Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

หว้ากอเตรียมเปิดพื้นที่ชายหาดทำสปาทราย หมกแร่ควอตซ์ – แร่ฟันม้า

หว้ากอเตรียมเปิดพื้นที่ชายหาดทำสปาทราย หมกแร่ควอตซ์ – แร่ฟันม้า

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จ.ประจวบฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เรื่อง “สปาทราย” และยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านสปาทรายกับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ให้กับผู้ที่สนใจในการประกอบอาชีพการให้บริการสปาทรายกว่า 20 คน เพื่อขานรับนโยบายส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 ข้อ ประจวบต้องไปต่อ next move prachuap

ภายในกิจกรรมจัดฝึกอบรมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสปาทราย เรียนรู้คุณสมบัติทรายและประโยชน์ของแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ในทราย รวมถึงรูปแบบการให้บริการสปาทราย การเตรียมทรายและการต้อนรับลูกค้าอย่างถูกวิธี เพื่อยกระดับมาตรฐานของการให้บริการที่มีคุณภาพกับลูกค้าทุกระดับ

นายวราวุธ พยัคฆพงษ์ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาเห็นหาดทรายที่สวยสะอาดของหว้ากอ จึงมีแนวคิดที่จะพลิกฟื้นการให้บริการสปาทรายให้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง เป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวตามนโยบาย 10 ข้อ ประจวบ ต้องไปต่อ (next move prachuap) และยังเป็นสานต่ออาชีพสปาทรายและยกระดับมาตรฐานการให้บริการ เนื่องจากพื้นที่จังหวัดประจวบฯ มีพื้นที่หาดทรายยาวตลอดแนวจนถึงจังหวัดชุมพร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ในการนำทรายไปตรวจหาคุณสมบัติและแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ในทรายบริเวณนี้ โดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พบว่าแร่ควอตซ์และแร่ฟันม้ามีอยู่จำนวนมาก และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งนี้ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ อวกาศ เพื่อให้ประชาชนนำวิถีชีวิตความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปใช้ ซึ่งสปาทรายเป็นตัวอย่างที่ดี ที่จะนำสิ่งที่มีอยู่เดิมอยู่แล้วมาสร้างจุดขายและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น สร้างโอกาสให้กับชาวบ้าน จากการสำรวจกระแสน้ำบริเวณชายหาดหว้ากอ เป็นกระแสน้ำวนออกไปแล้วกลับเข้ามา ดังนั้นทรายและสิ่งต่างๆ จะมาจากคลองวาฬ อ่าวประจวบฯ และบางสะพาน ไหลวนกลับเข้ามาที่อ่าวหว้ากอ หลังจากนี้ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ จากความรู้ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้ถ่ายทอดไว้ให้ พร้อมกับเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ในส่วนประชาชนที่ผ่านการอบรมไปแล้ว มีความรู้ความสามารถ มีทักษะด้านการสปาทราย สามารถเข้ามาใช้พื้นที่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ต้องมีการลงทุนอะไรมากมาย เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่แล้ว อนาคตจะมีการเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการโรงแรม ที่พักและรีสอร์ทต่างๆ ต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจจะใช้พื้นที่หาดทรายของอุทยานหว้ากอ เพื่อบริการสปาทรายให้กับนักท่องเที่ยว สามารถติดต่อได้ที่กลุ่มงานลานกางเต็นท์ค่ายเด็กของอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ หรือโทร.093 – 4747859

รองศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ ศรีแสง ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษาหัวหิน เปิดเผยว่า จากการที่ได้เก็บตัวอย่างทรายในหลายพื้นที่ ตั้งแต่อำเภอหัวหินไปถึงอำเภอบางสะพาน พบว่าทรายมีคุณสมบัติในเชิงวิทยาศาสตร์และการรักษา โดยคุณสมบัติหลักของทรายมี 2 ส่วน คือ แร่ควอตซ์ (Quartz) กับเฟลด์สปาร์ (feldspar) หรือแร่ฟันม้า แร่ควอตซ์มีประโยชน์ในด้านของการปรับพลังงานในร่างกาย ส่วนแร่ฟันม้า หรือเฟลด์สปาร์ มีประโยชน์ในเรื่องของการคลายเครียด ช่วยปรับสมดุลของระบบประสาท หากใครได้มาทำสปาหมกทราย จะได้ประโยชน์ในเรื่องของการผ่อนคลายเป็นหลัก ซึ่งการหมกทรายในแต่ละครั้งควรจะประมาณ 20 นาที เพื่อไม่ให้นานเกินไปหรือน้อยเกินไป โดยก่อนการหมกทรายจะต้องตรวจสุขภาพและเตรียมความพร้อมของร่างกาย ซึ่งข้อควรระวังผู้ที่มีโรคหัวใจ ความดันสูง มีรอบเดือนและหญิงตั้งครรภ์ ไม่เหมาะกับกิจกรรมห่มทราย.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

นายอำเภอหัวหิน เปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาท่ามกลางพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมบุญ

นายอำเภอหัวหิน เปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาท่ามกลางพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมบุญ

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา เทศบาลนครหัวหิน ประจำปี 2568 ที่ลานด้านหน้าสำนักงานเทศบาลนครหัวหิน จ.ประจวบฯ เพื่อให้เด็ก เยาวชนและประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมสืบสานรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย อีกทั้งสนับสนุนส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของไทยตามแนวพุทธศาสนา มีนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาล นางยุวนิตย์ ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ คณะกรรมการชุมชน หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน คณะครู นักเรียน นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมในพิธี โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ พิธีหล่อเทียนพรรษา การบรรเลงดนตรีไทยของโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครหัวหิน การเสวนาธรรม พิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา นำโดยพระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพต และเจ้าอาวาสจากวัดต่างๆ ในพื้นที่ พิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 พิธีถวายเทียนพรรษาแก่วัดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จำนวน 20 วัด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง

วันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนาเป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์จำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือนในฤดูฝน เนื่องจากสมัยก่อนพระภิกษุสงฆ์ไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนต้นใหญ่ขึ้น เพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์จุดให้แสงสว่างในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ เป็นพุทธบูชาตลอดเวลา 3 เดือน จึงปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีแห่เทียนพรรษา ในปัจจุบันวันเข้าพรรษาจึงมีประเพณีการถวายเทียนพรรษา เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณกาล ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะทำการหล่อเทียนพรรษาหรือมีการนำเทียนไปถวายพระภิกษุสงฆ์ และเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนที่มีเวลาน้อยแต่อยากทำบุญ จึงมีเทียนพรรษาในรูปแบบสำเร็จรูปเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น เทียนพรรษาคือเทียนขนาดใหญ่และยาวเป็นพิเศษกว่าเทียนชนิดอื่น สำหรับจุดในโบสถ์ตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนถึงวันออกพรรษา อานิสงส์ของการถวายเทียนพรรษา ทำให้เกิดสติ ปัญญา เปรียบดั่งแสงสว่างแห่งเทียน เจริญไปด้วยมิตรสหายบริวารมีผู้อุปถัมภ์ ย่อมเป็นที่รักใคร่ของทุกคนและเทวดาทั้งหลาย ทำให้คลี่คลายปัญหาต่างๆ จากร้ายกลายเป็นดี.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติ

ประจวบฯ จัดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติ

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่สำนักงานเทศบาลตำบลกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ โดยมีนายสัตวแพทย์จามร ศักดินันท์ ปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ นางปิยนุช ตั้งบูรพาจิตร์ นายกเทศมนตรีตำบลกุยบุรี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ และประชาชนจำนวนมากร่วมในพิธี

เนื่องด้วยวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันประสูติ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 ในการดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทย รวมถึงสรรพชีวิตภายใต้ร่มพระบารมี ให้ได้รับความผาสุกตราบจนทุกวันนี้ ทรงห่วงใยปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า ที่เป็นปัญหาสำคัญของชาติ ทรงมีพระประสงค์ให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทย โดยให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนยุทธศาสตร์ การดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ปีงบประมาณ พ.ศ.2560 – 2563 นับเป็นพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ปัจจุบันทรงโปรดให้ดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ ในระยะต่อไป ปี พ.ศ.2564 – 2568 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ประกอบกับเพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจัดทำปศุสัตว์ร่วมใจ กำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568

นายสินาทร โอ่เอี่ยม กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติฯ นั้น เพื่อให้สุนัขและแมวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศและมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักรู้ถึงอันตรายของโรคพิษสุนัขบ้าไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงให้เป็นสัตว์จรจัด และสามารถลดปัญหาการเพิ่มจำนวนของสุนัข แมวจรจัด ตามที่สาธารณะ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า และป้องกันไม่ให้มีคนเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าอีก สำหรับกิจกรรมในวันนี้ มีกิจกรรมการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ซึ่งมีประชาชนที่สนใจนำสัตว์เลี้ยงมาฉีดวัคซีนและทำหมันเป็นจำนวนมาก.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีถวายเทียนพรรษา เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีถวายเทียนพรรษา เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นักเรียนและพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมพิธีถวายเทียนพรรษาและผ้าไตรจีวร ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา พุทธศักราช 2568 จำนวน 3 วัด ประกอบด้วย วัดธรรมิการามวรวรวิหาร อ.เมืองประจวบฯ, วัดหนองพังพวย ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบฯ และวัดสองกะลอนประชาสรรค์ ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบฯ

ทั้งนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประจวบฯ จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ในปีพุทธศักราช 2568 ขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และร่วมกันสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามทางพุทธศาสนา ส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และถวายเป็นพุทธบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพุทธศาสนา เป็นการบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนา ตรงกับวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงธรรมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นครั้งแรก โปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จนพระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมศึกษาบริหารจัดการน้ำ เตรียมตั้งศูนย์รับมือช่วงฤดูฝนนี้

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมศึกษาบริหารจัดการน้ำ เตรียมตั้งศูนย์รับมือช่วงฤดูฝนนี้

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นำข้าราชการ ผู้นำ อปท.ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ประกอบด้วยนายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด พ.อ.วีระชัย สิริสากร รอง ผอ.กอรมน.ประจวบฯ นายธนวัฒน์ เรืองเดช รักษาการหัวหน้า ปภ.จังหวัดประจวบฯ, ผู้อำนวยการศูนย์ ปภ.เขต 4 ประจวบฯ, โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด, ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด, คลังจังหวัด, ประมงจังหวัด, ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัด, เทศบาลนครหัวหิน, ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 14, ผู้แทนนายอำเภอหัวหิน, การประปาภูมิภาคประจวบฯ และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 40 คน เข้าศึกษาแนวทางการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการน้ำและการดำเนินการด้านข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการน้ำ ณ ศูนย์ปฎิบัติการน้ำ สำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อนำแนวทางไปบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เทศบาลนครหัวหินและจังหวัดประจวบฯ โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์/ที่ปรึกษาสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ให้การต้อนรับและเป็นวิทยากรให้ความรู้ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์แก่คณะ

นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน กล่าวว่าจังหวัดประจวบฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการ ทั้งในด้านน้ำเพื่อการบริโภค อุปโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ช่วงฤดูฝน ปี 2568 นี้ จะดำเนินการตามแนวทางของศูนย์ปฎิบัติการน้ำฯ (สสน.) จึงมีแนวคิดในการจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการน้ำ” เพื่อเป็นกลไกในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ข้อมูล และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการติดตามสถานการณ์เพื่อเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในเขตเทศบาลนครหัวหินและพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ โดยมอบหมาย ศูนย์ ปภ.เขต 4 และสำนักงาน ปภ.จังหวัดประจวบฯ ร่วมกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การศึกษาในครั้งนี้เพื่อเรียนรู้แนวทางการดำเนินงาน ตลอดจนศึกษาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการบริหารจัดการข้อมูลและเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศด้านน้ำ และนำมาปรับใช้กับหน่วยงานในจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำในทุกระดับอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพต่อไป.

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

กร ทัพพะรังสี นำนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ร่วมตีแบดฯ ระดมทุนซื้อหมวกกันน็อคสำหรับเด็กเล็กที่ประจวบฯ

กร ทัพพะรังสี นำนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ร่วมตีแบดฯ ระดมทุนซื้อหมวกกันน็อคสำหรับเด็กเล็กที่ประจวบฯ

วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตนายกสมาพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และอดีตนายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย นำนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย อาทิ รัชนก อินทนนท์ หรือน้องเมย์ และกุลวุฒิ วิทิตศานต์ หรือน้องวิว ร่วมจัดกิจกรรมตีแบตมินตันการกุศล ที่สนามแบดมินตัน คลับ 1,000 ตา เขตเทศบาลเมืองเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อระดมทุนมอบให้กับธนาคารหมวกกันน็อคสำหรับเด็กเล็กจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้โครงการกิจกรรมตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง เพื่อรณรงค์สร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมี นายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายถนัดศิลป์ วุฒิวงศ์อังคณา ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา ประธานอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรม

ก่อนเริ่มการแข่งขัน มีการฝึกอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน โดยวิทยากรจากโรงพยาบาลบางสะพานน้อย การอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพและการใช้เครื่อง AED โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและมอบเสื้อที่ระลึกให้ผู้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนการจัดหาหมวกกันน็อคสำหรับจัดทำธนาคารหมวกกันน็อคในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยนายชาย งามอัจฉริยะกุล ร่วมบริจาค 120,000 บาท ชมรมทำความดี ทำบุญสายสุนทรี ร่วมบริจาค 35,200 บาท และผู้ใจบุญได้ร่วมบริจาคสมทบทุนอีกจำนวนหนึ่ง เป็นการประเดิมเปิดฤกษ์กิจกรรมตีแบดฯ เพื่อหัวน้องครั้งนี้

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตของประชากรที่ค่อนข้างสูง ปีละกว่า 17,000 คน ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมจำนวนมหาศาล ระดับความเสียหายและความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บทางสมอง โดยการบาดเจ็บทางสมองมาจากการใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะในการเดินทาง จากสถิติคนไทยสวมหมวกกันน็อกไม่ถึง 50% ทั้งคนขับและคนซ้อน แต่ยังมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้นกับเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่มีอายุระหว่าง 3 – 5 ปี มีสถิติการสวมหมวกกันน็อกเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 10% เป็น 16% ในช่วงปี 2563 – 2566 เนื่องจากหมวกกันน็อกมีราคาสูงสำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อย กับการสวมหมวกกันน็อกไม่ได้ถูกให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภาคีด้านความปลอดภัยทางถนน และมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน จึงร่วมมือกันขับเคลื่อนธนาคารหมวกกันน็อกแห่งประเทศไทย สำหรับเด็กเล็กและเยาวชนขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว โดยสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง คือแบดมินตัน และให้ชื่อโครงการว่า “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านใบ เพื่อส่งมอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหลายจังหวัด ไปจัดทำธนาคารหมวกกันน็อกที่สามารถตรวจวัดการใส่อย่างมีระบบ เป็นระบบหลังบ้านบนเว็บไซด์ dashboard ตรวจวัดตามจริงเพื่อยืนยันสถิติการใช้งานที่เพิ่มขึ้น สามารถตรวจสอบยอดเงินบริจาค การขอรับบริจาคหมวกกับการใช้งานจริงของพื้นที่ได้แบบ real time อย่างไรก็ตาม หมวกกันน็อกเป็นเครื่องป้องกันที่จำกัดระยะเวลาการใช้งานที่ 3 ปี ดังนั้น เพื่อจัดเตรียมหมวกกันน็อกให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อนครบอายุการใช้งาน ต้องเปลี่ยนใหม่ทันที

