Categories
ข่าว ทั้งหมด

หวิดดับหมู่ ! รถตู้กลับจากภาคใต้ ถูกรถพ่วงชน บาดเจ็บ 2 ราย

หวิดดับหมู่ ! รถตู้กลับจากภาคใต้ ถูกรถพ่วงชน บาดเจ็บ 2 ราย

เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.วันที่ 12 สิงหาคม 2567 ร.ต.อ.อาทิตย์ บุตรละคร รองสารวัตรสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งอุบัติเหตุ รถตู้ชนกับรถบรรทุกพ่วง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนเพชรเกษม ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 311 – 312 หน้าโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองบัว เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบฯ เข้าตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ สภาพการจราจรบนถนนเพชรเกษม มีปริมาณรถที่หนาแน่นมาก เนื่องจากทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า ขนาด 13 ที่นั่ง สีน้ำเงิน ทะเบียน นข 1754 สมุทรสาคร สภาพรถด้านซ้ายได้รับความเสียหาย ประตูบุบ กระจกและไฟเลี้ยวแตก มีเศษชิ้นส่วนของกระจกกระจัดกระจายเกลื่อนภายในรถ และมีคราบเลือดอยู่ที่บริเวณเบาะนั่งของผู้โดยสาร มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่โดยสารมากับรถตู้จำนวน 2 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกกระจกบาด เจ้าหน้าที่กู้ภัยให้การช่วยเหลือก่อนนำส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ส่วนรถพ่วงคู่กรณี ยี่ห้อีซูซุ สีขาว ลากพ่วง 22 ล้อ ทะเบียนส่วนหัว 82 – 2115 ราชบุรี ตัวลากพ่วง ทะเบียน 83 – 6373 ราชบุรี บรรทุกไม้ยางพาราผ่าซีกมาเต็มคันรถ กันชนด้านหน้าหลุดออกจากตัวรถ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

นายสันทัด พุทธา คนขับรถตู้ เล่าว่าตนกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากพาครอบครัวไปเที่ยวเยี่ยมญาติที่จังหวัดชุมพร เนื่องในวันแม่ มาทั้งหมด 7 คน เป็นเด็ก 2 คน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนขับวิ่งมาทางเลนด้านขวา ระหว่างนั้นมีรถบรรทุกลากพ่วงออกมาจากซอยข้างวัดหนองบัว รถตู้ของตนเบรกไม่ทัน จึงทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้น โชคดีได้รับบาดเจ็บแค่ 2 ราย และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนขับรถบรรทุกพ่วงอ้างว่ามีรถกระบะแซงด้านซ้ายปาดหน้า ทำให้ต้องหักลบ จึงเกิด การเฉี่ยวชนกันขึ้น อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายภาพเก็บหลักฐาน และตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

ข่าวแนะนำ
Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวบ้านร้องวิกฤติภัยแล้งหนักสุด ระบบประปาหมู่บ้านน้ำไม่ไหลนาน 7 เดือน

ชาวบ้านร้องวิกฤติภัยแล้งหนักสุด ระบบประปาหมู่บ้านน้ำไม่ไหลนาน 7 เดือน

วันที่ 12 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 1 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าประสบปัญหาน้ำประปาหมู่บ้านไม่ไหลนานกว่า 7 เดือน ทำให้เดือดร้อนขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ น้ำเพื่อการปศุสัตว์ บางเวลาที่มีน้ำไหลเพียงเล็กน้อย แต่มีสีดำคล้ำ เนื่องจากระบบผลิตประปาไม่มีน้ำดิบที่ดูดน้ำใต้ดินจากลำห้วยที่กั้นระหว่าง ต.คลองวาฬ และ ต.ห้วยทราย ซึ่งปัจจุบันมีสภาพรกร้างเป็นป่าท่วมสูง

ทั้งนี้ในการประชุมประจำเดือนของชาวบ้านตลอดเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ชาวบ้านได้เรียกร้องให้ผู้นำท้องที่ อบต. เร่งแก้ปัญหาน้ำประปา โดยสอบถามถึงการตั้งกรรมการเพื่อบริหารจัดการน้ำในหมู่บ้าน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีกรรมการ ขอให้ผู้รับผิดชอบประปาน้ำดิบ ชี้แจงผลประกอบการรายเดือน เนื่องจากในช่วงที่น้ำไหลปกติ จะเก็บค่าน้ำได้เดือนละประมาณ 5 หมื่นบาท แต่ไม่ทราบว่าเงินอยู่ที่ไหน และควรมีการจัดกาให้น้ำไหลไปถึงปลายท่อ ไม่กระจุกอยู่เฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ระบบการผลิตเท่านั้น

