธพนธ์ สังข์น้อย นายกสโมสรโรทาแรคท์มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด และ น.ส.สุดารัตน์ ชัยสิทธิ์ นายกสโมสรโรทาแรคท์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล พร้อมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ปี 2567 – 2568 และขอบคุณอดีตนายกทั้งสี่สโมสร ในการดำเนินงานอย่างยอดเยี่ยมที่ผ่านมา ตลอดจนมวลมิตรชาวโรแทเรียน และเชื่อมั่นว่าจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกท่านตามอุดมการณ์แห่งโรตารี จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานบริการช่วยเหลือสังคมต่อไป ซึ่งจะสามารถนำพาสโมสรไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ วันนี้นับเป็นวาระสำคัญยิ่งที่จะได้ร่วมกันแสดงความยินดีและมีความภาคภูมิใจกับผลงานที่ผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบัน

สโมสรโรตารีรอยัลหัวหิน นับเป็นองค์กรบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จำนวน 66 คน จาก 17 เชื้อชาติ เป็นสโมสรโรตารีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโรตารีภาค 3330 ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 เป็นองค์กรนานาชาติที่ให้บริการช่วยเหลือสังคมมากว่า 14 ปี โดยไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ซึ่งคณะกรรมการสโมสรในรอบปีที่ผ่านมา นำโดย มร.ไบรอัน แอนเดอสัน นายกสโมสรและกรรมการบริหาร ปีบริหาร 2566 – 2567 ที่ได้อุทิศตน ทุ่มเทเสียสละจัดโครงการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมในเขตอำเภอหัวหิน ถึง 23 โครงการในปีที่ผ่านมา โดยใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 3.5 ล้านบาท อาทิ โครงการให้ความรู้เยาวชนให้เอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ โดยเริ่มจากคัดเลือกบุคลากร และอาสาสมัครจากอำเภอหัวหิน ไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญจากประเทศออสเตรเลีย ณ จังหวัดภูเก็ต นำความรู้กลับมาสอนนักเรียน ซึ่งได้จัดอย่างต่อเนื่องมาแล้วถึง 4 ครั้ง ให้นักเรียน 7 โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน รวมแล้วกว่า 327 คน ใช้งบประมาณเกือบ 1 ล้านบาท นอกจากนั้นอีกโครงการที่น่าภาคภูมิใจคือ การจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมติดอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยให้โรงพยาบาลหัวหิน มูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบให้โรงพยาบาลในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้บริการเพิ่มเติมแก่ประชาชนในจังหวัดประจวบฯ จากเดิมที่มีแต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน การให้ทุนการศึกษานักเรียนที่เรียนดี แต่ยากจนเพื่อศึกษาต่อหลักสูตรแพทย์ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การบริจาครถเข็นวีลแชร์ให้เด็กที่พิการ การให้ทุนการศึกษาให้ทั้งนักเรียนไทยและนักเรียนต่างด้าวที่ยากจน และยังมีการให้ความร่วมมือกับสโมสรโรตารีหลายสโมสรในภาค 3330 อาทิ ร่วมจัดซื้อเครื่องล้างไตจำนวน 20 เครื่องให้โรงพยาบาลนครปฐม และอีกหลายโครงการ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ มอบโคกระบือให้เกษตรกร

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ มอบโคกระบือให้เกษตรกร

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค – กระบือ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่วัดกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีนายสัตวแพทย์ทรงพล บุญธรรม ปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรในพื้นที่ร่วมพิธี โดยพระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี นำคณะสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ ได้จัดทำโครงการมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค – กระบือ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุนโครงการ ซึ่งในวันนี้ได้มีการมอบกรรมสิทธิ์โคให้แก่เกษตรกร 116 คน โดยเป็นการมอบในกรณีพิเศษ คือเป็นเกษตรกรที่ส่งมอบลูกโคตัวที่ 1 ที่มีอายุครบ 18 เดือน ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 สามารถมอบกรรมสิทธิ์โค – กระบือ ตามสัญญาเพื่อการผลิตได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ระยะเวลาครบตามเงื่อนไขสัญญา คือ 5 ปี แต่อายุสัญญาต้องไม่น้อยกว่า 3 ปี พร้อมสนับสนุนเวชภัณฑ์และแร่ธาตุก้อนให้แก่เกษตรกรที่ได้รับมอบโค นอกจากนี้ ยังได้มีการไถ่ชีวิตโคเพศเมีย 8 ตัว และมอบสัญญายืมโคให้แก่เกษตรกรในพื้นที่อำเภอกุยบุรี อีก 8 ราย

โครงการธนาคารโค – กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งกรมปศุสัตว์รับสนองพระราชดำริ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีโค – กระบือ ไว้ใช้แรงงานและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ในส่วนของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการธนาคารโค – กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2526 ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว 1,204 ราย มอบกรรมสิทธิ์ โค – กระบือให้แก่เกษตรกรไปแล้วกว่า 803 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท และยังมีเกษตรกรอยู่ในความดูแลของโครงการกว่า 401 ราย จำนวนโค 425 ตัว

โครงการธนาคารโค – กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ถือเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรโดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินงาน ประกอบกับมีการทำงานบูรณาการร่วมกันในพื้นที่อย่างเป็นระบบ สนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรและให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งตลอดจนมีการต่อยอดการใช้ประโยชน์ เช่น การใช้มูลสัตว์เป็นปุ๋ยในไร่นา การทำก๊าซชีวภาพ การอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีในท้องถิ่น เป็นต้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

SVL Group จับมือวิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน ตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ นำร่อง 3 ชุมชน เสริมความปลอดภัย

SVL Group จับมือวิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน ตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ นำร่อง 3 ชุมชน เสริมความปลอดภัย

วันที่ 17 มิถุนายน 2567 นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน เป็นประธานเปิดโครงการ “เช็คเบรค -ไฟ รู้ก่อนปลอดภัยกว่า” มีผู้บริหารเอสวีแอลกรุ๊ป นำโดยนายอุดม สดใส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ทรานสปอร์ต จำกัด และในฐานะประธานชมรมผู้ประกอบการขนส่งบางสะพาน นำทีมพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมที่ศาลาเอนกประสงค์ หมู่ 8 บ้านล่าง ต.แม่ราพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ พร้อมส่งมอบชุดอุปกรณ์อะไหล่ สำหรับซ่อมเบรค -ไฟ ให้กับชุมชน ด้วยความร่วมมือจากคณะอาจารย์และนักศึกษา ปวช. ชั้นปี 2 – 3 สาขาวิชาช่างยนต์ จากวิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน โดยทีมอาสาออกหน่วยให้บริการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ เช็คเบรค -ไฟ และบริการเปลี่ยนอะไหล่ให้ชุมชนฟรี พร้อมได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากผู้นำและคณะกรรมการชุมชน มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 80 คน

นายอุดม สดใส กล่าวว่า “ด้วยนโยบายความปลอดภัยในองค์กร ขยายผลสู่ชุมชน สังคม โครงการ “เช็ค เบรค – ไฟ รู้ก่อนปลอดภัยกว่า” จึงเป็นอีกกิจกรรมที่ขยายผลจากโครงการหลัก “รู้ก่อน ปลอดภัยกว่า” ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี ร่วมรณรงค์ให้ความรู้กับเยาวชนและชุมชนบางสะพาน เกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติ ข้อควรระวัง ในการใช้รถ ใช้ถนนร่วมกับรถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ภายใต้แนวทางการทำงาน คือ “ขนส่งปลอดภัย ใส่ใจชุมชน” ของบริษัท ไลน์ทรานสปอร์ต จำกัด ธุรกิจขนส่งทางบก

โครงการเช็คเบรค – ไฟฯ จัดขึ้นด้วยความห่วงใยชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักย้ำเรื่องความปลอดภัย ที่เริ่มต้นจากตัวบุคคล และความพร้อมในเครื่องยนต์ การตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ในเบื้องต้น เช่น เช็คเบรค – ไฟ เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย ถ้ารู้ก่อนก็จะมีความปลอดภัยกว่า นำไปสู่ความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งคณะทำงานได้กำหนดเป้าหมายออกหน่วยบริการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ให้กับชุมชน 3 พื้นที่ ได้แก่ ต.แม่รำพึง ต.ชัยเกษม และ ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ

กลุ่มธุรกิจเอสวีแอลกรุ๊ป พร้อมชมรมผู้ประกอบการขนส่งบางสะพาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองโครงการ ที่พวกเราตั้งใจจัดขึ้น จะเกิดผลดี เกิดความตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย เพิ่มความคุ้มกันทางถนน รวมถึงสร้างความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรมให้กับชุมชน ลูกหลานของพวกเรา เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่หลายฝ่ายต้องร่วมมือกันดูแล เฝ้าระวังและส่งเสริมความปลอดภัยต่างๆ รอบด้านต่อไป.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน