Categories
ข่าว ทั้งหมด

ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง เจ้าของไม่อยู่ กลับมาอีกทีวอดเหลือแต่เสา วอนหน่วยงานช่วยเหลือ

ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง เจ้าของไม่อยู่ กลับมาอีกทีวอดเหลือแต่เสา วอนหน่วยงานช่วยเหลือ

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ร.ต.อ.หญิง ศุภลักษณ์ หวานวาจา รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนที่บ้านเลขที่ 121/5 หมู่ 3 บ้านคั่นกระได ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากโรงเรียนบ้านคั่นกระได ประมาณ 200 เมตร หลังได้รับแจ้งจึงเดินทางพร้อมด้วย ด.ต.จักรพงษ์ อินทนพ ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองประจวบฯ ตำรวจชุดตรวจพิสูจน์หลักฐาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบนายนคร ศรีสุทธานันท์ รองนายก อบต.อ่าวน้อย พร้อมด้วยนายเมธา ศักดิ์เกิด ปลัด อบต.อ่าวน้อย นายจรรยา พูลสวัสดิ์ เลขานายก อบต.อ่าวน้อย นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรถน้ำดับเพลิง อบต.อ่าวน้อย ร่วมกับรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ระดมฉีดน้ำดับไฟที่กำลังลุกไหม้บ้านเรือนของชาวบ้านนานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดประจวบฯ เจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปลัดอำเภอ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองประจวบฯ (อส.) ร่วมอำนวยความสะดวก

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงห่างจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร พื้นและผนังบ้านเป็นไม้ เสาปูน หลังคามุงกระเบื้อง ถูกเพลิงเผาไหม้จนวอดเสียหายทั้งหลัง เหลือแต่เศษซากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น ที่นอนหมอนมุ้ง เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์เครื่องครัว เครื่องตัดหญ้า รถจักรยาน 2 คัน รวมไปถึงชุดนักเรียนหนังสือ และอุปกรณ์การเรียนอื่นของลูก ถูกไฟเผาไหม้จนเกลี้ยง เหลือเพียงแต่ชุดเสื้อผ้า และชุดที่คนในบ้านสวมใส่ติดตัวคนละ 1 ชุด และสุนัขที่เลี้ยงไว้อีก 1 ตัวเท่านั้น ส่วนสาเหตุเบื้องต้น สันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ประเมินค่าความเสียหายกว่า 200,000 บาท

นางพรนภัส ชูจิตต์ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ ตนและสามีเข้าไปทำธุระในตลาดตัวเมือง หลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียนใกล้บ้าน ไปได้เพียงไม่นาน พี่สาวซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันโทรศัพท์บอกตนว่าบ้านเกิดไฟไหม้ จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ 191 ให้ช่วยประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยกันดับเพลิง แต่เมื่อตนกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกเผาไหม้จนสิ่งของวอดวายจนหมดแล้ว เหลือเพียงชุดนักเรียนที่ลูกสวมใส่ไปโรงเรียน 1 ชุด และเสื้อผ้าที่ตนและสามีสวมใส่คนละ 1 ชุดเท่านั้น ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ตนสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ โดยตนมีอาชีพทำมะพร้าวขาวส่งขายอยู่ที่บ้าน และเก็บก้านมะพร้าวมาเหลา เพื่อส่งขายไปทำไม้กวาดเป็นรายได้เท่านั้น

ด้านนายเมธา ศักดิ์เกิด ปลัด อบต.อ่าวน้อย กล่าวว่า อบต.จะเข้ามาดูแลช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น ตามหลักเกณฑ์ระเบียบของกฎหมาย โดยจะมีเงินช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาผลกระทบ ประมาณกว่า 40,000 บาท รวมไปถึงถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคในเบื้องต้นและประสานงานหน่วยงานอื่นเพื่อเยียวยาต่อไป.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวประมงเรือเล็ก ช่วยกันกู้เรือที่ล่มในทะเลสามร้อยยอด หลังเจอคลื่นลมแรง

ชาวประมงเรือเล็ก ช่วยกันกู้เรือที่ล่มในทะเลสามร้อยยอด หลังเจอคลื่นลมแรง

เวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 พี่น้องชาวประมงในพื้นที่บ้านบางปู หมู่ 8 ต.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ช่วยกันลากเรือประมงเข้าฝั่ง หลังจากเมื่อกลางดึกวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเหตุเรือประมงล่มในทะเลสามร้อยยอด บนเรือมีเจ้าของเรือกับลูกเรืออีกหนึ่งคน โดยทั้งสองคนสามารถออกจากเรือมาได้อย่างปลอดภัย จึงได้ช่วยกันลากเรือกลับเข้าฝั่ง โดยกลุ่มชมรม CSR เพื่อการท่องเที่ยวตำบลสามร้อยยอด ได้นำรถติดไฟส่องสว่างมาช่วยเพิ่มแสงสว่างเพื่อให้ทีมกู้เรือได้มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

