Categories
ข่าว ทั้งหมด

นายอำเภอหัวหิน เปิดงานปิดทองพระพุทธเจ้าและรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยสามพันนาม

นายอำเภอหัวหิน เปิดงานปิดทองพระพุทธเจ้าและรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยสามพันนาม

วันที่ 28 กันยายน 2567 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน พร้อมด้วยนางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดงานประจำปี ปิดทองพระพุทธเจ้า 28 พระองค์, หลวงพ่อสัมฤทธิ์ และรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยสามพันนาม ประจำปี 2567 ที่วัดห้วยสามพันนาม ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีพระศรีปริยัติเมธี รองเจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ วัดคลองวาฬ พระอารามหลวง, พระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพต, พระใบฎีกาสรัญ โฆสิโต เจ้าอาวาสวัดห้วยสามพันนาม คณะสงฆ์จากวัดต่างๆ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมในพิธี โดยกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม 2567 รวม 9 วัน 9 คืน ภายในงานมีร้านค้า ร้านอาหาร สวนสนุก การประกวดวัวสวยงาม ลิเกพม่า รำวงย้อนยุค และมหรสพทุกค่ำคืน จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านร่วมงานบุญได้ตามวันดังกล่าว

วัดห้วยสามพันนาม สังกัดมหานิกาย เดิมเป็นที่พักสงฆ์ ชื่อ “วังสามพันนาม” เพื่อเป็นสถานที่จำพรรษาปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ สามเณร และใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลของพุทธศาสนิกชน ต่อมานายชุบ สังข์ทอง ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตสร้างวัดและได้รับอนุญาตสร้างวัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 หลังจากนั้นได้ยื่นเรื่องขอตั้งวัดและได้รับอนุญาตตั้งวัดชื่อ “วัดห้วยสามพันนาม” เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ตามชื่อหมู่บ้าน ที่เป็นที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ดินจำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 50 ไร่ 2 งาน โดยนายชุบเป็นผู้บริจาคที่ดิน เจ้าอาวาสรูปแรก คือ พระอธิการสำราญ สุขวฑฺฒโก ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 และมรณภาพเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 ปัจจุบันมีหลวงพ่อบอย หรือพระใบฎีกาสรัญ โฆสิโต เป็นเจ้าอาวาส.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ศพชายเร่ร่อนวัยกลางคน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในชายน้ำริมถนน

ศพชายเร่ร่อนวัยกลางคน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในชายน้ำริมถนน

วันที่ 27 กันยายน 2567 ร.ต.ท.นนทนันทิ์ สิงหนาท พนักงานสอบสวน สภ.สามกระทาย รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ริมถนนเพชรเกษมฝั่งล่องใต้ ปากทางเข้าสถานีรถไฟสามกระทาย ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยกู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิวัดกุยบุรี และกู้ภัยตำรวจทางหลวงจุดกุยบุรี

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เป็นศาลาที่พักริมทางของกรมทางหลวง ด้านข้างมีแอ่งน้ำ พบศพชายไม่ทราบชื่อวัยกลางคน นอนคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงขายาวลายพราง ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบมีรอยลื่นอยู่ที่ริมตลิ่ง คาดว่าน่าจะเป็นรอยของผู้เสียชีวิตและไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างส่งโรงพยาบาลกุยบุรี เพื่อให้แพทย์ตรวจชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้งหนึ่ง

จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นชายเร่ร่อนที่มาอาศัยพักอยู่ที่ศาลาแห่งนี้มานานแล้ว เห็นเดินไปเดินมาอยู่บริเวณนี้โดยไม่ได้ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้ใด จนเช้าวันนี้มีชาวบ้านผ่านมาเห็นว่านอนคว่ำหน้าอยู่ในน้ำข้างศาลา จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว และในตัวผู้เสียชีวิตไม่มีเอกสารใดๆ ติดตัว หากผู้ใดสงสัยว่าจะเป็นญาติ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สภ.สามกระทาย โทร. 032 – 688191 หรือที่สำนักงานมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิวัดกุยบุรี โทร. 032 – 682789 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

อดีตประธานสภา อบจ.ประจวบฯ พร้อมชาวบ้านแจ้งดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ ทช. ปักหมุดแนวเขตป่าชายเลนทิพย์

อดีตประธานสภา อบจ.ประจวบฯ พร้อมชาวบ้านแจ้งดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ ทช. ปักหมุดแนวเขตป่าชายเลนทิพย์