สำหรับน้ำดิบที่ อบต.นำมาแจกจ่าย ชาวบ้านแจ้งว่าบางช่วงเจอน้ำกร่อย และน้ำที่นำมาแจกบางช่วง หากนำไปอาบ จะทำให้ผิวหนังเป็นผื่นคัน บางครั้งต้องรอการประสานงานกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก่อน ทำให้ได้รับน้ำล่าช้า ขบางรายต้องซื้อน้ำจากรถบรรทุกน้ำคันละ 200 บาท ในปริมาณครั้งละ 2,500 ลิตร นอกจากนี้ชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกต กรณีการต่อท่อน้ำประปาจากหมู่ 1 ซึ่งชาวบ้านหมู่ 1 ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ แต่เอาน้ำไปบริการชาวบ้านในหมู่ 9 บ้านวังด้วน ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านได้ชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมเหตุผลให้ทราบ และไม่ต้องการให้ชาวบ้านรายใดประสบปัญหาเดือดร้อน แต่ปัญหาเกิดจากฝนไม่ตกนานหลายเดือน

นางนิธิมา เงินสุวรรณ รองนายก อบต.ห้วยทราย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาใช้งบกลางกว่า 9 แสนบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งทั้ง 13 หมู่บ้าน เนื่องจากในพื้นที่ตำบลห้วยทราย ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ นอกจากนั้นแม้ว่าปัจจุบันจังหวัดจะประกาศยกเลิกภัยแล้ง แต่ในตำบลห้วยทราย ยังมีปัญหาเหมือนเดิม ดังนั้น อบต.จะต้องจัดสรรงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือนำรถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป และส่วนตัวมีบ่อน้ำจืดสำรองไว้ ก็ให้ชาวบ้านใช้ฟรี เชื่อว่ายังมีเพียงพอกับความต้องการ ก่อนจะมีฝนตกในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้า

นายจำเริญ โถแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ห้วยทราย กล่าวว่า ปีนี้ประสบภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 85 ปี ทำให้มะพร้าวยืนต้นตาย เนื่องจากฝนทิ้งช่วงยาวนาน ยอมรับว่ามีผลกระทบกับการใช้ประปาหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ฝนที่ตกบางช่วง ไม่เพียงกับการใช้น้ำใต้ดิน และตั้งแต่มีการจัดสร้างระบบประปาหมู่บ้านมานานหลายสิบปี ระบบการผลิตประปายังไม่เคยมีปัญหาน้ำใต้ดินในลำห้วย แห้งเกิน 7 เดือน หลังจากนี้อีก 2 เดือน หากฝนยังไม่ตก ชาวบ้านก็จะประสบปัญหาเหมือนเดิม และขอให้ อบต.นำรถน้ำไปแจกให้ต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ยอมรับว่าชาวบ้านหมู่ 1 กับหมู่ 9 บ้านวังด้วน น่าจะมีปัญหาภัยแล้งมากที่สุด เนื่องจากพื้นที่อยู่ในโซนดินทรายไม่สามารถขุดเจาะน้ำบาดาลได้.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ยอมใจอาม่า ! ! พิชิตยอดเขาล้อมหมวก 902 ฟุตด้วยวัย 70 ปีในวันแม่แห่งชาติ

ยอมใจอาม่า ! ! พิชิตยอดเขาล้อมหมวก 902 ฟุตด้วยวัย 70 ปีในวันแม่แห่งชาติ

ตามปกติในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วันขึ้นไป กองบิน 5 อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จะจัดกิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 902 ฟุต ให้นักท่องเที่ยวได้มาพิสูจน์ความสามารถ ทดสอบสมรรถภาพร่างกายของตนเองและถ่ายภาพชมทัศนียภาพในมุมสูงบนยอดเขา พร้อมทั้งกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และรอยพระพุทธบาทจำลองที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาล้อมหมวก