นายนาวี อินพันทัง เล่าว่าตนและลูกเรือได้ออกเรือไปหาปลาและกำลังจะกลับเข้าฝั่ง เหลือระยะทางอีกเพียงแค่ 800 เมตร ก็จะถึงฝั่งแล้ว แต่ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว มีคลื่นลมแรง ทำให้เรือโคลงก่อนจะล่ม โชคดีที่อยู่ห่างฝั่งไม่ไกล ทำให้ตนและลูกเรือสามารถกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรือที่ล่มนั้น ส่วนท้ายของเรือจมอยู่ในน้ำ และมีทรายเข้าไปอยู่ใต้ท้องเรือ จึงต้องช่วยกันสูบทรายออกจากท้องเรือก่อน แล้วใช้เชือกผูกทุ่นทั้งสองฝั่งของเรือไว้ โดยใช้ถัง 200 ลิตรและแกลลอนเป็นทุ่น รอจังหวะน้ำขึ้นทุ่น จึงจะประคองเรือให้ลอยลำตั้งตรง จากนั้นใช้เรือประมงช่วยกันลากกลับเข้าฝั่ง.

ภาพ : สุเมธ เจริญสุข ประธานชมรม csr เพื่อการท่องเที่ยวตำบลสามร้อยยอด
ข่าว : ฐิติชญา แสงสว่าง

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บลูพอร์ตหัวหิน จัดประกวดพระเครื่องระดับประเทศส่งท้ายปี

บลูพอร์ตหัวหิน จัดประกวดพระเครื่องระดับประเทศส่งท้ายปี

วันที่ 20 พฤษภาคม 2566 ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วมกับบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำหนดจัดมหกรรมประกวดพระบูชาพระเครื่อง และเหรียญพระคณาจารย์ทั่วประเทศขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2566 ที่ชั้น 3 บลูพอร์ตหัวหิน โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษา นายนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ประธานจัดงาน และนายสัญญา วิจิตรจินดา (ญา หัวหิน) ประธานกรรมการบริหารสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประธานดำเนินงาน โดยงานนี้ถือเป็นมหกรรมการประกวดพระใหญ่ล่าสุดส่งท้ายปี และเป็นงานแรกที่บลูพอร์ตหัวหิน ได้ร่วมกับบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดขึ้น เพื่อเป็นแนวทางที่จะจัดตลาดพระติดแอร์ ที่แรกและที่เดียวในบลูพอร์ตหัวหิน

โดยรางวัลชนะเลิศในแต่ละรุ่น จะได้รับเหรียญรูปเหมือนพระครูปลัดสุขวัฒน์ หรือพระอาจารย์ต้อม ปภัสสโร วัดท่าสะแบง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคอีสานที่มีลูกศิษย์ศรัทธามากมาย โดยมวลสารสำคัญในการจัดสร้างเหรียญ ถือว่าเป็นมวลสารมงคลอันศักดิ์สิทธิ์จากเกจิอาจารย์รุ่นเก่าทั่วประเทศ ที่นำมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างเหรียญรางวัลในครั้งนี้ และผ่านพิธีพุทธาภิเษกจากพระเกจิชื่อดังเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมคณะผู้จัดงานมหกรรมการประกวดอนุรักษ์พระบูชา พระเครื่องและเหรียญพระคณาจารย์ ร่วมงานเพื่อนำมาเป็นรางวัลเฉพาะงานนี้เท่านั้น

สำหรับการประกวด ผู้ชนะเลิศคะแนนรวมยอดเยี่ยม รับเหรียญรางวัลเกียรติยศจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระยอดนิยม รับเหรียญรางวัลเกียรติยศจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระทั่วไป รับเหรียญรางวัลเกียรติยศ จากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท นอกจากนี้ รางวัลชนะเลิศแต่ละรายการ รางวัลที่ 1จะได้รับเหรียญพระครูปลัดสุขวัฒน์ (พระอาจารย์ต้อม) รุ่น นะ รวย ๙ เฮง เนื้อทองแดงอะไหล่ทอง จำนวน 1 เหรียญ รางวัลที่ 2 จะได้รับเหรียญพระครูปลัดสุขวัฒน์ (พระอาจารย์ต้อม) รุ่น นะ รวย ๙ เฮง เนื้อทองระฆัง จำนวน 1 เหรียญ รางวัลที่ 3 จะได้รับเหรียญพระครูปลัดสุขวัฒน์ (พระอาจารย์ต้อม) รุ่น นะ รวย ๙ เฮง เนื้อชนวนตั้งธาตุ จำนวน 1 เหรียญ และรางวัลที่ 4 จะได้รับเหรียญพระครูปลัดสุขวัฒน์ (พระอาจารย์ต้อม) รุ่น นะ รวย ๙ เฮง เนื้อทองแดงผิวไฟ จำนวน 1 เหรียญ โดยคณะกรรมการจะเริ่มเปิดให้ส่งพระในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป

นายสัญญา วิจิตรจินดา (ญา หัวหิน) กล่าวว่า การจัดมหกรรมประกวดพระบูชาพระเครื่อง และเหรียญพระคณาจารย์ฯ ที่บลูพอร์ตหัวหินครั้งนี้ เป็นงานใหญ่สำคัญที่นักสะสมพระเครื่องทั่วประเทศให้ความสนใจกันมาก อีกทั้งมีผู้ใหญ่หลายๆ ท่านและเซียนพระในวงการชื่อดังระดับประเทศให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นนายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย นายพิศาล เตชะวิภาค (ต้อย เมืองนนท์) รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และเซียนพระอีกหลายๆ ท่านที่มาร่วมการประกวดในครั้งนี้ สำหรับสถานที่จัดงานมีความสะดวกสบาย เป็นห้องแอร์ ที่นักสะสมสามารถพาครอบครัวมาพักผ่อน ช้อปปิ้ง นอกเหนือจากการมาร่วมงานประกวดพระได้อีกด้วย จึงขอเชิญนักสะสมพระเครื่อง พระบูชา และผู้ที่สนใจไปร่วมงานได้ในวันประกวดพระเครื่อง วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป บริเวณชั้น 3 บลูพอร์ตหัวหิน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลูพอร์ตหัวหิน โทร.032 – 905111 , เฟซบุ๊ก : Bluport Hua Hin Official หรือ Line : @Bluport.

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

“เรือเจ้าแม่ประดู่ทอง” คว้าถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่า

“เรือเจ้าแม่ประดู่ทอง” คว้าถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่า

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมด้วยนายอมร พัฒน์ทอง สมาชิกสภาเทศบาล นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีปิดงานประเพณีแข่งเรือยาว “ศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ปีที่ 16” ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2566 ที่โครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่บ้านเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) น.ส.อุบลวรรณ คงสว่าง ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันตก ผู้แทน สสส. นายโยธิน สิทธิบดีกุล ผู้อำนวยการสำนักโทรทัศน์และวิทยุ Thai PBS และประชาชจำนวนมากร่วมในพิธีมอบรางวัล

เทศบาลเมืองหัวหิน จัดแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี พ.ศ.2566 ระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน ณ อ่างเก็บน้ำเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วมกับองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในรายการ “ศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ปีที่ 16” จำนวน 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทเรือยาว 55 ฝีพาย (เรือมิตรภาพ ไทย – สปป.ลาว) ชนะเลิศได้แก่เรือเจ้าแม่ประดู่ทอง กองต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งทะเลอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ / ประเภทเรือยาว 40 ฝีพาย (เรือยาวโลหะ) ชนะเลิศได้แก่ เรือเจ้าปู่เหล็กไหล ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี / ประเภทเรือยาว 32 ฝีพาย (เรือยาวโขนชิงธง) ชนะเลิศได้แก่ เรือสีหนุมาน และประเภทเรือยาว 30 ฝีพาย (เรือยาวหัวพญานาค) ชนะเลิศได้แก่ เรือเทพจุฬารัตน์ ทั้งสองประเภทได้รับถ้วยพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

จากนั้นนายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ได้มอบถ้วยรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ของทุกรายการแข่งขัน และมอบถ้วยรางวัลนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับ 2 และ 3 ของทุกรายการแข่งขัน ทั้งนี้เทศบาลเมืองหัวหินได้บรรจุการแข่งขันเรือยาวให้เป็นประเพณี ซึ่งจะมีการจัดการแข่งขันในทุกปี.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

พุทธศาสนิกชนร่วมทอดกฐินสามัคคีวัดสามร้อยยอด ได้เงินล้านกว่า

พุทธศาสนิกชนร่วมทอดกฐินสามัคคีวัดสามร้อยยอด ได้เงินล้านกว่า

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 ที่วัดสามร้อยยอด ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีงานทอดกฐินสามัคคี โดยพระครูปัญญาชยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสามร้อยยอด เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนางวรรณา (เจ๊แอ๊ด) คงคาเขต นายสมหมาย (เฮียทุย) ส้มหวาน พร้อมครอบครัว เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ภายในงานมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวสามร้อยยอดและพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนมากมาร่วมงาน โดยภายในงานมีการออกโรงทานกว่า 200 ซุ้ม ที่นำอาหารคาว หวาน ขนม เครื่องดื่ม มาแจกให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รับประทานกันฟรีตลอดงาน

