Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวประจวบฯ พร้อมใจกันจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล “ในหลวง ร.10”

ชาวประจวบฯ พร้อมใจกันจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล “ในหลวง ร.10”

ช่วงค่ำวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม ที่ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงถึงความจงรักภักดี ตลอดที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่อาณาราษฎร ให้มีความสุขสวัสดิ์ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างพอเพียงและยั่งยืน โดยมีนางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจและประชาชนชาวประจวบฯ เข้าร่วมในพิธี จากนั้น ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ได้ประกอบพิธีวางพานพุ่มเงิน พานพุ่มทอง เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และประกอบพิธีจุดเทียนนำกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกันนี้ผู้เข้าร่วมพิธีได้ร่วมร้องเพลงสดุดีจอมราชา เสร็จแล้วเปล่งเสียงคำว่า “ทรงพระเจริญ” จำนวน 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี

และที่บริเวณสวนหลวงราชินี 19 ไร่ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มเงิน พานพุ่มทอง เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมครบรอบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม โดยมีนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน คณะผู้บริหารเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตำรวจ ทหาร องค์กรส่วนท้องถิ่น สมาคม สโมสร และประชาชนจำนวนมากร่วมในพิธี จากนั้นประธานพร้อมผู้เข้าร่วมในพิธีได้พร้อมใจกันจุดเทียน กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคล และเปล่งเสียงคำว่า “ทรงพระเจริญ” จำนวน 3 ครั้ง โดยพร้อมเพรียงกัน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลปากน้ำปราณจัดแห่เทียนพรรษา สืบสานประเพณีไทย

เทศบาลปากน้ำปราณจัดแห่เทียนพรรษา สืบสานประเพณีไทย

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 นายพีรศักดิ์ จิวรรจนะโรดม นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำปราณ พร้อมคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ ภาคเอกชน สถานศึกษา ครู นักเรียน และชาวบ้านตำบลปากน้ำปราณ ร่วมกันจัดกิจกรรมแห่เทียนพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา สืบสานประเพณีไทย ที่เทศบาลร่วมกับผู้นำชุมชน และประชาชนในเขตเทศบาลตำบลปากน้ำปราณจัดขึ้น เพื่อสืบสานงานประเพณีเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์จำพรรษาเป็นระยะเวลา 3 เดือนในช่วงฤดูฝน ระหว่างวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 โดยพระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งตลอดพรรษา เพื่อไม่ให้ออกไปเหยียบต้นกล้า ข้าวของชาวนาเสียหาย และในโอกาสอันดีนี้พุทธศาสนิกชนจึงได้ร่วมกันเข้าวัด ทำบุญตักบาตร ถือศีล ปฏิบัติธรรม ถวายผ้าอาบน้ำฝนและถวายเทียนพรรษาเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จุดเพิ่มแสงสว่างในการศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ตลอดระยะที่จำพรรษา

ดังนั้น พุทธศาสนิกชนจึงได้หล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาถวายเป็นพระพุทธบูชา โดยเชื่อว่าอานิสงค์ผลบุญจากการถวายเทียนจะช่วยให้ชีวิตสว่างไสว รุ่งเรือง พบเจอแต่สิ่งดีๆ หากชีวิตมีปัญหา ก็จะพบแสงสว่าง สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ เป็นเครื่องหมายของการส่องสว่างในชีวิตคู่ ส่วนใครที่ไร้คู่ ก็จะช่วยส่องทางให้พบคู่ในเร็ววัน การถวายเทียนเข้าพรรษามีเป็นพิธีสวยงามมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และในสมัยรัตนโกสินทร์การถวายเทียนเข้าพรรษาถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญ

นายพีรศักดิ์ นายกเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ กล่าวว่ากิจกรรมวันเข้าพรรษาที่เทศบาลปากน้ำปราณร่วมกับโรงเรียนบ้านปากน้ำปราณ, โรงเรียนพิเศษศึกษา, โรงเรียนปากน้ำวิทยา ปีนี้เริ่มนำกลับมารื้อฟื้นใหม่ เพราะผ่านสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้ไม่ได้จัดงานมาหลายปี ปีนี้จึงตั้งใจอยากมีกิจกรรมให้เด็กๆ ในชุมชนมีพื้นที่แสดงออก สำหรับเทียนพรรษาจะนำไปถวายให้กับวัดปากคลองปราณ วัดเก่าเขาน้อย และขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง มาร่วมงานซึ่งเทศบาลจะจัดขึ้นทุกปี เพื่อให้เป็นประเพณีที่อยู่คู่กับชาวตำบลปากน้ำปราณตลอดไป.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

พสกนิกรลงนามถวายพระพรชัยมงคล “ในหลวง ร.10” ที่ศาลาราชประชาสมาคม

พสกนิกรลงนามถวายพระพรชัยมงคล “ในหลวง ร.10” ที่ศาลาราชประชาสมาคม

วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารพระสงฆ์จำนวน 72 รูป ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดประจวบฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงถึงความจงรักภักดี จากนั้นได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ กุ้งทะเล จำนวน 3 แสนตัว ลงสู่ท้องทะเลอ่าวประจวบฯ ที่บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ส่วนที่โดมเอนกประสงค์โรงเรียนหัวหิน นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร และประชาชนชาวหัวหินร่วมในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อถวายเป็นประราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยมีพระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพต นำพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ในอำเภอหัวหินออกรับบิณฑบาต จากนั้นได้ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน ทั้งนี้ตลอดทั้งวันได้มีประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง.

โดยบริเวณที่ออกใบเหยียบย่ำ ไม่เป็นป่าหวงห้ามในขณะนั้น ต่อมาได้มีกฎกระทรวงฉบับที่ 222 (พ.ศ.2510) กำหนดป่าคลองเก่า – คลองคอย เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ที่ดินตามใบเหยียบย่ำดังกล่าวได้ถูกผนวกเข้าเป็นป่าสงวนแห่งชาติด้วย แต่ใบเหยียบย่ำได้ออกมาก่อนกฎกระทรวงฉบับที่ 222 (พ.ศ.2510) กำหนดป่าคลองเก่า – คลองคอย เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ใบเหยียบย่ำจึงออกมาโดยชอบด้วยกฎหมาย

กรมที่ดิน จึงได้มีหนังสือด่วนมาก ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2532 แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ต้องดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 11 แปลง เมื่อปี พ.ศ.2533 นาย “ว” ได้ซื้อที่ดินทั้ง 11 แปลง และเมื่อปี พ.ศ.2547 “ว” ได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน (ที่งอกชายทะเล) ทั้ง 11 แปลง

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีคำสั่งให้ออกโฉนด เพียง 2 วันก่อนเกษียณอายุราชการนอกจากนี้มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าผู้ที่ซื้อเอกสารสิทธิ์และขอออกโฉนดมีหนึ่งรายที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา โดย ป.ป.ช.จะตรวจสอบรายละเอียดเรื่องนี้อย่างละเอียดต่อไป.

ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เลขาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการขอออกโฉนดทับซ้อนในเขตวนอุทยานปราณบุรี

เลขาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการขอออกโฉนดทับซ้อนในเขตวนอุทยานปราณบุรี

วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วย นายหิรัณย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 7 น.ส.จุฑารัตน์ เหลืองเพิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดประจวบฯ นายสมศักดิ์ กรีธาธร หัวหน้าวนอุทยานปราณบุรี นายสุทธิรักษ์ อุฒมนตรี บรรณาธิการบริหารสำนักข่าวเนชั่น พร้อมคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลาง และสื่อมวลชนพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบการยื่นขอออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนในเขตที่ดินของวนอุทยานปราณบุรี ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยตรวจพบว่ามีชื่อ สว.โผล่ขอยื่นออกเอกสารด้วย จำนวน 2 แปลง

