Categories
ข่าว ทั้งหมด

กองทุนฟื้นฟูฯ มอบคืนโฉนดให้เกษตรกรประจวบ 18 ราย

กองทุนฟื้นฟูฯ มอบคืนโฉนดให้เกษตรกรประจวบ 18 ราย

วันที่ 30 เมษายน 2567 นายสุรชัย เบ้าจรรยา ประธานกรรมการบริหารสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พร้อมคณะ มาเป็นประธานเปิดโครงการและติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในภารกิจของสำนักงานตามบันทึกข้อตกลงกับกรมบัญชีกลาง (ภาคกลาง) ภายใต้สโลแกน “คิดใหม่ ทำใหม่ คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อเกษตรกรไทยทุกคน” และมอบนโยบายการปฏิบัติงาน พร้อมมอบโฉนดที่ดินคืนให้กับเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 18 ราย ที่โรงแรมประจวบแกรนด์ ถนนสละชีพ เขตเทศบาลเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจัดการหนี้จากกองทุนฟื้นฟูฯ รวม 26 แปลง เนื้อที่รวม 212 ไร่ 1 งาน 68.3 ตารางวา โดยมีนายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ

ปัจจุบันมีองค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรแล้ว 56,107 องค์กร มีสมาชิกเกษตรกร 5,719,220 ราย โดยสนับสนุนโครงการและงบประมาณให้กับองค์กรเกษตรกร ตั้งแต่ปี 2549 – 2566 จำนวน 12,311 โครงการ งบประมาณ 1,503,432,480 บาท (เงินอุดหนุน 9,558 โครงการ จำนวน 407,857,364 บาท เงินกู้ยืม 2,753 โครงการ เป็นเงิน 1,095,575,116 บาท) และในปีงบประมาณ 2567 มีองค์กรเกษตรกรแสดงความประสงค์ขอรับการสนับสนุนโครงการเงินกู้ยืมไว้กับสำนักงานสาขาจังหวัด 2,080 โครงการ เป็นเงิน 12,063, 454,468 บาท มีเกษตรกรเข้าร่ามโครงการ 53,110 ราย

นอกจากจะมีการมอบคืนโฉนดที่ดินให้กับเกษตรกร จำนวน 18 รายแล้ว ยังมีเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ด้านการฟื้นฟู การมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปี 2567 และการบริหารงานตามแนวทางยุทธศาสตร์กองทุนระยะ 5 ปี (2568 – 2572) ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การแลกเปลี่ยนการดำเนินงานตามตัวชี้วัดของกรมบัญชีกลาง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การสนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ภายใต้บริบท “ลานนาบีฟโมเดล” ความยั่งยืนของอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ เพื่อสมาชิกกองทุน และการศึกษาดูงานการขับเคลื่อนการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการ ณ กลุ่มส่งเสริมอาชีพชาวประมง ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น โดยมีทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านสาขาอาชีพต่างๆ อาทิ เช่น ด้านการเกษตร ด้านปศุสัตว์ และด้านแปรรูปผลผลิต

นางสมจิตร ชัยจักร อายุ 65 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว และเลี้ยงโคขุน ในพื้นที่หมู่ 1 บ้านห้วยลึก ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวมีอาชีพปลูกมะพร้าวจำนวน 6 ไร่ ได้นำโฉนดที่ดินไปกู้เงินกับ ธ.ก.ส. จำนวน 240,000 บาท เพื่อนำเงินมาซื้อวัวมาเลี้ยง จำนวน 8 ตัว เป็นรายได้เสริม ต่อมาผ่อนจ่ายไม่ไหว เนื่องจากประสบปัญหาทางด้านการเงิน ขาดทุน และปัญหาทางภัยพิบัติธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถผ่อนจ่ายกับ ธ.ก.ส.ได้มานานกว่า 10 ปี จึงสมัครเป็นสมาชิกกับกองทุนเพื่อให้ช่วยเหลือ โดยการผ่อนจ่ายกับกองทุนฟื้นฟูในอัตราดอกเบี้ย 0% ซึ่งปัจจุบันได้ผ่อนจ่ายจนครบหมดแล้ว และได้โฉนดคืนแล้ว วันนี้ตนรู้สึกดีใจมากและขอบคุณที่กองทุนได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับเกษตรกรให้สามารถลืมตาอ้าปากได้

นายสุรชัย เบ้าจรรยา ประธานกรรมการบริหารฯ กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูฯ มีภารกิจสำคัญที่ช่วยเหลือเกษตรกร 2 ด้าน คือ ด้านการจัดการหนี้และการฟื้นฟู ในส่วนของการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกร ให้เกษตรกรรวมกลุ่มยื่นเสนอแผนและโครงการของบประมาณ เพื่อใช้พัฒนาอาชีพทางการเกษตร และการแก้ไขปัญหาหนี้ให้พี่น้องเกษตรกรสมาชิก ซึ่งเป็นการยกระดับชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ทั้งนี้ยืนยันว่าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรสมาชิก.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

ข่าวแนะนำ
Categories
ข่าว ทั้งหมด

ถนนร้อนจัด ปิกอัพบรรทุกผลไม้ ยางระเบิด คนขับดับ

ถนนร้อนจัด ปิกอัพบรรทุกผลไม้ ยางระเบิด คนขับดับ

ช่วงบ่ายวันที่ 29 เมษายน 2567 ร.ต.ท.วศิน บูรณศักดิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าเกิดอุบัติเหตุรถกระบะบรรทุกผักผลไม้ พลิกคว่ำชนกับเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิต และสินค้าหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ เป็นเหตุให้รถติดยาวหลายกิโลเมตร หลังได้รับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบฯ และ พล.ต.ต.จำลอง งามเนตร ผบก.ตร.ภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น แล้วพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบฯ เจ้าหน้าที่แขวงหมวดทางหลวงประจวบฯ รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ และให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกด้านการจราจร

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถกระบะตอนเดียว ยี่ห้อโยโยต้า วีโก้สีขาว ทะเบียน ผก 4109 ราชบุรี ยางระเบิด เสียหลักพลิกคว่ำชนกับเสาไฟฟ้าหักโค่นเสียหาย บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 299 + 200 หน้าสำนักงาน อบต.อ่าวน้อย หมู่ 3 เขาทุ่งกระต่ายขัง ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สภาพรถพังเสียหายยับเยิน แผงลูกกรงสำหรับบรรทุกหลุดออกจากตัวรถ ผักผลไม้หล่นกระจัดกระจายเกลื่อนถนน เป็นเหตุให้รถติดยาวหลายกิโลเมตร ส่วนผู้ขับขี่ทราบชื่อ ต่อมาว่านายเจียมศักดิ์ พรหมประดิษฐ์ อายุ 35 ปีกระเด็นหลุดออกมาจากตัวรถ ลอยไปชนกับรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด ซึ่งวิ่งมาตามถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่นำศพส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลประจวบฯ ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากยางระเบิด ทำให้รถเสียหลัก

หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที เกิดอุบัติเหตุรถกระบะตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บว 609 ชุมพร บรรทุกแตงโมมาเต็มคันรถ ยางระเบิดทำให้เสียหลักพลิกคว่ำ แตงโมที่บรรทุกมาหล่นกระจัดกระจาย ทำให้น้ำแตงโมสีแดงเกลื่อนถนน และมีไฟลุกไหม้อยู่บริเวณร่องเกาะกลางถนน ทำให้รถติดยาวหลายกิโลเมตร ช่วงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 305+600 ฝั่งขาล่องใต้ โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ลงพื้นที่อำนวยความสะดวกควบคุมการจราจรด้วยตัวเอง พร้อมประสานรดน้ำดับเพลิงของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ มาฉีดล้างถนน และดับไฟที่กำลังลุกไหม้หญ้าแห้ง เพื่อเปิดการจราจรให้สามารถวิ่งได้ตามปกติ

นายสมหวัง กังวาฬ อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดชุมพร คนขับรถกระบะบรรทุกแตงโม เปิดเผยว่า ตนรับจ้างบรรทุกแตงโมจากอำเภอปราณบุรี และกำลังมุ่งหน้าไปส่งที่ตลาดโพหวาย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ยางรถเกิดระเบิด ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำเทกระจาดดังกล่าว โชคดีที่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.ต.จำลอง งามเนตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำหลายจุด สาเหตุมาจากยางระเบิด คาดว่าน่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ถนนลาดยางเกิดความร้อน ประกอบกับรถบรรทุกผักผลไม้วิ่งระยะทางไกล ทำให้ยางเกิดการระเบิดได้ง่าย จึงอยากฝากเตือนถึงผู้ขับขี่ ขอให้เช็คสภาพรถและยางให้พร้อมอยู่เสมอก่อนออกเดินทาง และพักรถเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจนเกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กองบิน 5 เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพอากาศ โอกาสครบรอบ 102 ปี

กองบิน 5 เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพอากาศ โอกาสครบรอบ 102 ปี

วันที่ 29 เมษายน 2567 นาวาอากาศเอก พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 เป็นประธานมอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพอากาศ ในโอกาสครบรอบ 102 ปี ที่ห้องดุสิตา อาคารอากาศคำรณ กองบิน 5 อ.เมืองประจวบฯมีรองผู้บังคับการกองบิน 5 เสนาธิการกองบิน 5 และข้าราชการกองบิน 5 เข้าร่วมพิธี พร้อมกันนี้ ผู้บังคับการกองบิน 5 ได้มอบโล่เชิดชูเกียรติ พร้อมใบประกาศเกียรติคุณบุคคลดีเด่น ประจำปี 2567 จำนวน 4 คน และมอบใบประกาศนียบัตรพร้อมปีกเครื่องหมายด้านกิจการพลเรือนกองทัพอากาศ ให้แก่บุคคลที่ทำคุณโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศ จำนวน 22 คน อาทิ นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ น.ส.นลิน มาคเชนทร์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดประจวบฯ น.ส.ศิริวรรณ คณะศร พาณิชย์จังหวัดประจวบฯ นางสุคนธ์ทิพย์ สินวิวัฒนากูล อุตสาหกรรมจังหวัดประจวบฯ นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ เป็นต้น

นาวาอากาศเอก พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ประธานพิธีกล่าวว่าตามที่ทุกท่านได้รับรางวัลอันมีเกียรติและมีความสำคัญยิ่ง แสดงให้เห็นว่าทุกท่านเป็นผู้ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่จนเป็นผลดีต่อกองบิน 5 และกองทัพอากาศ นับเป็นความก้าวหน้าในชีวิตราชการของท่านอีกขั้นหนึ่ง อันนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของตัวท่านเองและครอบครัว วงศ์ตระกูล ทั้งนี้ย่อมเป็นสิ่งแสดงว่าท่านได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบด้วยสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ มีความเสียสละอดทน ต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงและเพื่อทางราชการอย่างแท้จริง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สส.เซ้ม ประสานโยธาประจวบฯ เร่งผู้รับเหมาตีเส้นจราจรและระบบไฟส่องถนน ปราณบุรี – สามร้อยยอด

สส.เซ้ม ประสานโยธาประจวบฯ เร่งผู้รับเหมาตีเส้นจราจรและระบบไฟส่องถนน ปราณบุรี – สามร้อยยอด

วันที่ 29 เมษายน 2567 นายจักพันธ์ หรือ สส.เซ้ม ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบฯ เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายพีรศักดิ์ จิวรรจนะโรดม นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำปราณ กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่กว่า 100 คน มารวมตัวกันที่บริเวณถนนโครงการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวปราณบุรี – สามร้อยยอด อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ เส้นทางหน้าอำเภอปราณบุรี – สะพานข้ามแม่น้ำปราณฯ เรียกร้องให้โยธาธิการจังหวัดประจวบฯ ดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างริมถนนและตีเส้นแบ่งจราจรของถนนให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง โดยมีนายพุทธิพงษ์ กิตติกุลพงศ์ นายช่างโยธาอาวุโส หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการสำนักงานโยธาธิการจังหวัดประจวบฯ มาร่วมรับฟังและชี้แจง

นายจักพันธ์ กล่าวว่าถนนเส้นนี้ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ตามสัญญาต้องเสร็จเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 แต่ขณะนี้ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง การตีเส้นทางแบ่งการจราจร ยังไม่ดำเนินการ ทั้งที่งานก่อสร้างนี้แล้วเสร็จไปกว่า 95% ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คน ทั้งด้านความปลอดภัยและด้านอุบัติเหตุ ชาวบ้านประสานมาที่ตน ขอให้โยธาธิการจังหวัดมาชี้แจงกับประชาชนว่าจะทำให้แล้วเสร็จเมื่อไร ถ้าหากมีการร้องเรียนของชาวบ้านเข้ามาเรื่อยๆ และยังปล่อยเรื้อรังแบบนี้ จะทำเรื่องเสนอไปยัง ปปช.ให้ลงมาตรวจสอบคู่สัญญาผู้รับเหมากับผู้ว่าจ้างให้ชัดเจน