นายอำไพ พูลน้อย กรรมการวัดสามร้อยยอด กล่าวว่าปีนี้มีชาวบ้านมาร่วมงานเป็นจำนวนมากกว่าพันคน ทำให้ของจากซุ้มต่างๆ หมดอย่างรวดเร็ว บางซุ้มต้องไปเอาของมาแจกเพิ่มอีกด้วย แต่ทุกคนต่างรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ร่วมทำบุญ ทำทานในครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ นายสิทธิชัย ลาภก่อเกียรติ กำนันตำบลไร่เก่าได้นำผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ สารวัตร แพทย์ประจำตำบลและ ชรบ. ของตำบลไร่เก่าช่วยงาน ทั้งด้านการจราจร และอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนด้วย

สำหรับยอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้มียอดรวมทั้งสิ้น 1,771,844 บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบสี่บาท) ซึ่งทางวัดจะนำปัจจัยไปทะนุบำรุง ส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และพัฒนาวัดต่อไป.

ภาพ/ข่าว : ฐิติชญา แสงสว่าง

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

อ่าวมะนาวเงียบเหงา หลังกองบิน 5 ติดธงแดงห้ามเล่นน้ำ

อ่าวมะนาวเงียบเหงาหลังกองบิน 5 ติดธงแดงห้ามเล่นน้ำ

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 จากกรณีความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีน ยังคงปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย กับมีลมแรง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง มีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ทำให้กองบิน 5 อ.เมืองประจวบฯ ติดธงแดงบริเวณชายหาด เตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังและห้ามลงเล่นน้ำที่อ่าวมะนาว จ.ประจวบคีรีขันธ์

ล่าสุด สถานการณ์วันนี้คลื่นทะเลลดระดับความรุนแรงลงจากเมื่อสองวันก่อน แต่ยังมีเศษซากความเสียหาย จากแนวชายฝั่งที่มีต้นสนขนาดใหญ่จำนวนมาก ตลอดแนวอ่าวมะนาวถูกคลื่นทะเลกัดเซาะพัดพาทรายไปยังท้องทะเล จนปรากฏเห็นรากต้นสนโผล่พ้นผืนทราย ส่วนเก้าอี้เตียงผ้าใบจำนวนหลายพันตัว ถูกพับเก็บพร้อมร่มถูกหุบลง เพื่อไม่ให้แรงลมปะทะจนได้รับความเสียหาย ขณะที่อุปกรณ์การท่องเที่ยวถูกวางไว้โดยไม่มีผู้ใช้บริการ เช่น เสื้อชูชีพ เรือคายัค แผ่นเซิร์ฟบอร์ด

เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวานนี้ซึ่งน้ำทะเลซัดขึ้นถึงบริเวณจุดตั้งเตียงผ้าใบ เห็นคราบหลงเหลือจากฟองน้ำทะลซัดขึ้นหาดเป็นระยะทางกว่า 10 เมตร แต่มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเลือกจุดที่แสงแดดส่องถึง เพื่อนอนอาบแดดอย่างสบายใจ ด้วยแสงแดดที่ไม่ร้อนจัด และลมพัดโกรกเย็นสบาย ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทย นั่งรับประทานอาหารกับครอบครัวที่เตียงผ้าใบ โดยกองบิน 5 ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอ่าวมะนาว หรือเซฟการ์ด ปั่นจักรยานและเดินสอดส่องไม่ให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำทะเล รวมถึงประกาศเสียงตามสายเป็นระยะๆ ทั้งนี้ยังมีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นบางรายเดินให้เท้าจุ่มน้ำทะเล เป็นโอกาสว่ามาเยือนถึงเมืองชายทะเลอ่าวมะนาวแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังแล้ว.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

กอนกาโล โอลิเวียร่า”จากโปรตุเกส คว้าแชมป์ชายเดี่ยวเทนนิสไอทีเอฟที่หัวหิน

กอนกาโล โอลิเวียร่า”จากโปรตุเกส คว้าแชมป์ชายเดี่ยวเทนนิสไอทีเอฟที่หัวหิน

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 การแข่งขันเทนนิสชายสะสมคะแนนโลกไอทีเอฟ รายการ “แคล – คอมพ์ แอนด์ซีซีเอยู อินดัสตรี 4.0 โอเพ่น ไอทีเอฟ เวิลด์เทนนิสทัวร์ 2023 เอ็ม 25 สัปดาห์แรก ชิงเงินรางวัลรวม 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 860,000 บาท ที่อารีน่าหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประเภทชายเดี่ยวรอบชิงชนะเลิศ เป็นการดวลแรคเก็ตกัน ระหว่าง กอนกาโล โอลิเวียร่า จากโปรตุเกส มือ 1 ของรายการ มือ 234 โลก พบกับเยฟเกนี ดอนสกอย จากรัสเซีย มือ 2 ของรายการ มือ 263 โลก แมทช์นี้ กอนกาโลเสียเซทไปก่อนในเซทแรก แต่กลับมาสู่เกมได้ทัน เล่นได้แน่นอนกว่า เอาชนะไปได้ในอีก 2 เซทต่อมา ทำให้กอนกาโลชนะไปได้ 2 – 1 เซท 4-6, 6-2, 6-4 คว้าแชมป์ไปครอง

หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานพิธิปิดและมอบรางวัลการข่งขัน มีนายนฐา ชมเสวี ผู้จัดการทั่วไป สวนน้ำวานาวานา วอลเตอร์จังเกิ้ล อารีน่าหัวหิน และอันดามัน ภูเก็ต, นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บี.กริม พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน), นายชินทร์ เหล่าฤกษ์อุทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรม I SANOOK, นายอาชวันต์ กงกะนันท์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ, นายกิตติ เฟื่องฟู เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และวิว เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย กรรมการบริหาร เดอะเลเจนด์อารีน่า หัวหิน ให้การต้อนรับและผู้สนับสนุนการแข่งขัน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ชนะเลิศรับเงินรางวัล 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 123,444 บาท รองชนะเลิศรับเงินรางวัล 2,120 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 72,694 บาท

ทั้งนี้ อารีน่าหัวหิน เตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองหัวหินอีกครั้ง ด้วยการจัดการแข่งขันเทนนิสนานาชาติ รายการไทยแลนด์โอเพ่น 2004 ระหว่างวันที่ 29 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2567 ชิงเงินรางวัล 250,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 857,250 บาท

การแข่งขันแคลคอม แอนด์ซีซีเอยู อินดัสตรี 4.0 โอเพ่น ไอทีเอฟ เวิลด์เทนนิสทัวร์ 2023 สนับสนุนโดยบริษัท แคล – คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท แคล – คอมพ์ออโตเมชั่น แอนด์อินดัสเทรียล 4.0 เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด, บี.กริม, บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีอาร์ซี สปอร์ต จำกัด, โรงแรมไอสนุก รีสอร์ทสวีท และกลุ่มบริษัทพราว ร่วมกันพัฒนานักกีฬาเทนนิสไทย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สภาผู้บริโภคเอาจริง จ่อยื่น ป.ป.ช. ถอดถอน กสทช. เอื้อผูกขาดอินเทอร์เน็ต

สภาผู้บริโภคเอาจริง จ่อยื่น ป.ป.ช. ถอดถอน กสทช. เอื้อผูกขาดอินเทอร์เน็ต

สภาผู้บริโภคแถลงเตรียมยื่น ป.ป.ช. ถอดถอน กสทช. ทั้งคณะ หลังมีมติควบรวม AIS และ 3BB พร้อมยื่นกมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ และการคุ้มครองผู้บริโภคสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ เหตุ กสทช.ชุดใหม่ล้มเหลวในการคุ้มครองผู้บริโภคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่งานวิจัยชี้ชัดหลังควบรวมทรู – ดีแทคค่าบริการอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ลงมติมีอำนาจในการตัดสินใจอนุญาตควบรวมระหว่างบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) บริษัทในเครือเอไอเอส (AIS) และบริษัท ทริปเปิลบี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือทรีบีบี (3BB) ส่งผลให้ผู้บริโภคอาจจะต้องแบกรับจากราคาค่าบริการที่เพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2566) สภาผู้บริโภค ร่วมกับเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภค จัดงานแถลงข่าว “ความล้มเหลวของ กสทช. ในการคุ้มครองผู้บริโภคกรณีการควบรวมธุรกิจโทรคมนาคม” เพื่อแสดงความผิดหวังและแสดงความเห็นต่อมติของคณะกรรมการ กสทช.  พร้อมออกแถลงการณ์ร่วมกันและเตรียมเสนอคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ถอดถอนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (คณะกรรมการ กสทช.) ออกจากตำแหน่งทั้งคณะ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ที่อาจเข้าข่ายบกพร่องและไม่กำกับดูแล ได้สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อผู้บริโภค ทั้งกรณีมีมติรับทราบการควบรวมทรู – ดีแทค และการอนุญาตให้ควบรวม AWN – 3BB

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า การทำงานของ กสทช.ชุดปัจจุบัน หากสะท้อนจากมุมมองของคนนอกจะเหมือนเป็นสงครามตัวแทน (proxy war) ระหว่างสองรายใหญ่เพราะคนที่ได้ประโยชน์ชัดเจนคือ ผู้ประกอบการทั้งสองราย ในทางกลับกัน กลับไม่เห็นความพยายามในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคในกสทช. ที่ชัดเจน แม้แต่กรรมการ กทสช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค

“สิ่งที่น่าเสียใจคือ การปฏิรูปกิจการคลื่นความถี่โทรคมนาคมในประเทศไทยดูเหมือนจะมีความคืบหน้า แต่ในความเป็นจริงกลับถอยหลัง และเป็นการถอยหลังที่มองไม่เห็นอนาคตว่าจะไปอย่างไรกันต่อ โดยเฉพาะเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมือนจะไม่มีความหวัง ไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับการเป็นปากเสียงให้ผู้บริโภคในองค์กรอิสระที่มีศักดิ์ศรีและได้รับการคุ้มครองความอิสระตามเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญ” นางสาวสุภิญญาระบุ