วันที่ 26 กันยายน 2567 นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานประชุมในการสนธิกำลังปฏิบัติการเพิ่มและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ห้องประชุมที่ทำการอุทยานแห่งขาติเขาสามร้อยยอด อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายชัชนรินทร์ ชัชวงศ์วาลย์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 จ.เพชรบุรี หน่วยงานเจ้าภาพเข้าร่วม พร้อมตัวแทนจากอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดประจวบฯ เจ้าหน้าที่ ที่ดินจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุยบุรี

หลังจากประชุมใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง มีมติแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ทช.ไปตรวจสอบ ตรวจยึดพื้นที่ด้วยการปักหลักแนวเขตกันพื้นที่ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 53 ไร่ ในพื้นที่ป่าชายเลน ใกล้ทางเข้าหาดสามพระยา หมู่ 2 ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ หลังจากมีหลักฐานการบุกรุกป่าชายเลน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 และวันที่ 22 สิงหาคม 2543

จากนั้น ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยกว่า 50 นาย เดินทางถึงพื้นที่เป้าหมายในการตรวจยึด ซึ่งห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดประมาณ 5 กิโลเมตร พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านกว่า 200 คน นำโดยนายมานพ ตั้งบูรพาจิตร์ หรือ สจ.ตี๋ อดีตประธานสภา อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ อดีต ส.อบจ.กุยบุรีหลายสมัย นายวิฑูรย์ รัศมี อดีตนายก อบต.กุยเหนือ อ.กุยบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รอสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ ทช. ว่าใช้อำนาจใดในการตรวจยึด หรือดำเนินการตามกฎหมายใด ในการตรวจยึดพื้นที่ป่าชายเลนที่ประชาชนเข้าทำกิน เป็นการรังแกประชาชนหรือไม่ เนื่องจากการปักแนวเขต อาจกีดขวางบนทางสาธารณะในการเดินทางเข้าพื้นที่ทำกิน และเหตุใดจึงมีการเร่งรีบทำเรื่องนี้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2567 ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ทำไมไม่ดำเนินการให้รอบคอบตามแนวทางที่เคยมีคำสั่งศาล หรือมีคำวินิจฉัยจากผู้ตรวจการแผ่นดิน

นอกจากนั้นแกนนำชาวบ้านระบุว่า ที่ผ่านมายังมี 2 หน่วยงาน มีข้อโต้แย้ง ไม่ให้มีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินที่หมู่ 2 ต.เขาแดง จำนวน 23 แปลง หลังจากยื่นเอกสารนานกว่า 4 ปี มีการหลักฐานการครอบถูกต้องครบถ้วน มีการลงนามโดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ ชาวบ้านมีการนำเอกสารการครอบครองที่ดินไปจ่ายภาษีที่ดินฯ ที่ อบต.เขาแดง

ด้านแกนนำชาวบ้านยืนยันว่า หลังจากนี้จะมีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ทช. และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ที่ยังไม่มีข้อยุติในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความเห็นจากหลายองค์กรที่เข้าตรวจสอบจากการร้องเรียนของประชาชน และบางกรณีเจ้าหน้าที่อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า ในอนาคตหากเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องยังมีการกระทำที่กระทบสิทธิของประชาชนก็จะมีปัญหาอย่างต่อเนื่องจากการประกาศแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 2 ครั้งในปี 2509 และปี 2525 มีผลกระทบกับที่อยู่อาศัยและที่ดินของประชาชน 3 อำเภอ 17 ตำบล สำหรับการร้องเรียนกรณีนี้ แกนนำชาวบ้านไม่ได้แจ้งให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือนักการเมืองในพื้นที่รายใดมาให้การช่วยเหลือในเชิงนโยบาย เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการต่อสู้โดยใช้ข้อกฎหมาย คำสั่งศาลและข้อเท็จจริงในการครอบครองทำกิน เพื่อยุติปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานมากกว่า 50 ปี แต่ถ้าหากนายเฉลิมชัย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีชาวประจวบคีรีขันธ์ จะให้ติดตามตรวจสอบการทำงานในกระทรวง เพื่อช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่มีข้อพิพาทยาวนานกับอุทยานฯ หรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ก็ถือว่าเป็นภาระหน้าที่ หากทำสำเร็จคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์อาจเพิ่มขึ้น หลังจาก สส.ของพรรคเขต 1 สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566