โดยเรื่องดังกล่าว ได้มีการออกโฉนดที่ดินจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) รวมทั้งสิ้น 11 แปลง ผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้จดทะเบียนขายแก่ “ว” และต่อมา “ว” ได้ขายที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 6179 6180 6181 แก่ “พ” วันที่ 23 ธันวาคม 2554 ส่วนอีก 8 แปลง “ว” จดทะเบียนโอนชำระค่าหุ้นรวมแปดโฉนดแก่บริษัท “ด” ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในปัจจุบัน

จากหลักฐานเดิม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 45 เล่มที่ 18 (1) หน้า 19 หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2520 เนื้อที่ 19-3-79ไร่ ได้แบ่งแยกเป็น น.ส.3 เลขที่ 108/95 (ไม่ปรากฏว่ามีการนำไปออกโฉนดหรือไม่) และได้แบ่งแยกแล้วนำไปออกโฉนดที่ดิน อีกจำนวน 11 แปลง (รวม 12 แปลง ได้เนื้อที่รวม 23-0-46.5 ไร่ มากกว่าหลักฐาน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 95 จำนวน 3-0-67.5 ไร่

การออกโฉนดที่ดินดังกล่าว มีการร้องเรียนว่าการออกโฉนดที่ดินจำนวน 11 แปลง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองเก่า – ป่าคลองคอย สำนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้เรียกคืนโฉนดที่ดินทั้งจำนวน 11 แปลง เพื่อพิจารณาดำเนินการเพิกถอน จึงมีการร้องทุกข์ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาขอความเป็นธรรม คณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้กรมป่าไม้ตรวจสอบและพิจารณาแล้ว ได้มีหนังสือกรมป่าไม้ แจ้งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อเนื่องจากใบเหยียบย่ำดังกล่าว อยู่นอกเขตป่าคุ้มครอง ซึ่งได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าคลองเก่า ในท้องที่ตำบลปากคลอง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พุทธศักราช 2484

โดยบริเวณที่ออกใบเหยียบย่ำ ไม่เป็นป่าหวงห้ามในขณะนั้น ต่อมาได้มีกฎกระทรวงฉบับที่ 222 (พ.ศ.2510) กำหนดป่าคลองเก่า – คลองคอย เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ที่ดินตามใบเหยียบย่ำดังกล่าวได้ถูกผนวกเข้าเป็นป่าสงวนแห่งชาติด้วย แต่ใบเหยียบย่ำได้ออกมาก่อนกฎกระทรวงฉบับที่ 222 (พ.ศ.2510) กำหนดป่าคลองเก่า – คลองคอย เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ใบเหยียบย่ำจึงออกมาโดยชอบด้วยกฎหมาย

กรมที่ดิน จึงได้มีหนังสือด่วนมาก ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2532 แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ต้องดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 11 แปลง เมื่อปี พ.ศ.2533 นาย “ว” ได้ซื้อที่ดินทั้ง 11 แปลง และเมื่อปี พ.ศ.2547 “ว” ได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน (ที่งอกชายทะเล) ทั้ง 11 แปลง

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีคำสั่งให้ออกโฉนด เพียง 2 วันก่อนเกษียณอายุราชการนอกจากนี้มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าผู้ที่ซื้อเอกสารสิทธิ์และขอออกโฉนดมีหนึ่งรายที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา โดย ป.ป.ช.จะตรวจสอบรายละเอียดเรื่องนี้อย่างละเอียดต่อไป.

ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เปิดเส้นทางเลี่ยงในช่วงวันหยุดยาว 6 วัน

เปิดเส้นทางเลี่ยงในช่วงวันหยุดยาว 6 วัน

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าจากการที่ได้รัฐบาลประกาศวันหยุดพิเศษเพิ่มอีก 1 วันทำให้มีวันหยุดราชการ 6 วัน (28 ก.ค. – 2 ส.ค.) ดังนั้นจะมีการสัญจรขึ้นล่องผ่านจังหวัดประจวบคีรีจันธ์เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริเวณถนนบายพาสชะอำ – ปราณบุรี (ถนนทางหลวงหมายเลข 37) ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 45+700 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 46+600 และสามแยกวังยาว อำเภอปราณบุรี ในช่วงนี้มีการก่อสร้างสะพาน อาจจะทำให้การจราจรติดขัดได้ จึงได้ประสานไปยังแขวงการทางประจวบคีรีขันธ์ให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราว พร้อมเปิดเส้นทางการจราจร และตำรวจ สภ.ปราณบุรี ได้แนะนำทางเลี่ยงเพื่อให้ผู้คนสัญจรเดินทางช่วงเทศกาลได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น

โดยเส้นทางที่เปิดให้มีทางเลี่ยงสำหรับรถเล็ก ดังนี้
– จาก อ.ชะอำ มุ่งหน้าลงใต้ เมื่อมาถึงสี่แยกหนองไผ่ หลัก กม.ที่ 39+170 ให้เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนเส้น 4030
– ขับตรงไป 1.2 กิโลเมตร เจอทางสามแยก ให้เลี้ยวขวาไปตามถนนเส้น 2004
– ขับตรงไป 7.5 กิโลเมตร จะออกถนนบายพาส ชะอำ – ปราณบุรี ที่ กม. 46+750

ทั้งนี้ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงวันหยุดหลายวันนี้ ขับขี่รถด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวบ้านชุมชนป่าสน แม่รำพึง วอนภาครัฐช่วย หลังถูกฟ้องขับไล่ที่อยู่มากว่า 30 ปี

ชาวบ้านชุมชนป่าสน แม่รำพึง วอนภาครัฐช่วย หลังถูกฟ้องขับไล่ที่อยู่มากว่า 30 ปี

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 น.ส.สุกัญญา สุขสวัสดิ์ อาบุ 48 ปี ชาวบ้านชุมชนป่าสน หมู่ 2 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านชุมชนป่าสน หลายสิบคน เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอเข้าพบนายเลิศยศ แย้มพราย นายอำเภอบางสะพาน เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกกรมเจ้าท่าฯ ยื่นดำเนินคดีฟ้องขับไล่กรณีสร้างบ้านเรือนบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ของกรมเจ้าท่าฯ แต่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับชาวบ้านว่านายอำเภอติดราชการด่วนอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ชาวบ้านจึงแยกย้ายกันกลับ และนัดกันมาใหม่ในสัปดาห์หน้า

น.ส.สุกัญญา เปิดเผยว่า ชาวบ้านชุมชนป่าสน แม่รำพึง ได้ปลูกสร้างบ้านเรือน อาศัยอยู่ในที่ดิน ที่เป็นข้อพิพาท มานานกว่า 30 ปี บางคนเกิดและโตอยู่ที่นี่ ประกอบอาชีพประมงหาเลี้ยงชีพ ซึ่งชาวบ้านในชุมชนมีทั้งสิ้น 28 ครัวเรือน อาศัยอยู่รวมกันนับร้อยชีวิต ซึ่งเดิมเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตอนชาวบ้านเข้ามาอาศัยอยู่ ยังไม่มีเจ้าของที่ หรือหน่วยงานใด มาชี้ชัดว่าเป็นผู้ครอบครอง ดูแลเป็นเจ้าของ ชาวบ้านจึงเข้ามาปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัยและทำกินกันมาเรื่อย กระทั่งประมาณปี พ.ศ.2555 มีหนังสือจากสำนักงานเจ้าท่าฯ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและย้ายออกไปจากพื้นที่ เราพยายามขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐต่างๆ เพื่อขอความเมตตา กระทั่งล่าสุด ชาวบ้านทั้ง 28 ครอบตรัว ถูกยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาปลูกสร้างอาคารล่วงล้ำเข้าไปบนชายหาดของทะเลอ่าวไทย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ซึ่งเจ้าท่าฯ มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม พ.ศ.2565 แต่ชาวบ้านไม่ปฎิบัติตาม ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งในปัจจุบันคดีดังกล่าวยังไม่มีการพิจารณา และอยู่ในกระบวนการยุติธรรม จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเจรจาให้ชาวบ้านได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่อไป หรือหากต้องรื้อถอนบ้านเรือนทั้งหมดจริงๆ ก็อยากให้หน่วยงานรัฐช่วยจัดสรรพื้นที่ให้สำหรับปลูกสร้างบ้านเรือนต่อไป หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ ชาวบ้านนับร้อยชีวิตจะกลายเป็นคนไร้บ้านที่อยู่อาศัยทันที

นายเลิศยศ แย้มพราย นายอำเภอบางสะพาน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเรื่องดังกล่าว ทางอำเภอและจังหวัดได้รับทราบปัญหาแล้ว ซึ่งต้องเเบ่งออกเป็น 2 กรณี คือเรื่องของการฟ้องร้องขับไล่ เป็นเรื่องระหว่างเจ้าท่าฯ กับชาวบ้าน ทางอำเภอไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายเรื่องดังกล่าวได้ และในส่วนความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการลงพื้นที่เพื่อประชุมพูดคุยกับชาวบ้าน และประชุมในระดับจังหวัด มีการสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ สปก. ที่ดินธนารักษ์ ยังไม่มีพื้นที่ ที่จะนำมาจัดสรรให้ชาวบ้านได้และได้มีการชี้แจงให้ชาวบ้านรับทราบ และจะมีการประชุมในระดับจังหวัดอีกครั้ง เพื่อหาทางออกโดยได้ข้อสรุปว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยใช้กลไกของกองทุน คล้ายๆ กับที่อำเภอหัวหินและนำมาเสนอกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบว่าเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่ต่อไป ซึ่งทางจังหวัดกำลังดำเนินการอยู่.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ จัดจิตอาสาพระราชทานรอบเขตวังไกลกังวล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ร.10

ประจวบฯ จัดจิตอาสาพระราชทานรอบเขตวังไกลกังวล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ร.10

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีเปิดกรวยถวายราชสักการะและกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมเปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานรอบเขตพระราชฐานวังไกลกังวล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 มีคุณหญิงผกาพันธ์ เทหะมาศ ผู้ดูแลวังไกลกังวล นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน ผู้แทนจากหน่วยราชการในพระองค์ หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนจิตอาสาพระราชทานเข้าร่วมพิธี

โดยกิจกรรมดังกล่าวมีหน่วยงานภาครัฐ สถาบันอาชีวศึกษาร่วมกันให้บริการประชาชนเพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้แก่ การปรุงประกอบอาหารจากโรงครัวพระราชทาน บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ บริการตัดผม เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการจัดหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่จากโรงพยาบาลหัวหิน ตรวจรักษาโรคทั่วไป บริการทันตกรรม ตรวจวัดสายตา การรับบริจาคโลหิต การแสดงดนตรี และการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมการแจกถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนต่างๆในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน โดยมีประชาชนจำนวนมากมาร่วมรับบริการ ซึ่งการจัดกิจกรรมนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม ประชาชนสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สองหนุ่มขะแมร์ซิ่งจักรยานยนต์กลางดึก แหกโค้งชนเสาไฟดับคาที่ 1 เจ็บ 1

สองหนุ่มขะแมร์ซิ่งจักรยานยนต์กลางดึก แหกโค้งชนเสาไฟดับคาที่ 1 เจ็บ 1

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ร.ต.อ.สมยงค์ บานเย็น รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์แหกโค้ง บนถนนทางหลวงชนบท สายบ้านโพธิ์เรียง – ทุ่งน้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี

ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากวัดทุ่งน้อย ประมาณ 2 กิโลเมตร พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นคลิก สีแดง ทะเบียน 2 กย 9910 ชลบุรี ล้มตะแคงอยู่โคนเสาไฟส่องสว่างริมถนน สภาพตัวรถพังยับ ที่ข้างรถพบร่างชายคนหนึ่งนอนอยู่กับพื้น สวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีดำ ตราวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อต่อมาว่าชื่อนายสีนา ตุม อายุ 32 ปี ชาวกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีคนได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว เป็นคนสัญชาติกัมพูชาเช่นเดียวกัน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถจักรยานยนต์ของนายสีนากับเพื่อนขับขี่มาด้วยความเร็ว แล้วบริเวณดังกล่าวเป็นช่วงทางโค้ง บวกกับคนขับขี่ไม่ชินกับเส้นทาง ทำให้รถเสียหลักแหกโค้งชนกับเสาไฟส่องสว่าง แต่ไฟไม่ติด จนนายสีนาซึ่งเป็นคนขับขี่อัดติดกับเสาไฟเสียชีวิตคาที่ ส่วนเพื่อนกระเด็นออกไป ทำให้เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

เจ้าหน้าที่สอบถามนายพงษ์ศักดิ์ อินทนาม คนงานก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ เล่าว่าตนทำงานอยู่ที่เดียวกับนายสีนาผู้ตาย โดยนายสีนาเพิ่งมาทำงานกับนายจ้างได้ 1 เดือน ยังไม่เคยออกไปไหน เมื่อช่วง 4 ทุ่มเศษที่ผ่านมา นายสีนาได้บอกว่าจะออกมาร้านค้า แล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกมา โดยมีเพื่อนอีกคนนั่งซ้อนท้าย จากนั้นไม่นานก็ทราบข่าวว่านายสีนาเกิดอุบัติเหตุ จึงได้มาดูพร้อมกับนายวัด ญาติของนายสีนา และหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วจึงให้กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะส่งให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหินเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก

หัวหินเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก

ช่วงค่ำวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นประธานเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2566 ที่สวนสาธารณะโผน กิ่งเพชร เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ นางยุวนิตย์ ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม คณะผู้บริหารเทศบาล ปลัดเทศบาล สท. คณะกรรมการชุมชน หน่วยงานภาครัฐ – เอกชน สภ.หัวหิน คณะครู นักเรียน นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนกว่า 200 คน ร่วมในพิธี โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ พิธีหล่อเทียนพรรษา การบรรเลงดนตรีไทย การเสวนาธรรม การแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาล

พิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา นำโดยพระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพตและเจ้าอาวาสจากวัดต่างๆ ในพื้นที่ พิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 พิธีถวายเทียนพรรษาแก่วัดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จำนวน 20 ต้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง

วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญของพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์จำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือนในฤดูฝน เนื่องจากสมัยก่อนพระภิกษุสงฆ์ไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนต้นใหญ่ขึ้น เพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์จุดให้แสงสว่างในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ เป็นพุทธบูชาตลอดเวลา 3 เดือน จึงปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็น “ประเพณีแห่เทียนพรรษา” ปัจจุบันวันเข้าพรรษาจึงมีประเพณีการถวายเทียนพรรษา เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณกาล ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะทำการหล่อเทียนพรรษา หรือมีการนำเทียนไปถวายพระภิกษุสงฆ์ และเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนที่มีเวลาน้อยแต่อยากทำบุญ จึงมีเทียนพรรษาในรูปแบบสำเร็จรูปเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น เทียนพรรษา คือเทียนขนาดใหญ่และยาวเป็นพิเศษกว่าเทียนชนิดอื่น สำหรับจุดในโบสถ์ตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนถึงวันออกพรรษา อานิสงส์ของการถวายเทียนพรรษา ทำให้เกิดสติ ปัญญา เปรียบดั่งแสงสว่างแห่งเทียน ทำให้เจริญไปด้วยมิตรสหายบริวาร มีผู้อุปถัมภ์ ย่อมเป็นที่รักใคร่ของทุกคนและเทวดาทั้งหลาย ทำให้คลี่คลายปัญหาต่างๆ จากร้ายกลายเป็นดี.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ช้างแรกประชุมแก้น้ำในอ่างแห้ง หลังชาวบ้านเดือดร้อนน้ำประปาไม่พอใช้

ช้างแรกประชุมแก้น้ำในอ่างแห้ง หลังชาวบ้านเดือดร้อนน้ำประปาไม่พอใช้

วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ที่ห้องประชุม อบต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีประชุมการจัดการและบริหารน้ำอย่างมีส่วนร่วมของอ่างเก็บน้ำช้างแรก หลังเกิดวิกฤติน้ำในอ่างแห้งขอด จนเป็นเหตุให้ผู้ใช้น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางสะพานประสบปัญหาเดือดร้อน โดยมีนายณธกร เต็มชยกุล ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง อ.บางสะพานน้อย ประธานการประชุม นายธิรวัฒน์ สุดจันทร์ นายก อบต.ช้างแรก นายสุชาติ สุดเสนาะ ผู้จัดการประปาภูมิภาคสาขาบางสะพาน นายนันทปรีชา คำทอง ประธานสภาคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวตำบลช้างแรก กว่า 50 คน ร่วมประชุม

นายนันทปรีชา คำทอง กล่าวว่า ในที่ประชุมได้ข้อเสนอในที่ประชุมให้การประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางสะพาน หาแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำร่วมกับองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นและให้มีมาตรการหลักเกณฑ์การแก้ปัญหาการใช้น้ำและมีแหล่งน้ำสำรองและการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤติเมื่อเกิดภัยแล้ง ให้ขยายเขตบริการน้ำประปาในส่วนของตำบลช้างแรก

นายวุฒิพงศ์ วงค์คลัง ชาวบ้านตำบลช้างแรก กล่าวว่าตนยังข้องใจว่าที่ดินจำนวนกว่า 10 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของโรงเรียนอนุบาลบางสะพานน้อย หรือโรงเรียนบ้านหินปิด ถูกการประปาส่วนภูมิภาคนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ที่ผ่านมาชาวบ้านในตำบลช้างแรกยังสงสัยว่าวิธีการการนำที่ดินโรงเรียนไปใช้ประโยชน์ของการประปาส่วนภูมิภาคนั้น ขั้นตอนขอใช้ที่ดิน

นายสุชาติ สุดเสนาะ กล่าวว่าข้อเสนอของชาวบ้านทุกข้อจะแจ้งให้ผู้มีอำนาจทราบในส่วนที่อยู่ในอำนาจของตน ก็จะรีบดำเนินการและที่ชาวบ้านสงสัยว่าการประปาส่วนภูมิภาคนำที่ดินของโรงเรียนไปใช้ประโยชน์นั้นขั้นตอนการขอใช้ที่ดินเป็นไปในลักษณะไหนจะตรวจสอบและแจ้งให้ชาวบ้านทราบต่อไป

นายธิรวัฒน์ สุดจันทร์ กล่าวว่า ชาวตำบลช้างแรกที่ใช้น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคเพียง 638 ครัวเรือน คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ใช้น้ำทั้งสองอำเภอ ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้เกิดน้ำแห้งมา 2 ครั้ง ดังนั้นชาวบ้านส่วนมากที่มีผลกระทบทั้งภาคเกษตรด้วยต้องการแก้ปัญหาแบบยั่งยืนไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเหมือนปัจจุบัน ล่าสุด อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจอ่างเก็บน้ำเพื่อขุดลอกท้องอ่างให้มีความลึกเพื่อกักเก็บน้ำ.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน