Categories
ข่าว ทั้งหมด

นักท่องเที่ยวนำเครื่องเซ่นไหว้บูชาองค์จตุโชคศาลหลักเมืองประจวบฯ ในวันเสาร์ 5 เสริมดวง

นักท่องเที่ยวนำเครื่องเซ่นไหว้บูชาองค์จตุโชคศาลหลักเมืองประจวบฯ ในวันเสาร์ 5 เสริมดวง

วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ที่บริเวณศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ ถนนสละชีพ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีชาวประจวบฯ และนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่ นำเครื่องเซ่นไหว้ประเภทต่างๆ อาทิเช่น ดอกไม้ธูปเทียน พวงมาลัยดอกดาวเรืองมะพร้าว กล้วย น้ำแดง และขนมต่างๆ มาสักการะบูชากราบไหว้องค์จตุโชคประจำศาลหลักเมืองประจวบฯ กันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากเป็นวันเสาร์ซึ่งตรงกับวันที่ 5 โดยมีความเชื่อว่าเสาร์ 5 เป็นวันแข็ง มีความเป็นสิริมงคล หากใครที่ได้มากราบไหว้ศาลหลักเมือง และทำบุญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่ต่างๆ จะสามารถช่วยเสริมดวงบารมี และหนุนนำความเป็นสิริมงคลเข้าสู่ตัวเองและครอบครัวได้ผลดีที่สุด โดยเฉพาะเวลา 11.00 น. จะเป็นฤกษ์มงคลที่ดีที่สุด ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้สักการะศาลหลักเมืองยังได้ร่วมงานบุญในการสืบสานประเพณีหล่อเทียนพรรษา ที่เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ได้ตั้งเต็นท์ บริเวณริมถนนสละชีพ หน้าศาลหลักเมืองประจวบฯ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมบุญหล่อเทียนพรรษา ก่อนจะนำไปถวายให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร พระอารามหลวง ต่อไป

ทั้งนี้ เสาหลักเมืองมีมาตั้งแต่ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าเมื่อไปไหว้ศาลหลักเมืองขอพร จะส่งผลในเรื่องของโชคลาภ เงินทอง สุขภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงในชีวิต หรือใครที่เจออุปสรรค ติดขัดปัญหาต่างๆ ก็จะราบรื่นไปตลอดทั้งปี มีความมงคลรอบด้าน เพราะเป็นสถานที่ ที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ศาลหลักเมือง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ใครมาไหว้ก็ปังทุกราย ยิ่งใครที่ดวงตก หรือปีชง ให้มาไหว้ขอพรที่ศาลหลักเมืองจะเป็นการเสริมดวง และหนุนนำความเป็นสิริมงคลเข้าสู่ตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเสาร์ที่ 5 ที่ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ตามปฏิทินไทย โดยคนไทยสมัยโบราณเชื่อว่า “วันเสาร์ 5” หรือ “เสาร์ 5” เป็นวันฤกษ์แรงที่เหมาะสำหรับการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เพราะมีความเชื่อด้านโหราศาสตร์ที่ผสมผสานกับไสยเวท ว่าดาวเสาร์เป็นดาวแห่งพลังที่มีความเข้มแข็งมาก บรรดาเกจิอาจารย์มักจะนิยมทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในวันเสาร์ห้า หรือเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 โดยเชื่อว่าจะให้พุทธคุณด้านความขลัง ความคงกระพัน และแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง

นายสมภพ บุญเกิด อายุ 40 ปี ชาวกุยบุรี เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาสักการะศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของตน ประกอบกับวันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ตามความเชื่อว่าเป็นวันดี วันแข็งตามความเชื่อของคนโบราณที่นิยมใช้ในการปลุกเสกพระศักดิ์สิทธิ์ ไม่คิดว่าวันนี้ที่ศาลหลักเมืองประจวบฯ จะมีคนเยอะมากทั้งคนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีถวายสดุดีพระเกียรติคุณ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และพิธีเปิดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 22 ที่วัดอ่างทอง หมู่ 1 ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ โดยมี นพ.ธนกร ศรัณยภิญโญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นางณัฐชาลัคนา สุขภาคกุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก นายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายก อบต.อ่างทอง นายลือยศ ภู่ทอง สจ.เขตอำเภอทับสะแก นพ.นพรัตน์ ชัยเจริญวิมลกุล รักษาการผู้อำนวยการ รพ.ทับสะแก น.ส.ณุกานดา จันทราภรณ์ สาธารณสุขอำเภอทับสะแก นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก นายชลิต เพชรดี กำนันตำบลอ่างทอง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เหล่ากาชาดจังหวัด บุคลากรจากหน่วยงานสาธารณสุข อาสาสมัคร พอ.สว.ประจำจังหวัด ประชาชนและนักเรียนเข้าร่วมพิธี

การจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกอบพิธีถวายสดุดีแด่พระองค์ ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ มอบถุงสิ่งของอุปโภคบริโภคจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้แก่ประชาชน และทุนการศึกษามอบให้แก่นักเรียนจำนวน 39 ราย จากนั้นจึงเดินเยี่ยมชมและให้กำลังใจแก่บุคลากรจากหน่วยงานสาธารณสุขที่มาออกให้บริการแก่ประชาชน

กิจกรรมในครั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับโรงพยาบาลทับสะแก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอทับสะแก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ โดยเสด็จพระราชกุศล และแสดงออกถึงความจงรักภักดี สืบสานพระปณิธานของพระองค์ท่าน ด้วยการนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการแก่ประชาชน ป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพ บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป บริการตรวจสุขภาพช่องปาก บริการตรวจหาเชื้อมาลาเรีย บริการแพทย์แผนไทย และตรวจสุขภาพนักเรียน มีหน่วยงานสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมให้บริการตรวจสุขภาพแก่ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับพระราชทานเป็นจังหวัด พอ.สว. ลำดับที่ 15 ของประเทศ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2512 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 56 ปีที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ และรถทันตกรรมเคลื่อนที่ให้บริการประชาชน ในท้องถิ่นทุรกันดารมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนองพระปณิธานในองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใยในสุขภาพอนามัย ความเป็นอยู่ ตลอดจนการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพของปวงชนชาวไทยในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร.

ณัฐธภพ พันสาย…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สาวเมียนมาดีใจ พบหน้าแม่ครั้งแรก หลังพลัดพรากหลายปี จนเปิดด่านสิงขร ที่คาดว่ามีเงินหมุนเวียน 10 ล้านบาท

สาวเมียนมาดีใจ พบหน้าแม่ครั้งแรก หลังพลัดพรากหลายปี จนเปิดด่านสิงขร ที่คาดว่ามีเงินหมุนเวียน 10 ล้านบาท

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่บริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษทางการค้าช่องสิงขร ชายแดนไทย – เมียนมา หมู่ 6 บ้านด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีแรงงานชาวเมียนมา ที่มารับจ้างทำงานอยู่ในประเทศไทยได้พาครอบครัวมาที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนสิงขร เพื่อมารอพบหน้าบิดา – มารดา ที่ยังอาศัยอยู่ประเทศเมียนมา บริเวณหมู่บ้านมูด่อง หลังจากที่ประเทศเมียนมา ได้ปิดด่านห้ามบุคคลเข้าออกข้ามประเทศ เนื่องจากปัญหาสถานการณ์โควิด – 19 และปัญหาการสู้รบในฝั่งเมียนมา เป็นเวลาหลายปี หลังจากที่หลายหน่วยงานของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้บูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน หารือกับฝั่งเมียนมา เพื่อกลับมาเปิดตลาดนัดชายแดนเหมือนเช่นในอดีต สามารถนำสินค้าเครื่องอุปโภค – บริโภค และสินค้าเกษตรและสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาจำหน่ายร่วมกับสินค้าเกษตรและสินค้าพื้นเมืองของฝั่งเมียนมา แล้วมาจำหน่ายร่วมกัน ที่บริเวณอาคารโดมและบริเวณตลาดด่านสิงขร

น.ส.เซ็นต์ อายุ 25 ปี หญิงสาวชาวเมียนมา กล่าวว่า ตนกับสามี รวมถึงญาติพี่น้องมารับจ้างกรีดยาง อยู่ในอำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันนี้พาครอบครัวมารอพบหน้าพ่อและแม่ หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเวลา 2 – 3 ปี เพราะมีการปิดด่านห้ามบุคคลเข้า-ออก แต่เมื่อทราบว่ามีการจัดตลาดการค้าร่วมกัน จำนวน 10 วัน จึงได้นัดพ่อแม่และยาย มาพบเจอหน้ากันที่ฝั่งไทย โดยแม่บอกว่าทางเมียนมา ผ่อนปรนยังไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในการข้ามมาฝั่งประเทศไทยช่วงระยะนี้

นายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าบริเวณตลาดชายแดนด่านสิงขรแห่งนี้ ได้เตรียมความพร้อมร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชน วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเปิดรับลงทะเบียนในการแบ่งล็อคจัดสถานที่ มีผู้มาลงทะเบียนแล้วประมาณ 200 ร้านค้า บรรยากาศวันแรกเริ่มคึกคัก มีรถพ่อค้าแม่ค้าทยอยมาจัดตั้งร้านค้า ส่วนพ่อค้าแม่ค้าฝั่งเมียนมา สามารถมาขายสินค้าบริเวณตลาดฝั่งไทยจุดนี้ได้ ส่วนนักท่องเที่ยวฝั่งไทยสามารถข้ามไปท่องเที่ยวฝั่งประเทศเมียนมาได้ แต่ไม่เกินบริเวณหมู่บ้านมูด่อง ระยะทางไม่เกิน 4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวทั้งสองฝั่ง จะมีจัดรถไว้คอยบริการ โดยการเดินทางเข้าออกผ่านแดน จะใช้หนังสือผ่านแดน (Border Pass) หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Temporary border pass) ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียมตามปกติ แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ฟรีทั้งหมด ส่วนพ่อค้าแม่ค้าชาวเมียนมา ที่แจ้งความประสงค์จะนำสินค้าพื้นเมืองมาขายร่วมกับฝั่งไทย มีประมาณ 50 – 60 ร้านค้า แต่อาหารทะเลน่าจะยังไม่มี เนื่องจากพื้นที่ตอนในของฝั่งเมียนมา ยังมีการสู้รบอยู่ หลังจากจัดงานครบ 10 วันแล้ว จะนำไปสรุปถอดบทเรียนในการแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ และถ้าเศรษฐกิจการค้าขายดีขึ้น ต่อไปอาจจะมีการจัดตลาดทุกสุดสัปดาห์ โดยยึดประโยชน์ของพ่อค้าประชาชนของทั้งสองประเทศ คาดว่างานที่จัดครั้งนี้ จะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 10 ล้านบาท

ด้าน น.ส.อรทัย ประกอบปราน อายุ 20 ปี แม่ค้าชาวบ้านด่านสิงขร เปิดใจว่าอยากให้มีการเปิดด่านการค้าชายแดนไทย – เมียนมา เหมือนในอดีต เพราะปัจจุบันตลาดด่านสิงขรเงียบเหงามาก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวบ้าง แต่ไม่มาก การเปิดตลาดรอบนี้หวังว่าจะขายดีทุกวัน

นอกจากนี้ตลอดงานทั้ง 10 วัน ในช่วงกลางคืนยังมีมินิคอนเสิร์ตแนวคันทรี เพื่อสร้างความคึกครื้น และในวันที่ 12 กรกฎาคม จะมีกิจกรรมปั่นจักรยานข้ามแดนไทย – เมียนมา ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 200 คัน และสรุปจำนวนคนไทยและเมียนมา เดินทางข้ามแดนวันแรก มีชาวไทยผ่านออก 26 คน ผ่านเข้า 26 คน ชาวเมียนมา ผ่านเข้า 152 คน ผ่านออก 152 คน.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เมียนมา นำสินค้ามาวางขายกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน 2 ประเทศ

เมียนมา นำสินค้ามาวางขายกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน 2 ประเทศ

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 บรรยากาศการเปิดตลาดการค้าด่านสิงขรวันแรก ที่บริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร บ้านไร่เครา ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ เริ่มคึกคัก มีบรรดาผู้ค้าทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา พากันนำสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร สินค้าพื้นถิ่นมาวางจำหน่าย โดยครั้งนี้เป็นการนำร่องเปิดตลาด 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 – 13 กรกฎาคม 2568 จากนั้นจะมีการเปิดตลาดทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าชายแดนไทย – เมียนมา ผ่านช่องทางด่านสิงขรอีกครั้ง หลังจากทางการเมียนมา ได้ปิดด่านมูด่อง อ.ตะนาวศรี จ.มะริด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับช่องทางสิงขรไปนาน ตั้งแต่ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ต่อเนื่องมาถึงการเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในฝั่งเมียนมา โดยผ่อนปรนให้เฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามแดนเท่านั้น แต่ปัจจุบันสถานการณ์ฝั่ง จ.มะริด เป็นปกติ จึงกลับมาเปิดด่านให้สามารถเดินทางข้ามแดนระหว่างกันได้

นายวิษณุลักษณ์ คุ้มเดช และ น.ส.อุไร อีคฮูท ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ด่านสิงขร กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นด่านสิงขรกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่เงียบเหงาไปนาน ตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดตลาด ผู้ค้าอาจจะยังไม่มาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้มากนัก เชื่อว่าถ้าเป็นช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ บรรยากาศน่าจะคึกคักมากกว่านี้ โดยจังหวัดประจวบฯ มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งมาที่นี่แล้วสามารถที่จะเดินทางต่อไปเที่ยวที่อื่นได้อีก ส่วนตัวชอบที่ชาวเมียนมา มักจะนำต้นไม้แปลกๆ มาวางขาย อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาที่ด่านสิงขรกันมากๆ เพื่อให้มีความคึกคัก มีการจับจ่ายใช้สอยอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนทั้งสองประเทศ ด่านตรงนี้มีความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และหากเป็นไปได้ก็อยากจะเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวที่ฝั่งเมียนมาเช่นกัน

ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งที่ 1/2568 เรื่องการกำหนดมาตรการในการใช้ช่องทางผ่านแดน ณ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ ในช่วงวันที่ 4 – 13 กรกฎาคม 2568 โดยอนุญาตให้บุคคลสัญชาติเมียนมา สามารถเดินทางเข้ามาในฝั่งไทยได้ตั้งแต่เวลา 06.30 น.และต้องเดินทางกลับภายในเวลา 18.30 น. โดยใช้หนังสือรับรองบุคคล บัตรผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราว และอนุญาตให้เข้าถึงเฉพาะบริเวณพื้นที่บ้านไร่เครา ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น โดยให้ที่ทำการปกครอง อ.เมืองประจวบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกพื้นที่และตรวจสอบสิ่งของผิดกฎหมายลักลอบนำเข้า จัดรถรับส่งบุคคลและสินค้า เพื่อบริการประชาชนทั้งสองประเทศ และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตลอดระยะเวลาจัดกิจกรรม ขณะเดียวกัน บุคคลสัญชาติไทยสามารถเดินทางออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ ตั้งแต่เวลา 06.30 น.ด้วยการใช้บัตรผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราว และต้องเดินทางกลับภายในเวลา 18.30 น. เช่นกัน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สุดยอด 2 เยาวชนไทย สร้างชื่อคว้ารางวัลบนเวที Malaysia’s Junior Models 2025

สุดยอด 2 เยาวชนไทย สร้างชื่อคว้ารางวัลบนเวที Malaysia’s Junior Models 2025

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 น.ส.สุธาสินี พรมเลี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัทวาร์ดาบายสินี จำกัด อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่า ได้นำ“น้องอาร์มี่”ด.ช.มาตุภูมิ สังข์สว่าง อายุ 7 ปี และ“น้องมะนาว”ด.ญ.พีรดา กลิ่นอำภา อายุ 8 ปี ภายใต้การดูแลโดยวาร์ด้าบายสินี เดินทางเข้าร่วมการแข่งขัน เวที Malaysia’s Junior Models 2025 ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อสร้างโอกาสให้นางแบบ – นายแบบรุ่นเยาว์ ได้แสดงความสามารถและก้าวสู่ระดับสากล โดยในปีนี้มีเยาวชนจากประเทศต่างๆ รวมถึง มาเลเซีย ไทย บอร์เนียว และฮ่องกง เข้าร่วมทั้งหมด 34 คน ผลปรากฏว่า“น้องอาร์มี่”ได้รับตำแหน่ง 1st Runner-Up และ“น้องมะนาว”ได้รับตำแหน่ง 3rd Runner-Up ในการแข่งขัน Runway Modelling นอกจากนี้น้องมะนาวยังได้รับเลือกให้เป็น National Ambassador และคว้าตำแหน่ง Tourism Ambassador เป็นตัวแทนประเทศไทยอย่างสง่างาม ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเด็กไทยทั้งสองคน ไม่เพียงคว้ารางวัลใหญ่กลับบ้าน แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทยให้ต่างชาติได้ประจักษ์ นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการเยาวชนไทยบนเวทีโลก ที่พร้อมจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยความสามารถและความตั้งใจของพวกเขา

สำหรับเวที Malaysia’s Junior Models คือหนึ่งในกิจกรรมต่อยอดจาก Kids Got Talent Malaysia ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นการสร้างเส้นทางอาชีพให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันจะก้าวสู่แวดวงนางแบบ ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ในงานล่าสุด Malaysia’s Junior Models (รุ่นที่ 3) ประจำปี 2025 ซึ่งเป็นการแข่งขัน Runway Modelling และ National Ambassador เราได้เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถและความมุ่งมั่นของเหล่านางแบบและนายแบบรุ่นเยาว์จากหลายประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย บอร์เนียว และฮ่องกง โดยผู้เข้าประกวดแต่ละคนได้แสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมบุคลิกภาพอันน่าประทับใจ ในรอบที่ 1 เป็นการเดินแบบในชุดลำลอง (Casual Wear) และรอบที่ 2 เป็นการแสดงในชุดประยุกต์วัฒนธรรม (Fusion Cultural Wear) ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของงาน โดยผู้เข้าประกวดได้นำเสนอชุดที่ผสมผสานระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและแฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ช่วงท้ายของงาน คือการขึ้นเวทีของผู้เข้ารอบ National Ambassador ซึ่งแต่ละคนได้กล่าวสุนทรพจน์อย่างเต็มไปด้วยความหวังและแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของตนต่อบทบาทการเป็นผู้นำเยาวชน โดยคณะกรรมการให้ความสำคัญกับความจริงใจ ความคิดสร้างสรรค์ และพลังแห่งการสื่อสารที่ชัดเจน ช่วงสุดท้าย อีเวนต์ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมการประกาศผลผู้ชนะ ผู้ชนะอันดับต้น ๆ ได้รับโอกาสสุดพิเศษในการร่วมเดินแฟชั่นโชว์ระดับนานาชาติในงาน Hong Kong Fashion Week เดือนกันยายน 2025 ซึ่งนับเป็นฝันที่เป็นจริงของนางแบบและนายแบบรุ่นเยาว์ทุกคน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กระบะเฉี่ยวรถรั้วจนหมุน ทำให้คนงานด้านหลังตกลงมาดับคาที่ 2 สาหัส 1 ราย

กระบะเฉี่ยวรถรั้วจนหมุน ทำให้คนงานด้านหลังตกลงมาดับคาที่ 2 สาหัส 1 ราย

ช่วงเย็นวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ร.ต.อ.โกวิทย์ สุขบุญทอง พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด รับแจ้งอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน บนถนนเพชรเกษม ฝั่งล่องใต้ บริเวณจุดกลับรถศิลาลอย หมู่ 1 ต.ศิลาลอย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธีธรรมสถาน

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบร่างชายคนหนึ่งอยู่ในชุดทำไร่สีน้ำเงิน นอนอยู่บนถนน มีเลือดไหลนองพื้น ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อต่อมาว่านายณัฐภูมิ จันทร์หอม อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151/9 หมู่ 4 ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ นอกจากนี้ที่ใต้ท้องรถลากพ่วง ที่รอกลับรถอยู่ พบร่างหญิงสาวอีกสองคนนอนอยู่ เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อว่านางสรอย หอมกลิ่น อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151/4 ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ส่วนอีกรายอาการสาหัสไม่ได้สติ ทราบชื่อว่านางประทุม ทับแพ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/1 หมู่ 4 ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ

ใกล้กัน บนถนนเลนขวา พบรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีน้ำเงิน ทะเบียน บย 6719 ประจวบคีรีขันธ์ เป็นกระบะรั้ว ด้านหลังบรรทุกแท๊งค์น้ำและเครื่องฉีดยากำจัดวัชพืช จอดอยู่ในลักษณะหันหน้าสวนทาง ซึ่งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมด นั่งมาในกระบะหลัง เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่งโรงพยาบาลสามร้อยยอด มีนายประนม จันทร์หอม อายุ 43 ปี เป็นผู้ขับรถ และมีนางวาสนา จันทร์หอม อายุ 47 ปี ภรรยา นั่งมาด้วย ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนกันชนหน้าของรถกระบะคู่กรณี มีแผ่นป้ายทะเบียน กธ 6732 ประจวบคีรีขันธ์ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว

จากการสอบถามคุณเอ้ (สงวนนามสกุล) เล่าว่าตนขายอาหารตามสั่ง เพิ่งจะเปิดร้าน ได้ยินเสียงรถชนกันแล้วเห็นคนกระเด็นตกจากรถจำนวน 3 คน และรถกระบะสีดำที่เฉี่ยวชนได้ขับหนีไป จากการสอบถามทราบว่านายประนม จันทร์หอม ขับออกมาจากไร่ที่ปราณบุรี กำลังกลับบ้านที่บ้านสำโหรง อ.กุยบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีรถกระบะโตโยต้า วีโก้สีดำ พุ่งเข้ามาชนจากด้านข้างจนรถของทั้งคู่หมุน คนงานที่นั่งท้ายรถ กระเด็นออกมาจากรถบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ก่อนรถกระบะสีดำเร่งเครื่องหลบหนีไป

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของชาวบ้านบริเวณนั้น พบว่ารถกระบะนิสสันที่ประสบอุบัติเหตุ ขับมาทางเลนขวา แต่มีกระบะ 4 ประตูสีดำขับแซงขึ้นมาจากเลนซ้าย และเบียดกับรถกระบะนิสสัน จนรถทั้งคู่หมุนจนหันกลับ คนที่นั่งท้ายมาทั้งสามคนกระเด็นตกลงมาจนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ล่าสุดผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตแล้ว.

ฐิติชญา แสงสว่าง…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

คุมประพฤติจัดแข่ง Street Food สร้างอาชีพระดับภาค 7 เฟ้นหาสุดยอดอาหารเมนูเด็ด

คุมประพฤติจัดแข่ง Street Food สร้างอาชีพระดับภาค 7 เฟ้นหาสุดยอดอาหารเมนูเด็ด

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ มอบหมายให้สำนักงานคุมประพฤติในเขต 7 จัดโครงการประกวดทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติ ระดับภาค (เขต 7) ประจำปี 2568 ที่สถานสงเคราะห์ (บ้านกึ่งวิถี) วัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีนายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิด และมี ร.ต.ต.กนกศักดิ์ มุทธากาญจน์ ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติ จ.เพชรบุรี ในฐานะประธานชมรมอาสาสมัครคุมประพฤติ (อ.ส.ค.) ภาค 7 กล่าวรายงาน มีนางวราภรณ์ เปล่งแสง ผู้ตรวจราชการกรมคุมประพฤติ นางสิญา ทองดี ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครปฐม (ประธานเขต 7) หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงาน ภาคเอกชน ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติ ตลอดจนอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาค 7 ในทั้ง 8 จังหวัด 9 สำนักงาน ประกอบด้วยสมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และ สำนักงานจังหวัดประจวบฯ สาขาหัวหิน เข้าร่วม

ร.ต.ต.กนกศักดิ์ ประธานชมรมอาสาสมัครคุมประพฤติภาค 7 กล่าวว่า การสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับผู้ที่อยู่ในความดูแล เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในความดูแลไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ และการทำอาหารเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้กระทำผิดที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ ทั้งนี้การจัดงานโครงการในวันนี้เป็นการประกวดการทำอาหารทั้งประเภทอาหารคาวและประเภทอาหารหวาน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ ได้แสดงผลงานและแข่งขันกัน เพื่อยกระดับคุณภาพฝีมือให้เป็นมาตรฐาน และต่อยอดผู้ที่มีฝีมือให้ไปสู่เวทีของมืออาชีพ รวมถึงเป็นการสร้างความเข้าใจและยอมรับของสังคมต่อผู้ที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติว่ามีศักยภาพและสามารถ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศหากได้รับโอกาสจากสังคม ซึ่งเป็นความร่วมมือแบบครบวงจร ระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งคืออาสาสมัครคุมประพฤติ เพื่อส่งเสริมนโยบายสร้างงาน สร้างอาชีพเพื่อคืนคนดีสู่สังคม

นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การทำอาหารเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นเชฟในร้านอาหารหรือโรงแรม หรือเป็นเจ้าของกิจการของตนเอง ขอแสดงความยินดีและให้กำลังใจกับผู้ที่เข้าร่วมประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพของกรมคุมประพฤติ ระดับภาคในวันนี้ ที่แสดงความสามารถเป็นที่ประจักษ์ได้เป็นตัวแทนระดับสำนักงานคุมประพฤติในแต่ละจังหวัดของภาค 7 เข้าร่วมการประกวดแข่งขันระดับภาคในครั้งนี้ และขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการที่ได้ร่วมกันดำเนินการต่อไปจนเสร็จสิ้นการประกวด เพื่อการสร้างอาชีพ มอบโอกาสแก่ผู้เคยก้าวพลาด เพื่อคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน

จากนั้นผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็นผู้ถูกคุมประพฤติที่ผ่านการคัดเลือกมาในระดับสำนักงานมาแล้ว ทั้ง 9 สำนักงาน ได้ลงมือประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน โดยคณะกรรมการตัดสินการทำอาหาร ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 คน ได้แก่ นายอำนาจ คำนำ อุปนายก คนที่ 2 สมาคมเดอะเชฟแห่งประเทศไทย นายหมวดตรี เพิ่มสิน เอียดเอื้อ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร และนายณัฐวุฒิ เอกจีโรภาส นายกสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งรูปแบบการประกวด มีดังนี้ 1. ประกอบอาหารในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยผู้เข้าประกวดเป็นหลักในการประกอบอาหาร และมีผู้ช่วยได้ไม่เกิน 1 คน เช่น บุคคลในครอบครัว, ผู้กระทำผิดอื่นๆ ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติ 2. หลังการประกอบอาหารแล้วเสร็จ ให้จัดอาหารในปริมาณที่คล้ายคลึงกับจำหน่ายจริง จำนวน 3 ชุด เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการตัดสินและสำหรับโชว์ 1 ชุด

สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาให้คะแนน แบ่งเป็น 5 ด้าน (คะแนน 100) 1. รสชาติความอร่อย 40 คะแนน พิจารณาจากความอร่อยตามลักษณะของอาหาร 2. ความสวยงามในการจัดอาหาร 10 คะแนน พิจารณาจากการจัดอาหาร เพื่อรับประทานหรือจัดจำหน่ายแบบสั่งกลับบ้าน หรือจัดส่ง Delivery 3. ความสะอาด 20 คะแนน พิจารณาจากความสะอาดในการเตรียมอาหาร ขณะประกอบอาหาร และเมื่อพร้อมส่งให้ผู้รับประทาน 4. ความคิดสร้างสรรค์ 20 คะแนน พิจารณาจากความน่าสนใจ ความแปลกใหม่ แนวคิดในการรังสรรค์เมนูอาหารที่นำมาประกวด วัตถุดิบ ประโยชน์ของวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหาร 5. แผนการตลาด 10 คะแนน พิจารณาจากการนำเสนอแนวคิด หรือแผนการขาย แผนการตลาด

ผลการแข่งขันรอบคัดเลือก ระดับภูมิภาคของเขต 7 ในครั้งนี้ ประเภทอาหารคาว รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ กับเมนู“แกงคั่วสับปะรดกรรเชียงปู + ใบชะพลูกรอบ”รองอันดับ 1 สำนักงานคุมประพฤติ จ.สมุทรสาคร เมนู“บาบีคิว บาบีใจ”รองอันดับ 2 สำนักงานคุมประพฤติ จ.ประจวบฯ (สาขาหัวหิน) เมนู“แกงหลอก”ประเภทอาหารหวาน รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสมุทรสาคร กับเมนู“บัวลอย 5 สี”รองอันดับ 1 สำนักงาน จ.นครปฐม เมนู“สายทองล่องลอย”รองอันดับ 2 สำนักงานสุพรรณบุรี เมนู“บัวลอยมณีแก้วพาเพลิน”ซึ่งทีมชนะเลิศทั้งสองประเภท จะเป็นตัวแทนระดับเขต เข้าร่วมแข่งขันต่อในเวทีรอบสุดท้าย ระดับประเทศต่อไป

สำหรับการประกวด Street Food สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติจะดำเนินการใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับสำนักงานคุมประพฤติ ระดับเขตและระดับประเทศ เพื่อเฟ้นหาผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น พร้อมต่อยอดสู่การเป็นมืออาชีพ และเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จของการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป

ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดหลังพ้นโทษ ด้วยการช่วยเหลือและพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างยั่งยืนโดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ ผ่านการสนับสนุนด้านการศึกษาและทักษะที่จำเป็น การจัดฝึกอบรมอาชีพเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานสร้างรายได้ รวมถึงให้ทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพ.

บุญมา ลิบลับ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ ร่วมคัดเลือกตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ ร่วมคัดเลือกตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานคัดสรรพัฒนาชุมชนดีเด่น ที่ อบต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ พร้อมด้วย น.ส.กุลณิศ ศรีวชิรวัฒน์ พัฒนาการจังหวัด และคณะกรรมการจากส่วนราชการ ได้แก่ ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด, ท้องถิ่นจังหวัด, ผู้แทนเกษตรจังหวัด และคณะทำงานจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบฯ ร่วมคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น ประจำปี 2568 โดยมีนายสิทธิชัย คงหอม นายอำเภอทับสะแก นางรัตนากร ศรวัฒนา พัฒนาการอำเภอทับสะแก นายสายชล ชนะภัย น.ส.ทิฆัมพร ยอดใหญ่ รองนายก อบต.นาหูกวาง นายอรุษ ห้วยหงษ์ทอง กำนันตำบลนาหูกวาง พร้อมด้วยเกษตรอำเภอ ประมงอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ สัสดีอำเภอ และภาคีเครือข่ายการพัฒนาทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนตำบลนาหูกวาง ร่วมให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง

การนำเสนอผลงานวันนี้ พระครูวินัยธรเสรี อตฺตสาโร เจ้าคณะตำบลอ่างทอง เขต 2 เจ้าอาวาสวัดเขาบ้านกลาง มาร่วมรับฟัง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจและความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้นำเสนอ ซึ่งอำเภอทับสะแกมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมการคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น รวม 5 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
1. ต.นาหูกวาง ตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2. หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านหนองกลางดง หมู่ 9 ต.นาหูกวาง
3. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตน้ำมันมะพร้าวบ้านประดู่ลาย
4. นายไพรัช ทองมาก ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน ​(ชาย)
5. น.ส.น้ำฝน คีรีศรี ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน ​(หญิง)

ภายในบริเวณงาน มีการจัดนิทรรศการ ซึ่งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงานเกษตรอำเภอ ปศุสัตว์อำเภอ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมชมการจัดนิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวหาดแหลมกุ่ม ป่าสนเหมืองแร่ การจัดการขยะ การฝึกอาชีพ การทำกระถางปลูกผักใช้น้ำน้อย การทำหมวกเจล การทำไม้กวาด การทำผ้ามัดย้อม และการแสดง ผลิตภัณฑ์ ด้านการเกษตรจากชาวบ้าน เป็นต้น.

ณัฐธภพ พันสาย…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สองโจรสาวอ้วนผอม ขโมยโกศทองเหลืองบรรจุอัฐิในสุสานเจดีย์วัดนับร้อยใบ

สองโจรสาวอ้วนผอม ขโมยโกศทองเหลืองบรรจุอัฐิในสุสานเจดีย์วัดนับร้อยใบ

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากนายธนิต กฤตานุสาร ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน บริเวณที่เก็บอัฐิของผู้เสียชีวิต วัดไร่ใหม่ หมู่ 6 ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ ซึ่งถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์พร้อมลากรถเข็นเข้ามาในวัด เข้ามาทุบเจดีย์เอาโกศทองเหลืองที่บรรจุอัฐิไปกว่า100 ใบ มีหลายเจดีย์ที่ลูกหลานยังไม่ได้เอาป้ายชื่อมาปิดไว้ คนร้ายล้วงเอาไปได้ง่าย ซึ่งในวัดมีเกือบ 100 เจดีย์ แต่ละเจดีย์มีโกศของบรรพบุรุษถูกบรรจุเก็บไว้อย่างน้อยเจดีย์ละ 4 – 6 ใบ

จากภาพวงจรปิดของวัดที่บันทึกภาพได้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 เวลา 09.25 นาที มีผู้หญิงสองคน ขี่รถจักรยานยนต์แล้วลากรถเข็นเข้ามาภายในวัด คนขี่รถจักรยานยนต์มีลักษณะอ้วน ผมสั้น สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงขาสั้นสีเขียว คนซ้อนท้ายลักษณะผอม สวมหมวก สวมเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีดำ กางขายาวสีดำ ทั้งคู่อายุประมาณ 25 – 30 ปี เมื่อรถของผู้ก่อเหตุมาจอดอยู่ด้านข้างของห้องน้ำที่มีรั้วติดกับสุสานเจดีย์ ทั้งคู่เห็นว่ามีกล้องวงจรปิด หนึ่งในนั้นได้เดินมาใช้ไม้มาเขี่ยให้กล้องหันไปทางอื่น จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปภายในสุสาน กล้องวงจรปิดอีกตัวสามารถบันทึกภาพไว้ได้ โดยทั้งสองคนล้วงเอาโกศทองเหลืองที่อยู่ภายในเจดีย์ออกมาใส่ถุงปุ๋ยที่เตรียมไว้ จนเต็ม 3 ถุง ใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากวัด

นางเล็ก หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า พอทราบข่าวแล้วรู้สึกหดหู่ เพราะแม่เสียไปได้ 2 ปี เพิ่งเอาแม่มาไว้ที่นี่รวมกับของเตี่ย ของพี่สาว น้องชาย หลานชาย มาไว้ตรงนี้รวมกันหมด ถูกเอาไปหมดเลย 5 โกศ ส่วนของสามีเป็นเซรามิก เลยไม่ถูกเอาไป อีกอันเป็นพ่อของสามี ห่อผ้าไว้ เลยไม่ถูกเอาไป เข้ามาดูเห็นเจดีย์ที่ว่างเยอะมาก บางคนก็ยังไม่รู้ว่าโกศของญาติถูกเอาไปแล้ว ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่ร้อยเวรไม่อยู่ มีตำรวจบอกว่าให้เจ้าทุกข์รวมตัวกันหลายๆ คน นัดกันไปแจ้งความพร้อมกัน

นายณรงค์ ผู้เสียหายอีกคน กล่าวว่าหลังจากที่ทราบข่าว มาดูแล้วไม่เห็นโกศ ใจสลายหมดอาลัย โกศที่หาย 3 ลูก เหลือ 1 เพราะอีกโกศล้มนอนอยู่ เป็นโกศสเตนเลสทั้งหมด ตอนนี้แจ้งความไว้แล้ว เสียใจมาก เพราะว่าเป็นพ่อแม่พี่น้อง ป้าน้าอาอยู่ในนี้ คนร้ายยกเอาไปยกไปทั้งหมดเลย ไม่ได้เทอัฐิเอาไว้ด้วย

นายธนิต ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ผ่านไปสองวันถึงจะรู้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่วัดเห็นภาพกล้องวงจรปิดบริเวณตั้งเจดีย์เก็บอัฐิ มุมภาพเปลี่ยนไป เลยเข้ามาดู ตอนแรกนึกว่าถูกนกชน แต่สงสัยว่าทำไมถึงแบบนี้ จึงกลับไปเปิดกล้องดู ถึงเห็นชัดว่ามีคนมาเปลี่ยนมุมกล้อง ส่วนกล้องอีกตัวเห็นผู้หญิงสองคน เข้ามารื้อค้น แล้วเก็บรวบรวมโกศทองเหลืองใส่ถุงปุ๋ยที่เตรียมมาใส่รถเข็นก่อนขับหนีไป ตอนนี้ยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัดว่าโกศหายไปเท่าไร เพราะผู้เสียหายยังมาดูไม่หมด เท่าที่รู้ตอนนี้มี 4 – 5 รายแล้ว ส่วนเจดีย์มีบางช่องเขาปิดไว้ บางช่องไม่ได้ปิด ช่องไหนมีแผ่นปูนปิดไว้ ก็ถูกจะทุบ โกศที่คนร้ายเอาไปเป็นโกศทองเหลือง โกศสเตนเลส แต่ถ้าเป็นโกศเซรามิก คนร้ายไม่เอา อยากให้เจ้าหน้าที่รีบติดตามจับตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ทราบว่าผู้ก่อนเหตุรายนี้เคยไปก่อเหตุในลักษณะที่วัดอื่นมาแล้วหลายครั้ง.

ฐิติชญา แสงสว่าง…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ เฟ้นหาสาวงามประกวด“Miss Grand Prachuap Khiri Khan 2026”ชิงรางวัล 5 ล้านบาท

ประจวบฯ เฟ้นหาสาวงามประกวด“Miss Grand Prachuap Khiri Khan 2026”ชิงรางวัล 5 ล้านบาท

วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 นายภาติยะ นิ่มน้อย ผู้ถือลิขสิทธิ์มิสแกรนด์ประจวบฯ และทีมงานกองประกวดมิสแกรนด์ประจวบฯ จัดแถลงข่าวการประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2026 มีนายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอหัวหิน นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน น.ส.วรกานต์ ถาวร รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นายวรพจน์ พฤกษ์วิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเดอะเกษตร หัวหิน และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากเข้าร่วมรับฟัง

นายภาติยะ นิ่มน้อย กล่าวว่า การประกวดในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างโรงแรมเดอะเกษตร หัวหิน กับกองประกวดมิสแกรนด์ประจวบฯ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบฯ พร้อมทั้งหาตัวแทนสาวงามเพื่อเป็นตัวแทนจังหวัดประจวบฯ ประกวดต่อบนเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2026 ซึ่งนับเป็นเวทีการประกวดความงามอันดับหนึ่งของประเทศ สำหรับรางวัลการประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2026 ในครั้งนี้รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท พร้อมมงกุฎเพชร และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เปิดรับสมัครสาวงามเข้าประกวดตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เก็บตัวทำกิจกรรมวันที่ 16 – 19 กันยายน 2568 และจะประกวดรอบตัดสินในวันที่ 20 กันยายน จึงขอเชิญสาวงามที่สนใจเข้าสมัครได้ พร้อมเชิญผู้ที่สนใจร่วมเชียร์และเป็นกำลังใจให้สาวงามที่เข้าประกวด หรือติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก : มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ – Miss Grand Prachuap Khiri Khan.