ด้านนายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการประชุมหลายหน่วย ได้ซักถาม ทช. กรณีแนวเขตป่าชายเลนใช้กฎหมายใด ยอมรับว่ามีการใช้มติ ครม. รวมทั้งบทบาทหน้าที่ของ พช.ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทช.ปี 2558 สำหรับการกระทำที่กระทบสิทธิประชาชน ก็ยอมรับว่าการใช้มาตรการทั้งมติ ครม. และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เวลาผ่านไปไม่นาน ดังนั้นหากประชาชนเข้าทำประโยชน์ก่อน ก็จะมีข้อเท็จจริงตรวจสอบได้ หรือหาก ทช.มีผลสรุปพิสูจน์ว่าเป็นการป่าชายเลนตามกฎหมาย ผู้ใดเข้าครอบครองก่อนผู้นั้นย่อมมีสิทธิ ส่วนตัวยอมรับว่าในจังหวัดประจวบฯ ยังไม่มีกรณีศึกษาในเรื่องนี้ และการดำเนินการใดๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการสร้างรับรู้ให้ประชาชนที่อาศัยทำกินมาก่อนมีความเข้าใจ เนื่องจากจังหวัดประจวบฯ มีป่าชายเลนทุกอำเภอ สำหรับปัญหาความขัดแย้งยังไม่น่ากังวล แต่ขอให้ต่างฝ่ายแสดงเหตุผล หลักการของกฎหมายในการพูดคุยเพื่อให้มีข้อยุติ.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

พัฒนาการประจวบฯ เปิดตลาดสร้างสุขเพิ่มรายได้ชุมชน ยลหมู่บ้านนวัตวิถี

พัฒนาการประจวบฯ เปิดตลาดสร้างสุขเพิ่มรายได้ชุมชน ยลหมู่บ้านนวัตวิถี

วันที่ 27 กันยายน 2567 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดงาน“ยลเสน่ห์วิถีถิ่น สร้างศิลป์ชุมชน ตลาดพัฒนาสร้างสุข”ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยนายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ นายดำรงค์ มากระจัน พัฒนาการจังหวัดประจวบฯ นางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัด นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นายโชคชัย วงศ์จักรภัชร์ กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ตหัวหิน แขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมงาน มีการเสวนาเรื่อง“บูรณาการ งานฝีมือชุมชน สู่งานศิลป์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน”จากคุณสายฝน คอลลินส์ ศิลปินผู้สร้างงานศิลป์ ผ่านงานสาน Hua Hin Art ติดล้อ พร้อมชมการแสดงชุด“ดินผาแดง สีแห่งความมงคล”และการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้ามัดย้อมของจังหวัดประจวบฯ

นายดำรงค์ มากระจัน กล่าวว่า พัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบฯ จัดกิจกรรมโครงการตลาดพัฒนาสร้างสุข ภายใต้ชื่อ“ยลเสน่ห์วิถีถิ่น สร้างศิลป์ชุมชน”ระหว่างวันที่ 27 – 29 กันยายนนี้ ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้น กระตุ้นให้เกิดความต้องการจับจ่ายซื้อสินค้าภายในชุมชน ทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนช่องทางการตลาดให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการชุมชน OTOP, ผู้ผลิตสินค้าชุมชน, ชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถี, กลุ่มสัมมาชีพชุมชน, กลุ่มอาชีพสตรีและอื่นๆ ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และเพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าชุมชนได้ในราคาที่เป็นธรรม สามารถลดค่าครองชีพของประชาชน

ภายในงาน นอกจากมีการเปิดบูธขายสินค้าจากชุมชน กว่า 50 บูธ แล้ว ยังมีการบูรณาการส่วนต่างๆ ที่จะเพิ่มรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน อาทิ งานฝีมือชุมชนสู่งานศิลป์ โดยเชิญกลุ่มศิลปินมาแนะนำไอเดียเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าชุมชน รวมถึงบูรณาการด้านอาหารอร่อย ปลอดภัย โดยนำเชฟมาปรุงอาหารเมนูเด็ด“แกงคั่วยอดมะพร้าวหอยแมลงภู่”ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ยอดมะพร้าว น้ำกะทิสด จากอำเภอทับสะแก และหอยแมลงภู่สด ๆ จากอำเภอสามร้อยยอด มาให้ทุกท่านได้ลองชิม ชมตัวอย่างโคกหนองนา สู่การสร้างชีวิตที่ยั่งยืน รักษา ต่อยอดเศรษฐกิจพอเพียง แนวคิดซึ่งมุ่งให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมถึงการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจนเกิดความยั่งยืน นอกจากนี้ จะพาทุกท่านไปท่องเที่ยววิถีถิ่นใกล้ชิดธรรมชาติ หมู่บ้านนวัตวิถี และชุมชนน่าเที่ยวมากมายในจังหวัดประจวบฯ ที่สำคัญมีรางวัลพิเศษเป็นตั๋วท่องเที่ยวฟรี 1 วัน จำนวน 10 ท่าน แจกภายในงาน จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมชมงานดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตชด.ประจวบฯ เกษียณ ปลดเป้ วางปืน คืนผู้บังคับบัญชา

ตชด.ประจวบฯ เกษียณ ปลดเป้ วางปืน คืนผู้บังคับบัญชา

วันที่ 26 กันยายน 2567 พ.ต.อ.อัคราวัส สีห์ธนบุญอุบล ผกก.ตชด.14 มอบหมายให้ พ.ต.ท.ฉลาม พงษ์เพชร รอง ผกก.กก.ตชด.14 รักษาราชการแทน ผกก.กก.ตชด.14 เป็นประธานในพิธีปลดเป้ วางปืน ข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนสังกัดกองกำกับการที่ 14 ที่เกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2567 จำนวน 12 นาย ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้าฯ ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มี ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 141 – 147 เข้าร่วมพิธี

พิธีอำลาชีวิตข้าราชการของตำรวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ มีการประกอบพิธีลอดซุ้มปืน โดยให้ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ นั่งรถยนต์หุ้มเกราะวี 150 วิ่งวนรอบ กก.ตชด.14 จากนั้นตำรวจที่เกษียณอายุราชการพร้อมคู่สมรส เดินลอดซุ้มปืนตามลำดับ ที่บริเวณหอประชุมสราญรมย์ จากนั้นทำพิธีปลดเป้ วางปืน มอบคืนให้แก่ผู้บังคับบัญชาประธานในพิธี พร้อมรับมอบใบประกาศเกียรติคุณและของที่ระลึกจากประธาน และรับฟังการกล่าวแสดงกตเวทิตาจิตแด่ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ จากนั้นจึงได้ประกอบพิธีอำลาหน่วย ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เพื่อให้ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุพร้อมคู่สมรส เดินผ่านกองเกียรติยศ พร้อมรับช่อดอกไม้จากผู้บังคับบัญชา และเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ยังทำงานอยู่

พ.ต.ท.ฉลาม พงษ์เพชร รอง ผกก.รักษาราชการแทน ผกก.กก.ตชด.14 เปิดเผยว่า ภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน เป็นภากิจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ ในอดีตจะมีภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ ตำรวจตระเวนชายแดนจึงก่อตั้งขึ้นมา โดยคัดเลือกจากตำรวจทั่วประเทศ มารับภารกิจปราบคอมมิวนิสต์ แต่เนื่องจากภารกิจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่ต่างๆ จะมีการลาดตระเวน มีการพบปะกับภัยคุกคาม เช่น คอมมิวนิสต์ต่างๆ และไปในที่ถิ่นทุรกันดารที่มีความแร้นแค้น และมีประชาชนอาศัยอยู่ ฉะนั้นตำรวจตระเวนชายแดนจึงมีคุณลักษณะ 3 ประการ คือ 1.รบได้อย่างทหาร 2.จับกุมได้อย่างตำรวจ และ 3.พัฒนาได้อย่างข้าราชการพลเรือน เพื่อเสริมความมั่นคงในการป้องกันประเทศ จึงเป็นที่มาของการแจกอาวุธปืนและเป้สัมภาระ เพราะจะต้องเดินลาดตระเวนไปในพื้นที่ต่างๆ ในการค้นหาภัยคุกคามและการปราบปรามผู้ก่อการร้าย และพัฒนาช่วยเหลือประชาชนควบคู่ไปด้วย และถ้าเกิดมีเหตุอาชญากรรมตามแนวชายแดน ก็สามารถจับกุมได้เหมือนตำรวจ ซึ่งถือเป็นประเพณี ถ้าเป็นตำรวจที่จบมาใหม่จะได้รับการแจกอาวุธปืน แจกเป้สัมภาระ ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งของคู่กายกับตำรวจตระเวนชายแดนมาตั้งแต่เริ่มต้น และเมื่อถึงวันเกษียณอายุราชการ จึงต้องปลดภาระโดยการคืนปืน คืนเป้ วางมือจากภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งตำรวจตระเวนชายแดนทุกนายมีเกียรติ และมีความเสียสละอย่างสูงในการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ตำรวจตระเวนชายแดนได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศชาติตามแนวชายแดนมาโดยตลอด.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บึงนครสร้างฝายต้นแบบ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แก้ปัญหาภัยแล้ง