ในช่วงสัปดาห์วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวกที่กองบิน 5 ได้จัดขึ้น โดยนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่มามักจะมาพักค้างที่เมืองประจวบฯ ล่วงหน้า 1 วัน เพื่อพักผ่อนเตรียมความพร้อมร่างกาย แต่ที่เป็นไฮไลท์สุดของกิจกรรมครั้งนี้ คือการปีนเขาของอาม่า 2 ท่าน อายุ 69 ปี และ 70 ปี ที่มาร่วมท้าทายพิสูจน์ความสามารถของด้วย

นางวีณา ไตรรัตน์วรากรณ์ วัย 70 ปี และนางมณี วรรณขจีพิบูลย์ วัย 69 ปี เปิดใจว่า ตนอยู่กรุงเทพฯ และอยากมาปีนเขาล้อมหมวก เพื่อทดสอบสมรรถภาพร่างกายของตนเอง เป็นครั้งแรกที่ได้มาปีนเขาล้อมหมวกในวันหยุดเทศกาล ซึ่งกองบิน 5 จัดขึ้นจึงบอกให้น้องช่วยพามาปีนเขา รู้สึกคุ้มค่ากับความเหนื่อยมาก สุดยอดเลย เนื่องจากด้านบนยอดเขามีวิวที่สวยงาม ถึงแม้ว่าเส้นทางบางช่วงจะลำบาก ก็ขอสู้และร่างกายยังมีความแข็งแรงอยู่ ต้องมีสติเท่านั้นเพราะทุกย่างก้าวอันตราย และในอนาคตถ้ามีโอกาส จะกลับมาปีนเขาล้อมหมวกอีก จึงอยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาปีนเขาล้อมหมวกกันเยอะๆ เนื่องจากวิวด้านบนสวยงามมาก โดยเฉพาะวิว 3 อ่าว ช่วงเช้าๆ สวยงามมาก อาหารก็อร่อย เจ้าหน้าที่คอยบริการอย่างดีเยี่ยม ก่อนเดินทางกลับ อย่าลืมแวะกราบรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขาด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล

สำหรับผู้ที่สนใจจะร่วมกิจกรรมปีนเขาล้อมหมวก ต้องเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกาย และแต่งตัวให้เหมาะสมกับการปีนเขา เช่น สวมใส่รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ สวมถุงมือ หมวก เป้ใส่สัมภาระ และน้ำ เพราะเส้นทางบางช่วงจะต้องปีนป่ายและไต่เชือก หากไม่สวมใส่รองเท้าผ้าใบและถุงมือ อาจได้รับบาดเจ็บอันตรายได้ การเดินทางขึ้นเขาช่วงแรกจะเป็นบันไดคอนกรีต 496 ขั้น แวะจุดพักกลางเขา หลังจากนั้นเดินเท้าตามเส้นทางธรรมชาติ ที่มีทั้งหินแหลมคม และความลาดชันของภูเขาเกือบ 90 องศา ซึ่งจะต้องใช้วิธีการโหนไต่เชือกปีนขึ้นไป ระยะทางขึ้นลงประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองบิน 5 มายืนประจำจุด เพื่ออำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือเมื่อนักท่องเที่ยวร้องขอ นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเขาล้อมหมวก ขับรถมาตามถนนเพชรเกษม เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงถนนเกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ให้ขับรถมาตามถนนเกาะหลัก เข้าประตูด้านหน้าของกองบิน 5 แลกบัตรที่ป้อมสารวัตรทหาร (สห.) แล้วขับรถวิ่งมาตามเส้นทางที่กำหนด จนถึงเขาล้อมหมวก จะมีเต็นท์บริการลงทะเบียน จุดแจ้งรับใบประกาศ และจ่ายค่าธรรมเนียม 40 บาท ก่อนเริ่มต้นพิสูจน์ความสามารถสู่ยอดเขาล้อมหมวก.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รวบแก๊งต่างด้าวลอบตัดไม้จันทน์หอม ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

รวบแก๊งต่างด้าวลอบตัดไม้จันทน์หอม ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