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ ภาวะความขัดแย้งและความเห็นต่างในองค์กรอิสระเป็นเรื่องปกติเนื่องจากกรรมการแต่ละท่านต่างมีจุดยืนของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งของกสทช.ชุดนี้กลับมองไม่เห็นว่าเชื่อมโยงกับประโยชน์สาธารณะอย่างไรและมีผลประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างไร  

  “ปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าผู้บริโภคในยุค 5G และ 6G และขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ยุค AI และ Internet of Things ปัญหารุมเร้าทั้งในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มิจฉาชีพที่มาจากแก๊งคอลเซนเตอร์ สแกมเมอร์และสแปมต่าง ๆ รวมไปถึงคุณภาพในการให้บริการ ผู้บริโภคถึงกับมืดมนว่าจะพึ่งใคร ถ้าองค์กรที่ควรจะเป็นที่พึ่งอย่าง กสทช.กลายเป็นทไวไลท์โซนหรือแดนสนธยาที่แสงอาทิตย์ส่องเข้าไปไม่ถึง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นความหวังให้กับเราได้อย่างไร นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา”นางสาวสุภิญญากล่าว

ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ความล้มเหลวของ กสทช.ในการคุ้มครองผู้บริโภคมี 3 ประการ ประการแรกคือ การลงมติ “รับทราบ” การรวมธุรกิจระหว่างทรู – ดีแทค โดยให้เหตุผลว่าไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน แต่ในการประชุมลงมติกรณี AWN – 3BB ที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมาก 5:2 เห็นว่าเป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่บกพร่องมีการตัดสินที่ผิดพลาดในเบื้องต้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้อนุญาตให้เกิดการควบรวมระหว่างค่าย AWN – 3BB ที่เป็นความผิดพลาดครั้งที่สอง เพราะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในการรับบริการโทรคมนาคมที่ถูกเอาเปรียบการมีอำนาจเหนือตลาดของธุรกิจเอกชน

“ที่ผ่านมาภาคประชาชน รวมทั้งนักวิชาการและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ ในการคัดค้าน กสทช.ไปจนถึงการฟ้องคดีที่ศาลปกครอง เพื่อให้ กสทช.ใช้อำนาจของตัวเอง แต่สุดท้ายกสทช.ก็ทำหน้าที่เพียงรับทราบ และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ กสทช. ไม่สามารถกำกับหรือควบคุมให้เกิดการคุ้มครองผู้บริโภคได้ตามมาตรการที่ตัวเองออกแบบไว้”
สารีกล่าว

ความล้มเหลวประการที่สองคือการมีมติอนุญาตให้ AWN – 3BB ควบรวมกิจการได้ โดยไม่คำนึงว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดอินเทอร์เน็ตตามมา ซึ่งทำให้บริษัทที่ควบรวมได้รับประโยชน์โดยตรงที่สำคัญ กล่าวคือทำให้ บริษัท AWN มีส่วนแบ่งในตลาดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตประจำที่มากถึงร้อยละ 44.44 ในขณะที่ลำดับที่สองและสาม คือ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TICC) และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 37.47 และ 15.44 ตามลำดับ

นอกจากนี้ การควบรวม AWN – 3BB ยังส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการไม่ต้องลงทุนโครงข่ายซ้ำซ้อนคิดเป็นเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาทในเวลา 5 ปี การที่คณะกรรมการ กสทช. ได้กำหนดมาตรการให้นำเงินที่ประหยัดได้นี้ไปลงทุนสร้างโครงข่ายเพิ่มในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งหากพิจารณาอย่างผิวเผินจะเห็นว่าประชาชนได้รับประโยชน์ แต่ทางกลับกันจะทำให้บริษัท AWN ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดทั้งหมด มีโอกาสใช้เงินทุนที่เหนือกว่าคู่แข่งที่เป็นผลพวงจากการได้รับอนุญาตให้ควบรวมกิจการ ทำลายพื้นที่การแข่งขันของผู้ให้บริการเจ้าอื่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะ NT

“จากเอกสารที่ กสทช. ใช้ชี้แจงต่อองค์กรผู้บริโภคจะว่าการควบรวมครั้งนี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคด้านราคาโดยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่สะท้อนผลกระทบด้านราคาเพิ่มขึ้นหลังจากควบรวม และตัวเลขที่ถูกคาดการณ์มีทั้งที่บอกว่า ค่าบริการจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 – 13.4 เปอร์เซนต์ หรือบางงานวิจัยบอกว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 – 45 หรืองานวิจัยของ 101 PUB ที่ระบุว่าจะราคาจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 – 22.9  ซึ่ง กสทช.กำลังจะบอกว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้สามารถจัดการได้ แต่พวกเราไม่มีความมั่นใจเลยและไม่เชื่อว่ากสทช. จะทำได้จริง” สารีกล่าว

ความล้มเหลวประการที่สาม คือ ความล้มเหลวในการกำกับหรือสั่งการสำนักงาน กสทช. หลักฐานเชิงประจักษ์คือ ถึงแม้กรรมการเสียงข้างมากจะมีมติให้ดำเนินการกับรักษาการเลขาธิการ แต่ก็ไม่มีผลในการใช้บังคับ หรือกรณีการควบรวมทรู – ดีแทคที่สำนักงาน กสทช. ไม่สามารถกำกับดูแลบริษัทให้ทำตามมาตรการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ นำมาสู่คำถามและข้อกังขาว่ากรณีการควบรวม AWN – 3BB กสทช. จะสามารถควบคุมไม่ให้บริษัทขึ้นราคาได้หรือไม่ และเห็นชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างภาระให้กับผู้บริโภคในการตรวจสอบ

ความล้มเหลวประการสุดท้ายถูกสะท้อนจากการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากปัญหาภายใน ดังนั้น ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน กสทช. ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกรรมการ กสทช. ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค แต่กลับไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเช่น มาตรการหลังการควบรวมทรู – ดีแทคที่กำหนดให้บริษัทต้องลดราคาลงร้อยละ 12 ภายใน 90 วันหลังการควบรวม หรือการกำหนดให้แสดงแหล่งที่มาของเอสเอ็มเอสจะต้องบอกเพื่อลดปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถกำกับให้บริษัทปฏิบัติตามมาตรการหรือเงื่อนไขดังกล่าวได้

นางสาวนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า  ปัจจุบันมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคในเรื่องการควบรวมโดยมีข้อมูลการสำรวจตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน ถึงปัจจุบันมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามประมาณ 2,700 คน โดยปัญหาพบปัญหาคุณภาพการใช้บริการลดลง ค่าโปรโมชั่นแพงขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีการเปิดเผยผลสำรวจที่ลงลึกมากขึ้น

ด้าน นายฉัตร คำแสง ผู้อำนวยการ 101 PUB กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการควบรวมระหว่างกิจการโทรคมนาคม 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการควบรวมระหว่างทรู – ดีแทคซึ่งหลังจากการควบรวมพบว่าตลาดมีความกระจุกตัวสูง ทำให้เหลือผู้แข่งขันหรือผู้ให้บริการหลักเพียง 2 ราย ทั้งนี้ยังพบว่าดัชนีการกระจุกก็เพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ในระดับที่ผู้กำกับดูแลโดยทั่วไปของโลกรับไม่ได้ โดยมีการประเมินว่าอาจมีผลกระทบต่อผู้บริโภค โดยในการกรณีที่มีการแข่งขันตามปกติในตลาดโทรคมนาคมอย่างในปัจจุบัน ค่าบริการอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7 – 10 เปอร์เซ็นต์ แต่หากมีการ “ฮั้วราคา” อาจจะทำให้ค่าบริการเพิ่มขึ้นได้ถึงในร้อยละ 20

“การฮั้วราคากันซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นการฮั้วแบบที่มีลายลักษณ์อักษรแต่มานั่งคุยกันก็ได้ แต่ว่าเมื่อมองตาแล้วรู้ใจว่า ถ้าเราขึ้นราคาแล้วเขาจะขึ้นราคาตามก็มีโอกาสเหมือนกันที่จะทำให้ราคาแพงขึ้นซึ่งอาจจะเป็นค่าบริการเฉลี่ยแพงขึ้น แพ็กเกจต่ำอาจถูกตัดออก หรือในอนาคตแม้ต้นทุนถูกลงแต่ราคาลดลงไม่เท่าก็เป็นไปได้ รวมไปถึงการให้บริการคุณภาพก็อาจจะแย่ลง เราคาดการณ์สิ่งเหล่านี้ไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็เห็นสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างชัดเจน” นายฉัตรกล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สโมสรไลออนส์ หัวหิน จัดแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ครั้งที่ 27

สโมสรไลออนส์ หัวหิน จัดแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ครั้งที่ 27

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 นายอมร พัฒน์ทอง สมาชิกสภาเทศบาลเมืองหัวหิน เป็นประธานเปิดการแข่งขันตอบคำถามสารนุกรมไทยสำหรับเยาวชน ครั้งที่ 27 ที่โรงเรียนหัวหิน จ.ประจวบฯ อำนวยการจัดการแข่งขันโดยสโมสรไลออนส์หัวหิน มีนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดหัวหิน นายสมชาย กระแจะเจิม ประธานจัดการแข่งขันตอบคำถามสารานุกรม พื้นที่จังหวัดประจวบฯ น.ส.เฌอมาลย์ อุทัยวรรณวงศ์ นายกสโมสรไลออนส์หัวหิน ว่าที่พันตรี กิตติธัช แสนภูวา ผู้อำนวยการโรงเรียนหัวหิน สมาชิกสโมสรไลออนส์หัวหิน และแขกผู้มีเกียรติร่วมในพิธี พร้อมทั้งคณะครู นักเรียนในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ เข้าร่วมการแข่งขัน

นายสมชาย กระแจะเจิม กล่าวว่า การแข่งขันตอบคำถามสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนครั้งที่ 27 ดำเนินการโดยสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และสโมสรไลออนส์หัวหิน โดยในวันนี้เป็นการแข่งขันระดับจังหวัดเพื่อเป็นตัวแทนระดับภาคไปแข่งขันในวันที่ 16 ธันวาคม 2566 และระดับประเทศแข่งขันวันที่ 13 มกราคม 2567 สำหรับรอบแรกในระดับจังหวัด กำหนดจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะตอบสนองพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ที่จะส่งเสริมเพิ่มแหล่งเรียนรู้ให้มากขึ้นในเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป การแข่งขันระดับจังหวัดกำหนดให้แต่ละโรงเรียนส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขัน โรงเรียนละ 1 ทีม ทีมละ 3 คนต่อหนึ่งระดับ คือประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น

การแข่งขันใช้เนื้อหาในหนังสือสารานุกรมไทยฯ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย เล่มที่ 34, 42 และฉบับเสริมการเรียนรู้เล่มที่ 3, 8, 14 ส่วนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ใช้เนื้อหาในหนังสือสารานุกรมไทยฯ เล่มที่ 18, 24, 30 และฉบับเสริมการเรียนรู้ เล่มที่ 12, 17, 18 เป็นการแข่งขันตอบคำถามสำหรับระดับประถมปลาย 80 ข้อ และสำหรับมัธยมศึกษาตอนต้น 100 ข้อ โรงเรียนที่ได้คะแนนสูงสุด 3 โรงเรียนของแต่ละระดับ จะเป็นตัวแทนของจังหวัดประจวบฯ เพื่อไปแข่งขันในระดับภาคต่อไป.


ข่าวแนะนำ

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

เริ่มแล้ว “ศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ปีที่ 16” ชิงถ้วยพระราชทานฯ ที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่า

เริ่มแล้ว “ศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ปีที่ 16” ชิงถ้วยพระราชทานฯ ที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่า

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดงานประเพณีแข่งเรือยาว “ศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ปีที่ 16” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่โครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่บ้านเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมีนายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ผู้แทนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน คณะกรรมการจัดการแข่งขัน คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองหัวหิน และนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมชมการแข่งขัน โดยในครั้งนี้พิเศษกว่าทุกปี สอดคล้องกับวาระครบรอบ 15 ปี เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ทอดพระเนตรการแข่งขันศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ณ อ่างเก็บน้ำเขาเต่า โครงการพระราชดำริ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยคุณทองแดง เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2551 พสกนิกร นักท่องเที่ยว ต่างปลาบปลื้มจากการได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด อีกทั้งครบรอบ15 ปี ไทยพีบีเอส รายการศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำด้วย

นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า งานประเพณีการแข่งขันเรือยาว เป็นการจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ได้พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศเป็นเกียรติยศแก่ผู้ชนะการแข่งขัน เป็นกิจกรรมที่ประชาชนได้แสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงปกครองไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ให้มีความร่มเย็นผาสุก ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ประเพณีการแข่งขันเรือยาวเป็นกีฬาที่ปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งความเป็นไทย ทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในท้องถิ่น ส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมของไทย สามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจเพิ่มรายได้ให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ อีกทั้งเป็นกีฬาที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษและทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน จึงเป็นกีฬาที่สมควรได้รับการสนับสนุนให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดไป

การแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทเรือยาว 55 ฝีพาย ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ประเภทเรือยาว 40 ฝีพาย ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และประเภทเรือยาว 32 ฝีพาย, 30 ฝีพาย ชิงถ้วยพระราชทาน กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีเรือยาวจากทั่วประเทศและจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวม 16 ลำ เข้าร่วมการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2566 นอกจากนี้ภายในงานมีการแสดงคอนเสิร์ต บูธกิจกรรม และการออกร้านค้าชุมชนเทศบาลเมืองหัวหิน สามารถติดตามการรับชมสดการแข่งขันศึกเรือยาวชิงจ้าวสายน้ำ ทางไทยพีบีเอส ช่องหมายเลข 3 และผ่านทางออนไลน์ Social Media Thai PBS : Facebook, YouTube, X (Twitter), LINE, TikTok, Instagram, Website : www.thaipbs.or.th/LongBoat2023.