บึงนครสร้างฝายต้นแบบ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แก้ปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 26 กันยายน 2567 นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา รองประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ เดินทางเข้าสอดส่องโครงการพัฒนาพื้นที่ตามแนวพระราชดำริ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งเป็นโครงการจัดซื้อวัสดุซ่อมสร้างฝ่ายขะลอน้ำเฉลิมพระเกียรติ บ้านแพรกตะคร้อ หมู่ 11 ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งการขยายผลเกษตรเพื่ออาหารกลางวันอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารึ งบประมาณ 100,000 บาท หน่วยดำเนินการ คือ ที่ทำการปกครองอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้รับผิดชอบโครงการ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน

นายประยูร ขันแก้ว นายก อบต.บึงนคร กล่าวว่า พื้นที่แพรกตะคร้อ ต.บึงนคร เป็นหมู่บ้านที่ใช้น้ำจากแหล่งต้นน้ำของน้ำตกแพรกตะคร้อ สำหรับดำรงชีวิตและประกอบการเกษตร จึงมีความประสงค์ที่จะสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อชะลอการไหลของน้ำจากน้ำตกแพรกตะคร้อ ลดการชะล้างและการพังทลายของหน้าดิน ช่วยในการดักตะกอนดิน ตะกอนทรายและเศษวัสดุกับลำน้ำก่อนไหลลงสู่ลำคลอง ซึ่งเป็นพื้นพื้นที่รับน้ำในพื้นที่ รวมถึงอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพพื้นที่ของป่าต้นน้ำให้เกิดขึ้น จึงซ่อมแซมฝ่ายชะลอน้ำเดิม ให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดีอยู่เสมอ สำหรับวิธีการทำนั้น ได้จัดซื้อวัสดุ คือหินขนาดใหญ่ และใช้รถแม็คโครปรับพื้นที่ นำหินใหญ่วางเรียง โดยมีชาวบ้านในพื้นที่จิตอาสา ช่วยกันนำหินก้อนขนาดเล็กใส่เรียงลงไปให้แน่นเป็นฝายกั้นน้ำ ระดับความสูงประมาณ 1.50 เมตร หลังจากดำเนินการก่อสร้าง มีน้ำป่าไหลหลากลงมา แต่ฝายอยู่ได้ไม่พังทลายไปกับน้ำ สามารถเก็บกักน้ำได้ดี

หลังจากได้พบผู้บริหารท้องถิ่นและปลัดอำเภอหัวหินแล้ว คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้กล่าวชื่นชม การจัดทำโครงการดังกล่าว ที่ใช้งบประมาณเพียงแค่ 1 แสนบาท จัดซื้อวัสดุและชาวบ้านในพื้นที่ร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ได้จ้างงาน แต่มาช่วยกันดำเนินการ ทำให้ฝายสามารถเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างการกักเก็บน้ำที่ดี และแนะนำให้ อบต.บึงนคร จัดทำโครงการเพิ่มอีกหลายๆ จุด หรืออาจจะยกระดับฝายที่มีอยู่แล้วให้สูงขึ้น เพื่อให้ระดับเก็บกักน้ำเพิ่มมากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้ในอนาคต.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวบ้านร้องให้สอบวินัยผู้ใหญ่บ้าน ทำตัวเป็นนายหน้าค้าที่ดินให้นายทุนรุกตัดไม้ป่าสงวน

ชาวบ้านร้องให้สอบวินัยผู้ใหญ่บ้าน ทำตัวเป็นนายหน้าค้าที่ดินให้นายทุนรุกตัดไม้ป่าสงวน

วันที่ 25 กันยายน 2567 กลุ่มตัวแทนชาวบ้านหนองไม้แก่นหลายราย รวมตัวพร้อมชูป้ายให้ถอดถอนผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่รายหนึ่ง ที่บริเวณด้านหน้าอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยมีข้อความให้ตรวจสอบวินัยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว อ้างว่าไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน ชอบหาผลประโยชน์เพื่อตนเองรับใช้นายทุน ขณะที่ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านทั้งหมดพากันเดินเข้าไปเพื่อเข้าพบปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่จึงนำกลุ่มชาวบ้านไปที่ห้องประชุม เพื่อรอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับนายสุวิทย์ อินกงลาด ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยก่อนจะมีการพูดคุย ปลัดอำเภอขอให้กลุ่มตัวแทนชาวบ้านทั้งหมดได้ทำความเข้าใจ เพื่อให้ผู้ร้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน เนื่องจากต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต่อผู้ใหญ่บ้านผู้ถูกร้อง