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน 126 แห่ง โครงการ “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” จึงจัดขึ้นเพื่อจัดหารายได้สำหรับการทำธนาคารหมวกกันน็อกให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในจังหวัด โดยมีนายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และอดีตนายกสมาพันธ์แบดมินตันโลก รวมถึงนายกุลวุฒิ วิทิตศานต์ (น้องวิว) แชมป์แบดมินตันโลกประเภทชายเดี่ยว เหรียญเงินโอลิมปิก และ น.ส.รัชนก อินทนนท์ (น้องเมย์) แชมป์แบดมินตันโลกประเภทหญิงเดี่ยว และ น.ส.สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ แชมป์เยาวชนแบดมินตันโลก มาเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ขนส่งประจวบฯ เปิดประมูลเลขสวยปี 68 รวม 301 หมายเลข ได้เงินเกือบ 20 ล้านบาท

ขนส่งประจวบฯ เปิดประมูลเลขสวยปี 68 รวม 301 หมายเลข ได้เงินเกือบ 20 ล้านบาท

วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดการประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวดอักษร “กบ” (ก้าวหน้าร่ำรวย มากด้วยบารมี) ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 9 ที่ห้องประชุมสามอ่าว แกรนด์บอลรูม โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีนางสุทิพย์ ตนประเสริฐ ขนส่งจังหวัดประจวบฯ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม มีนายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและแขกผู้มีเกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน

การเปิดประมูลทะเบียนรถเลขสวยในครั้งนี้ เปิดประมูลพร้อมกันสองช่องทาง คือ ทางระบบออนไลน์ และทางวาจาด้วยวิธีเคาะไม้ในห้องประมูล รวมทั้งสิ้นจำนวน 301 หมายเลข โดยป้ายทะเบียนหมายเลขแรกที่เปิดประมูลคือ กบ 8899 ประจวบคีรีขันธ์ ปิดราคาประมูลที่ 117,000 บาท ส่วนหมายเลขป้ายทะเบียนที่ประมูลได้ราคาสูงสุดในครั้งนี้ คือหมายเลข กบ 9999 ประจวบคีรีขันธ์ ปิดราคาประมูลหมายเลขนี้จากผู้เสนอราคาในห้องประมูล ที่ 700,000 บาท รวมจำนวนเงินที่ประมูลทั้งสิ้น 18,885,000 บาท

นางสุทิพย์ ตนประเสริฐ ขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า การเปิดประมูลในปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้ว โดยเปิดประมูล 2 ช่องทาง คือ ทางอินเตอร์เน็ต และทางวาจาด้วยวิธีเคาะไม้ในห้องประมูล ซึ่งปีที่ผ่านมามียอดการประมูลทั้งสิ้นกว่า 14 ล้าน โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งรายได้จากการประมูลทั้งหมดจะนำเข้าสู่กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนด้านต่างๆทุกจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังนำรายได้ส่วนหนึ่งไปจัดซื้ออุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ อันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนอีกด้วย โดยการประมูลเลขหมายในปีนี้เลข 9 เลข 999 และ เลข9999 ได้รับความสนใจมากสุดอันดับต้นๆ โดยส่วนมากจะเป็นลูกค้าเก่า เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัด ข้าราชการ และนักธุรกิจ โดยกลุ่มรถที่จะใช้ป้ายหมายเลขทะเบียนเหล่านี้จะเป็นรถประเภทรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน เช่น รถกระบะ 4 ประตู รถเก๋ง หรือรถแวน เป็นต้น.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

อบจ.ประจวบฯ จัดประกวดสื่อสร้างสรรค์“เที่ยวประจวบ Next vibe ให้ใจฟู”ชิงรางวัลกว่า 1 แสนบาท

อบจ.ประจวบฯ จัดประกวดสื่อสร้างสรรค์“เที่ยวประจวบ Next vibe ให้ใจฟู”ชิงรางวัลกว่า 1 แสนบาท

วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ เป็นประธานแถลงข่าวการประกวดสื่อสร้างสรรค์ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน จ.ประจวบฯ ภายใต้ชื่อ“เที่ยวประจวบ Next vibe ให้ใจฟู”ร่วมกับ ร้อยโทสิทธิชัย ตัณฑสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ น.ส.วรกานต์ ถาวร รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นายชวรัตน์ มานะกิจสมบูรณ์ รักษาการนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวประจวบฯ นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นายเศรษฐศักดิ์ ลาทอง ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน ร่วมแถลงข่าว มีผู้ช่วยศาสตราจารย์นภาพร นาคทิม รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตวังไกลกังวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ดร.เรวิตา สายสุด หัวหน้าโครงการ MBA มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด นายทวีสิน พัฒนาภิรัส ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมรับฟัง

นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและแพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยม TikTok จัดโครงการประกวดสื่อสร้างสรรค์เป็นปีที่ 2 ครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด“เที่ยวประจวบ Next vibe ให้ใจฟู”เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัด จุดประกายการท่องเที่ยวผ่านมุมมองคนรุ่นใหม่ เพื่อเฟ้นหาไอเดียและพลังสร้างสรรค์ที่จะมาบอกเล่าเสน่ห์ของประจวบฯ ในมุมมองสดใหม่ สนุก ซึ้งและทรงพลัง เปิดโอกาสให้อินฟูเอนเซอร์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ นักเรียน นักศึกษาและประชาชน ได้ร่วมแสดงความสามารถในการผลิตคอนเทนต์ท่องเที่ยวในรูปแบบวิดีโอสั้นที่มีเอกลักษณ์ มีความคิดสร้างสรรค์ และสื่อถึงอารมณ์ในแบบ“Next vibe”ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมท้องถิ่น คาเฟ่สุดชิค ที่พัก การเดินทาง หรือวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ในแง่มุมมองที่ทำให้“ใจฟู”ได้อย่างแท้จริง

หลักเกณฑ์การส่งเข้าประกวด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) ประเภท Influencer ระดับ Micro Influencers โดยมีช่องในสื่อออนไลน์ Tiktok facebook หรือ Youtube หรือ Instagram ที่มีจำนวนผู้ติดตามตั้งแต่ 10,000 คนขึ้นไป 2) บุคคลทั่วไป บุคคลหรือทีม นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ส่งคลิปเข้าประกวดได้ไม่เกิน 2 คลิป เปิดรับสมัครวันที่ 6 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม ประกาศผลการตัดสิน วันที่ 15 สิงหาคม 2568 โดยคลิปส่งเข้าประกวดเป็นคลิปถ่ายทำใหม่ด้วยตนเองตั้งแต่วันเปิดรับสมัคร โดยอัพโหลดคลิปลงช่อง TikTok ของตนเองและเปิดสาธารณะ ความยาวคลิปไม่น้อยกว่า 60 วินาที และไม่เกิน 90 วินาที สมัครทาง Google form ผ่านคิวอาร์โค๊ด หรือลิงค์รับสมัคร ติดแฮชแท็ก ดังนี้ (บังคับ) #เที่ยวประจวบNextVibeให้ใจฟู #อบจประจวบคีรีขันธ์

รางวัลการประกวด ประเภท Influencer ระดับ Micro Influencers (ผู้ติดตามตั้งแต่ 10,000 คน ขึ้นไป) ผู้ชนะอันดับ 1 เงินสด 30,000 บาท อันดับ 2 เงินสด 20,000 บาท อันดับ 3 เงินสด 15,000 บาท ประเภทบุคคลทั่วไปหรือทีม ผู้ชนะอันดับ 1 เงินสด 10,000 บาท อันดับ 2 เงินสด 7,000 บาท อันดับ 3 เงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ และใบประกาศเกียรติคุณทุกรางวัล และรางวัลสมนาคุณบัตรกำนัล ห้องพักโรงแรม รีสอร์ท สุดหรูจากผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในจังหวัดประจวบฯ และกิ๊ฟวอยเชอร์จากเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ สามารดูรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวดเพิ่มเติมได้ที่ www.prachuap.go.th / เฟซบุ๊ก : อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ / Tiktok : อบจ.ประจวบคีรีขันธ์.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

อุทยานเขาสามร้อยยอด จับผู้ลักลอบเก็บหินบนเขาและซุกยาบ้า

อุทยานเขาสามร้อยยอด จับผู้ลักลอบเก็บหินบนเขาและซุกยาบ้า

วันที่ 6 กรกฎาคม 2568 นายพิศิษฐ์ เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีข้อสั่งการให้เข้มงวดการตรวจสอบและปราบปรามการลักลอบเข้าพื้นที่เพื่อกระทำผิดกฎหมาย พร้อมเร่งรัดการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด สืบเนื่องเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ทั้งชุดที่ 1, 2 และ 3 รวมถึงศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามฯ ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สบอ.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. เข้าตรวจสอบพื้นที่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด บริเวณสำนักสงฆ์วัดพุทธอุทยานถ้ำเกาะไผ่ ท้องที่บ้านเกาะไผ่ หมู่ 5 ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ หลังจากได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีบุคคลลักลอบขึ้นไปบนภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติ

เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบและพบชายสองคน กำลังเก็บเศษหินและสกัดหินบริเวณบ่อหินยอดภูเขามังกร จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ทราบชื่อคือนายพีรพัฒน์ (สงวนนามสกุล) และนายบุญเลิศ (สงวนนามสกุล) จากการตรวจค้นนายพีรพัฒน์ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 7 เม็ด พร้อมอุปกรณ์สำหรับการกระทำผิด อาทิ ค้อนปอนด์ขนาดเล็ก, เหล็กสกัด และไฟฉายคาดศีรษะ ขณะที่นายบุญเลิศ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 34 เม็ด และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด เช่น ค้อนปอนด์ขนาดใหญ่, เหล็กสกัดชนิดกลมและแบน และไฟฉายแบบมือถือ รวมยาบ้าที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด 41 เม็ด เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้และกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด จึงบันทึกการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนทราบ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (6), มาตรา 20 และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ต่อไป

การดำเนินการครั้งนี้ เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการป้องปรามการบุกรุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและส่งเสริมความปลอดภัยของสังคมโดยรวม.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปู+ใบชะพลูกรอบ เมนูเด็ดคุมประพฤติประจวบฯ เข้าชิงระดับประเทศ

แกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปู+ใบชะพลูกรอบ เมนูเด็ดคุมประพฤติประจวบฯ เข้าชิงระดับประเทศ

วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 นายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติฯ พร้อมคณะอาสาสมัครคุมประพฤติ (อ.ส.ค.) และผู้ถูกคุมประพฤติที่ผ่านการคัดเลือกจากการแข่ง Street Food สร้างอาชีพ ระดับจังหวัด ทั้งประเภทอาหารคาวและอาหารหวานและเป็นตัวแทนสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ เข้าแข่งประกวดการทำอาหารในระดับภาค 7 ซึ่งจัดขึ้นที่วัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

ทั้งนี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ มอบหมายให้สำนักงานคุมประพฤติในเขต 7 จัดโครงการประกวดทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติ ระดับภาค (เขต 7) ประจำปี 2568 มีผู้เข้าร่วมการประกวดทำอาหารที่มาจากทั้ง 8 จังหวัด 9 สำนักงาน ประกอบด้วย สำนักงานสมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงานจังหวัดประจวบฯ สาขาหัวหิน

นายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ กล่าวต่อว่า สำนักงานฯประจวบฯ ส่งเข้าประกวดทั้งสองเมนู ทั้งประเภทอาหารคาวและอาหารหวาน โดยอาหารคาวส่งเมนูแกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปูกับใบชะพลูกรอบ และอาหารหวานเป็นกล้วยบวชชีมะพร้าวอ่อน ซึ่งทั้งสองเมนูใช้วัตถุดิบในพื้นถิ่นเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ดังคำขวัญจังหวัดที่ว่า“เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สับปะรด สวยสด หาด เขา ถ้ำ”วัตถุดิบทั้งสองเมนู ไม่ว่าจะเป็นสับปะรด หรือมะพร้าว ล้วนแต่เป็นผลไม้ที่ปลูกกันมากที่สุด เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดมาอย่างยาวนาน ตามแนวคิดการจัดแข่งขันที่ให้นำวัตถุดิบที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดมาทำอาหาร

ผลการแข่งขัน แกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปู+ใบชะพลูกรอบ ของจังหวัดประจวบฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภทอาหารคาว รับเงินรางวัล 3,000 บาท จากการตัดสินของคณะกรรมการฯผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 3 คน มีนายอำนาจ คำนำ อุปนายกคนที่ 2 สมาคมเดอะเชฟแห่งประเทศไทย นายหมวดตรี เพิ่มสิน เอียดเอื้อ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร และ นายณัฐวุฒิ เอกจีโรภาส นายกสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาคร และได้เป็นตัวแทนของภาค 7 เข้าไปแข่งรอบสุดท้าย Street Food สร้างอาชีพ ในระดับประเทศที่ส่วนกลางต่อไป ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอาหารคาว ได้แก่ รองอันดับ 1 เมนูบาบีคิว บาบีใจ ของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสมุทรสาคร รับเงินรางวัล 2,000 บาท รองอันดับ 2 สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ (สาขาหัวหิน) เมนูแกงหลอก รับเงิน 1,000 บาท

ส่วนประเภทอาหารหวาน รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เมนูบัวลอย 5 สี ของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสมุทรสาคร รับเงินรางวัล 3,000 บาท รองอันดับ 1 เมนูสายทองล่องลอย ของสำนักงานจังหวัดนครปฐม รับเงินรางวัล 2,000 บาท รองอันดับ 2 เมนูบัวลอยมณีแก้วพาเพลิน ของสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี รับรางวัล 1,000 บาท ส่วนเมนูกล้วยบวชชีมะพร้าวอ่อนของสำนักงานจังหวัดประจวบฯ รับรางวัลชมเชย ซึ่งเมนูชนะเลิศทั้งสองประเภท ทั้งประเภทอาหารคาวเมนูแกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปูกับใบชะพลูกรอบ ของจังหวัดประจวบฯ และอาหารหวานเมนูบัวลอย 5 สี ของจังหวัดสมุทรสาคร จะเป็นตัวแทนระดับเขต 7 เข้าร่วมต่อในเวทีแข่งรอบสุดท้าย Street Food สร้างอาชีพในระดับประเทศต่อไป

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตามนโยบายนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ที่มีนโยบายให้ขับเคลื่อน Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ โดยให้แนวทางและเป้าหมายการพัฒนาของจังหวัดใน 10 ประเด็นยุทธศาสตร์ และนับได้ว่าเมนูอาหารของสำนักงานคุมประพฤติประจวบฯ ที่ชนะเลิศ Street Food สร้างอาชีพของกรมคุมประพฤติระดับภาค เมนูแกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปูกับใบชะพลูกรอบ ก็อยู่ในแผนการสร้างกลยุทธ์ Wellness Economy ระดับหมู่บ้าน ชุมชน ที่จะต่อยอดสร้างมูลค่าได้ในด้านอาหารและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังด้านส่งเสริมสินค้าเกษตรในท้องถิ่นนำมาแปรรูป รังสรรค์เมนูอาหารขึ้นสำรับโต๊ะอาหารในร้านอาหารต่อไป

สำหรับการประกวด Street Food สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติ จะดำเนินการใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับสำนักงานคุมประพฤติ ระดับเขต และระดับประเทศ เพื่อเฟ้นหาผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น พร้อมต่อยอดสู่การเป็นมืออาชีพและเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จของการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป

ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดหลังพ้นโทษ ด้วยการช่วยเหลือและพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างยั่งยืนโดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ ผ่านการสนับสนุนด้านการศึกษาและทักษะที่จำเป็น การจัดฝึกอบรมอาชีพเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานสร้างรายได้ รวมถึงให้ทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพ.

บุญมา ลิบลับ…..รายงาน