ด้านนายพุทธิพงษ์ กล่าวว่าสัญญาก่อสร้างถนนดังกล่าวได้หมดลงไปแล้วเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา แต่บริษัท สหการวิศวกร จำกัด (กรุงเทพ) ที่เป็นคู่สัญญาการก่อสร้าง ได้ขอต่อสัญญาออกไปอีก 240 วัน โดยอ้างว่าเนื่องจากใช้งบประมาณก่อสร้างแบบผูกพัน 3 ปี แต่ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่จะต้องทำร่วมกัน ในวงเงินงบประมาณ 176 ล้านบาทเศษ แต่ขณะนี้ชาวบ้านเดือดร้อนในเรื่องระบบการตีเส้นช่องทางจราจร จะเร่งรัดให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ส่วนระบบไฟฟ้าแสงสว่าง จะให้เสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2567 หลังจากทั้งหมดได้เจรจากันเป็นที่เข้าใจและพอใจของชาวบ้าน ในการแก้ไขปัญหาของโยธาธิการจังหวัดฯ แล้ว ต่างพากันแยกย้ายกลับ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ สานสัมพันธ์ 9 ปี เมืองเล่อซาน ยกระดับความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ สานสัมพันธ์ 9 ปี เมืองเล่อซาน ยกระดับความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง

วันที่ 29 เมษายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วยนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในจังหวัดประจวบฯ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากเมืองเล่อซาน มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ห้องเกาะหลัก ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ นำโดยนายจาง กั๋วชิง รองนายกเทศมนตรีเมืองเล่อซาน พร้อมประชุมส่งเสริมความร่วมมือและเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดประจวบฯ และเมืองเล่อซาน ในฐานะเมืองพี่เมืองน้อง ในโอกาสการเดินทางเยือนจังหวัดประจวบฯ ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2567 เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกัน โดยภายในห้องเกาะหลักมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยย้อมสีธรรมชาติ รวมถึงสินค้าโอทอปและสินค้าชุมชนของดีจังหวัดประจวบฯ ให้คณะผู้แทนจากเมืองเล่อซานได้ชมด้วย ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าจังหวัดประจวบฯ และเมืองเล่อซาน มีการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยผู้บริหารภาครัฐเอกชนของทั้งสองเมือง ได้เดินทางเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันตั้งแต่ปี 2554 จนนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องในปี 2558 และมีการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว สังคมและวัฒนธรรม ระหว่างกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดอย่างยิ่ง ซึ่งการเดินทางมาเยือนจังหวัดประจวบฯ ของคณะผู้แทนเมืองเล่อซานในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการส่งเสริมความร่วมมือฉันมิตรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ตามกรอบความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง

ด้านนายจาง กั๋วชิง รองนายกเทศมนตรีเมืองเล่อซาน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เป็นตัวแทนคณะเมืองเล่อซาน ในการเดินทางมาแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับจังหวัดประจวบฯ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น ข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบฯ ให้รับทราบ ซึ่งเมื่อวานนี้ (28 เมษายน) มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ ซึ่งเป็นเจดีย์ 9 ยอด วัดทางสาย อ.บางสะพาน ซึ่งมีความสวยงาม มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เช่นเดียวกับเมืองเล่อซาน ก็มีพระพุทธรูปเล่อซานอายุนับพันปี เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินผาปางนั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเมืองเล่อซานยังเป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม มีทรัพยากรท่องเที่ยวมากมาย มีอาหารการกินที่อร่อย ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมใหม่ มีการคมนาคมที่สะดวก พร้อมสำหรับการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงกับจังหวัดประจวบฯ ซึ่งจากนี้จะเร่งผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น พร้อมเชิญชวนผู้บริหารจังหวัดประจวบฯ ไปเยี่ยมเยือนเมืองเล่อซานด้วย

ทั้งนี้ คณะผู้แทนจากเมืองเล่อซาน มีกำหนดการเดินทางไปที่วัดห้วยมงคล อุทยานราชภักดิ์ ศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า อ.หัวหิน เพื่อศึกษาศิลปะวัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดประจวบฯ ในการนำข้อมูลที่ได้รับกลับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยว และสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ ทำบุญตักบาตรถวายพระกุศล เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ เจ้าฟ้าทีปังกรฯ

ประจวบฯ ทำบุญตักบาตรถวายพระกุศล เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ เจ้าฟ้าทีปังกรฯ

วันที่ 29 เมษายน 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระกุศลและถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร 29 เมษายน 2567 โดยได้รับเมตตาจากพระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร พร้อมพระสงฆ์เดินบิณฑบาต มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ศาล ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกัน

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2548 ณ โรงพยาบาลศิริราช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา และเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ก่อนที่จะเสด็จไปศึกษาต่อที่เยอรมนีจนถึงปัจจุบัน แม้จะทรงพระเยาว์และศึกษาอยู่ในต่างประเทศ แต่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ยังทรงพระราชกรณียกิจหลายอย่าง ทรงมีความมุ่งมั่นที่จะสนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ขึ้น เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ในชุมชนต่างๆ ให้มีสภาพดีขึ้น ทรงได้รับการปลูกฝังเรื่องจิตอาสาและการทำความดีอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ในขณะเดียวกัน ทรงมุ่งมั่นในการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อมีโอกาสได้เสด็จมาทัศนศึกษาเรื่องราวของประเทศไทยในสถานที่ต่างๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังสนพระทัยในพระพุทธศาสนา ได้เสด็จไปยังวัดต่างๆ เพื่อทรงบำเพ็ญพระกุศล อีกทั้งยังได้ทรงสนทนาธรรมกับเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นการส่วนพระองค์อยู่เนืองนิตย์

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://www.royaloffice.th/ ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2567 โดยพร้อมเพรียงกัน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“วิว เยาวภา” ร่วมกับบลูพอร์ตหัวหิน จัดประกวดกีตาร์คลาสสิค หวังพัฒนาเยาวชนไทยสู่นักกีตาร์ระดับโลก

“วิว เยาวภา” ร่วมกับบลูพอร์ตหัวหิน จัดประกวดกีตาร์คลาสสิค หวังพัฒนาเยาวชนไทยสู่นักกีตาร์ระดับโลก

วันที่ 28 เมษายน 2567 น.ส.เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิค ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์กีฬาและสันทนาการ เดอะเลเจ้นด์อารีน่า ร่วมกับศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน และชมรมหัวหินกีตาร์ จัดประกวดกีตาร์คลาสสิค รายการ Bluport Guitar Festival Competition 2024 โดยรายการนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 ชิงทุนการศึกษาและรางวัลที่ระลึก รวมมูลค่า 100,000 บาท ที่ลานโอเชียนฮอลล์ ชั้น B บลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ มียุวชน – เยาวชนจากทั่วประเทศเข้าร่วม 60 คน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิกีตาร์คลาสสิคระดับประเทศ 5 ท่าน มาเป็นคณะกรรมการผู้ตัดสิน ได้แก่ 1. นายวิทยา วอสเบียน อาจารย์พิเศษภาควิชากีตาร์คลาสสิก ประจำวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2. ดร. อภิชัย จันทนขจรฟุ้ง รองอธิการบดี สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา 3. นายวรเทพ รัตนาอัมพวัลย์ ประธานชมรมกีตาร์ไทย (Thailand Guitar Society) 4.คุณนลิน โกเมนตระการ อาจารย์ประจำภาควิชากีตาร์คลาสสิก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล 5. นายปฐมวัส ธรรมชาติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

โดยมีอาจารย์ปรีชา ชุมเมฆ ชมรมหัวหินกีตาร์ และ วิว เยาวภา บุรพลชัย ผู้บริหารเดอะเลเจ้นด์อารีน่า เป็นผู้จัดการแข่งขัน มีแขกรับเชิญพิเศษ คุณชินวัฒน์ เต็มคำขวัญ นักกีต้าร์คลาสสิคระดับโลก ร่วมแสดงความสามารถในงาน สร้างความประทับใจให้ผู้ชม โดยผลการแข่งขัน “Bluport Guitar Festival Competition 2024” รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ศุภกร สุมิพันธ์ ชนะเลิศอันดับ 2 กันธิชา อิ่มเกษม ชนะเลิศอันดับ 3 ณดา พาณิชปฐม ชนะเลิศอันดับ 4 ปรเมษฐ์ ขวัญเรือน ชนะเลิศอันดับ 5 อุรัสยา ปานไพรศล

วิว เยาวภา บุรพลชัย กล่าวว่าการแข่งขันกีตาร์คลาสสิคครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ขอขอบคุณบลูพอร์ตหัวหิน เดอะเลเจ้นด์ อารีน่า ชมรมหัวหินกีตาร์ และสวนน้ำวานานาวา มอบบัตรเข้าเล่นสวนน้ำวานานาวา ให้กับผู้เข้าร่วมประกวดทุกคน สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเตรียมจัดปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งนี้จัดประกวดบทเพลงคลาสสิคไม่จำกัดบทเพลง และในช่วงเดือนธันวาคม จะจัดประกวดบทเพลงพระราชนิพนธ์ในหลวง ร.9 ซึ่งนักกีตาร์คลาสสิคทุกคนเฝ้ารอคอยและฝึกซ้อม การประกวดครั้งนี้เราได้รับการตอบรับจากยุวชน เยาวชน นักกีตาร์คลาสสิคจากทั่วประเทศ 60 คน มาร่วมประกวดในเวทีนี้ ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมประกวด คณะกรรมการผู้ตัดสิน และผู้ผลิตกีตาร์แฮนด์เมดจากทั่วประเทศที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งจัดการแข่งขันแบบเฟสติวัล มีการประกวด และกิจกรรม Work Shop ให้ความรู้การทำกีตาร์แฮนด์เมด และจำหน่ายผลิตภัณฑ์กีต้าร์คุณภาพให้แก่สนใจ ไฮไลท์ครั้งนี้นอกจากการประกวดแล้ว ยังมีการแสดงจากนักกีต้าร์คลาสสิคระดับโลก ซึ่งเป็นคนไทย คุณชิณวัฒน์ เต็มคำขวัญ ผู้กวาดรางวัลมามากกว่า 100 เวที จากการแข่งขันระดับโลก สร้างความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าชมทุกคน และเดอะเลเจ้นท์อารีน่า ได้ร่วมมือกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่าน ชมรมหัวหินกีตาร์ โดยอาจารย์ปรีชา ชุมเมฆ และคุณชินวัฒน์ เต็มคำขวัญ โดยจะมีศูนย์กีต้าร์คลาสสิคเพื่อทุกคน เป็นสถานที่ให้ความรู้ และเรียนรู้กีตาร์คลาสสิค และแสดงคอนเสิร์ตกีตาร์คลาสสิคของนักกีตาร์คลาสสิคทั่วโลก รวมถึงเป็นสถานที่การประกวดแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยหวังจะสร้างเมืองหัวหินให้เป็นเมืองกีต้าร์คลาสสิคระดับโลก

น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด กล่าวว่าในนามของบลูพอร์ตหัวหิน รู้สึกยินดีมากที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนจัดการประกวดกีต้าร์คลาสสิค ซึ่งเรามีวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น ศิลปะ, กีฬา, สุขภาพ และความเป็นไทยอย่างครบวงจร ซึ่งปีนี้ อีกสิ่งที่สำคัญในการที่จะยกระดับการจัดงาน event ของเมืองหัวหิน ในเดือนกรกฎาคมนี้ เรากำลังจะเปิดบลูพอร์ตฮอลล์ ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทรงพลังของบลูพอร์ตหัวหิน ที่มาช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมไมซ์ (Meetings, Incentives, Conventions & Exhibitions: MICE) ของไทยให้เติบโต รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงระหว่างภาคกลางและภาคใต้ นอกจากนี้ บลูพอร์ตหัวหินยังเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วยการเพิ่มอัตราการเข้าพักของโรงแรมในหัวหินและชะอำ ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ขยายตัวขึ้นได้ ในช่วงวันธรรมดา หรือในช่วง Low Season ได้ จะทำให้เศรฐกิจหมุนเวียนในประเทศ โดยเฉพาะเมืองหัวหินมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อตอกย้ำในความเป็น “ A Must Check in Destination “ ของบลูพอร์ต หัวหิน ที่เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนี้และจังหวัดใกล้เคียง ที่อยากให้มาแล้วรู้สึกว่าที่นี่ ไม่ได้เป็นแค่ศูนย์การค้า แต่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีมากกว่านั้น ที่หลายๆ คนจะต้องมาแวะ และเป็นสถานที่ ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน.

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินประจวบฯ จัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชนช่วงปิดภาคเรียน

เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินประจวบฯ จัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชนช่วงปิดภาคเรียน

วันที่ 26 เมษายน 2567 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเยาวชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สร้างพื้นที่ปลอดภัยช่วงปิดภาคเรียน มีนายราม สิงหโศภิษฐ์ นายอำเภอท้บสะแก กล่าวต้อนรับ นายดำรงค์ มากระจัน พัฒนาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายทวีศักดิ์ จุลเนียม ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอทับสะแก นางรัตนากร ศรวัฒนา พัฒนาการอำเภอทับสะแก นายวสุ โชคกิจการ นายลือยศ ภู่ทอง สจ.เขตอำเภอทับสะแก นายเชาว์ เอี่ยมสุขขา นายก อบต.นาหูกวาง นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว กำนันตำบลเขาล้าน พร้อมด้วยคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับจังหวัด และเยาวชนจากกองทุนแม่ของแผ่นดินทั้ง 8 อำเภอ เข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกันที่สนามกีฬาบ้านนาล้อมสเตเดียม ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์

ด้วยกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 เป็นต้นมา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน และสานสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแต่ละอำเภอ ตลอดจนเป็นเวทีแสดงออกให้คณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดินและเยาวชนในแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินทุกอำเภอได้ร่วมแรงร่วมใจการจัดการแข่งฟุตบอลเยาวชนชาย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 8 ทีมๆ ละ 15 คน แข่งขันครึ่งละ 15 นาที มีผู้เข้าร่วมทั้งหมดจำนวน 170 คน

นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม สร้างความเข้มแข็ง สร้างพื้นที่ปลอดภัยช่วงปิดภาคเรียน ตลอดจนเป็นเวทีการแสดงออกของเยาวชนชายในหมู่บ้านแม่ของแผ่นดิน ขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน โดยเฉพาะพระครูสังฆรักษ์สำราญ อภิชาโต รองเจ้าคณะอำเภอทับสะแก เจ้าอาวาสวัดนาล้อม ที่ให้ใช้สถานที่ในการแข่งขันฟุตบอลในวันนี้ รวมทั้งเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินทุกอำเภอ หน่วยงานและภาคเอกชนที่สนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้

ผลการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปรากฏว่า ชนะเลิศได้แก่ทีมเยาวชนกองทุนแม่อำเภอปราณบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมเยาวชนกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอทับสะแก รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมเยาวชนกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอบางสะพานน้อย และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ทีมเยาวชนกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอสามร้อยยอด นอกจากนี้นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังมอบถ้วยรางวัลผู้ทำประตูสูงสุด ให้กับ ด.ช.รัชชานนท์ ทองแดง ผู้เล่นหมายเลข 7 ทีมทับสะแก อีกด้วย.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวังไกลกังวลฯ จัดงานแสดงมุทิตาวันทาบูรพาจารย์

สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวังไกลกังวลฯ จัดงานแสดงมุทิตาวันทาบูรพาจารย์

วันที่ 27 เมษายน 2567 นายชุมพล โชคสุชาติ นายกสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมมุทิตาจิตคุณครูโรงเรียนวังไกลกังวล เพื่อระลึกถึงพระคุณของคุณครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ความรู้ ที่โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ฝั่งมัธยม) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พลตำรวจตรี ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล อุปนายกสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวังไกลกังวล คณะกรรมการ สมาชิกสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวังไกลกังวล และศิษย์เก่าเข้าร่วมกว่า 200 คน โดยมีคุณครูสาย สวัสดิมงคล อดีตครูใหญ่โรงเรียนวังไกลกังวล ปัจจุบันอายุ 99 ปี นอกจากนี้ยังมีครูเกษียณหลายท่านร่วมกิจกรรมมุทิตาจิตในครั้งนี้ด้วย

สำหรับวันมุทิตาจิต เป็นเสมือนสัญญาที่เหล่านักเรียนเก่าวังไกลกังวลได้สัญญากันไว้ว่าจะกลับมารวมตัวกัน กลับมาแสดงความเคารพและรำลึกถึงพระคุณของโรงเรียน พระคุณของคุณครู โดยจะร่วมกันประกอบพิธีรดน้ำดำหัวขอพรจากคุณครู มอบของที่ระลึกให้กับคุณครู รวมทั้งได้กลับมาพบปะกัน ในปีนี้ทางโรงเรียนวังฯ ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่ประกอบพิธี และสมาคมฯ มีเจตจำนงที่จะจัดกิจกรรมเช่นนี้ต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้ศิษย์เก่าได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันกลับมาแสดงความเคารพและรำลึกถึงพระคุณของโรงเรียนและคุณครูอย่างต่อเนื่องสืบไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

SONP จัดอบรม One Day Training แลกเปลี่ยน – เรียนรู้กับกูรูออนไลน์ ครั้งที่ 4 เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์

SONP จัดอบรม One Day Training แลกเปลี่ยน – เรียนรู้กับกูรูออนไลน์ ครั้งที่ 4 เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมกับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการความร่วมมือองค์กรสื่อขับเคลื่อนพัฒนาวิชาชีพและส่งเสริมจริยธรรมสื่อเพื่อสร้างระบบนิเวศสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดโครงการฝึกอบรม One Day Training แลกเปลี่ยน – เรียนรู้กับกูรูออนไลน์ ประจำปี 2566 ครั้งที่ 4 ในใต้หัวข้อ “Cyber Security : แนวทางการป้องกันและแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ & กฎหมายที่เกี่ยวข้อง” โดยสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) และ สราญ เทคโนโลยี กรุ๊ป (SRAN) เพื่อเสริมพัฒนาทักษะ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสมาชิก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อในยุคดิจิทัล ณ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567

คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ทำให้เรารู้เท่าทันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ปัจจุบันทุกองค์กรทำงานผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น มีโอกาสเสี่ยงที่จะพบปัญหาเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของระบบ จึงจำเป็นต้องศึกษา และหาวิธีรับมือสถานการณ์ เพื่อป้องกันข้อมูลไม่ให้สูญหายและถูกโจรกรรมออกไป

ดร.นรัตถ์ สาระมาน นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) และผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการบริษัท โกลบอลเทคโนโลยี อินทิเกรเทด จำกัด และ สราญ เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวว่า ภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนในองค์กร ไม่ใช่เฉพาะของบุคลากรที่ทำงานด้านไอทีเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร หากถูกโจมตีทางไซเบอร์ ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้องค์กรเกิดความเสียหายทั้งระบบได้ ดังนั้นควรมีการจัดอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ภายในองค์กรอย่างสม่ำเสมอ

“ในอนาคตภัยคุกคามทางไซเบอร์จะสร้างความเสียหายสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในชีวิตประจำวันของทุกคนทำงานผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งอินเทอร์เน็ตที่มีความรวดเร็วขึ้น รวมถึงการมาของ AI แม้ว่าจะทำให้เราสะดวกสบายในการทำงาน แต่ในทางกลับกันก็ส่งผลให้ผู้ไม่หวังดีสร้างโอกาสในการโจมตีและขโมยข้อมูลได้มากขึ้นด้วย”

คุณกฤตยา รามโกมุท ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการบริหาร บริษัทโกลบอลเทคโนโลยี อินทิเกรเทด จำกัด กล่าวว่า ข้อมูลปี 2023 มีคนถูกโจมตีทางไซเบอร์ 343 ล้านคน เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน (ปี 2021) พบการรั่วไหลของข้อมูลเพิ่มขึ้น 72% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของมุนษย์ ในจำนวนนี้มักจะเกิดจากมัลแวร์ที่โจมตีผ่านทางอีเมล นอกจากนั้น The World Economic Forum ยังจัดลำดับให้ภัยไซเบอร์ เป็นภัยร้ายแรง 1 ใน 10 ของโลก ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีองค์กรสื่อในหลายประเทศถูกโจมตีทางไซเบอร์ด้วยเช่นกัน

คุณวีริศ แม้นญาติ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ สราญ เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวว่า สำหรับกรณีที่พบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรถูกโจมตีทางไซเบอร์ ควรตัดการเชื่อมต่อข้อมูลทันที เปลี่ยนรหัสผ่าน กู้คืนข้อมูลจากอุปกรณ์สำรองข้อมูล และตรวจสอบระบบเพื่อหาช่องโหว่อย่างสม่ำเสมอ

ส่วนแนวทางป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่เหมาะสมสำหรับองค์กร ประกอบด้วย 1.ควรติดตั้ง Firewall 2.แบ่งระบบเครือข่ายให้ชัดเจน 3.กำหนดนโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับองค์กร 4.ฝึกอบรมให้ความรู้บุคลากร 5.บังคับใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัย 6.ใช้วิธีการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย 7.สำรองข้อมูลเป็นประจำ และหมั่นทดสอบกู้ข้อมูลอยู่เสมอ 7.ทำการเข้ารหัสในส่วนข้อมูลที่มีความสำคัญ 8.ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์และอัปเดตให้เป็นปัจจุบัน และ 9.ติดตั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์

นอกจากนั้น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ยังพูดถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 , พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันหรือละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นกฎหมายสำคัญที่องค์กรสื่อควรศึกษาทำความเข้าใจ และศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน

#สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
#SONP
#onedaytraining
#กองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์