ด้านนายกิตติ นามบุญลือ ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า สืบเนื่องจากตัวแทนชาวบ้านร้องเรียนขอให้ตรวจสอบวินัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านหนองไม้แก่น ต.เกาะหลัก ที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัด ต่อมามีหนังสือจากอำเภอเมืองประจวบฯ ลงวันที่ 19 กันยายน 2567 ขอให้ผู้ร้องเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมที่อำเภอเมืองประจวบฯ ในวันที่ 24 กันยายน กลุ่มตัวแทนชาวบ้านทั้งหมดจึงเดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมยื่นเอกสารเพิ่มให้ตรวจสอบโครงการต่างๆ ของรัฐในหมู่ 7 ที่มีการหมกเม็ด ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนหลายเรื่อง ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการทุจริตให้ดำเนินการในทางปกครองต่อไป

ทั้งนี้ ระหว่างรอให้ถ้อยคำในห้องประชุมกับปลัดอำเภอเมือง นายสนั่น เซ็งเฮง ผู้ร้องรายหนึ่ง ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยกับผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 เนื่องจากชอบทำตัวเป็นนายหน้าติดต่อซื้อที่ดินของชาวบ้านให้นายทุน ใช้อิทธิพลข่มขู่ชาวบ้านที่ไม่ต้องการขายที่ดินให้ ทั้งยังเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี รวมถึงให้ตรวจสอบโครงการต่างๆ ของรัฐในหมู่ 7 อีกด้วย.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน บริจาคสิ่งของให้หลวงพ่ออลงกต นำไปช่วยเหลือผู้ป่วย HIV และเด็กกำพร้า

มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน บริจาคสิ่งของให้หลวงพ่ออลงกต นำไปช่วยเหลือผู้ป่วย HIV และเด็กกำพร้า

วันที่ 24 กันยายน 2567 พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และคณะ เดินทางมารับสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ ขนมปังปี๊บ น้ำหวาน นมข้นหวาน นมกล่อง สิ่งของอุปโภคบริโภคในการดำรงชีพ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ ผู้ชราอนาถาติดเตียง เด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาส ที่มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน อ.หัวหิน มีนายบุญเกิด อรรธนิศากร ประธานมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถานและคณะกรรมการ ร่วมถวายของบริจาค จากนั้นพระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรีและคณะ เดินทางไปยังจุดรับบริจาคต่างๆ ในอำเภอหัวหิน อาทิ ห้างทองเจริญดี, ร้านเจ๊หมวย ข้างโรงเรียนสมถวิล เพื่อนำสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ป่วยของวัดต่อไป

วัดพระบาทน้ำพุ หรือวัดพระพุทธบาทประทานพร ตั้งอยู่เชิงเขาน้ำพุ หมู่ 3 ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี มีพระราชวิสุทธิประชานาถ เป็นเจ้าอาวาส วัดแห่งนี้ได้เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีรอยพระพุทธบาท และเป็นสถานรักษาพักฟื้นผู้ติดเชื้อ HIV และเป็นที่ตั้งของมูลนิธิธรรมรักษ์ รอยพระพุทธบาทถูกครอบอยู่ภายใต้มณฑป อยู่ห่างจากอาคารสำนักงานมูลนิธิธรรมรักษ์ ประมาณ 150 เมตร มีโครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ที่พักฟื้นและรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย ที่เริ่มต้นรักษาและพักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2535 และได้ดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน โดยแยกออกเป็นสองส่วน คือ 1.รับดูและรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วไปทั่วประเทศ 2.การรับอุปการะเด็กกำพร้าที่ได้รับผลกระทบจากบิดามารดาที่ติดเชื้อ ซึ่งในแต่ละเดือน วัดจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านบาท ทั้งค่าอาหาร ค่ายา ค่าบริหารจัดการวัด รวมไปถึงค่าเผาศพซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐเดือนละ 100,000 บาท ที่เหลือจะเป็นผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาค ทั้งนี้วัดประสบปัญหาการเงิน แต่ด้วยการประชาสัมพันธ์ ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้วัดได้รับการบริจาคจนสามารถพ้นวิกฤติต่างๆ มาได้ตลอด.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดงาน “Let’s Go ประจวบ…ชวนเที่ยว” กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่น

