Categories
ข่าว ทั้งหมด

ลูกเต่ากระ ฟักตัว 103 ชีวิต อัตรารอดสูง 84% หัวหน้าอุทยานฯ สั่งเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง

ลูกเต่ากระ ฟักตัว 103 ชีวิต อัตรารอดสูง 84% หัวหน้าอุทยานฯ สั่งเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง

วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบการฟักไข่ของลูกเต่ากระ รังที่ 24 บนพื้นที่เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ โดยมีลูกเต่ากระ ฟักออกมาเป็นตัวถึง 103 ตัว จากจำนวนไข่ทั้งหมด 122 ฟอง คิดเป็นอัตราการรอดตายสูงถึง 84% ซึ่งการฟักไข่ครั้งนี้ เป็นผลจากการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม ที่เดินลาดตระเวนและเฝ้าติดตามการขึ้นวางไข่ของเต่ากระ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเต่ากระรังนี้ เป็นรังที่ 24 ที่พบในฤดูกาลนี้ โดยแม่เต่าได้ขึ้นมาวางไข่ไว้ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2568 และใช้เวลาในการอนุบาลในธรรมชาติจนกระทั่งฟักตัวออกมาในที่สุด โดยลูกเต่ากระที่ฟักออกมาทั้งหมด 103 ตัวนี้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม นำไปอนุบาลต่อในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) เฝ้าระวังและเก็บข้อมูลการฟักไข่ของเต่ากระอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกเต่ากระทุกตัวจะได้รับการดูแลและมีโอกาสรอดชีวิตในธรรมชาติสูงสุด ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่อ่าวสยาม.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ติดตามสถานการณ์สับปะรด พร้อมขอความร่วมมือโรงงานช่วยรับซื้อจากเกษตรกร

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ ติดตามสถานการณ์สับปะรด พร้อมขอความร่วมมือโรงงานช่วยรับซื้อจากเกษตรกร

วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เปิดเผยถึงสถานการณ์ปริมาณผลผลิตสับปะรดและราคาการรับซื้อสับปะรดของจังหวัดประจวบฯ ภายหลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานแปรรูปสับปะรดในพื้นที่อำเภอกุยบุรี – สามร้อยยอด – ปราณบุรี โดยได้รับฟังปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะจากโรงงานแปรรูปสับปะรด และเน้นสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ในการผลิตสับปะรดคุณภาพ ลดสารไนเตรทตกค้างในผลผลิต พร้อมขอความร่วมมือโรงงานแปรรูปผลผลิตสับปะรด ในการรับซื้อผลผลิตสับปะรดจากเกษตรกร จากการติดตามสถานการณ์ในวันนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2568 ถึงแม้จะมีปริมาณผลผลิตสับปะรดของเกษตรกรในจังหวัดออกมามาก แต่จะเป็นการกระจุกตัวในช่วงระยะสั้นๆ ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมมีความพร้อมในการเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายได้ ไม่เกิดผลกระทบต่อผลผลิตและเกษตรกร.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ เดินหน้าพัฒนาพื้นที่เขตการรถไฟฯ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ประจวบฯ เดินหน้าพัฒนาพื้นที่เขตการรถไฟฯ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานประชุมคณะทำงานร่วม ระหว่าง จ.ประจวบฯ กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อการพัฒนาพื้นที่ ครั้งที่ 1 ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลนครหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน นายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกฯ หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารเทศบาล และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 อำเภอ พร้อมด้วยผู้แทนจาก รฟท. สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมประชุม เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง จ.ประจวบฯ และ รฟท.ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในการบริหารจัดการและพัฒนาพื้นที่เขตทางรถไฟและพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องในจังหวัดประจวบฯ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และการจัดการด้านสาธารณภัย

โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานพื้นที่ ที่ได้รับความร่วมมือจาก รฟท.ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณทางรถไฟ และปัจจุบันดำเนินการสำเร็จแล้ว คือโครงการปรับปรุงสระน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำข้างทางรถไฟ หมู่ 1 ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบฯ ขนาดกว้าง 14 เมตร ยาว 60 เมตร ลึก 3 เมตร เก็บน้ำได้ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนงบประมาณโดย อบต.ห้วยทราย ช่วยลดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณทางรถไฟ และสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กไว้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ส่วนอีกโครงการเป็นการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ คือโครงการกำจัดวัชพืชตะกอนดิน ร่องน้ำทศกัณฑ์ เลียบทางรถไฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณารับหลักการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับเขตของการรถไฟฯ ได้แก่ การพัฒนาสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน เพื่อเพิ่มพื้นที่หน่วงน้ำ เชื่อมต่อระบบระบายน้ำจากพื้นที่สูงเข้าสู่สนามกอล์ฟและคลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมทางรถไฟ สถานีรถไฟ พื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจในเขตเทศบาลนครหัวหิน การพัฒนาพื้นที่เขตรถไฟทางคู่ เพื่อป้องกันน้ำท่วม เพิ่มพื้นที่ระบายน้ำ และกักเก็บน้ำช่วงหน้าแล้ง พร้อมการปรับทัศนียภาพเพื่อการท่องเที่ยว การพัฒนาปรับปรุงสะพานข้ามทางรถไฟรูปตัวยู และทางขึ้นลง 32 แห่ง ซึ่ง รฟท.จะนำร่องดำเนินการปรับปรุงผิวการจราจรสะพานข้ามทางรถไฟ ถ.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบฯ เป็นแห่งแรกในวันที่ 29 ตุลาคมนี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการขอใช้ที่ดินของ รฟท.ใน ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบฯ เพื่อการพัฒนาสถานีจอดรถโดยสารประจำทางในจังหวัดประจวบฯ รวมทั้งการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน บริเวณเชื่อมต่อเขตทางรถไฟ โดยหลังจากนี้ จ.ประจวบฯ และ ร.ฟ.ท.จะมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกัน เพื่อให้การดำเนินโครงการต่างๆ เห็นผลเป็นรูปธรรม

ปัจจุบัน จ.ประจวบฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง จ.ประจวบฯ กับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อการพัฒนาพื้นที่ โดยมีที่ปรึกษาประกอบด้วย ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และผู้ว่าการรถไฟฯ มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน และมีคณะทำงานประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัด โดย รฟท.มีอำนาจหน้าที่ ได้แก่ 1. กำหนดแนวทางและรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ในเขตทางรถไฟและพื้นที่ ที่เกี่ยวเนื่องให้เป็นไปตามกฎหมายผังเมืองและนโยบายการพัฒนาของจังหวัด กำกับดูแลการจัดการของหน่วยงานให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด 2. จัดทำและเสนอแผนการดำเนินงาน หรือโครงการร่วมระหว่าง จ.ประจวบฯ และ รฟท.เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจของจังหวัด สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3. สำรวจและกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่เหมาะสมต่อการพัฒนา 4. จัดประชุม ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ พร้อมเสนอข้อปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพ อย่างน้อยไม่เกิน 6 เดือน ต่อ 1 ครั้ง 5. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาในภาพรวม 6. รายงานผลภารดำเนินงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าการรถไฟฯ เป็นระยะ 7. ก่อนการดำเนินงาน ให้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และผู้ว่าการรถไฟฯ เห็นชอบก่อนการดำเนินการ 8. ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ และผู้ว่าการรถไฟฯ.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า จากสายใยพระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่ราษฎร

ศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า จากสายใยพระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่ราษฎร

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงติดตามเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรในทุกแห่งหนทั่วประเทศ และดำเนินพระราชกรณียกิจโครงการต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์และบำรุงสุขแก่พสกนิกรของพระองค์ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า เป็นอีกหนึ่งโครงการในพระราชดำริของโครงการศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

จากเอกสาร “สืบสายใยพระเมตตา” ในการแสดงแบบเสื้อจากผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยหน้าพระที่นั่ง ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2537 ได้กล่าวถึงพระราชดำริครั้งแรกในการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมสืบเนื่องมาเป็นศิลปาชีพ ดังนี้

ประวัติความเป็นมาของศิลปาชีพ เริ่มต้นจากความสนพระราชหฤทัยอย่างจริงจังของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในอันที่จะส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมของราษฎร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนหมู่บ้านต่างๆ ขณะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักในต่างจังหวัด พระราชดำริครั้งแรกในการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรม มีขึ้นเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2508 ระหว่างประทับที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงชักชวนให้หญิงชาวบ้านหัดทอผ้าฝ้ายขาย โดยโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาครูทอผ้าจากจังหวัดราชบุรี มาช่วยสอนให้ ปรากฏว่ากิจการทอผ้าขาวม้าและผ้าซิ่นพื้นเมืองดำเนินไปด้วยดีพอสมควร ถือได้ว่าเป็นพระราชกรณียกิจแรกทางด้านการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมแก่ราษฎร ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงริเริ่มขึ้น และมีพระราชดำริให้ส่งเสริมอาชีพทอผ้าฝ้ายด้วยกี่กระตุก เนื่องจากในช่วงมรสุม ชาวประมงในหมู่บ้านจะว่างงานประกอบอาชีพไม่ได้ ในระยะแรกใช้บริเวณใต้ถุนศาลาวัดเขาเต่า ในการฝึกทอผ้า ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2509 มีราษฎรน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินประมาณ 3 ไร่เศษ จึงได้มีการสร้างศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าบ้านเขาเต่าที่ใช้ประโยชน์อยู่ในปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าบ้านเขาเต่า 4 ครั้ง โดยครั้งแรกได้พระราชทานรางวัลเหรียญทองคำให้แก่นักเรียนทอผ้าที่มีความขยัน จำนวน 13 ราย

นางณัฐากาญจน์ เอี่ยมสำอางค์ อายุ 76 ปี ประธานกลุ่มศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้เข้ามาในโรงทอผ้าเขาเต่า รู้สึกประหม่านิดหน่อย ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จมาและท่านได้ถามเราว่า “เป็นไงบ้างคะ สบายดีไหม ?” ชาวบ้านทั้ง 13 คน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลยสักคำ ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว เพราะพวกเราประหม่าและไม่กล้าพูด ไม่รู้จะใช้คำศัพท์แบบไหน พระองค์ท่านได้มาสอนพวกเราทุกอย่าง เกี่ยวกับการทอผ้า ชนิดของผ้า จะมีการยกดอก ยกดอกก็มีหลายลาย มีผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ มีตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเราได้มีโอกาสถวายพระองค์ท่าน 2 ครั้ง ที่เมืองทองธานี

ความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ท่านหาที่สุดมิได้ รักพระองค์มาก รักโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับ รักแบบชื่นชมและบูชา ทั้งสองพระองค์ ท่านเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ เป็นทั้งผู้ให้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านให้มา ทำให้ทุกคนชาวเขาเต่าได้มีอาชีพมีรายได้มาจนถึงทุกวันนี้ รู้สึกปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น จึงสั่งลูกสั่งหลานให้ทำอาชีพนี้ต่อไป ถึงแม่จะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ขอให้ทำต่อไป

นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน กล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าเขาเต่า ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 – พ.ศ. 2536 รวม 29 ปี และได้หยุดการดำเนินงานทอผ้าในปี พ.ศ. 2536 – 2545 รวม 9 ปี ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น ค่าจ้าง แรงงาน สมาชิกที่ทอผ้า และขาดการสนับสนุนต่างๆ จากหน่วยงานราชการ ทั้งภาครัฐและเอกชนด้านตลาดและอื่นๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัด (นายประสงค์ พิทูรกิจจา) นายอำเภอหัวหิน (นายนิพันธ์ ชลวิทย์) และเทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับคณะกลุ่มแม่บ้านเขาเต่าที่มีความประสงค์จะอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้าให้คงอยู่ จึงได้ร่วมกันพัฒนาปรับปรุง ซ่อมแซม ตัวอาคารสถานที่ที่ชำรุดหักพัง และเปลี่ยนหลังคาเดิมเป็นสังกะสี มาเป็นหลังคามุงกระเบื้องและทำห้องน้ำ โดยได้รับความร่วมมือจากราษฎรในพื้นที่ คณะนักศึกษาที่มาพักแรม คณะทหารจากหาดทรายใหญ่ซึ่งขณะนี้ได้รับงบประมาณจากเทศบาลเมืองหัวหินในการบูรณะต่อเติมอาคารสถานที่ในการทอผ้า อาคารแสดงสินค้า และอื่นๆ ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มทอผ้า จำนวน 25 คน ได้รับความอนุเคราะห์จากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 8 นำอาจารย์มาสอนการทอผ้ายก ดอกแบบต่างๆ อีกมากมายและทางกลุ่มได้ขึ้นทะเบียนหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ผ่านการคัดสรรในระดับจังหวัด 4 ดาว ในปี 2546 จึงได้พัฒนาฟื้นฟูการทอผ้ามาจนถึงปัจจุบันนี้.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมดูงานท่าเทียบเรือจังหวัดระนอง เชื่อมโยงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ 2 จังหวัด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมดูงานท่าเทียบเรือจังหวัดระนอง เชื่อมโยงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ 2 จังหวัด

วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วยนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล อดีตผู้ว่าประจวบฯ และเป็นนายกสมาคมส่งเสริมพัฒนาการค้า การลงทุน ประจวบฯ – มะริด นายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 และคณะ ร่วมศึกษาดูงานด้านการค้าชายแดนประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่จังหวัดระนอง และร่วมประชุมพูดคุยหารือประเด็นสถานการณ์การค้าชายแดนกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดระนอง และท่าเทียบเรือจังหวัดระนอง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโอกาสเชื่อมโยงการท่องเที่ยว การลงทุน และเป็นโมเดลให้กับจังหวัดประจวบฯ ในอนาคตที่จังหวัดระนอง

นายปรีดา สุขใจ กล่าวว่า ในช่วงเช้าได้ไปดูงานที่บริเวณท่าเทียบเรือจังหวัดระนอง ที่ดูแลโดยองค์การสะพานปลา ซึ่งมีการประมูลปลาในทุกๆ วัน ทำให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำนานาชนิดและการบริหารจัดการในการประมูล การขนถ่าย การขนส่งไปยังที่หมายปลายทาง ทั้งนี้ท่าเทียบเรือที่ดูแลโดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยจังหวัดระนอง เป็นท่าเรือที่รองรับการขนส่งจากประเทศไทยไปสู่ต่างประเทศของฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ซึ่งสามารถจะเชื่อมโยงมายังจังหวัดประจวบฯ ผ่านท่าเรือประจวบฯ ที่อำเภอบางสะพาน รวมถึงการเชื่อมต่อการขนส่งระบบราง พร้อมกันนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง ที่เชื่อมโยงการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนระหว่างไทยกับเมียนมา ว่าการปฏิบัติในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร ซึ่งต่อไปจะสามารถนำมาเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดประจวบฯ ได้ในอนาคต.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำอิหม่าม ผู้นำทางศาสนา ภาคีเครือข่ายชาวมุสลิม ร่วมพิธีมอบรางวัลทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 18 ที่ จ.ปัตตานี

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำอิหม่าม ผู้นำทางศาสนา ภาคีเครือข่ายชาวมุสลิม ร่วมพิธีมอบรางวัลทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 18 ที่ จ.ปัตตานี

วันที่ 26 ตุลาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 18 ประจำปี 2568 และมอบโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2567 ณ หอประชุม อบจ.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี

ในการนี้ พระราชทานพระวโรกาสให้นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นำคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2567 เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล โดยมีผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ร่วมพิธี สำหรับปีนี้ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2567 เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล รวมทั้งสิ้น 26 ราย แบ่งเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 6 ราย อิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น 20 ราย พร้อมกันนี้ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้นำอิหม่าม ผู้นำทางศาสนา ภาคีเครือข่ายชาวมุสลิม และตัวแทนผู้ทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานจากจังหวัดประจวบฯ เข้าร่วมในพิธีด้วย

กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำโครงการคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เพื่อเข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล มาอย่างยาวนาน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ส่งผลให้เกิดความภาคภูมิใจและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับทางราชการและประเทศชาติ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป

โอกาสนี้ กรมการปกครอง ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลทุกท่าน ขอให้ทุกท่านได้รักษาคุณงามความดีและเกียรติคุณที่ท่านได้รับครั้งนี้ไว้สืบไป เพื่อจะเป็นแบบอย่างแก่บุคคลทั่วไป และขอให้ประสบความสุขความเจริญตลอดไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เด็กสาวชวนเพื่อนเล่นน้ำตกไทรคู่ ก่อนจมน้ำเสียชีวิต

เด็กสาวชวนเพื่อนเล่นน้ำตกไทรคู่ ก่อนจมน้ำเสียชีวิต

ช่วงเย็นวันที่ 26 ตุลาคม 2568 พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน รักษาการผู้กำกับการ สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งเหตุมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตบริเวณน้ำตกไทรคู่ หมู่ 6 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.อินทร์ศร พรหมหอม พนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน รุดไปตรวจสอบ พร้อมประสานมูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน บางสะพาน และมูลนิธิรุ่งเรืองทับสะแก ส่งนักประดาน้ำเข้าช่วยค้นหา

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เป็นแอ่งน้ำขนาดกลางใต้น้ำตก พบนักท่องเที่ยวและชาวบ้านช่วยกันค้นหา กระทั่งผ่านไปประมาณ 10 นาที จึงพบศพ ด.ญ.ประภัสสร ทำนาม อายุ 15 ปี ชาว ต.ยางชุม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิตในน้ำ

นายพงศ์ธี รัชชาแย้มสวัสดิ์ อาสาสมัครมูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน บางสะพาน เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุได้เข้าค้นหาทันที ซึ่งน้ำบริเวณดังกล่าวไม่ลึกมาก จึงสามารถลงค้นหาได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ดำน้ำ และพบร่างผู้เสียชีวิตในเวลาไม่นาน

จากการสอบถาม ด.ญ.อภิญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 14 ปี เพื่อนผู้ตายที่ลงเล่นน้ำด้วยกัน เล่าว่า ทั้งคู่เดินทางมาเล่นน้ำตั้งแต่เวลาประมาณ 15.30 น. หลังเซ็นชื่อเข้าพื้นที่แล้วได้ลงเล่นน้ำด้วยกัน โดยใช้เชือกจับไว้บริเวณแอ่งน้ำ แต่ระหว่างนั้นเกิดหลุดมือ น้องประภัสสรถูกกระแสน้ำพัดจมหายไป ตนพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครอยู่ใกล้จุดนั้น

ด้านนางราตรี ศรีเมฆ มารดาของ ด.ญ.อภิญญา กล่าวว่า ลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกว่ามีเพื่อนจมน้ำขณะเล่นบริเวณน้ำตก ตนรีบเดินทางมาดู จึงทราบว่าเพื่อนของลูกเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่ นายอโนชา ลำประเสริฐ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากรมหลวงชุมพร กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมน้ำตกจำนวน 118 คน เจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่มีเพียง 2 นาย คอยอำนวยความสะดวกและตรวจตราความปลอดภัย พร้อมฝากเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวัง เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้กระแสน้ำเชี่ยวแรงกว่าปกติ หากต้องการลงเล่นน้ำควรมีอุปกรณ์ช่วยพยุงตัวเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพผู้เสียชีวิตให้โรงพยาบาลบางสะพาน ชันสูตรก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

พระกฐินพระราชทาน ณ วัดธรรมิการามฯ ปีนี้ยอดรวมกว่า 2 ล้านบาท

พระกฐินพระราชทาน ณ วัดธรรมิการามฯ ปีนี้ยอดรวมกว่า 2 ล้านบาท

วันที่ 26 ตุลาคม 2568 น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่วัดธรรมมิการามวรวิหาร หรือวัดเขาช่องกระจก อ.เมือง จ.ประจวบฯ โดยมีพระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.วรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายอิษฎา เสาวรส ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานประจวบฯ ร้อยโทสิทธิชัย ตัณฑสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพุทธศาสนิกจำนวนมากร่วมในพิธี ได้ยอดเงินทำบุญรวมทั้งสิ้น 2,498,014.75 บาท เพื่อร่วมสมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดและกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาต่อไป นับเป็นอีกกิจกรรมที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการสืบสานพระพุทธศาสนา และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่สืบไป

วัดธรรมมิการามวรวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์ ตั้งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2465 โดยพระยาดำรงธรรมสาร และคุณหญิงดำรงธรรมสาร (ใหญ่ วิเศษสิริ) ซึ่งวัดเดิมตั้งอยู่หลังเขาช่องกระจก มีเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา และได้รับหนังสืออนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2465 ในสมัยรัชกาลที่ 6 พระองค์โปรดให้พระเจ้าพี่นางเธอพระองค์เจ้าอรพินท์เพ็ญภาค วางศิลาฤกษ์พระอุโบสถแทน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานปูชนียวัตถุแก่วัด หลายสิ่ง พร้อมทั้งพระราชทานทุนทรัพย์สำหรับสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมอีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.2475 ทางวัดได้สร้างสะพานรัตนาวดีและถนนเลาะไหล่เขาช่องกระจกเข้าสู่ตัวจังหวัด โดยมีพระอุดมโยธาธิยุทธ เป็นผู้ออกแบบ ในเดือนเมษายน พ.ศ.2481 เริ่มสร้างพระอุโบสถ ซึ่งได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ตามพระราชโองการ ลงวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2466 สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2482 ในปี พ.ศ.2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดประจวบฯ ทำให้วัดได้รับความเสียหายอย่างมาก จวนจะเป็นวัดร้าง จนถึงปี พ.ศ.2493 จึงได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาและในปี พ.ศ.2496 – 2498 ก็ได้รับมอบที่ดินเพิ่มขึ้นจากราษฎร จากนั้นมาได้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์เรื่อยมา จนได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดธรรมิการามขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2503 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2544.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชาวประจวบฯ ร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพหน้าพระฉายาลักษณ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ชาวประจวบฯ ร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพหน้าพระฉายาลักษณ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันที่ 26 ตุลาคม 2568 นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและประชาชนทุกภาคส่วน ถวายน้ำสรงพระบรมศพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่โถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัด หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งให้ทุกจังหวัดจัดสถานที่ให้ประชาชนได้ร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ซึ่งทางจังหวัดได้มีการจัดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับลงนามแสดงความอาลัย พร้อมตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยผ้าขาวดำด้วยความสมพระเกียรติ

นายสุวัฒน์ อุยานนทรักษ์ หนึ่งในประชาชนที่เดินทางมาร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพฯ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีต่อปวงชนชาวไทย พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรและรับฟังปัญหาความเดือดร้อน เพื่อหาแนวทางที่จะช่วยเหลือแก้ไข โครงการพระราชดำริของพระองค์ช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น อย่างเช่น โครงการพระราชดำริศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านทำให้มีรายได้อย่างยั่งยืน

ด้าน น.ส.รัตนาวรรณ ดวงแก้ว นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ประจวบฯ กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง โครงการพระราชดำริมากมายของพระองค์ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการส่งเสริมอาชีพ ทรงเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รู้สึกดีใจที่เกิดมาเป็นคนไทยและมีแม่ของแผ่นดินที่ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี ทำให้รู้สึกว่าภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย

ส่วนที่ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ นายประทีป บริบูรณ์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ แพทย์หญิงบุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา ที่ปรึกษาสมาคมฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ คณะเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ คณะผู้บริหารเทศบาลนครหัวหิน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ และประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. โดยประชาชนทั่วไป ขอความร่วมมือให้แต่งกายชุดสุภาพไว้ทุกข์.

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

แฟนมวยแน่น ศึก LEGEND FIGHTING CHAMPIONSHIPS 2025 มวยไทยปะทะต่างชาติสู่สายตาชาวโลก

แฟนมวยแน่น ศึก LEGEND FIGHTING CHAMPIONSHIPS 2025 มวยไทยปะทะต่างชาติสู่สายตาชาวโลก

ช่วงค่ำวันที่ 25 ตุลาคม 2568 การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับเดอะเลเจ้นท์ อารีน่า และศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จัดการแข่งขันมวยไทยระดับนานาชาติ “Legend Fighting Championships (LFC) 2025 – มวยไทยสร้างชาติ”ที่เวทีมวยชั่วคราว หัวหินคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ มี “วิว เยาวภา บุรพลชัย” อดีตฮีโร่เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ เป็นโปรโมเตอร์การแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด “มวยไทยสร้างชาติ สร้างเศรษฐกิจไทย สร้างคุณค่ามวยไทยสู่เวทีโลก” ขับเคลื่อนมวยไทยเป็นพลัง Soft Power สู่เวทีระดับโลก และยกระดับนครหัวหินให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งกีฬา ศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย พร้อมดึงดูดความสนใจจากแฟนกีฬา ทั้งชาวไทยและต่างชาติผ่านสังเวียนมวยไทยรูปแบบร่วมสมัย ที่ผสานทั้งมวยไทยคาดเชือกและมวยไทยสวมนวมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว มี น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ตหัวหิน แขกผู้มีเกียรติจากแวดวงต่างๆ และแฟนมวยทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากร่วมชมส่งเสียงเชียร์อย่างคับคั่ง ก่อนเริ่มการแข่งขัน บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมกันยืนไว้อาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเวลา 1 นาที เพื่อแสดงความเคารพและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

ผลการแข่งขันทั้ง 7 คู่ มีดังนี้ Akram Ouchibi (โมร็อกโก) ชนะ เพชรสายรุ้ง ศ.เดชดำรงค์ (ไทย), Ye Yint Nung (เมียนมา) ชนะ สกัดเพชร พ.ประภัศร์ลูกพ่อโต (ไทย), Negin Afshin Shahinfar (อิหร่าน) ชนะ หงส์พิรุณ ก.ประเสริฐยิม (ไทย), นิเชาร์ ส.เพียรทอง (ไทย) ชนะ Akdahe Boujamaa (โมร็อกโก), Othmane Irhouza (โมร็อกโก) ชนะ อุดมเล็ก ณุ ปราณบุรี (ไทย), Shokhzod Zafar Ugli Azamatov (อุซเบกิสถาน) ชนะ รัชชานนท์ เอกเมืองนนท์ (ไทย), วันมีชัย ป.ศรสิงห์ (ไทย) ชนะ Younes Rhali (โมร็อกโก) รวมผลการแข่งขัน ทีมนักมวยนานาชาติชนะไปด้วยคะแนนรวม 5 ต่อ 2 คู่ คว้าถ้วยเกียรติยศ “มวยไทยสร้างชาติ” ไปครองอย่างสง่างาม

การจัดมวยเชิงศิลปะวัฒนธรรม สู่สายตาชาวโลกการแข่งขันในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแห่งศักดิ์ศรีของนักมวยไทยและต่างชาติ แต่ยังเป็นการจัดมวยไทยเชิงศิลปะวัฒนธรรม ที่สื่อถึงรากเหง้าและคุณค่าของความเป็นไทย ผ่านลีลาท่วงท่าของแม่ไม้มวยไทย ดนตรีไทยและพิธีไหว้ครูอันทรงคุณค่า ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก

“Legend Fighting Championships” ถือเป็นต้นแบบของการนำมวยไทยมาสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการท่องเที่ยว กีฬาและวัฒนธรรม ส่งเสริมอาชีพของนักมวย ครูมวย ผู้ตัดสินและบุคลากรในวงการมวยไทยให้มีรายได้และความมั่นคงในอาชีพ รวมถึงเป็นเวทีที่ผลักดันมวยไทยให้ก้าวสู่เวทีโลกในฐานะ soft powerของชาติไทยอย่างแท้จริง แฟนมวยทั่วประเทศสามารถรับชมความยิ่งใหญ่ของศึกนี้ย้อนหลังได้ทางเฟซบุ๊ก / YouTube : LFC Legend Fighting Championships.