จากข้อสั่งการของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในการเข้มงวดลาดตระเวนพื้นที่ป่า เพื่อป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดป่าไม้อย่างต่อเนื่อง วันที่ 12 สิงหาคม 2567 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบฯ ขณะนำกำลังร่วมกับ พ.อ.สรายุทธ ศรลัมพ์ รอง ผบ.ฉก.จงอางศึก พ.ต.ท.ณัฐพล พลอยท้วม ผบ.ร้อย ตชด.146 ออกลาดตระเวนป้องกันปราบปรามการกระทำผิดในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณช่องทางธรรมชาติ (ช่องวังเป้า) หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ พบกลุ่มชายฉกรรจ์ 8 คน กำลังขนย้ายสัมภาระถุงปุ๋ยดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลังกันอย่างจ้าละหวั่น

จึงทำการปิดล้อมก่อนเข้าแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้น พบบุคคลทั้งหมดเป็นชาวเมียนมา ตรวจดูในถุงปุ๋ยพบท่อนไม้จันทน์หอมซึ่งเป็นไม้หวงห้ามซุกซ่อนอยู่ รวมทั้งหมด 4 ท่อน น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4 แสนบาท พร้อมเลื่อยลันดา จำนวน 3 ปื้น จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน นำตัวทั้งหมดมาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่าลอบเข้าไปตัดไม้จันทน์หอมในเขตอุทยาน เพื่อส่งขายนายทุนเพราะได้ราคาดี ซื้อขายกันในราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำพสกนิกรลงนามถวายพระพร สมเด็จพระพันปีหลวง ที่ศาลาราชประชาสมาคม

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำพสกนิกรลงนามถวายพระพร สมเด็จพระพันปีหลวง ที่ศาลาราชประชาสมาคม

วันที่ 12 สิงหาคม 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นำคณะบุคคล ข้าราชการ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร จิตอาสาและประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 วันแม่แห่งชาติ ที่ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

โดยก่อนหน้านั้นที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัด นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการ จังหวัดประจวบฯ เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 พร้อมด้วย ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการทุกหมู่เหล่าและพสกนิกรชาวประจวบฯ ร่วมพิธีตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระสงฆ์และสามเณร จำนวน 93 รูป มีพระเมธีคุณาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย

จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีได้ร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บริเวณชายทะเล หน้าสำนักงาน อบจ.ประจวบฯ ประกอบด้วยกุ้งแช่บ๊วย 700,000 ตัว และพันธุ์ปลานวลจันทร์ทะเล 8,000 ตัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อีกทั้งเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำและเพิ่มศักยภาพของแหล่งทำการประมงให้มีความอุดมสมบูรณ์เอื้อต่อการทำกินและเป็นแหล่งอาหารโปรตีนของชุมชน ตลอดจนทำให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งด้านอาชีพการประมง ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงอีกด้วย.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

นักท่องเที่ยวนับพัน ห่มผ้าหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ เนื่องในวันแม่

นักท่องเที่ยวนับพัน ห่มผ้าหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ เนื่องในวันแม่

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม 2567 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ห่มผ้าหลวงปู่ทวดครั้งที่ 11” ครบรอบ 2 ทศวรรษ หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาค ภาคกลาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 โดยมีพระพิศาลสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ประธานฝ่ายสงฆ์ พระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพต พร้อมคณะสงฆ์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครบรอบ 92 พรรษา มี ผศ.ดร.ศศิธร จันทมฤก นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคกลาง (ททท.) นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ แขกผู้มีเกียรติ และพุทธศาสนิกชนนับพันคนร่วมในพิธี

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้นำผู้เข้าพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสร็จแล้วได้ร่วมกันถือผ้าสีเหลืองส้ม กว้าง 3 เมตร ยาว 399 เมตร เดินเวียนทักษิณาขึ้นห่มหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ พระนามาภิไธย ย่อ สก ด้วยความศรัทธา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการห่มผ้าหลวงปู่ทวดในช่วงกลางคืนท่ามกลางประดับตกแต่งด้วยระบบแสงสีเสียงตระการตา หลังเสร็จพิธีแล้ว พระพิศาลสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ได้แจกวัตถุมงคล เป็นหลวงปู่ทวดพิมพ์ใหญ่หลังเตารีดโบราณ ให้กับทุกคนที่มาร่วมงานได้เดินทางกลับด้วยความสวัสดิภาพ.

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

วิว เยาวภา จับมือเซ็นทรัลโคราช จัดศึกเทควันโดชิงแชมป์ยุวชน เยาวชน ภาคอีสาน หวังจุดประกายสู่ทีมชาติไทย

วิว เยาวภา จับมือเซ็นทรัลโคราช จัดศึกเทควันโดชิงแชมป์ยุวชน เยาวชน ภาคอีสาน หวังจุดประกายสู่ทีมชาติไทย

วันที่ 11 สิงหาคม 2567 “วิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิกปี 2004 ผู้อำนวยการศูนย์กีฬาเดอะเลเจ้นด์อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วม กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จัดการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์ภาคอีสาน รายการ Central Korat x View Taekwondo Championships 2024 มีทีมเทควันโดจากภาคอีสาน และทั่วประเทศมาร่วมการแข่งขัน 36 ทีม มีเด็กและเยาวชน กว่า 400 คน ร่วมแข่งขัน มีผู้ปกครอง และกองเชียร์กว่า 1,000 คน ร่วมชมการแข่งขันในครั้งนี้

โดยพิธีเปิด นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช และ นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ ประธานสโมสรเทควันโดจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยทีมงานโรงเรียนวิวเทควันโด และผู้ฝึกสอนเทควันโด ทั้ง 36 ทีม เข้าร่วมในพิธีเปิดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช จ.นครราชสีมา

ผลการแข่งขัน ทีมชนะเลิศ 3 รางวัล ได้แก่ ถ้วยรางวัลคะแนนรวมอันดับหนึ่ง สโมสรนาดีเทควันโด จ.สมุทรสาคร, ถ้วยรางวัลคะแนนรวมอันดับสอง สโมสรนางรองเทควันโด จ.นครราชสีมา และถ้วยรางวัลคะแนนรวมอันดับสาม สโมสรไทเกอร์ไทย จ.นครนายก

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มีการแข่งขันเทควันโด เป็นการส่งเสริมกีฬาให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และขอแสดงความยินดีกับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และน้องเทนนิส ที่ได้เหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโดโอลิมปิกเกมส์ จากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และหวังว่าในอนาคต เด็กและเยาวชนไทยจะไปคว้าเหรียญโอลิมปิกอีกครั้ง

น.ส.นิสา ชาภู่พวง กล่าวว่า เซ็นทรัลโคราช ยินดีต้อนรับทุกท่าน และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในจัดกิจกรรมกีฬาเทควันโดพัฒนา เด็กและเยาวชนไทย เพื่อเป็นก้าวแรก สำหรับการเป็นนักกีฬา

วิว เยาวภา กล่าวว่า ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนให้ความสนใจและฝึกกีฬาเทควันโดจำนวนมาก ทั่วประเทศมียิมเทควันโดเยอะมาก เราควรจะส่งเสริม เพราะนอกจากการฝึกซ้อมแล้ว ต้องมีการแข่งขัน เพื่อเด็กเยาวชนไทยจะได้มีประสบการณ์จากการแข่งขันมากขึ้น เพื่อการพัฒนาทักษะของตนเอง และกีฬาเทควันโดเป็นเส้นทางสู่โอกาสในชีวิตทางการศึกษาของนักกีฬาได้ ปัจจุบันมีทุนการศึกษามากมายในระดับอุดมศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชน รวมถึงการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งเป็นที่มุ่งหวังของนักกีฬาทุกคนที่จะเป็นตัวแทนชาติไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไป หรือแม้บางคนไม่ได้เป็นทีมชาติ ก็ยังมีทักษะด้านกีฬา เมื่อได้สายดำ สามารถเปลี่ยนเส้นทางจากนักกีฬาไปเป็นอาชีพผู้ฝึกสอน สร้างรายได้ให้ตนเองได้ จึงอยากเชิญชวนเด็กและเยาวชน มาฝึกกีฬาเทควันโด เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด

มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด

วันที่ 11 สิงหาคม 2567 นายบุญเกิด อรรธนิศากร ประธานมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน พร้อมด้วยคณะกรรมการ จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด (ซิโกว) ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จำนวน 3,000 ชุด ที่มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน จ.ประจวบฯ โดยนิมนต์พระจีน 5 รูป สวดถวายแด่องค์เทพเจ้า และดวงวิญญาณผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พร้อมทั้งยังนำภูเขาทอง ข้าวของเครื่องใช้ อาหารเจ มอบให้กับดวงวิญญาณต่างที่ได้เชิญมาในงาน 1,828 ดวง จากนั้นได้ร่วมกันแจกข้าวสาร อาหารแห้งให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ ที่มาเข้าคิวรอรับอย่างเนืองแน่น โดยมีหน่วยกู้ภัยสว่างหัวหินฯ ช่วยดูแลความเรียบร้อย

สำหรับประเพณีทิ้งกระจาด หรือเทกระจาด เป็นพิธีกรรมจีนอย่างหนึ่ง ที่นิยมจัดขึ้นในเทศกาลต่างๆ ของชาวจีน หรือเรียกกันว่า ซิโกว ซึ่งเป็นประเพณีที่เปิดโอกาสให้ลูกหลานได้ทำบุญใหญ่ และถึงตรงแด่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และสัมภเวสีไร้ญาติทั้งหลาย เชื่อกันว่าในเดือนเจ็ดนี้ เป็นช่วงที่ประตูนรกเปิด เพื่อให้ดวงวิญญาณทั้งที่มีญาติและไม่มีญาติได้มาเยือนโลกมนุษย์ เพื่อมาเยี่ยมลูกหลาน และเพื่อขอส่วนบุญ

นายบุญเกิด กล่าวว่า 3 ปีแล้วที่มูลนิธิสว่างฯ ไม่ได้จัดงานทิ้งกระจาด เนื่องจากสถานการณ์โควิด – 19 จึงมาจัดในปีนี้ เพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต สัมภเวสีทุกๆ ดวงวิญญาณ เหมือนกับว่าเปิดประตูนรกให้ออกมารับสิ่งของที่ได้จัดส่งมาให้ เหมือนกับมูลนิธิฯ เป็นตัวเชื่อมสะพานบุญให้ ส่วนผู้ยากไร้ก็จะได้รับข้าวสาร อาหารแห้งไป ขอขอบคุณคณะกรรมการและชาวเมืองหัวหินทุกท่านที่ได้สละสิ่งของและเงินมาช่วยเหลือสนับสนุนในครั้งนี้.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ศิษยานุศิษย์แน่น งานเททองหล่อรูปเหมือน “หลวงปู่ก้าน”

ศิษยานุศิษย์แน่น งานเททองหล่อรูปเหมือน “หลวงปู่ก้าน”

วันที่ 10 สิงหาคม 2567 พระธรรมวชิรคุณ เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีเททองหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริง พระเนกขัมมมุนี (หลวงปู่ก้าน ฐิตธัมโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชายตนบรรพต อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหัวหิน (ธ) ที่วัดราชายตนบรรพต (เขาต้นเกด) อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยพระเทพวชิรปาโมกข์ เจ้าคณะภาค 14 – 15 ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ, พระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร, พระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (มหานิกาย) เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี, พระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพต, พระปลัดไพโรจน์ วิโรจโน เจ้าอาวาสวัดราชายตนบรรพต พระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายศิรพันธ์ กมลปราโมทย์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และศิษยานุศิษย์จำนวนมากร่วมในพิธี จากนั้นจะนำรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปู่ก้าน ไปประดิษฐาน ณ ศาลาวัดราชายตนบรรพต เพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการะต่อไป

“หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม” ได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 สิริอายุ 100 ปี มีนามเดิมว่าก้าน ด้วงเด่น เกิดเมื่อวันพุธที่ 11 สิงหาคม 2463 ปีวอก อยู่ที่บ้านโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ในสกุลของพ่อเจียม – แม่กุล ด้วงเด่น ท่านเป็นคนกลางของพี่น้อง 3 คน ซึ่งชื่อเรียงกันว่า ใบ ก้าน กิ่ง และบุตรชายในครอบครัวนี้ได้อุปสมบททั้งหมด ท่านได้อุปสมบทเมื่อปี 2483 ขณะอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ โดยโยมบิดามารดาได้อุปสมบทให้ที่วัดถนนสุทธาราม จ.อ่างทอง หลังจากนั้นเพียง 4 ปี คือในปี 2487 สอบได้นักธรรมเอก ต่อมาวันที่ 24 กันยายน 2505 หลวงปู่ได้ขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2515 โดยเรียกขานอย่างเป็นทางการว่า “วัดราชายตนบรรพต” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดต้นเกด ต่อมาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยของทั้งสองพระองค์ ประดิษฐานไว้ที่หน้าบันพระอุโบสถและทรงปลูกต้นศรีตรังไว้ที่หน้าอุโบสถ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2517

หลวงปู่ก้านเป็นพระมหาเถระ ซึ่งดำรงอยู่ในวิถีแห่งพระสุปฏิปันโน ท่านเป็นรัตตัญญู ผู้ใดได้ไปกราบสักการะและฟังธรรมท่านแล้ว ล้วนซาบซึ้งใจ เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีเมตตา เป็นที่เคารพศรัทธาของลูกศิษย์ที่เป็นสงฆ์และฆราวาส หลังจากที่สร้างวัดเพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ และเป็นของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปแล้ว หลวงปู่ก้านก็ไม่เคยย้ายไปอยู่ที่วัดอื่นใดอีกเลย จนกระทั่งมรณภาพ และไม่เคยลืมเลือนด้วยความเมตตาที่มีต่อชาวหัวหิน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แก๊งมอดไม้เหิมเกริม ลอบตัดไม้ในอุทยานเสด็จในกรมฯ พบไม้แปรรูปจำนวนมาก

แก๊งมอดไม้เหิมเกริม ลอบตัดไม้ในอุทยานเสด็จในกรมฯ พบไม้แปรรูปจำนวนมาก

จากข้อสั่งการของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในการเข้มงวดลาดตระเวนพื้นที่ป่าเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิด ต่อมาวันที่ 11 สิงหาคม 2567 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายกิตติศักดิ์ สมศรี นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบฯ ขณะเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ออกลาดตระเวนเพื่อปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ภายในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง มาถึงบริเวณป่าตะบองยักษ์ ท้องที่บ้านเขาแก้ว หมู่ 6 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ พิกัดที่ 47 P 0536597 E 1240719 N พบไม้แปรรูป 3 แผ่น วางกองอยู่ จึงได้กระจายกำลังตรวจสอบ พบร่องรอยการลากไม้ไปตามเส้นทางลำลอง จึงเดินตามไปจนพบขนำลักษณะเพิ่งก่อสร้าง โดยใช้ไม้แผ่นแปรรูปเป็นส่วนประกอบ จำนวน 1 หลัง ภายในสวนยางพารา ก่อนพบชาย 1 คน ยืนอยู่และรับว่าเป็นเจ้าของขนำและเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว ตรวจสอบพบไม้แปรรูปจำนวนมาก วางกองข้างขนำ รวมทั้งสิ้น 61 แผ่น จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นยังพบมีการบุกรุกแผ้วถางขยายพื้นที่ทำกินเพื่อปลูกทุเรียน คิดเป็นพื้นที่บุกรุก จำนวน 1 – 2 – 96 ไร่

สอบปากคำชายคนดังกล่าวให้การว่าร่วมกับพรรคพวกคนหนึ่งตัดไม้และช่วยกันขนมาไว้ที่ขนำ จึงนำตัวชายคนดังกล่าวไปชี้จุดที่มีการแปรรูป มีการโค่นล้มต้นไม้นาดใหญ่ ขณะนำตัวชายคนดังกล่าวกลับมาตรวจค้นที่ขนำอาศัยความชำนาญเส้นทาง วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปได้ ตรวจดูภายในขนำพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนอัดแก๊ส) 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง 6 นัด อุปกรณ์การเสพ และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือพบหลักฐานการก่อสร้างขนำ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตรวจพบ มีภาพไม้แปรรูปขนาดใหญ่ที่มีการทำเป็นโต๊ะ ซึ่งแสดงว่าชายคนดังกล่าวมีพฤติกรรมในการแปรรูปไม้ในพื้นที่มาโดยตลอด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน และเร่งติดตามจับตัวชายคนดังกล่าวกับพวกมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.