ประจวบฯ จัดงาน “Let’s Go ประจวบ…ชวนเที่ยว” กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่น

วันที่ 24 กันยายน 2567 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานแถลงข่าวกิจกรรมส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว “Let’s Go ประจวบ…ชวนเที่ยว” จัดโดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ น.ส.พัชรศรี สมบัติทวีพูน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ นายทิวัตถ์ แจ่มสว่าง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ คุณธัญชนก จอมทรักษ์ ผู้อำนวยการภาคสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นายอมรเทพ อ่วมมีเพียร ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน พร้อมด้วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มิสประจวบคีรีขันธ์ 2024 และสื่อมวลชนร่วมรับฟัง

นายคมกริช กล่าวว่า จังหวัดประจวบฯ เป็นเมืองหลักสำคัญทางการท่องเที่ยวของประเทศ ด้วยพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ มีสภาพทางภูมิศาสตร์และกายภาพที่เป็นปัจจัยหนุนศักยภาพทางการท่องเที่ยวของจังหวัดได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้จังหวัดประจวบฯ มีวิสัยทัศน์สำคัญในการเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัด มุ่งเน้นการใช้กลไกการท่องเที่ยวให้เกิดการเดินทางกระจายไปทั้ง 8 อำเภอ เป็นการกระจายประโยชน์ลงไปในพื้นที่อย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งจะอำนวยประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในท้องถิ่น

นายทิวัตถ์ แจ่มสว่าง กล่าวว่าการจัดงานดังกล่าวมีขึ้นในวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2567 ที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน เป็นกิจกรรมสำคัญของสมาคมฯ เป็นการเปิดตัวสมาคมฯ อีกทั้งต้องการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมาคมฯ ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม สินค้าชุมชน การแสดง และอาหารพื้นถิ่นผลิตภัณฑ์ของดีทั้ง 8 อำเภอ มาออกบูธในรูปแบบงาน Consumer Fair เสนอขายในราคาพิเศษ ที่นักท่องเที่ยวจะหาได้จากภายในงานนี้เท่านั้น โดยเฉพาะบัตรกำนัลโรงแรมที่พักชั้นนำในอำเภอต่างๆ ของประจวบฯ ขณะนี้มีประมาณ 25 บูธ พิเศษสุด คือมีการจับรางวัลบัตรโดยสารเครื่องบินจากสายการบินไทยแอร์เอเชียและการแสดงดนตรี ได้ทั้งของดีราคาพิเศษ และความบันเทิง

ด้านนายอาชวันต์ กงกะนันทน์ กล่าวว่า ททท.ประจวบคีรีขันธ์ ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมของสมาคมฯ ซึ่งเป็นภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด เป้าหมายเพื่อโหมการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูกรีนซีซั่นของจังหวัดประจวบฯ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังอำเภอตอนล่างของจังหวัดประจวบฯ รวมถึงจะใช้โอกาสนี้ในการสื่อสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและของดีของอำเภอต่างๆ ของจังหวัดประจวบฯ สร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมงานดังกล่าวในช่วงวันที่ 4 – 6 ตุลาคมนี้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

คณะสงฆ์ทับสะแกและลูกศิษย์ บุกโรงพยาบาล กรณีเจ้าหน้าที่ใส่ร้ายพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะอำเภอ

คณะสงฆ์ทับสะแกและลูกศิษย์ บุกโรงพยาบาล กรณีเจ้าหน้าที่ใส่ร้ายพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะอำเภอ

วันที่ 23 กันยายน 2567 นายประพัฒณ์พงศ์ พุ่มไชย ทนายความ พร้อมด้วยคณะศิษย์ยานุศิษย์ พระครูผาสุกวิหารการ หรือ หลวงพ่อสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก พร้อมคณะสงฆ์อำเภอทับสะแก เดินทางไปยังโรงพยาบาลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพบ นพ.นพรัตน์ ชัยเจริญวิมลกุล รักษาการผู้อำนวยการ รพ.ทับสะแก พร้อมผู้บริหารโรงพยาบาลทับสะแก และนายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภอทับสะแก จากกรณีเวลาประมาณเที่ยงคืนของคืนวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 กันยายน พระครูผาสุกวิหารการ หรือหลวงพ่อสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก เกิดอาพาธด้วยอาการปวดท้องอย่างฉับพลัน และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขนาดปัสสาวะเล็ด จนทนต่อไปไม่ไหว ได้โทรศัพท์หาญาติโยม รวมทั้งนายโจ้คนขับรถของวัด ที่อยู่ไม่ไกลจากกุฏิ ทุกคนจึงรีบมาและนำส่งโรงพยาบาลทับสะแก ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดทันที แต่เมื่อไปถึงบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลทับสะแก กลับไม่พบบุคลากรทางการแพทย์ใดๆ แม้แต่เวรเปลก็ยังเฉย ไม่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ จนนายโจ้ต้องไปเอารถเข็นมาให้หลวงพ่อนั่ง เพราะขณะนั้นแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว แล้วเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เรียกให้บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่เวรมาช่วย เมื่อหลวงพ่อเข้าไปห้องฉุกเฉินแล้ว นายโจ้และแม่ชี ที่ตามไปด้วย ถูกไล่ให้ไปรอข้างนอก บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่เวรแสดงอาการเฉยเมย แล้วพูดกับหลวงพ่อว่า “ป่วยเป็นอะไรมา ทำไมเวลากลางวันไม่รู้จักมา” หลวงพ่อก็ตอบว่า “มันเพิ่งปวดเมื่อประมาณเที่ยงคืนนี่เอง ตอนกลางวันมันก็ยังดีอยู่” จากนั้นบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่เวรคนเดิม ก็พูดขึ้นว่า “พระนี่ใช่ไหม ที่รักษาคนถูกงูกัด จนทำให้ถูกตัดขามาหลายคนแล้ว” โดยไม่ได้มาสนใจใยดี หรือให้การช่วยเหลือรักษาพยาบาลแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง แล้วเดินจากไป

หลวงพ่อนอนรออยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลแม้แต่คนเดียว จึงฝืนทรงตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วข่มความเจ็บปวดลุกขึ้นเดินออกมานอกห้อง บอกกับนายโจ้คนขับรถวัดและแม่ชีศิริพร ว่าเราไปโรงพยาบาลประจวบฯ กันเถอะ ที่นี่เขาไม่สนใจที่จะช่วยเหลือเรา ขืนนอนรอที่นี่ต่อไปคงต้องตายเปล่าเป็นแน่

หลังจากนั้นไปถึงโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ผลการตรวจพบว่าป่วยด้วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบรุนแรง ต้องทำการสวนท่อปัสสาวะ ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่หลวงพ่อมีอายุมากแล้ว บ่อยครั้งที่ต้องนั่งทำพิธีหรือเป็นพระอุปัชฌาย์พระหลายๆ รูป ต้องอั้นปัสสาวะเป็นเวลานานๆ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว คณะศิษย์ของหลวงพ่อสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก เห็นว่าการกระทำของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลทับสะแก ที่อยู่เวรในวันดังกล่าวทั้งหมด โดยเฉพาะคนที่พูดจาต่อว่าและดูหมิ่นเหยียดหยามหลวงพ่อ เป็นการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามหลวงพ่อซึ่งหน้า ด้วยการนำข้อความอันเป็นเท็จมากล่าวร้ายใส่ความหลวงพ่อต่อบุคคลที่สาม ทำให้พลวงพ่อถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ทำให้ได้รับความอับอาย โดยเฉพาะกระทำต่อพระผู้ใหญ่ ระดับเจ้าคณะอำเภอ จึงเป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย ไม่ไว้ใจให้กลุ่มบุคคลที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าว ดูแลสุขภาพของชาวทับสะแกและไม่ต้องการให้อยู่ในพื้นที่นี้ทุกหน้าที่อีกต่อไป จึงขอเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทุกลำดับชั้นของบุคคลดังกล่าว ดำเนินการ ดังนี้

1.แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรมและตรวจสอบพร้อมคืนความเป็นธรรมให้หลวงพ่อสมพงษ์อัคคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก

2.ลงโทษทั้งทางวินัยและการพิจารณาความดีความชอบประจำปี

3.พิจารณาย้ายบุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าวทั้งหมดออกนอกพื้นที่อย่างถาวร เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดีของชาวทับสะแกต่อไป

จากนั้นทั้งหมดเดินทางไป สภ.ทับสะแก แจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินการต่อไป พร้อมตรวจสอบวันเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพยานหลักฐาน เพื่อที่จะได้ดำเนินการต่อไป.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน